รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 14 : วันเพ็ญเดือนขมุกขมัว
ก๊อกๆๆ!
เสียงที่หน้าประตูดังขึ้น ไม่ต้องเดานานว่าเป็นใคร ชวณัดฐ์ก็รู้ทันทีว่านอกจากเกสรินทร์ก็ไม่มีใครที่จะชอบมาหาเขาเวลานี้ ดังนั้นหลังจากเสียงตอบรับของเขาประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวหน้าแชล่มในชุดกาวน์ขาวสะอาดคนนั้น
ในมือสองข้างของเธอตอนนี้ถือกระทงสวยสดงดงามสองใบอยู่ กระทงอันหนึ่งทำด้วยดอกไม้สีสันสดใส ส่วนอีกอันทำด้วยใบไม้จีบเป็นกลีบพัดประดับด้วยดอกไม้สามสี่ชนิดสีสันสะดุดตา เมื่อสายตาของเธอปะทะเข้ากับใบหน้าชายหนุ่มเจ้าของห้อง รอยยิ้มหวานก็ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าสวยทันที
“สวัสดีตอนเย็นค่ะณัดฐ์ ดูสิ องุ่นเอาอะไรมาฝาก” สองขาเรียวก้าวนำกระทงมาวางบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มอย่างคุ้นเคย แล้วพูดต่ออย่างจะอวด
“ฝีมือองุ่นเองเลยนะคะ เมื่อวานไปสมาคมกับคุณแม่ เขาจัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมไทยร่วมกันทำกระทงค่ะ องุ่นก็เลยทำมาเผื่อณัดฐ์ด้วย สวยไหมคะ” ท้ายประโยคถามอย่างขอคำชมมากกว่าคำวิจารณ์ทั่วไป
ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบมองกระทงสองใบบนโต๊ะนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าว
“สวยครับ”
พอได้ยินคำชมอย่างนั้น จากที่หญิงสาวยิ้มอยู่แล้วก็ยิ่งยิ้มหน้าบานเข้าไปอีก
“ดีใจจังค่ะที่ณัดฐ์ชอบ กระทงใบนี้ของณัดฐ์นะคะ ส่วนใบนี้ขององุ่น เลิกงานแล้วแวะลอยด้วยกันสักหน่อยนะคะณัดฐ์ ไหน ๆ องุ่นก็อุตส่าห์ทำมาให้คุณแล้ว” เธอส่งยิ้มประจบให้เขา
แต่ขณะที่เขายังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธอย่างไร ทันใดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปให้ความสนใจที่ประตูก่อน
“ขออนุญาตค่ะคุณหมอณัดฐ์!” เสียงหวานขานมาจากหน้าห้อง
“ครับ” ชวณัดฐ์ขานรับออกไป ก่อนประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยนางพยาบาลสาวประจำคลินิกคนหนึ่ง ทว่าคนเข้ามาในห้องกลับมีสองคน อีกคนเป็นหญิงวัยกลางคนที่เขาไม่อยากเห็นหน้าที่สุดตอนนี้
“ฉันเอง” สร้อยสวรรค์กล่าวทักทายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“คุณผู้หญิงคนนี้บอกว่าอยากพบคุณณัดฐ์ค่ะ” นางพยาบาลสาวผายมือไปทางหญิงวัยกลางคนพลางอธิบาย
สร้อยสวรรค์กวาดสายตามองคนในห้อง เมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวหน้าตาดีอีกคนอยู่ด้วยจึงเอ่ยกับชายหนุ่ม
“อ้อ อยู่กับแฟนหรือ ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ” เธอกล่าวทักไปอย่างนั้นเอง
“พี่ฝันกลับไปทำงานต่อได้เลยครับ เดี๋ยวผมดูแลทางนี้เอง” ชวณัดฐ์หันไปบอกนางพยาบาลสาว พออีกฝ่ายพยักหน้ารับทราบแล้วก็ขอตัวกลับออกไปทำงานต่อ
“ฉันเป็นแม่ของตาณัดฐ์ หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือ” สร้อยสวรรค์หันมาแนะนำตัวกับศัลยแพทย์สาว ที่ยืนมองเธออยู่ก่อนด้วยแววตาสงสัย พอเกสรินทร์ได้ยินคนมาใหม่แนะนำตนเองอย่างนั้นก็มีสีหน้าฉงนขึ้นมาทันที
“องุ่นไม่ใช่แฟนผมครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ชวณัดฐ์แทรกขึ้นมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของคนเป็นแม่ ทั้งเกสรินทร์และสร้อยสวรรค์ได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้ามองเขาอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่ใช่แฟน?” สร้อยสวรรค์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แล้วหันหน้ากลับมาพินิจหญิงสาวท่าทางเป็นผู้รากมากดีอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่อยากเชื่อ
“ค่ะ องุ่นกับณัดฐ์เราเป็นแค่เพื่อนกัน” ท้ายประโยคเธอพูดเสียงไม่ดังนักอย่างไม่อยากจะตอกย้ำความจริงนั้น ในอกเธอกำลังพยายามข่มอารมณ์ขัดใจเอาไว้อย่างที่สุด
ด้วยความที่ผ่านคนมามาก สร้อยสวรรค์ก็ดูออกว่าในความรู้สึกของหญิงสาวต้องมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนแน่นอน หากก็ได้แต่ส่งยิ้มให้อย่างคนรู้เท่าทัน แล้วหันไปหาชวณัดฐ์
“แล้วแฟนแกล่ะ” สร้อยสวรรค์โพล่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ไม่สนใจสักนิดว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่
“ผมไม่มีแฟน” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อยขณะตอบ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มหยันจากหญิงวัยกลางคนกลับมา
“คุณมีอะไรกับผมก็พูดมาเถอะ อีกไม่นานผมก็ต้องทำงานต่อแล้ว” เขาถามเพื่อให้อีกฝ่ายรีบเข้าเรื่อง แต่ก็ได้รับยิ้มเยาะกลับมาอีกครั้ง
“ฉันมาวันนี้ก็อยากมาดูคลินิกของแกนั่นแหละ เห็นว่าร่วมหุ้นกับแพทย์สาวอีกคน แต่ไม่ใช่คนนี้นี่ อ้อ อีกอย่างเห็นว่ามีลูกเป็นศัลยแพทย์ด้านความงามทั้งทีเลยอยากมาให้ช่วยด้วย” สร้อยสวรรค์บอกจุดประสงค์ด้วยรอยยิ้ม หากไม่ใช่รอยยิ้มเป็นมิตรแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงต้องรอตามคิวสักพัก” ชวณัดฐ์บอกเสียงเรียบเฉย
“หืม?” หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วขึ้น แสร้งทำเป็นแปลกใจ
“ไม่มีการลัดคิวพิเศษให้กับคนเป็นผู้ให้กำเนิดเลยหรือ” เธอจงใจยกคำว่า ‘ผู้ให้กำเนิด’ มากดดันศัลยแพทย์หนุ่ม
“ผมทำงานตามคิว ไม่งั้นจะไม่ยุติธรรมกับคนไข้คนอื่น” ศัลยแพทย์หนุ่มไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายยกมาอ้าง เขารู้ทันว่าแม่ต้องการปั่นประสาทเขา
“เอ่อ…” เกสรินทร์ตัดสินใจเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างสองแม่ลูกชักดูไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
“เอางี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวองุ่นดูแลคุณน้าเอง วันนี้องุ่นไม่มีคิวนัดค่ะ” เธอโกหกออกไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
“ครับ” ชวณัดฐ์ตอบรับแค่นั้นแล้วไม่พูดอะไรอีก จนศัลยแพทย์สาวต้องเดินเข้าไปคุยกับแขกเอง ก่อนจะพากันออกไปคุยต่อที่ห้องทำงานของเธอยังอีกฟากหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณณัดฐ์ ฉันจะไปสังเกตการณ์แทนเองค่ะ” ทิพาธรณ์ที่ยืนเงียบฟังอยู่ในห้องนานแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยที่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป
หลังจากได้เวลาคลินิกปิดแทนที่ศัลยแพทย์หนุ่มจะได้กลับคอนโดฯ พักผ่อนเตรียมทำงานวันต่อไป เขาก็ถูกคนเป็นแม่ชวนกึ่งบังคับให้มาเป็นเพื่อนเที่ยวงานลอยกระทงด้วยกันกับศัลยแพทย์สาวอีกคน
ถนนลาดยางริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่ของจังหวัดบัดนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ถือกระทงคนละใบสองใบเดินมุ่งหน้าไปยังท่าไม้ไผ่ที่ทางการจัดไว้ให้ประชาชนสามารถปล่อยกระทงลงน้ำได้สะดวก สองฟากถนนมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายของเรียงราย ทั้งของกิน ของเล่นเด็ก ของที่ระลึก ประทัด ประทีป หรือกระทงแบบต่าง ๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย
เสียงประทัดดังตูมตามเรื่อย ๆ ไม่ขาด ประสานกับเสียงเพลงลอยกระทงจากลำโพงใหญ่ข้างทาง นักท่องเที่ยวนานาเชื้อชาติเดินคุยกันจอแจอย่างครึกครื้น สายน้ำใหญ่ระยิบระยับด้วยเปลวเทียนจากกระทงนับพันนับหมื่นกลางแม่น้ำ เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าสีหมึกสว่างโร่ด้วยแสงเหลืองนวลของดวงจันทร์กลมโต ประดับด้วยพลุไฟสีสันตระการตา
“คุณน้าเอากระทงขององุ่นไปก็ได้นะคะ เดี๋ยวองุ่นหาซื้อใหม่ตามรายทางเอาค่ะ” เกสรินทร์ที่เดินเคียงข้างเอ่ยกับแม่ของชวณัดฐ์อย่างมีน้ำใจ หากไม่ใช่เพราะหญิงวัยกลางคนเป็นบุพการีของศัลยแพทย์หนุ่มที่หมายปองแล้วล่ะก็ จ้างให้ก็คงไม่ยอมสละกระทงที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเองด้วยความบรรจงให้ใครง่ายดายแน่
“ขอบใจนะ แต่หนูไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้นี่ ลอยกับตาณัดฐ์ก็คงไม่เสียหายอะไรหรอก” สร้อยสวรรค์กล่าวอย่างรู้ใจหญิงสาว
“จะดีหรือคะ ณัดฐ์อาจจะอยากลอยคนเดียวก็ได้ค่ะ” เกสรินทร์ก็ถามด้วยท่าทางแสร้งเป็นเกรงใจ
สองหญิงต่างวัยคุยกันทำเหมือนคนที่พูดถึงไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทั้งที่เขาเดินอยู่ข้างหลังไม่ห่างเกินเมตรด้วยซ้ำ เป็นผลให้ชายหนุ่มที่รู้ทันความคิดของทั้งสองแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้
“จริงไหมตาณัดฐ์” ประโยคนี้สร้อยสวรรค์หันหลังมาถามเขาด้วยรอยยิ้มแฝงความนัยบางอย่างที่เขาไม่อยากจะเดาให้ปวดหัว
“องุ่นเอาของผมไปก็ได้ครับ ไหน ๆ คุณก็อุตส่าห์ทำด้วยตัวเองแล้ว เดี๋ยวผมหาซื้อใหม่แทนเอง”
“ณัดฐ์ไม่สะดวกลอยกับองุ่นหรือคะ ยังไงกระทงนั่นองุ่นก็ตั้งใจทำมาให้คุณลอยโดยเฉพาะนะคะ องุ่นไม่เอามาลอยเองหรอกค่ะถ้าณัดฐ์ไม่ลอยด้วยกัน” หญิงสาวพูดพลางตีหน้าเศร้าให้น่าเห็นใจ
“เสียมารยาทนะตาณัดฐ์ ลอยกับหนูองุ่นจะเป็นไรไป” สร้อยสวรรค์ทำเป็นดุใส่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้า ถ้าณัดฐ์ไม่อยากลอยกับองุ่น องุ่นก็ไม่อยากฝืนใจ เอาเป็นว่าณัดฐ์รับกระทงที่องุ่นตั้งใจทำให้ไปลอยเถอะนะคะ” ศัลยแพทย์สาวหันไปคุยกับหญิงวัยกลางคนก่อนหันกลับมาบอกคนเดินด้านหลังด้วยรอยยิ้มน่าสงสาร
ศัลยแพทย์หนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ต้องลอบถอนหายใจในใจเงียบ ๆ คนเดียวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษจึงทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใยถนัดนัก ทำได้เพียงรับคำให้เพื่อนสาวลอยกระทงอันเดียวกันกับเขาไปเท่านั้น
“อย่างนั้นเราลอยด้วยกันก็ได้ครับ” เขาจำเป็นต้องเอ่ยออกไปอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรก็ได้นะคะณัดฐ์ ถ้าณัดฐ์ไม่สะดวกใจจริง ๆ” หญิงสาวยังทำหน้าตาอย่างคนไม่อยากฝืนใจเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลอยด้วยกันนี่แหละ” เขาตัดสินใจสรุปรวบรัดเองเสียเลย ไม่ต้องให้ใครเสียเวลาบังคับหรือขอความเห็นใจอันน่าอึดอัดกับเขาอีก
“เรื่องบ้าน คอนโดฯ และก็รถที่ฉันอยากได้ ฉันคิดว่าจะให้แกพาไปดูของจริงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ฉันถามหนูองุ่นแล้วว่าแกมักจะว่างทุกวันอาทิตย์ ก็จะไปวันนั้นแหละ แกคงไม่ปฏิเสธหรอกนะ” ท้ายประโยคสร้อยสวรรค์จงใจดักคอชายหนุ่มอย่างรู้ทัน
“คุณน้าชวนองุ่นไปเลือกด้วย ณัดฐ์ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกนะคะ แค่ไปเป็นเพื่อนพวกเราก็พอค่ะ หน้าที่ช่วยคุณน้าเลือกรับรององุ่นไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน” เกสรินทร์ส่งยิ้มหวานมาอ้อนเขา ด้วยความที่ต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เขาจึงไม่มีทางเลือกใดนอกจากตอบตกลงตามนั้น
ทั้งสามคนเดินลงไปลอยกระทงที่ท่าน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาคุยตกลงเวลานัดกันอีกสักหน่อย แล้วจึงพากันเดินเที่ยวหาอะไรกินเล่นอีกพักหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก
“เฮ้อ!”
ริมระเบียงสลัวใต้ดวงจันทร์เดือนเพ็ญ เงาตะคุ่มบอบบางของใครบางคนกำลังยืนเกาะราวถอนหายใจอยู่ตามลำพังอย่างคิดไม่ตก เวลานี้ดึกมากแล้วแต่เธอยังไม่ยอมหลับยอมนอนเหมือนคนอื่น ๆ สักที ก็นั่นสินะ ตอนนี้เธอเป็นวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องหลับพักผ่อนเหมือนคนอื่น ๆ ยกเว้นชินจากตอนที่ยังคงมีร่างให้อาศัยอยู่
“เฮ้อ!” เธอพ่นลมออกปากอย่างหนักใจอีกครั้ง ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังตัดความคิดมากมายในหัวขึ้นจนร่างบางอดตกใจไม่ได้
“จะคิดให้มากทำไมเล่า เมื่อคำตอบดังอยู่ในใจเธอเสมอ” เสียงทุ้มกังวานที่อย่างไรก็หาต้นเสียงไม่เจอกล่าวกับทิพาธรณ์ในสมอง
“หนูหัวใจเกือบวายเพราะท่านหลายครั้งแล้วนะคะ” วิญญาณสาวค้อนให้เล็กน้อย
“หึ ๆ ขวัญอ่อนขนาดนั้นเลยหรือ” เสียงเดิมถามไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก ก่อนวกเข้าเรื่องที่จะพูดกับหญิงสาวอีกครั้ง
“เธอได้ยินสองคนนั้นคุยกันแล้ว และที่เธออ่านความคิดของพวกนั้นได้อีกล่ะ ควรรู้ตัวแล้วนะว่าต้องทำอะไรสักอย่างเสียที” เขาเตือนสติ
“หนูควรทำดีหรือคะ ถ้าเขารู้ว่าหนูทำไปเพราะหวังให้เขาช่วยหนูเข้าร่าง เขาจะไม่โกรธหนูทีหลังแน่หรือคะ” เรื่องนี้เองที่ทำให้ใจเธอกังวลหนัก
“แล้วเธอไม่ได้รักเขาหรือ”
คำถามนั้นทำให้วิญญาณสาวอึ้งไปทันที และคำถามต่อมาก็ยิ่งกระทบใจคนฟังเข้าไปอีก
“เธอไม่อยากให้เขารักเธอบ้างหรือ”
ทำไมเธอจะไม่อยากล่ะ แต่มันควรเป็นเพราะเขาอยากรักเธอเองไม่ใช่หรือ และการจะได้รับความรักจากใครสักคนกลับมา มันควรเริ่มต้นจากการที่เราให้ความจริงใจกับอีกฝ่าย ไม่ใช่หวังผลอะไรอย่างอื่นไม่ใช่หรือ
“หึ ๆ ๆ เธออ่อนต่อโลกนี้มากไปหน่อยนะ ไม่มีใครทำดีให้ใครโดยไม่หวังผลอะไรหรอก เอาอย่างนี้นะ ถ้าเธอทำให้เขารักได้ นอกจากเธอจะได้ครองหัวใจคนที่เธอรัก เธอก็ยังสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลตา แม่ และเขา รวมถึงทำตามความฝันมากมายของเธอที่ยังไม่ได้ทำด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายจริงไหม” คนมักคอยส่งมาแต่เสียงกับกระแสจิตพยายามอธิบายให้ทิพาธรณ์เห็นข้อดีของสิ่งที่หากเธอทำสำเร็จแล้วจะเป็นอย่างไรต่อได้บ้าง
สายลมเย็นหน้าหนาวพัดผ่านดวงจิตบอบบางแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลม เธอยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด หากคำชี้แจงของท่านผู้นั้นก็ทำให้จิตใจคล้อยตามอยู่บ้างเหมือนกัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 750
แสดงความคิดเห็น