วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 2 วิ่งเข้ากรกช! ต้องหนีให้รอด!
บทที่ 2 วิ่งเข้ากรกช! ต้องหนีให้รอด
เมื่อรู้สึกว่าท้าวเหยียบลงบนพื้นที่มั่งคง กรกชจึงได้ลืมตาขึ้นมองไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว ภาพตึกรามบ้านช่องในยุคโบราณจากหลายอารยธรรมถูกทางเกมออกแบบให้ผสานกันอย่างลงตัวสวยงาม ถนนหนทางปูเรียงต่อกันด้วยอิฐบล็อกรูปตัวหนอน ผู้คนที่เดินผ่านไปมา แต่งกายด้วยชุดนักเวท ชุดจอมยุทธ์ กระทั่งชุดในสมัยปัจจุบันเองยังมีให้พบเห็น ถือได้ว่า ระบบเสื้อผ้าของเกมนี้ออกแบบมาได้แปลกแหวกแนวอย่างแท้จริง
กรกชละสายตาจากสิ่งที่เห็นหันกลับมามองตัวเองทำให้เขาได้ทราบว่า ขณะนี้บนร่างกายของเขาถูกสวมไว้ด้วยผ้าเนื้อหยาบบางเบา บริเวณหัวกางเกงมีสายรัดผูกอยู่แทนเข็มขัด จากที่ดู นี่คงเป็นชุดสำหรับมือใหม่ที่ทางเกมมอบให้ตอนเข้ามา เพราะเห็นได้ชัดว่า ชุดแบบนี้กันการโจมตีใดๆ แทบไม่ได้เลย
กรกชสาวท้าวออกเดินอย่างไม่เร่งรีบ สายตากวาดมองนั่นนี่ด้วยความสำราญใจ โดยที่ชายหนุ่มลืมนึกไปเสียสิ้นว่าในมือของเขายังถือกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวเอาไว้อยู่ ซึ่งจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย หากกล่องในมือของกรกชไม่ใช่กล่องสุ่มไอเท็ม!
โดยปรกติแล้วกล่องสุ่มไอเท็มใช่จะหากันได้ง่ายดาย ถึงแม้ความทนทานของไอเท็มที่สุ่มได้จะไม่เลิศเลอเท่าไหร่นัก ทว่าบางครั้งกล่องสุ่มไอเท็มก็มอบสิ่งของที่มีคุณสมบัติแปลกๆ ออกมาเช่นกัน...และนี่เองคือปัญหาใหญ่
อันที่จริงแล้วหากกรกชเข้ามาเล่นตั้งแต่สองวันที่ผ่านมาคงไม่ได้กล่องสุ่มไอเท็ม หากแต่ไม่รู้จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายของกรกชกันแน่ เนื่องเพราะเมื่อวานดันเป็นวันที่เกมเปิดให้บริการครบรอบห้าปีพอดี ด้วยเหตุนี้ ทางเกมจึงมอบกล่องสุ่มไอเท็มให้แก่ผู้เล่นใหม่รวมไปถึงผู้เล่นเดิมด้วย โดยกล่องสุ่มไอเท็มนี้จะมอบให้ผู้เล่นคนละหนึ่งกล่อง ซึ่งกิจกรรมพิเศษนี้มีระยะเวลาสามวัน หากใครสมัครเข้ามาเล่นภายในวันที่กำหนด ก็จะได้ของสมนาคุณที่ว่าไปในทันที
ด้วยเหตุที่กล่องสุ่มไอเท็มได้คนละหนึ่งกล่อง ดังนั้นแล้วก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่อย่างไรเสียจะต้องมีคนอยากได้มากกว่าหนึ่งกล่องอย่างแน่นอน เพราะยิ่งมีกล่องเยอะ นั่นก็หมายถึงของที่ได้ ก็จะเยอะตามไปด้วย สำหรับเกมที่มีการต่อสู้เป็นจุดขายอย่างเกมนี้...คำว่า ‘แย่งชิง’ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นมือใหม่หรือเก่าก็ตาที!
“นี่นาย ฉันขอกล่องที่นายถืออยู่ได้หรือเปล่า?”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุจากทางด้านข้างทำให้กรกชหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปมองตามทิศที่ได้ยิน
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดจอมยุทธยื่นมือไปทางกรกช ใบหน้าของเขาแฝงเปี่ยมด้วยความดูแคลนโดยไม่คิดปิดบังแต่อย่างใด ด้านหลังของเขาไม่ไกล ยังมีพรรคพวกอีกหลายคนยืนอยู่ ซึ่งชายในกลุ่มนั้นบางคนก็กำลังเดินไป ‘ขอ’ กล่องแบบเดียวกันจากคนอื่นๆ เช่นกัน
‘...พอเห็นเป็นโลกเสมือน มันเล่นปล้นกันซึ่งหน้าเลยนี่หว่า เรื่องอะไรจะยอมวะ’ กรกชคิดในใจ พลางตีหน้าทำเป็นสับสนไม่เข้าใจอย่างแนบเนียน
“ขอกล่องในมือฉันเนี่ยเหรอ? แล้วพวกนายไม่ได้เหมือนกันหรือไง?” กรกชเอ่ยถาม ด้วยหมายถ่วงเวลาเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หาทางหลบหนี
“บ๊ะ! ฉันบอกให้ส่งมาก็เอามาเถอะน่า อย่าถามมากเสียเวลา เอากล่องมาให้ฉัน ส่วนแกจะไปไหนก็ไป!”
ชายหนุ่มตวาดอย่างคนใจร้อน ซึ่งการกระทำเช่นนั้นเรียกรอยยิ้มยินดีเกิดขึ้นในใจของกรกชได้ไม่ยาก
‘อืม...ดูท่าทางใจร้อนไม่เบา คงเล่นด้วยไม่ยาก คงต้องหาทางยั่วสักหน่อย’ ชายหนุ่มพิจารณาอีกฝ่ายขณะทำการแสดงละครไปด้วย
“โธ่พี่ชาย แต่นี่มันของฉันนะ ในเมื่อพี่ก็น่าจะได้เหมือนกัน ทำไมต้องมาขอจากฉันอีกล่ะ? เราก็ต่างได้กันคนละกล่อง แค่นี้ก็น่าจะพอไม่ใช่เหรอ?”
กรกชเอ่ยด้วยท่าทีกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด จากที่ชายหนุ่มสังเกต ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลอยู่ในเมืองนี้พอสมควร เพราะขนาดเกิดเหตุข่มขู่ชิงทรัพย์ขึ้นบนถนน ยังไม่มีใครให้ความสนใจหรือช่วยเหลือเลยแม้เพียงนิด...ไม่สิ! ต้องบอกว่า พยายามที่จะไม่รู้เห็นและค่องเกี่ยวเสียมากกว่า มิหนำซ้ำ ฝูงชนที่อยู่รอบๆ บริเวณ นอกจากคนที่ไม่โดนกักตัวไว้เหมือนเขา คนอื่นๆ ต่างพากันเดินออกห่าง ทำคล้ายว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลย...เช่นนั้นแล้ว การตะโกนขอความช่วยเหลือเพื่อเรียกคนอื่นมาช่วยจำต้องตัดทิ้งไปอย่างเสียมิได้
เมื่อโจรร้ายในคราบผู้เล่นเห็นอาการกระหวั่นที่ปิดได้ไม่มิดของชายอ่อนหัดในสายตาเขา ชายหนุ่มก็เผยยิ้มยินดี พลางนึกถึงไอเท็มที่เขาจะได้จากการเปิดกล่องอีกใบในไม่ช้านี้ อาจบางทีหากโชคเข้าข้าง อาวุธชั้นเยี่ยมมีคุณสมบัติขั้นสูงจะหล่นตกลงในมือเขาก็เป็นได้ ความคิดดังกล่าวทำให้เขาเร่งกระชากเสียงขู่ออกไปอีกรอบ
“เอากล่องที่แกถืออยู่มาให้ฉัน ส่วนแกจะไปไหนก็ไป ถ้ายังชักช้าพูดนั่นนี่อีกละก็ แกจะเจ็บตัวเสียเปล่าๆ “
‘เอาล่ะไอ้กช...ได้เวลาเสี่ยงดวงกันละทีนี้ง’ เขาค่อยๆ ขยับท่าเตรียมพร้อมเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งใส่หน้าฝั่งตรงข้าม
“แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ให้ล่ะ?” กรกชเหยียดยิ้ม “ดูจากชุดแล้วแกก็น่าจะเล่นมาก่อนฉันตั้งนาน ทำไมต้องยังมาขอของจากผู้เล่นใหม่อย่างฉันอีก หรือน้ำหน้าแบบแกไม่มีปัญญาหาเอง...อุตส่าห์เล่นก่อนฉันตั้งนาน ที่แท้แกมันก็พวกกระจอกนี่เอง” ชายหนุ่มดูถูกผู้เล่นตรงหน้าตรงๆ กระทั่งคำสุภาพที่เคยใช้เมื่อครู่ยังเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“แก!” ชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์คำรามด้วยความโกรธระคนมึนงง เนื่องเพราะเขาไม่คาดคิดว่า ผู้เล่นใหม่ท่วงท่าปวกเปียกเมื่อครู่จะกล้าพูดเช่นนี้กับตัวเอง ขนาดผู้เล่นเก่าบางคนในเมืองยังไม่กล้าแสดงอาการต่อต้านกับเขาซึ่งหน้า แต่คนที่กำลังสบประมาทเขาอยู่ตอนนี้กลับเป็นเพียงผู้เล่นไร้ฝีมือคนหนึ่ง แล้วมีหรือที่เขาจะยอม!...เป็นแค่ผู้เล่นใหม่ แต่ดันอวดเก่ง ในเมื่อหาเรื่องตาย เขาก็จะจัดให้!
ก่อนชายหนุ่มชุดจอมยุทธจะทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ใด หมัดลุ่นๆ ที่กรกชแอบเกร็งกำลังไว้ก็ซัดเปรี้ยงเข้ากลางแสกหน้าของเขาอย่างจัง จนร่างที่ปราศจากการระวังระไวนั้น ถอยหลังไปหลายก้าวใหญ่
กรกชไม่รอดูว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บจากการโจมตีของเขาหรือไม่ เมื่อได้โอกาส ชายหนุ่มก็ออกวิ่งไปตามถนนอย่างไม่ปล่อยให้เสียเวลา ท้าวทั้งคู่เร่งก้าวสลับถี่เร็ว สายลมเย็นพัดปะทะหน้าไม่ได้ช่วยให้เขาผ่อนคลายลงแต่อย่างใด ภาพประตูเมืองเริ่มปรากฏขึ้นจากที่ใกลตาช่วยเพิ่มแรงฮึดได้ไม่น้อย ฝีท้าวจึ่งเร่งเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติโดยไม่หยุดยั้ง
ตอนที่กรกชยังเป็นเด็ก มีคุณครูท่านหนึ่งเคยเอ่ยกับเขาว่า หากคนเราโกรธใครมากๆ การตัดสินใจของคนๆ นั้น จะช้าลง เมื่อครู่ชายหนุ่มก็เลยทำให้ศัตรูโมโหเพื่อจะหาโอกาสหนี โชคดีเป็นของเขา ที่อีกฝ่ายค่อนข้างใจร้อนเป็นทุนเดิม ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่เขาจะก่อกวนทำเอาฝ่ายตรงข้ามขาดสติในที่สุด
แผ่นดินใต้ท้าวเริ่มสั่นสะเทือนโดยไม่พบสาเหตุ ขณะที่กรกชตั้งข้อสงสัย พื้นอิฐเบื้องหน้าทันใดนั้นก็ยกตัวสูงขึ้นทีละน้อย ในทีแรก ความสูงนั้นเพิ่มขึ้นเพียงเข่าของชายหนุ่ม ทว่าเผลอเพียงไม่กี่วินาที กำแพงดินที่ผุดขึ้น กลับมีความสูงเกือบเท่าคอของเขา
“เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว!” กรกชอุทานขึ้นเสียงดัง พลางเลี้ยวฉีกหนีไปอีกทางหนึ่ง
“คิดเหรอ ว่าแกจะหนีเหนือหล้าผู้นี้ได้พ้น ฮ่าๆ “ ชายหนุ่มชุดจอมยุทธ์ประกาสชื่อตัวเองพลางฉีกยิ้มถือดี เขาไล่ตามกรกชไปด้วยความเร็วเหนือกว่า เมื่อเห็นกรกชคิดวิ่งหลบกำแพงดินที่เขาสร้าง เหนือหล้าก็กระแทกท้าวลงพื้นดินด้วยความรุนแรง
ครืน!
ผืนดินรอบข้างสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นอีกหลายระดับ กรกชมุ่งหน้าไปยังทิศที่ประตูเมืองตั้งอยู่อย่างไม่ประมาท ฉับพลันเพียงเสี้ยววิ เขากลับรู้สึกถึงอันตรายโดยไม่คาดฝัน กรกชรีบพุ่งกระโดดออกจากจุดที่เขาวิ่งอยู่ในทันที ขณะเดียวกันกับหอกดินผุดทะลวงขึ้นมายังจุดที่เขาเคยวิ่งอยู่อย่างหน้าหวาดเสียว เมื่อเห็นภาพนั้น กรกชถึงกับยกมือปาดเหงื่อด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“ชิ! หลบรอดได้หรือนี่ แล้วถ้าแบบนี้ละฟะ!” เหนือหล้าสบถไม่พอใจ เขาส่งพลังธาตุดินลงสู่พื้นใต้เท้า แล้วเพ่งกระแสจิตควบคุมผืนธรณีให้เป็นไปตามความต้องการ
ครืด! เปรี้ยง!
แผ่นดินสะท้านสะเทือนขนานใหญ่ ทำเอาสิ่งของรอบด้านหล่มกระจัดกระจายจากชั้นวาง พร้อมด้วยกำแพงดินผุดโผล่ขึ้นมาทั้งสี่ทิศ ล้อมกักกรกชไว้ภายในไม่ต้องบอกบุคคลที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็คงต้องคิดไปในทางเดียวกันว่า ชายที่ถูกคุกดินขังไว้ภายใน คงไม่มีทางหนีออกมาได้โดยง่ายเป็นแน่แท้
“หมอนั่นซวยจริงๆ เพิ่งเข้าเกมมา ก็ดันเจอกับเหนือหล้า ชนชั้นมือดีของกิลด์อสูรปฐพีซะได้” ชายหนุ่มในชุดจอมเวทเอ่ยขึ้นกับเพื่อนตนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน
“นั่นนะสิ เท่าที่ดู หมอนั่นยังไม่เรียนรู้พลังธาตุด้วยซ้ำ การที่จะหนีหัวซุกหัวซุมก็คงทำถูกแล้ว ไม่งั้นก็คงตาย” เพื่อนที่นั่งอยู่ก้าวอี้ฝั่งตรงข้างเอ่ยขณะจิบเครื่องดื่นในแก้วช้าๆ พลางมองภาพด้านล่างเหลาสุราไปด้วย
ระหว่างนั้น พนักงานชายเดินมาเสิร์ฟอาหารให้คนทั้งคู่ พอได้ยินบทสนทนาจึงอดพูดขึ้นไม่ได้
“แต่ชายคนนั้นก็ถือว่าโชคดีนะครับ ที่ไม่ได้รับโทษจากการตาย ธาตุก็ยังไม่มี อีกอย่าง ตายแล้วกลับมาฟื้นเลย ไม่ต้องรอเวลาเกิด”
“ก็หมอนั่นยังไม่ได้เรียนรู้พลังธาตุหรือเคร็ดวิชาอะไรเลยนี่ ระบบเว้นให้ก็ถูกแล้ว จะว่าไปเกมนี้ โทษการตายก็โหธจริงๆ เพราะตายแค่ครั้งเดียว พลังธาตุที่ฝึกฝนมาอย่างยากลำบากก็จะต้องหายไปหมด ยังดีที่เหลือเคล็ดวิชาก่อนตายไว้ให้พอได้มีวิธีฝึกเพื่อคืนความแข็งแกร่งได้บ้าง ไม่งั้นคงแย่” ชายในชุดจอมเวทย์เอ่ยขณะยื่นมือไปช่วยรับถาดอาหารจากพนักงานชายมาวางลงบนโต๊ะ
“ก็นะ” ชายที่ในมือยังถือแก้วเครื่องดื่นไม่วางเอ่ย “สมมุติว่าหมอนั่นรอดไปได้ ข่าวเรื่องนี้คงจะแพร่สะพัดรู้กันทั่วแดนกำเหนิดจอมยุทธแน่นอน”
ช่วงเวลาที่คนอื่นๆ พูดกันไปต่างๆ นานา กรกชก็กำลังอาสัยเพียงพลังจากร่างกายปีนออกจากคุกดินอยู่อย่างไม่ย่อท้อ เนื่องจากกำแพงดินที่เกิดจากพลังของศัตรูไม่ได้เรียบลื่นแต่อย่างใด หากแต่เต็มเกลื่อนด้วยรอยตะปุ่มตะปั่นที่พอใช้ท้าวเหยียบยืนหรือมือเกาะได้อยู่ ดังนั้นก่อนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาไม่ได้ไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มจำต้องรีบปีนกำแพงที่สูงราวสี่เมตรออกไปให้เร็วที่สุด
เหนือหล้าเร่งย่างก้าวเข้าใกล้คุกดินที่เขาสร้างขึ้น ในมุมมองของเขา ผู้เล่นใหม่ตรงหน้าคงจะวุ่นวายใจหาทางหลบหนีเหมือนกับสุนัขจนตรอกตัวหนึ่งอยู่เป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ เหนือหล้าจึงไม่ได้ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ว่า อีกฝ่ายจะกำลังหลบหนีเลยแม้แต่น้อย
“เป็นยังไงบ้าง แกรู้หรือยังว่าคนที่เพิ่งเล่นอย่างแก กับคนที่เล่นมานานอย่างฉันแตกต่างกันแค่ไหน?” เหนือหล้าเอ่ยเยาะหยัน “เมื่อแกรู้สถานการณ์แล้ว ก็เตรียมตัวตายซะเถอะ เพราะฉันจะค่อยๆ บีบคุกดินนี่เรื่อยๆ จนกระทั่งแกตาย และสุดท้าย กล่องสุ่มไอเท็มในมือแกก็จะตกเป็นของฉัน ฮ่าๆ! เฮ้ย...!”
“จะจริงเหรอฟะ?! “
ระหว่างเหนือหล้ากำลังพล่ามอย่างได้ใจอยู่นั่นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเขาอย่างกะทันหัน ส่งให้เหนือหล้าถึงกับผงะอย่างตกใจ
อันที่จริงแล้วจะโทษเหนือล่าก็คงไม่ได้ เนื่องด้วยปกติแล้ว เมื่อผู้เล่นเข้ามาในเกม สิ่งแรกที่ทำก็คือไปสถาบันพลังธาตุเพื่อเรียนรู้พลังธาตุ หลังจากเรียนพลังธาตุที่ตนสนใจเรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้น ก็จะเป็นการสู้กันโดยใช้พลังธาตุเป็นตัวตัดสิน หากเป็นคนอื่นซึ่งเรียนรู้พลังธาตุ การออกมาจากคุกดินก็คงไม่ยากมากนัก ยกตัวอย่าง ถ้ามีพลังธาตุลม ก็แค่เพียงใช้พลังธาตุลมลอยตัวออกจากคุกดินก็จบ หรือหากเป็นธาตุอื่นๆ ก็จะมีวิธีให้ใช้หลบหนีแตกต่างกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการนำมาประยุกต์ใช้ของแต่ละบุคคลนั่นเอง
หากทว่าตั้งแต่เข้าเกมมา กรกชก็ยังไม่ได้เรียนรู้พลังธาตุแม้เพียงนิด ดังนั้นแล้ว การที่ชายหนุ่มใช้แรงของตัวเองปีนออกจากคุกดิน จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจกล่าวได้ว่า จากวันเปิดเกมจวบจนปัจจุบัน กรกชเป็นบุคคลแรก ที่ใช้การหลบหนีโดยไม่พึ่งพาพลังธาตุเลยแม้แต่น้อย
“บ้าไปแล้ว! นี่แกปีนขึ้นไป เพื่อคิดที่จะกระโดดลงมาจากตรงนั้นงั้นเหรอ? จะยังไงแกก็ต้องเจ็บหนักอยู่ดี ฉันว่าแกไม่โง่ก็บ้าว่ะ ฮ่าๆ! “
เหนือหล้าเอ่ยขึ้นสีหน้าฉายแววดูถูกชัดเจน
“แกคิดแบบนั้นสินะ?” กรกชเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบด้าน ก่อนสายตาจะหยุดลงตรงเหนือหล้า “งั้นฉันจะพิสูจน์ให้คนอย่างแกเห็นเอง ว่าคนอย่างไอ้กรกช มันจะไม่ยอมตายเพราะคนสกปรกชอบใช้กำลังข่มเหงคนอื่นอย่างแกหรอก!”
สิ้นคำประกาศกร้าว กรกชก็กระโจนพรวดทิ้งตัวลงจากกำแพงซึ่งมีความสูงนับสี่เมตรในทันที สำหรับความคิดของใครหลายคนอาจมองว่ากำแพงสูงเพียงสี่เมตรในเกมซึ่งมีพลังพิเศษดูมีความสูงไม่เท่าไหร่ หากแต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีทักษะทางด้านนี้ แล้วยังปราศจากพลังธาตุคอยเกื้อหนุน จำต้องใช้ความเด็ดเดี่ยวสักเพียงไหน ถึงจะกล้าโดดลงจากความสูงเท่านี้ได้
ระหว่างที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศ กรกชก็พยายามตั้งสตินึกถึงข้อควรปฏิบัติเมื่อตกจากที่สูงตามที่เคยเปิดพบในเว็บไซต์ ชายหนุ่มเริ่มโดยการงอเข่าทั้งสองข้างเข้าหาตัวเล็กน้อย โดยให้เข่าด้านขวา ซึ่งเป็นข้างถนัดอยู่ต่ำกว่าด้านซ้ายพอประมาณ ชายหนุ่มยกมือทั้งคู่ขึ้นป้องส่วนศีรษะและใบหน้า ถ่วงน้ำหนักของร่างกายไปอีกทางหนึ่ง เพื่อที่จะได้พลิกตัวในท่วงท่าตะแคงลง ซึ่งเป็นการลงจากที่สูงที่ดูเหมือนจะปลอดภัยสุดในยามนี้
ร่างกรกชล่วงหล่นลงตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลกทีละน้อย จนกระแทกกับพื้นอิฐที่ใช้ปูถนน หัวไหล่ตลอดจนส่วนต่างๆ ของร่างกายรู้สึกเจ็บปวดเกินคำบรรยาย ราวกับกระดูกจะแตกแยกออกเป็นท่อนๆ กรกชฝืนความเจ็บที่สมองได้รับ ใช้แขมซ้ายข้างที่ถือกล่องสุ่มไอเท็มไม่ยอมปล่อยดันพื้นลุกขึ้นยืน ท่ามกลางสายตาของเหนือหล้าและคนอื่นๆ เขาพลันออกวิ่งผ่านจากประตูเมืองที่อยู่ไม่ไกล หายลับไปในทุ่งหญ้านอกเมือง
ถึงแม้เวลาจะเคลื่อนผ่านเกือบนาธีแล้ว หากทว่าผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ยังคงอึ้งกับภาพเมื่อครู่อยู่ไม่คลาย เสียงพูดเซ็งแซ่เริ่มลามกระจายจากอีกคนถึงอีกคนเสมือนกับเปลวไฟได้เชื้อ มีแม้กระทั่งบางคนถึงขนาดโพสต์ลงในห้องแชทของสังกัดเพื่อบอกเล่าเรื่องราววีรกรรมของผู้เล่นใหม่ไร้พลังธาตุคนหนึ่ง หากไม่ได้เห็นกับตาตนใครจะเชื่อกันเล่า ว่าคนไร้พลังจะสามารถหนีรอดจากผู้มีพลังธาตุไปได้เช่นนี้
เหนือหล้าทำได้เพียงยืนนิ่ง ในสมองยังฉายภาพที่ชายไร้พลังหลบรอดจากเงื้อมือไปได้อย่างเจ็บใจ หากเขาต้องการติดตามเพื่อสังหารก็ยังทำได้อยู่ แต่ถ้าธรรมเช่นนั้น เขาคงมิอาจมองหน้าผู้คนที่ต่างก็รู้เห็นเหตุการณ์อีกเป็นแน่ เพราะเพียงแค่ชายหนุ่มสกัดคนอ่อนแอคนหนึ่งไว้ไม่ได้ เพียงเท่านี้ก็อับอายมากพอแล้ว
“ถึงรอบนี้แกจะหนีไปได้ด้วยความประมาทศัตรูของฉัน แต่รอบหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”
เหนือหล้ารำพึงกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับไปหาพักพวกที่ยืนรออยู่ หลังจากนั้นจึงชักชวนกันกลับกิลด์ต้นสังกัด เหลือไว้เพียงละอองฝุ่น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ และถนนที่กำลังเริ่มคืนสภาพดุจเดิม
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 961
แสดงความคิดเห็น