รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 15 : เปิดโอกาสให้
“ตอนนี้เกือบจะห้าโมงแล้ว พวกเรามีที่ไหนต้องไปต่ออีกหรือเปล่าคะ” เกสรินทร์ถามขึ้นระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินมาที่รถของชวณัดฐ์ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถ
“คงไม่ต้องไปแล้วล่ะ น้าคิดว่าเลือกได้แล้วว่าจะเอาที่ไหนดี เหลือก็แต่รถ ค่อยไปดูวันหลังแล้วกัน” สร้อยสวรรค์บอกด้วยสีหน้าปกติ
“ที่ไหนหรือคะ” หญิงสาวหันมาถามด้วยความสนใจ
“ค่อยคุยกันตอนไปกินข้าวดีกว่า ยังไงก็ขอบใจหนูองุ่นมากนะที่อุตส่าห์มาช่วยเลือกทั้งวันเลย” ท้ายประโยคคนอายุมากกว่าหันมาส่งยิ้มสวยให้
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ องุ่นเต็มใจ ถือเป็นการเที่ยวดูนั่นดูนี่ไปด้วย สนุกมากทีเดียวค่ะ” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเบิกบาน
หญิงวัยกลางคนเพียงยิ้มเฉยรับคำนั้น แล้วหันไปทางลูกชายที่เอาแต่เดินไม่พูดไม่จาอะไร
“หาร้านหรู ๆ กินข้าวกันหน่อยนะตาณัดฐ์ อยากเลี้ยงตอบแทนหนูองุ่นสักหน่อย อีกอย่างฉันกับแกก็ไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนี่” เธอหันไปพูดกับชวณัดฐ์ด้วยรอยยิ้มสวย หากนั่นไม่ใช่รอยยิ้มใจดีของผู้ใหญ่ที่มอบให้คนอ่อนวัยกว่าแต่อย่างใด
ชวณัดฐ์ได้ยินคำพูด ‘ไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนี่’ ของคนมีฐานะเป็นแม่แท้ ๆ ก็ได้แต่เจ็บใจ ใช่! มันนานมากแล้ว ไม่ใช่นานเพราะแม่ของเขาต้องเข้าไปรับโทษในคุก แต่เป็นเพราะตั้งแต่แยกทางกับพ่อ และรับเขามาอยู่ด้วย เธอจะปฏิเสธไม่กินข้าวร่วมโต๊ะกับเขาทุกครั้งด้วยความเกลียดขี้หน้า พอมาถึงวันนี้ผู้หญิงคนเดิมแต่ต่างเวลา กลับพูดเหมือนอยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาตามประสาครอบครัวกับเขาเต็มประดาเสียอย่างนั้น
สร้อยสวรรค์ดูสีหน้าแววตาคนเป็นลูกออก แต่ก็ทำเป็นไม่เห็น เมื่อถึงรถก็เดินแยกมายืนรอประจำตำแหน่งประตูหลังทันที
“คุณน้าอยากเปลี่ยนมานั่งข้างหน้าบ้างไหมคะ จะได้เห็นอะไรชัดเจนกว่าอยู่ด้านหลังมากขึ้น” ศัลยแพทย์สาวที่ก้าวไปยืนอยู่ตำแหน่งประตูหน้าข้างคนขับหันมาถามอย่างเอาใจ
“ไม่ล่ะ น้านั่งด้านหลังนั่นแหละดีแล้ว”
เสียงปลดล็อกประตูรถแต่ละด้านดังขึ้น สองหญิงหนึ่งชายจึงพากันเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่ เพียงไม่นานนักแล้วรถสปอร์ตคันใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถนั้นมา
ตลอดทางจนถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง ศัลยแพทย์สาวจะเป็นคนชวนอีกสองคนที่เหลือคุยเพื่อคลายบรรยากาศภายในรถ ที่แม้แต่เธอเองยังสัมผัสได้ว่ามันอึดอัดอย่างไรพิกล
สองแม่ลูกนี้ทำให้เธอรู้สึกระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ขึ้นมาไม่น้อย และคำถามที่ว่าเพราะเหตุใดตลอดระยะเวลาที่รู้จักชวณัดฐ์มาเขาถึงไม่เคยพูดถึงแม่ของตนเองเลยสักครั้ง ก็เหมือนจะเห็นคำตอบลาง ๆ บ้างแล้ว
“ใครจะสั่งอะไรก็ตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ” สร้อยสวรรค์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ตนเองนั่งเข้าที่เรียบร้อย และไม่นานเกินรอพนักงานร้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแจกเมนูให้ทุกคน
“มีรายการอะไรแนะนำไหม” สร้อยสวรรค์ที่รับเมนูมา แต่ยังไม่ทันเปิดอ่านก็หันไปถามพนักงานสาวที่ยืนรอรับออเดอร์ก่อน
“ร้านของเราอาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ แต่ถ้าเป็นเมนูที่ลูกค้าชอบสั่งกันก็จะเป็น...” พนักงานสาวร่ายรายการอาหารสี่ห้าอย่างออกมา
“จะลองสั่งดูหน่อยไหมคะ”
“น่าสนใจนะ อย่างนั้นเอาทั้งหมดนั่นแหละ” สร้อยสวรรค์สั่ง ก่อนหันไปถามคนอื่นบ้างตามมารยาท
“ตามนั้นแหละครับ” ชวณัดฐ์ตอบอย่างเสียไม่ได้
“องุ่นก็เอาแค่นี้เหมือนกันค่ะ” เกสรินทร์ตอบอย่างรักษามารยาท หลังจากรับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว พนักงานสาวก็เดินออกไป
“คุณน้าเคยมาที่นี่หรือยังคะ” หญิงสาวเริ่มชวนคุยต่ออีกครั้ง
“เพิ่งมาครั้งแรกนี่แหละ” คนอายุมากกว่าตอบ
“ร้านนี้องุ่นมากินบ้างนาน ๆ ครั้งค่ะ อาหารเขาอร่อยจริง ๆ และเป็นร้านที่หรูระดับหนึ่งเลยทีเดียว สงสัยที่ณัดฐ์พาคุณน้ามาที่นี่ต้องอยากให้คุณน้ามีความสุขมาก ๆ แน่เลยค่ะ” หญิงสาวกล่าวอวยชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่นั่งเฉยอยู่ด้านข้าง
“ก็คงจะอย่างนั้น” สร้อยสวรรค์พูดพลางปรายสายตาคมกริบไปทางคนที่กำลังตกเป็นประเด็นกล่าวถึงอยู่ตอนนี้ แต่เขาก็ทำเฉยอย่างไม่สนใจ คนมองเห็นอย่างนั้นก็เผลอยิ้มหยันออกมา และก็ไม่คลาดไปจากสายตาของเกสรินทร์ที่นั่งจับตาดูอยู่แม้แต่น้อย
“ว่าแต่เรื่องบ้านกับคอนโดฯ ล่ะคะ เห็นคุณน้าว่าได้ที่ถูกใจแล้ว” ศัลยแพทย์สาวถามต่อ
“น้าคิดว่าจะเอาคอนโดฯ โครงการเดียวกันกับตาณัดฐ์นี่แหละ” อีกฝ่ายตอบเรียบ ๆ
“ก็ดีสิคะ อยู่ใกล้ณัดฐ์ด้วย และถ้าว่าง ๆ องุ่นจะได้เข้าไปเยี่ยมบ่อย ๆ ค่ะ”
ศัลยแพทย์สาวยังคงทำหน้าที่ชวนทุกคนคุยเหมือนเดิมระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ถึงแม้จะรู้ว่าบรรยากาศระหว่างสองชายหญิงต่างวัยจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเสีย ตั้งหน้าตั้งตาปั้นหน้ายิ้มร่าเริงเอาอกเอาใจทั้งคนที่หมายปองและว่าที่แม่ย่าไม่ให้ขาดตกบกพร่องเพียงอย่างเดียว
พอสิบห้านาทีผ่านไปพนักงานร้านก็นำอาหารสองเมนูแรกพร้อมจานกระเบื้องลายสวยและโถข้าวมาวางที่โต๊ะ
“ให้ตักข้าวให้เลยไหมคะ” พนักงานสาวถามขึ้น และเป็นหญิงวัยกลางคนเช่นเคยที่ทำหน้าที่ตอบรับแทนทุกคน
พอเริ่มกินไปได้สักหกเจ็ดคำอาหารรายการต่อไปก็ถูกยกมาวางที่โต๊ะอีกครั้ง แล้วก็ตามมาเรื่อย ๆ จนครบห้าเมนูที่สั่งไป ขณะนั้นเองคนมีอายุมากที่สุดในกลุ่มก็เอ่ยขึ้น
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ดูแลหนูองุ่นดี ๆ ล่ะตาณัดฐ์” สั่งเสร็จเธอก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างลุกเดินออกไป
ชวณัดฐ์กับเกสรินทร์ก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงนั่งรับประทานอาหารกันต่อ โดยหญิงสาวก็ชวนเขาคุยถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นระยะ ๆ
ตรืด! ตรืด!
แล้วเสียงสมาร์ทโฟนของชวณัดฐ์ก็ส่งเสียงขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูสายเรียกเข้าก็พบเบอร์คนเป็นแม่ที่ออกไปเข้าห้องน้ำได้ประมาณห้านาทีแล้วแต่ยังไม่กลับมาปรากฏต่อสายตา ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“ครับ” ศัลยแพทย์หนุ่มที่วันนี้น้อยครั้งจะได้ยินเขาพูด กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เพื่อทักทายคนปลายสาย
[ฉันกลับก่อนนะ ดูแลหนูองุ่นดี ๆ ด้วยล่ะ]
ตรู๊ดๆๆ
และยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรกลับไป สายก็ชิงตัดไปก่อนเสียดื้อ ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะณัดฐ์” เกสรินทร์เห็นสีหน้าของชายหนุ่มจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย อีกฝ่ายหันมามองหน้าก่อนตอบ
“คุณสร้อยสวรรค์โทร.มาบอกว่าจะกลับก่อนน่ะครับ”
“อ้าว!” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“ท่านบอกให้ดูแลคุณดี ๆ” เขาทวนคำสั่งสุดท้ายของผู้หญิงคนนั้นอย่างครุ่นคิด
แต่เรื่องนี้เหมือนสมองของเกสรินทร์จะทำงานไวกว่า คำพูดที่ได้คุยกันระหว่างเธอกับแม่ของชายหนุ่มในห้องทำงานคลินิกเมื่อหลายวันก่อนดังขึ้นมาทันที
“ฉันดูออกนะว่าหนูคิดยังไงกับตาณัดฐ์” แม่ของชวณัดฐ์จู่ ๆ ก็เอ่ยเข้าเรื่องนี้ หลังจากเธอบอกไปว่าชายหนุ่มกับแฟนสาวคนก่อน ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ร่วมเปิดคลินิกความงามเลิกกันไปแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็บินหนีเขาไปต่างประเทศอีก ดูเหมือนจะไปนานทีเดียว
“อย่าปฏิเสธเลย อันที่จริงฉันก็ถูกใจหนูอยู่เหมือนกัน แล้วยังไงจะช่วยอีกแรง” หญิงวัยกลางคนที่เธอเพิ่งเคยพบหน้ากล่าวต่อมา ถึงแม้ตอนนั้นจะตอบกลับไปด้วยท่าทางเกรงใจหนักหนา ทว่าในใจจริงก็ลิงโลดมากไม่น้อยเลย
นึกถึงคำพูดของว่าที่แม่สามีวันนั้นแล้วเธอก็อดที่จะยิ้มดีใจออกมาไม่ได้ ตอนนี้มีคนกำลังพยายามช่วยเธอจริง ๆ อยู่ตั้งหนึ่งคน และมีฐานะเป็นแม่โดยสายเลือดของชวณัดฐ์อีก แม้อาจดูว่าสองคนนี้จะไม่ลงรอยกันเท่าไร แต่ก็น่าจะพอมีหวังอยู่บ้าง
ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติกของร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกลนักทว่ากลับไม่มีใครสามารถสัมผัสการมีตัวตนอยู่ของเธอคนนี้ได้ เพราะเจ้าตัวจงใจปิดบังตนเองไว้ แม้แต่ชวณัดฐ์เองก็ไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ของเธอได้เช่นกัน
วิญญาณสาวไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเธอติดเขาแจ ไม่ยอมปล่อยให้เขามีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้หายไปไหนเสียทีเดียว เพียงคอยตามอยู่ห่าง ๆ อาจมีบ้างที่แวบไปดูร่าง ดูแม่ ดูตา เพราะความเป็นห่วง แต่ก็มักจะกลับมาเห็นฉากเด็ดสำคัญระหว่างเขากับศัลยแพทย์สาวคนนั้นเกือบทุกครั้งราวกับมีอะไรจงใจ
ภาพที่เกสรินทร์ป้อนน้ำขนมให้ชวณัดฐ์ระหว่างขับรถ แม้เขาจะปฏิเสธแล้ว แต่ฝ่ายนั้นก็ตื๊อจนป้อนให้เขาสำเร็จจนได้ ภาพที่เกสรินทร์สะดุดขาตัวเองล้มไปข้างหน้า ทำให้ชวณัดฐ์ต้องรีบเข้ามารับ และเป็นจังหวะที่ทั้งสองมีโอกาสนิ่งสบตากัน และไหนจะภาพที่หนึ่งชายหนุ่มหนึ่งหญิงสาวกำลังนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน คุยกันสองต่อสองในบรรยากาศที่เป็นใจอย่างนี้อีกเล่า
ทั้งน้อยใจ ทั้งหึงหวง ตีกันยุ่งไปหมด แต่ก็ได้แค่เตือนตนเองว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่ยอมฟังเลยสักนิด และวันนี้อีกเช่นกันที่เธอรู้สึกโหวงหวิวในอกอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกไม่ดีนัก ราวกับกำลังจะมีอะไรเลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอในอีกไม่นาน แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องอะไรอีกเช่นกัน
“เวลาตัดสินชีวิตเธอใกล้เข้ามาแล้ว อยากทำอะไรก็ให้รีบทำนะ” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง และทิพาธรณ์ที่มักชอบใจลอยก็ต้องสะดุ้งอีกหน ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบตัว แล้วก็ต้องไม่เห็นใครที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงได้อีกตามเคย
บางทีเธอก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมท่านผู้นั้นของเธอถึงไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นสักที หรือมีอะไรไม่ชอบมาพากลในคนคนนั้นกันแน่
“หึ ๆ อีกไม่นานหรอกเราจะได้พบกัน” เสียงปริศนาบอกต่ออย่างรู้ทันความคิดของหญิงสาว
“อีกไม่นาน? เพราะอะไรคะ” ทิพาธรณ์ถามออกไปทางกระแสจิตด้วยความสงสัยในคำพูดนั้น
“เพราะถึงเวลา” เขาตอบกลับมาเรียบ ๆ ทว่าคำตอบนี้ทำให้ขนทั้งตัวบนร่างหญิงสาวลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุ
“อยากทำอะไรก็รีบทำ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง” ท่านผู้นั้นกล่าวเตือนอีกครั้ง
“มันจะเกี่ยวกับความรู้สึกแปลก ๆ ในอกหนูตอนนี้หรือเปล่าคะ” เธอยังถามต่อ ตอนนี้สายตามองเห็นคู่หนุ่มสาวโต๊ะที่จับตาอยู่ก่อนแล้ว พากันลุกเดินออกจากที่ไปแล้ว หลังจากฝ่ายชายจ่ายเงินให้พนักงานร้านเสร็จ
“อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบันเธอกำลังประมาทต่อเวลาอยู่หรือไม่”
ทิพาธรณ์ตัดสินใจไม่ตามชวณัดฐ์ไปส่งศัลยแพทย์สาวที่บ้านแล้ว แต่กลับพาตนเองไปปรากฏยังห้องพักฟื้นพิเศษในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแทน
ขณะนี้ทั้งห้องไม่มีใครสักคน ตรงหน้าเธอมีเพียงร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับตาสีหน้าซีดเซียวเดียวดายอยู่บนเตียงคนไข้ สายยางใสเชื่อมจากถุงยังส่งผ่านน้ำเกลือเข้าสู่หลังมือบางนั้นไม่ขาดช่วง และหน้าอกสมส่วนก็คงกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออก คนนอนนิ่งบนเตียงรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน มือบางเหมือนกันยื่นออกไปแตะที่ข้อมือร่างนั้นอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกคล้ายไฟฟ้าช๊อตแล่นจู่โจมเข้าหัวใจอย่างรวดเร็วจนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่
มันเหมือน...เหมือนมีอะไรกำลังจะหายไป ยิ่งคิดได้อย่างนั้นน้ำตาก็ยิ่งไหลพราก ห้ามเท่าไรก็ไม่ยอมหยุดเสียที อะไร? อะไรมันจะเกิดขึ้นกับเธอ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เวลาอะไร? แล้วชวณัดฐ์จะช่วยเธอหรือไม่ ทำไมความรู้สึกแย่ที่วิ่งสู่ใจเมื่อกี้เหมือนจะบอกว่าจะไม่มีใครช่วยเธอ...แม้แต่เขาอย่างนั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 607
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น