Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 16

-A A +A

Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 16

หมวดหนังสือ: 

Chapter 16: แฮปปี้สุดๆ! วันหยุดปิดเทิมของพวกเรา

 

(วาฟเฟิลบรรยาย)

 

ช่วงนี้เป็นวันหยุดปิดเทิม พวกเราจึงได้แต่อยู่บ้านค่ะ ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่จะได้ไม่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน แต่พอหยุดมาเรื่อยๆ ก็กลับคิดถึงโรงเรียนขึ้นมาซะงั้น

 

เพราะการอยู่บ้านทำให้เราไม่ได้เจอเพื่อนๆ เลยนี่คะ นี่แหละคือข้อเสียของการปิดเทิมละ แล้วแต่ละคนก็ใช่ว่าจะมาเจอกันบ่อยๆ ได้เสียเมื่อไร บางคนก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ หรือบางคนก็อาจจะได้ไปเที่ยวกับครอบครัว ซึ่งพวกเรา นานๆ จะมีโอกาสแบบนั้นสักครั้ง

 

พูดมาเสียยาว วันนี้ฉันตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย แต่เพราะเป็นวันปิดเทิมจึงไม่ต้องรีบทำกับข้าว ฉันจัดการล้างหน้าล้างตา และเก็บที่นอน พับผ้าห่มให้เข้าที่ แล้วเดินออกจากห้องของตัวเองเพื่อมาดูว่ามีใครตื่นกันบ้างหรือยัง

 

คุณแม่บ้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับจิบกาแฟไปด้วย ส่วนพาเฟ่ต์ แฝดผู้น้องของฉันยังคงอยู่ในห้องนอน ฉันเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณแม่บ้าน นั่งอยู่สักพัก หญิงวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ในมือ ก่อนจะร้องทักขึ้น

 

“อ้าว คุณวาฟเฟิล ตื่นแล้วเหรอคะ?”

 

“ค่ะ หนูเพิ่งตื่นเมื่อกี้เอง” ฉันเอ่ยตอบ คุณแม่บ้านพยักหน้า ฉันจึงหันไปชวนคุยต่อ “คุณแม่บ้านนี่ตื่นเร็วจังเลยนะคะเนี่ย”

 

“ถ้าตื่นสาย ก็ไม่สมกับเป็นแม่บ้านสิคะ” ฉันยิ้มออกมา นึกชื่นชมในความรับผิดชอบยิ่งชีพของคุณแม่บ้านคนนี้ คุณแม่บ้านที่คอยดูแลฉันกับพาเฟ่ต์มาตั้งแต่เล็กๆ

 

ครอบครัวของเราอยู่ด้วยกันเพียง 3 คนเท่านั้น เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของฉันต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด นานๆ ครั้งจึงจะกลับมาเยี่ยมสักทีเพราะงานยุ่งมาก คุณพ่อกับคุณแม่จึงให้คุณแม่บ้านคนนี้คอยช่วยดูแลเด็กๆ อย่างพวกเรา ฉันกับคุณพ่อคุณแม่จึงได้คุยกันผ่านโทรศัพท์และทางโซเชียลเสียส่วนใหญ่ แต่ฉันก็ไม่เหงาหรอกนะคะ เพราะถึงจะไม่ค่อยได้เจอกับพ่อแม่ แต่ฉันก็ยังมีทั้งน้องสาวกับคุณแม่บ้านที่ฉันรัก และพวกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอยู่ด้วยนี่นา

 

“แล้วคุณพาเฟ่ต์ละคะ ยังไม่ออกมาอีกเหรอ?” คุณแม่บ้านถาม ฉันหันไปพยักหน้ารับเพราะตั้งแต่ตื่นมาก็ยังไม่เห็นน้องสาวโผล่หน้าออกมาจากห้องเลย

 

“น่าจะยังไม่ตื่นนะคะ หนูก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ฉันหันไปมองก็เห็นพาเฟ่ต์ในสภาพงัวเงียเดินออกมา

 

“อ้าว ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” ฉันหันไปทักน้องสาว ฝ่ายนั้นอ้าปากหาวเล็กน้อยก่อนตอบ

 

“ฮ้าววว! เมื่อกี้เอง พอลุกขึ้นได้ก็เดินมาหาพี่นี่แหละ”

 

“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะค่ะคุณพาเฟ่ต์ นี่ก็เริ่มสายแล้วนะคะ เดี๋ยวจะได้กินข้าวเช้ากันสักที” พาเฟ่ต์พยักหน้าก่อนจะหันหลังไปทางห้องน้ำ

 

พาเฟ่ต์เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ฉันจึงไปช่วยคุณแม่บ้านทำกับข้าว และด้วยความที่ชอบทำอาหารอยู่แล้ว ฉันจึงใช้อุปกรณ์ทำครัวได้อย่างคล่องแคล่ว และไม่นาน อาหารเช้าสำหรับ 3 คนก็เสร็จพร้อมรับประทาน

 

“ปิดเทิมก็ดี แต่ว่า อยู่แต่กับบ้านมันก็น่าเบื่อเกินไปหน่อยนะ… พี่ว่าพวกเราออกไปข้างนอกกันสักหน่อยดีไหม?” พาเฟ่ต์เอ่ยชวนหลังจากล้างจานเรียบร้อยแล้ว

 

“ก็ดีน้า พี่ก็เบื่อเหมือนกัน ว่าแต่ เราจะไปไหนกันดีล่ะ?”

 

“อากาศมันร้อน ไปตากแอร์ที่ห้างแถวนี้ดีไหมล่ะ?”

 

“เอาสิ ไว้ช่วงเที่ยงๆ ค่อยออกไปแล้วกันเนอะ” ฉันตกลงเรื่องเวลากับพาเฟ่ต์เสร็จสรรพ ก่อนจะกลับเข้าห้องของตนไป

 

(ซินนามอนบรรยาย)

 

กริ๊ง! กริ๊ง!

 

เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นอยู่ข้างตัว ฉันยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมากดรับสาย

 

“ฮัลโหล”

 

“ซินนามอน นี่ฉันเองนะ” เสียงสดใสที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น

 

“มาการง คิดถึงจังเลย” ฉันกรอกเสียงไปตามสายด้วยความดีใจ

 

“ฉันก็คิดถึงซินนามอนเหมือนกัน” ฉันยิ้มออกมาหลังจากได้ยินประโยคน่ารักๆ จากเพื่อนสนิท “คือว่า ช่วงเที่ยงๆ วันนี้ว่างหรือเปล่า?”

 

“ว่างจ้ะ มีอะไรเหรอ?”

 

“ฉันว่าจะชวนไปเที่ยวด้วยกันหน่อยน่ะจ้ะ ที่ห้างใกล้บ้านนี่แหละ ปิดเทิมทั้งทีไม่ได้เจอกันเลย”

 

“อ๋อ ได้เลย ฉันไปได้อยู่แล้ว ยังไงเจอกันแถวแยกหน้าบ้านมาการงดีไหมจ๊ะ?” ฉันถามความเห็นคนปลายสาย มาการงตอบตกลง ก่อนที่พวกเราจะนัดเวลาและสถานที่กันเสร็จ และฉันกดวางสายสนทนาไป

 

เมื่อใกล้ถึงเวลานัด ฉันเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่เหมาะจะใส่ไปเที่ยวในวันนี้ ยืนเลือกสักพักก็ได้ชุดที่พอใจและใส่สบายที่สุดในวันที่อากาศร้อนๆ แบบนี้ ก่อนจะเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋า ไม่ลืมล็อกประตูบ้านให้เรียบร้อยและเดินออกไปเจอเพื่อนสนิทที่จุดนัดพบ

 

ฉันหยิบหวีที่พกใส่กระเป๋ามาด้วยจัดทรงผมฟูๆ ของตัวเองที่มักจะยุ่งเสมอเมื่อมีลมพัดมาโดนหน้าให้เรียบร้อยพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนสาวผมม่วงไปด้วย ไม่นานร่างบางที่คุ้นตาก็เดินเข้ามา

 

“รอนานมั้ย!?” เสียงถามเจื้อยแจ้วดังมาก่อนเจ้าตัวจะมาหยุดอยู่ตรงหน้า

 

“ไม่เลยจ้ะ ฉันเพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง” ฉันเอ่ยตอบเพื่อนสนิท พลางมองสำรวจชุดที่เธอใส่มาวันนี้ มาการงอยู่ในชุดกระโปรงสีน้ำเงิน ซึ่งนานๆ จะเห็นใส่กระโปรงสักครั้ง ฉันมองร่างเพรียวบางนั้นอย่างไม่วางตา รู้สึกอิจฉาหุ่นบางๆ ของเธอไม่น้อย

 

“ว้าว ชุดน่ารักจังเลยนะ” ฉันเอ่ยชมเพื่อนสนิท มาการงมองอย่างประหลาดใจ

 

“จริงเหรอ? ขอบคุณน้า ฉันเพิ่งไปเจอชุดนี้ในตู้เลยเอามาใส่น่ะ นานๆ จะได้ใส่กระโปรงสักที”

 

“มาการงนี่ใส่อะไรก็ดูดีไปหมดเลยน้า ฉันไม่ค่อยชอบใส่กระโปรงเท่าไหร่น่ะ ใส่ทีไรรู้สึกแปลกๆ ทุกที” ฉันเอ่ยชม เมื่อมองเพื่อนสนิทในชุดกระโปรงแล้วทำให้เธอดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง

 

“ฉันว่าถ้าซินนามอนลองใส่กระโปรงบ้างต้องดูน่ารักมากแน่ๆ เลย ไม่ลองใส่ดูหน่อยเหรอ?”

 

“ไม่ดีกว่าน้า แค่กระโปรงนักเรียนอย่างเดียวก็เขินจะแย่อยู่แล้ว” ฉันตอบ พวกเราเดินคุยกันเรื่องเสื้อผ้าไปสักพักก็ถึงจุดหมาย

 

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นห้างขนาดใหญ่ มีทั้งลานจัดกิจกรรมต่างๆ แหล่งชอปปิง และศูนย์อาหาร ซึ่งพวกเรามาบ่อยจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ฉันกับมาการงตกลงกันว่าจะไปหาข้าวกลางวันกินกันก่อนเพราะนี่ก็เที่ยงพอดี กระเพาะของพวกเราก็เริ่มส่งเสียงประท้วงกันแล้ว

 

“วันนี้กินอะไรดีล่ะ?” มาการงถามความเห็น ฉันเดินมองดูร้านอาหารต่างๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งมองเห็นรูปอาหารบวกกับกลิ่นของกับข้าวที่ตีกันจนมั่วไปหมด ทำให้ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกร้านไหนดี

 

“มาการงอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ในที่สุดฉันก็ถามเพื่อนสนิทออกมาจนได้

 

“แถวนี้มีร้านเบอร์เกอร์เปิดใหม่ เราลองไปกินกันดูไหม?” มาการงเดินนำไปที่ร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ร้านหนึ่ง ฉันตอบตกลงเพราะรู้สึกไม่ค่อยอยากกินข้าวสักเท่าไร

 

(วาฟเฟิลบรรยาย)

 

“นี่พาเฟ่ต์ เราจะไปกินอะไรกันดี?” ฉันเอ่ยถามน้องสาวเมื่อเดินเข้ามาในตัวห้าง เมื่อมองดูเวลาก็เห็นว่าเที่ยงแล้ว

 

“อืมมม…” น้องสาวของฉันนิ่งคิดอยู่สักครู่ ก่อนดวงตาสีเขียวมรกตจะหันไปมองป้ายร้านหนึ่ง ฉันมองตามก่อนอุทานว่า

 

“แฮมเบอร์เกอร์เหรอ?”

 

“เราลองไปกินกันดูมั้ยพี่วาฟเฟิล? ฉันไม่ค่อยรู้สึกอยากกินข้าวเท่าไหร่เลย” ดวงตาของพาเฟ่ต์เป็นประกายแวววับเมื่อมองป้ายร้านและเลยไปถึงรูปเบอร์เกอร์ที่เป็นเมนูแนะนำของทางร้านด้วย

 

“ก็ดีนะ รู้สึกจะเป็นร้านเปิดใหม่ด้วย เห็นในเน็ตเขารีวิวว่าอร่อย” ฉันเห็นด้วย ก่อนที่พวกเราสองพี่น้องจะเดินเข้าไปหาที่นั่งข้างในร้านทันที

 

เมื่อเข้ามานั่งในร้านได้ พนักงานนำเมนูอาหารมาวางให้ตรงหน้า พวกเราสองคนมองเมนูอย่างพิจารณาก่อนจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่อยากกินกันคนละอย่าง

 

พนักงานจดออเดอร์เดินออกไปแล้ว พวกเรานั่งรออาหารกันไปคุยกันไป ก่อนที่สายตาของพาเฟ่ต์จะมองออกไปที่หน้าร้าน

 

“หืม…? หน้าร้านมีอะไรเหรอ?” ฉันมองตามสายตาของน้องสาวไปก็เห็นเด็กผู้หญิงสองคนกำลังเดินเข้ามาข้างในร้าน ทีแรกยังเห็นหน้าไม่ชัดว่าพวกเธอคือใครกันแน่ แต่เมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาข้างในแล้วนั่นแหละ ฉันจึงจำได้ทันที

 

“พี่จะชวนพวกนั้นมานั่งด้วยกันไหม?” พาเฟ่ต์ถามความเห็น ฉันพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และหันไปกวักมือเรียกทั้งสองคนที่กำลังเดินหาที่นั่งกันอยู่

 

“หืม…? มีใครเรียกเราอยู่น่ะ” มาการงพูดขึ้น ซินนามอนหันมองพวกเรา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเข้ามายังที่ที่พวกเรานั่งกันอยู่

 

“วาฟเฟิล พาเฟ่ต์!” เสียงของมาการงเรียกชื่อพวกเรา ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับซินนามอน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

 

“ใช่ๆ ตั้งแต่ปิดเทิมเราก็ไม่ได้เจอกันเลย คุยกันผ่านแชทอย่างเดียว” ฉันเอ่ยตอบเพื่อนผมม่วง

 

(ซินนามอนบรรยาย)

 

“พา…เฟ่ต์” ฉันเรียกชื่อเพื่อนร่วมชมรมอย่างตะกุกตะกัก รู้สึกทั้งแปลกใจทั้งตกใจไม่น้อยที่เราบังเอิญมาเจอกันที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์แบบนี้

 

“ไง” ร่างที่นั่งฝั่งตรงข้ามหันมายิ้มให้ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

 

“อะ…อื้ม นี่แหละข้อเสียของการปิดเทิมละ” ฉันหันไปยิ้มตอบก่อนจะชวนอีกฝ่ายคุยไปด้วย ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าเธอพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ฉันก็ไม่รู้จะเริ่มเรื่องยังไงเหมือนกันนี่นา คุยกันเรื่องปิดเทิมแบบนี้มันจะเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปหรือเปล่านะ…

 

“นั่นสินะ” พาเฟ่ต์พยักหน้า “แล้วนี่สั่งอะไรกันหรือยัง?” ประโยคหลังเลยไปพูดกับมาการงด้วย

 

“ยังเลย อะ! พี่พนักงานเดินมาพอดี” มาการงพูด ก่อนจะหันไปเรียกพี่พนักงานและพวกเราก็จัดการสั่งอาหารทันที

 

10 นาทีผ่านไป อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ พวกเรานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์กันด้วยความหิวโหย เมื่อเห็นอาหารอยู่ตรงหน้า น้ำย่อยก็เริ่มทำงาน มีหรือที่ใครจะอดใจไหว

 

“วันนี้น่าเสียดายจังเลยนะ” จู่ๆ มาการงก็ทำลายความเงียบขึ้น ฉันกลืนแฮมเบอร์เกอร์ลงคอก่อนถาม

 

“เสียดายอะไรเหรอ?”

 

“ถ้าคัสตาร์ดกับช็อกโกล่ามาด้วยพวกเราก็คงจะอยู่กันครบแก๊งค์เลยล่ะ” เพื่อนสาวผมม่วงตอบ ฉันเองก็ลืมนึกถึงเพื่อนทั้งสองคนนั้นไปเสียสนิท วาฟเฟิลพยักหน้าก่อนเอ่ย

 

“คัสตาร์ดไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ มาไม่ได้น่ะจ้ะ ได้ยินว่าลูกค้าเยอะด้วย”

 

“ดีจังเลยนะ” พาเฟ่ต์พูดบ้าง ฉันพยักหน้าเห็นด้วยก่อนช่วยเสริมว่า

 

“ทำงานพาร์ทไทม์ก็ดี ถือว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปด้วยในตัวเลย”

 

“จริงด้วย” มาการงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนพูดต่อ “ส่วนช็อกโกล่า ไปเที่ยวทะเลกับที่บ้านน่ะ เมื่อวานยังอัพไอจีลงรูปวิวทะเลอยู่เลย”

 

“ว้าว! เที่ยวทะเลช่วงหน้าร้อนเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เลยน้า ฉันเองก็อยากไปเหมือนกัน” วาฟเฟิลออกความเห็น พาเฟ่ต์พยักหน้า ก่อนพูดเบาๆ ว่า

 

“แต่ไม่ค่อยมีโอกาสแบบนั้นเท่าไหร่เลย”

 

คำพูดหงอยๆ นั้นทำให้ฉันหันไปมองเล็กน้อย ก่อนจะพูดปลอบเบาๆ ว่า

 

“ไม่เป็นไรน่า สักวันเธอต้องได้ไปทะเลอีกแน่นอน เชื่อฉันสิ”

 

“ฉันก็หวังแบบนั้นนะ ถ้าได้ไปดำน้ำดูปะการัง หรือโต้คลื่นคงดีพิลึก”

 

“นั่นสินะ แต่ฉันคงจะดีใจมากกว่าถ้าพวกเราได้ไปเที่ยวทะเลด้วยกันทุกคนเลยน่ะ” พูดพลางหันไปส่งยิ้มให้พาเฟ่ต์ ร่างนั้นชะงักมือที่จะหยิบเฟรนช์ฟรายด์เข้าปาก และหันมามองหน้าฉันนิ่ง ฉันชะงักไปสักครู่ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

 

ฉันมองเธอ รู้สึกสงสัยไม่น้อยกับการกระทำแปลกๆ นั่น ตั้งแต่ที่เราอยู่ชมรมเดียวกันมา ฉันรู้จักพาเฟ่ต์ในฐานะเพื่อนที่เป็นนักวอลเลย์บอลของห้องเช่นเดียวกับคัสตาร์ด คนที่ร้องสนับสนุน และร้องประสานในการแสดง และเธอมักจะยืนอยู่ข้างฉันเสมอด้วย และเหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่ค่อยกินเส้นกับโรสแมรี่เท่าไรนัก ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวเป็นประจำเมื่อเห็นสองคนนี้ทะเลาะกัน

 

และนอกจากนั้นแล้ว ฉันยังรู้อะไรเกี่ยวกับเธออีกล่ะ…?

 

ฉันรู้แค่ว่าเธอไม่อยากเป็นจุดเด่นในการแสดง คือไม่อยากเป็นเซนเตอร์หรือร้องนำแม้ว่าเจ้าตัวจะร้องเพลงได้ดีไม่น้อยกว่าพวกรุ่นพี่คนอื่นเลย ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า และค่อนข้างจะเย็นชากว่าช็อกโกล่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นอะไรที่เข้าใจยากมาก แต่ฉันก็อยากจะสนิทกับเธอให้มากกว่านี้นะคะ แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม แต่สักวันหนึ่งฉันเชื่อว่า เราจะต้องสนิทกันได้มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน

 

แต่มันต้องทำยังไง เราถึงจะสนิทกันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้บ้างนะ?...

 

“นี่ๆ กินเสร็จแล้วมีใครจะไปไหนกันต่อบ้าง?” มาการงถามหลังจากพวกเราจัดการอาหารในจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังเดินไปจ่ายเงิน

 

“พวกเราแค่มาเดินเล่นเฉยๆ น่ะ คิดว่าจะเดินดูอะไรสักหน่อยแล้วค่อยกลับ” พาเฟ่ต์ตอบ

 

“ทุกคน ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว ฉันว่าพวกเราไปกินของหวานด้วยกันดีไหมจ๊ะ?” วาฟเฟิลเสนอ ฉันคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบตกลง

 

“ได้เลย กินแค่นี้ยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่น่ะ”

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ จะกินอะไรดีระหว่างไอติมกับน้ำแข็งใส?” วาฟเฟิลถาม ฉันเข้าใจคำว่า “น้ำแข็งใส” ที่เธอกล่าวถึงเป็นอย่างดี จึงตอบไปว่า

 

“บิงซูน่ะเหรอ? ไปสิ ไปกินกันหลายคน อร่อยกว่ากินคนเดียวเยอะเลยนะ ฉันรู้จักร้านอร่อยๆ เดี๋ยวนำทางให้เอง”

 

เมื่อถึงร้านน้ำแข็งใสเกล็ดหิมะชื่อดังร้านหนึ่ง พนักงานเดินออกมาต้อนรับพวกเราพร้อมกับเดินนำไปที่โต๊ะหนึ่งซึ่งมีที่นั่งสำหรับ 4 คนพอดี

 

“วันนี้มีเมนูใหม่ด้วยล่ะ” มาการงมองเมนูที่พนักงานนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะ ก่อนจะชี้มือไปที่เมนูแนะนำซึ่งอยู่บนสุดและดูโดดเด่นที่สุด พวกเรามองตาม และมีความรู้สึกตรงกันว่าซื้อมาลองกินก็คงไม่คุ้มเพราะคงกินไม่หมดแน่ๆ จึงเลื่อนผ่านไป และเลือกเมนูที่แต่ละคนสนใจ

 

“ฉันเอาเหมือนเดิมดีกว่า” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่เมนูที่ชอบกินประจำ

 

“ช็อกโกแลตอีกแล้ว ไม่ลองกินอย่างอื่นบ้างเหรอซินนามอน ผลไม้ก็อร่อยน้า” มาการงหันไปชี้ที่บิงซูผลไม้รสต่างๆ ซึ่งฉันก็ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่ค่อยชอบกินของเปรี้ยวเท่าไรนัก เพื่อนสนิทเองก็คร้านจะต่อความ จึงหันไปเลือกเมนูของตัวเองบ้าง ซึ่งก็หนีไม่พ้นชาเขียวถั่วแดงอีกตามเคย

 

“แหม ว่าแต่ฉัน เธอก็เลือกเหมือนเดิมเหมือนกันแหละน่า” ฉันได้ทีแซวกลับไปบ้าง

 

“ว่าจะเลือกอย่างอื่น แต่ก็ยังไม่เจอเมนูน่าสนใจเลย” มาการงตอบ ฉันหันไปหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบ

 

“ฉันก็ยังไม่เจอเมนูที่สนใจเป็นพิเศษเหมือนกัน”

 

“พวกเราก็พอกันนั่นแหละนะ” มาการงพูดยิ้มๆ ก่อนจะหันไปหาสองพี่น้องวาฟเฟิลและพาเฟ่ต์ที่กำลังนั่งมองเมนูและทำตาปริบๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ฉันจึงหันไปหาพาเฟ่ต์และถามเบาๆ ว่า

 

“พาเฟ่ต์อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ช็อกโกแลตก็มี ผลไม้ก็เยอะน้า”

 

พาเฟ่ต์หันมามองฉัน ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับชี้ที่เมนูผลไม้อย่างหนึ่ง ส่วนวาฟเฟิลนั้นตัดสินใจได้แล้ว ไม่นาน พนักงานก็เดินมารับออเดอร์ ฉันจึงหันไปหาทุกคนอีกครั้ง ก็เห็นว่ามาการงกำลังดูรูปในอินสตาแกรมอย่างเพลิดเพลิน

 

“นี่ ดูสิ รูปที่ช็อกโกล่าถ่ายล่าสุดล่ะ!” น้ำเสียงของมาการงดูตื่นเต้นไม่น้อย ฉันจึงชะโงกหน้าเข้าไปมองที่หน้าจอสี่เหลี่ยมนั้น ก็เห็นภาพวิวทะเลที่สวยงามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใส และในรูปนั้น ช็อกโกล่ากำลังยืนยิ้มอย่างมีความสุข

 

“มีแคปชั่นด้วยนี่นา” วาฟเฟิลตาไวสังเกตเห็นแคปชั่นที่เขียนกำกับเอาไว้ในรูป ฉันมองตามก็เห็น…

 

If you were hear, I would be happier…

 

“พูดถึงใครหรือเปล่าน้า…” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ

 

“น่าจะเขียนลอยๆ ไม่ได้พูดถึงใครเป็นพิเศษหรือเปล่า?” พาเฟ่ต์ออกความเห็น

 

“เอ่อ มาการง เป็นอะไรหรือเปล่า?” วาฟเฟิลถามหลังจากเห็นมาการงเงียบไป และไม่ยอมละสายตาจากแคปชั่นในรูปนั้นสักที

 

“อ๊ะ! เอ่อ เปล่าๆๆ” เจ้าตัวรีบปฏิเสธ และกดออกจากอินสตาแกรมทันที พร้อมกับที่พนักงานนำบิงซูมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

 

ฉันละเลียดบิงซูในถ้วยของตัวเองช้าๆ พร้อมกับคิดถึงภาพทะเลเมื่อครู่ไปด้วย ทะเลสวยๆ แบบนั้น บวกกับแคปชั่นที่เขียนถึงใครสักคนว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันก็คงดี ถ้าเป็นช็อกโกล่ากับมาการงก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะฉันก็สังเกตถึงท่าทีที่ช็อกโกล่ามีต่อมาการงมานานพอ จนทำให้รู้แน่แล้วว่าช็อกโกล่าคิดยังไงกับเพื่อนสนิทของฉันกันแน่ แต่ปัญหามันอยู่ที่

 

มาการงยังไม่รู้หัวใจตัวเองเลยนี่สิ

 

บางที ทั้งสองคนนี้อาจจะได้ไปไหนด้วยกันบ่อยกว่าที่ฉันได้ใช้เวลาร่วมกันกับพวกเธอเสียอีกเพราะอยู่ชมรมเดียวกัน แม้หลังจากสอบปลายภาคเสร็จพวกเราจะปิดเทิมและไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่พอฉันพูดถึงช็อกโกล่าให้เธอได้ยินเมื่อไร มาการงก็ดูท่าทางมีความสุข และยิ้มออกมาทุกครั้ง

 

แบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่า “ชอบ” แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?

 

“ชอบ” เหรอ?...

 

จะว่าไป ความรู้สึกที่ฉันมีต่อพาเฟ่ต์ มันจะใช่แบบเดียวกับสองคนนั้นหรือเปล่านะ?...

 

พวกเรานั่งกินบิงซูกันไปเงียบๆ ต่างคนต่างดื่มด่ำกับรสชาติหวานหอมของนมที่นำมาปั่นจนกลายเป็นเกล็ดหิมะนุ่มละมุนลิ้น และรสชาติของท็อปปิ้งที่ใส่ลงไปเพื่อให้น้ำแข็งใสมีสีสันและรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น ฉันกินไปได้สักพัก น้ำแข็งใสก็เริ่มละลาย และพร่องลงไปมากจนใกล้จะหมดถ้วย หันไปมองคนอื่นก็เห็นทุกคนกินกันจนใกล้จะหมดแล้ว มีเพียงฉันที่เหลือเยอะกว่าเพื่อน

 

“อีกนิดเดียวน่าซินนามอน ศู้ๆ” มาการงให้กำลังใจ ฉันจัดการช็อกโกแลตที่อยู่ข้างล่างก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อไล่ความหวานให้ออกไป

 

“พาเฟ่ต์ เป็นไงบ้าง อร่อยหรือเปล่า?” ฉันหันไปถามเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม พาเฟ่ต์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนตอบ

 

“อร่อยมากเลย ฉันเพิ่งมาร้านนี้ครั้งแรก เลยยังไม่ค่อยรู้ว่ามีอะไรบ้าง” คำพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ฉันได้ยินจากเธอ ฉันยิ้มออกมา รู้สึกดีใจที่เพื่อนก็ชอบร้านนี้เหมือนกัน

 

“ฉันมากับมาการงบ่อยน่ะ ร้านนี้”

 

“ใช่จ้ะ พวกเรามากินกันบ่อยก็จริง แต่ก็ไม่เคยลองเมนูอื่นเลยนะนอกจากเมนูที่กินประจำ” มาการงเสริมพร้อมกับพยักหน้า

 

“ก็ว่าอยู่ เห็นพวกเธอสองคนคุ้นกับเมนูมากเลย ฉันนี่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรดี” วาฟเฟิลยิ้มแหย ตาก็กวาดมองเมนูไปด้วยเหมือนอยากจะหาเมนูที่น่าสนใจและลองชิมในโอกาสหน้า

 

“ครั้งหน้าลองมากินกันอีกก็ได้น้า เมนูก็ไม่ค่อยเปลี่ยนหรอกจ้ะ” ฉันพูด ก่อนจะเดินนำทุกคนออกไปจ่ายเงินที่หน้าร้าน

 

พวกเราเดินเล่นดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ เมื่อฉันก้มลงดูนาฬิกาก็เห็นว่านี่บ่ายสองโมงแล้ว

 

“ทุกคน บ่ายสองแล้วนะ เรากลับกันเลยดีไหม?” ฉันเอ่ยถาม มาการงพยักหน้า

 

“ก็ดีนะ แต่ว่า… ฉันอยากซื้อขนมปังกลับไปกินที่บ้านหน่อยน่ะจ้ะ” วาฟเฟิลหันไปทางร้านขนมปังร้านหนึ่ง

 

“งั้น ฉันเอาด้วยดีกว่า พาเฟ่ต์กับซินนามอนเอาอะไรหรือเปล่า?” มาการงถาม

 

“ไม่ล่ะ” พาเฟ่ต์ตอบสั้นๆ ส่วนฉันส่ายหน้า

 

“งั้น พวกเธอสองคนยืนรอที่หน้าร้านแล้วกันนะ หรือใครจะไปทำธุระที่ไหนก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเจอกันตรงนี้ โอเคตามนี้นะ” วาฟเฟิลกำชับพวกเรา ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านขนมปังพร้อมกับมาการง

 

ทั้งวาฟเฟิลและมาการงเดินเข้าร้านไปแล้ว เหลือฉันกับพาเฟ่ต์ยืนมองหน้ากันอยู่สองคน ฉันรู้สึกอยากจะพูดคุยกับอีกฝ่ายให้ได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี ฉันจึงพยายามสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

 

อืม… มองดูดีๆ หน้าตาของเธอก็เหมือนกับวาฟเฟิลแทบทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันเพียงบุคลิกเท่านั้น บุคลิกที่ต่างกันคนละขั้ว เพียงแค่ได้รู้จักก็สามารถแยกได้ทันทีว่าใครเป็นใคร

 

“เอ่อ คือ…” ฉันเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น พาเฟ่ต์หันมามองเล็กน้อย

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

“พาเฟ่ต์ชอบเล่นวอลเลย์เหรอ?” ฉันไม่แน่ใจว่า เมื่อถามถึงความชอบหรืองานอดิเรกที่อีกฝ่ายชอบทำแล้วเธอจะรู้สึกว่าคำถามนั้นแปลกๆ หรือเปล่านะ แต่ไม่เป็นไรหรอก รอฟังคำตอบก่อนแล้วกัน…

 

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

 

“ฉันได้ยินจากคนอื่นมาอีกทีน่ะจ้ะ เล่นกีฬาก็ดีนะ ได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย”

 

“นั่นสินะ” พาเฟ่ต์พูดเบาๆ “ฉันว่าเล่นกีฬาก็สนุกดี”

 

“ฉันไม่ค่อยชอบเล่นกีฬาเท่าไหร่เลย ชอบดูคนอื่นเล่นมากกว่าน่ะ แหะๆ” ฉันยิ้มแหยๆ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่เธอยังคุยกับฉันบ้าง ถ้ายืนอยู่ด้วยกันเงียบๆ คงอึดอัดแย่

 

“จะว่าไป ฉันรู้สึกว่า ห้องเธอก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบมาเล่นวอลเลย์ที่โรงยิมทุกเที่ยงเลยนะ” ฉันหันไปสนใจคนพูดอีกครั้ง “คนที่ตัวเล็กๆ ผมสีแดง น่าจะเป็นเพื่อนพี่วาฟเฟิลด้วย”

 

“อ๋อ คัสตาร์ดน่ะเหรอ?”

 

“อ่า… ใช่” พาเฟ่ต์พยักหน้ารับ

 

“แต่เธอก็ไม่ได้สนิทอะไรกับคัสตาร์ดไม่ใช่เหรอ ระ… หรือว่าสนิท?”

 

“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้สนิทอะไรกับคัสตาร์ดขนาดนั้น แค่เล่นกีฬาด้วยกันบ่อยเลยจำได้น่ะ”

 

“แล้วคัสตาร์ดตอนเล่นวอลเลย์เป็นยังไงบ้างเหรอ?”

 

“รายนั้นน่ะป๊อปมาก เล่นเก่งกว่าฉันหลายเท่า พวกรุ่นพี่แย่งตัวกันให้เข้าทีมด้วยบ่อยๆ จนฉันเทียบไม่ติดเลย”

 

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ?” ฉันถาม “แต่พาเฟ่ต์ก็มีทีมที่เล่นด้วยกันประจำไม่ใช่เหรอ? แค่นี้ก็ดีแล้วนี่นา ไม่จำเป็นต้องไปเทียบอะไรกับคนอื่นหรอก ถ้าเป็นฉันนะ เล่นกับคนที่เรารู้จักดีกว่าไปเล่นกับทีมอื่นเป็นไหนๆ แถมยังรู้สึกอุ่นใจกว่าด้วยน้า”

 

“นั่นสินะ” ร่างนั้นหันมายิ้มให้ “ที่เธอพูดมาก็ถูก”

 

“แต่ พาเฟ่ต์ก็เก่งกีฬา ทำไมไม่เข้าชมรมที่เกี่ยวกับกีฬาเหรอ ทำไมถึงเลือกเข้าชมรมคอรัชล่ะ?” ฉันอยากจะกัดริมฝีปากตัวเอง เพราะคำถามที่สงสัยมานานดันหลุดออกมาซะได้ ทั้งที่มันเป็นคำถามที่ไม่ควรถามเอาเสียเลย “ขอโทษนะ ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องตอบก็ได้”

 

“ไม่หรอก ฉันแค่อยากพิสูจน์ตัวเอง” พาเฟ่ตอบ ก่อนจะขยายความต่อว่า “ว่าตัวฉัน จริงๆ แล้วเก่งอะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่า ทั้งร้องเพลง หรือเล่นกีฬา ฉันทำมันได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดสักอย่าง”

 

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่” ฉันพูดขัด “ความจริง ทำอะไรได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ ก็ดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ฉันเองก็ยอมรับว่าตัวเองไม่เก่งกีฬา เรียนก็พอได้แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ที่ฉันเลือกเข้าชมรมคอรัช ก็เพราะว่าฉันชอบร้องเพลง และเริ่มมีใจรักมันมากขึ้นเมื่อได้ยืนอยู่แถวหน้าในการแสดงเปิดงานวาดรูปเมื่อเทิมที่แล้ว นั่นน่ะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยืนอยู่แถวหน้าเลยนะ”

 

“เธอ… เคยอยู่ชมรมนี้มาก่อนหรือเปล่า?”

 

“รู้ด้วยเหรอ? ใช่จ้ะ เมื่อปีที่แล้วฉันก็อยู่ชมรมนี้ แต่เวลาแสดงก็ยืนอยู่ข้างหลังตลอด ไม่ได้มาอยู่ข้างหน้าเหมือนครั้งนี้หรอก”

 

“นั่นสินะ บางที ฉันก็คงเหมือนเธอ” พาเฟ่ต์พูด ฉันเอียงคอสงสัย เพื่อนผมเขียวจึงตอบว่า

 

“เหมือนตรงที่ ไม่ได้เก่งหรือโดดเด่นในเรื่องไหนเป็นพิเศษ แต่ถ้าเราเต็มที่ในทุกสิ่งที่ทำ สักวัน ฉันเชื่อว่า ความพยายามทั้งหมดที่ทุ่มเทไป…”

 

“ต้องส่งผลดีกับเราสักวันแน่นอน” ฉันพูดต่อ

 

“ใช่ ความพยายามไม่เคยทำร้ายใครหรอก แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะต้องเหนื่อยหน่อยก็ตามที”

 

“นั่นสินะ เอ… เราคุยเรื่องวอลเลย์กันอยู่ดีๆ ทำไมกลายมาเป็นเรื่องนี้ได้ละเนี่ย?” ฉันพูดยิ้มๆ และหลังจากนั้น พวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

 

“ว่าแต่ เทิมหน้า พาเฟ่ต์ยังจะขึ้นไปเล่นวอลเลย์ที่โรงยิมอยู่หรือเปล่า?”

 

“วอลเลย์คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่โรงเรียนของฉันไปแล้วล่ะ”

 

“แสดงว่าขึ้นไปเล่นทุกวันจนชินแล้วละมั้ง” ฉันยังคงพูดเรื่อยๆ ก่อนจะคิดอะไรออกมาได้ จึงเอ่ยถามเธอว่า “ถ้าฉันจะขอขึ้นไปดูเธอเล่นที่โรงยิมบ้าง จะเป็นอะไรไหม?”

 

“ตามใจเถอะ ฉันไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ดีไม่ดี เธออาจจะติดใจลีลาการเล่นของพวกรุ่นพี่ หรือเพื่อนที่เก่งๆ สักคนเข้าก็ได้”

 

“เดี๋ยวต้องลองขึ้นไปดูหน่อยแล้ว กว่าจะเปิดเทิมก็อีกตั้ง 2 อาทิตย์ ชักอยากให้เปิดเร็วๆ แล้วสิ” ฉันพูด รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อนึกถึงเทิมใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

 

“ฉันยังไม่อยากให้เปิดเลย รู้สึกยังนอนได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่” พาเฟ่ต์พูด สีหน้าของเธอยังคงนิ่งตามเคย

 

“เอาน่าๆ ยังพอมีเวลาพักอยู่น้า”

 

พวกเรายืนคุยกันสักพัก ทั้งวาฟเฟิลและมาการงก็เดินออกมาจากร้าน ฉันและวาฟเฟิลยืนถ่ายรูปและคุยกันอีกสักพักจึงตัดสินใจเดินกลับบ้าน และฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้

 

“พาเฟ่ต์ ฉันขอ Contact ไว้หน่อยได้หรือเปล่า ตั้งแต่เราอยู่ชมรมเดียวกันมายังไม่มีช่องทางติดต่อกันเลย”

 

ไม่รู้ว่าฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะตั้งแต่รู้จักกับพาเฟ่ต์และโรสแมรี่ที่ชมรม ฉันมีช่องทางติดต่อของโรสแมรี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเพื่อนผมเขียวแสนเย็นชาผู้นี้ ฉันเห็นว่าเป็นฝาแฝดของวาฟเฟิลจึงไม่ได้คิดจะขอช่องทางติดต่อของเธอเอาไว้เลยสักช่องทางเดียว

 

“ดะ… ได้สิ” พาเฟ่ต์ไม่ปฏิเสธ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้าจอ Line ค้างเอาไว้ส่งให้ฉัน ฉันจัดการเพิ่มเธอเป็นเพื่อนอย่างรวดเร็ว รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้รู้จักกับเพื่อนคนนี้มากขึ้นอีกนิด

 

“มีอะไรก็ทักฉันมาได้นะ”

 

“ได้เลยจ้ะ ขอบคุณมากเลยน้า” ฉันกล่าวเมื่อเห็นว่าเธอเองก็เพิ่มฉันเป็นเพื่อนแล้วเหมือนกัน

 

หลังจากกลับถึงบ้าน ฉันเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว เปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดอยู่บ้าน และล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อคว้าโทรศัพท์ได้ก็กดเข้าไปในหน้าจอแชทของเพื่อนใหม่ที่ว่างเปล่า ก่อนจะส่งสติกเกอร์ไปทักทาย

 

วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกมีความสุขมากวันหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้ไปเที่ยวกับมาการงแล้ว ยังได้เจอทั้งวาฟเฟิลและพาเฟ่ต์โดยบังเอิญ ทำให้การไปเที่ยวเล่นในวันนี้ไม่เหงาอีกต่อไปเพราะยังได้พูดคุยกับเพื่อนที่รู้จักกัน แม้ตอนอยู่ที่โรงเรียนเราจะไม่ได้พูดคุยกันบ่อยนัก พอได้มาเจอกันนอกสถานที่ทำให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด ได้ช่องทางติดต่อสื่อสารกันเพิ่มอีกด้วย

 

ฉันคิดว่า เพื่อนบางคน เราอาจไม่ได้สนิทกับเขาตั้งแต่แรกที่เจอหน้า แต่เมื่อรู้จักกันนานๆ เข้า ในวันหนึ่ง เราอาจจะคุยกันจนสามารถสนิทกันได้มากขึ้นโดยที่เราเองอาจจะไม่รู้ตัวก็เป็นได้

 

(ติดตามตอนต่อไป)

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.