บทที่ 216 รับสมาชิกเพิ่ม
บทที่ 216 รับสมาชิกเพิ่ม
“ในเมื่อทุกคนดีใจกันขนาดนี้ ฉันก็ขอแจ้งเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน ต่อไปพวกฮั่นอิ่งทุ่มเทพัฒนาตัวเองในเกมอย่างจริงจังได้เลย พ่อไม่คิดที่จะให้ลูก ๆ ไปเป็นทหารรับจ้างอีกแล้ว” ฮั่นจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอพ่อ?!” ฮั่นเฟยดีใจจนกระโดดโลดเต้น ขณะที่ฮั่นอวี่กับฮั่นอิ่งก็กำลังตื่นเต้นกับข่าวใหม่ด้วยเช่นกัน
“เกมนี้ทำเงินได้เยอะมาก พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเสี่ยงอันตรายไปเป็นทหารรับจ้างอีกต่อไปแล้ว” ฮั่นจงกล่าว
ฮั่นจงมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ เพราะลู่หยางให้หุ้นอาจารย์คนนี้ถึง 10% ในเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาเขาจึงทำเงินจากเกมไปได้มากกว่า 200,000 เครดิต ซึ่งมันเป็นเงินมากกว่าช่วงที่เขาเป็นทหารรับจ้างเป็นเวลา 1 ปีเสียอีก
“ขอบคุณครับอาจารย์ ผมจะไม่ให้คุณเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้” ลู่หยางกล่าว
“เย้! ในที่สุดก็ไม่ต้องฝึกร่างกายแล้ว” ฮั่นเฟยกล่าวอย่างดีใจ
ฮั่นจงส่งเสียงกระแอมขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“การออกกำลังกายยังคงจำเป็นอยู่ ถึงแม้มันจะลดปริมาณลงไปได้แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะต้องหยุดออกกำลังกายไปเลย”
ฮั่นเฟยทำได้เพียงแต่เบ้ริมฝีปาก ก่อนที่จะกลับไปนั่งลงกับที่โดยมีคนอื่น ๆ หัวเราะให้กับท่าทางของเด็กหนุ่ม
“อาจารย์พูดถูกแล้ว การออกกำลังกายเป็นเรื่องจำเป็น พวกนายอยากได้แหวนแห่งความฝันเหมือนกับพี่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าพวกนายเคลื่อนไหวได้ไม่ชำนาญแล้วพวกนายจะไปท้าทายภารกิจจากราชาตัวตลกได้ยังไง” ลู่หยางกล่าว
“พี่จะพาพวกเราไปท้าทายภารกิจของราชาตัวตลกเหรอครับ?” ฮั่นเฟยถาม
“ช่วงนี้พวกนายแข็งแกร่งมากพอที่จะท้าทายภารกิจของราชาตัวตลกได้แล้ว อีกไม่กี่วันหลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องการรับคนเสร็จ พี่จะพาทุกคนไปทำภารกิจเอง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เยี่ยมไปเลย!” ทุกคนพูดพร้อมกัน
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ไปจัดการเรื่องการรับคนก่อน เดี๋ยวฉันจะไปสั่งเตียงกับของใช้สำหรับสมาชิกใหม่” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ/ค่ะ”
—
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากออกกำลังกายกันจนเสร็จ ลู่หยางก็พาเสี่ยวเหลียง, ฮั่นเฟยและฮั่นอวี่ไปที่สลัม
ในฐานะที่เขาเติบโตขึ้นมาจากสลัม สมาชิกในกิลด์ชาติก่อนของเขาจึงประกอบไปด้วยสมาชิกในสลัมด้วยเช่นกัน และในวันที่เขาต้องเผชิญกับความยากลำบาก พี่น้องเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อเขามากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของลู่หยางหลาย ๆ คนก็เติบโตขึ้นมาจากสถานที่แห่งนี้ เขาจึงเดินไปตามบ้านของเพื่อนบ้านเก่า ๆ ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นาน เขาก็ชักชวนเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 16 ปีได้ 50 คน
เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็ไม่ได้เรียนหนังสือและไม่ได้ทำงาน ลู่หยางจึงแจกหมวกเกมให้พวกเขาคนละใบก่อนที่จะชักชวนให้พวกเขามาพักที่สตูดิโอ
ไม่นานหลู่จ้าวหยู่กับเฉินเฟิงก็กลับมาด้วยเช่นกัน และเมื่อสตูดิโอมีคนเพิ่มขึ้นมาอีก 100 คน มันจึงทำให้บ้านหลังนี้คึกคักกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย
ลู่หยางเรียกให้ทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงใหญ่ ก่อนที่จะพูดแนะนำด้วยประโยคสั้น ๆ จากนั้นเขาก็ให้ทุกคนเซ็นสัญญาพร้อมกับรถส่งข้าวของเครื่องใช้ที่เดินทางมาถึง
หลังจากจัดการที่พักอย่างลงตัวแล้ว ในช่วงเวลาอาหารกลางวันลู่หยางก็จัดให้สมาชิกเก่าที่เข้าร่วมไปก่อนหน้านี้เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลสมาชิกใหม่ในอัตรา 1 ต่อ 2 คน
การจัดการเรื่องสมาชิกใหม่วุ่นวายกันอยู่ทั้งวัน แต่โชคดีที่เขามีประสบการณ์จากชาติก่อน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะดูวุ่นวายไปหน่อยแต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา
หลังล็อกอินเข้าไปภายในเกม ลู่หยางได้นำสมาชิกใหม่ทั้ง 100 คนไปยังบ้านหลังใหม่ที่เขาซื้อเอาไว้ทางตอนเหนือของเมือง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ สอนให้ทุกคนทำการผลิตร็อคเก็ตโมบายล์
การผลิตร็อคเก็ตโมบายล์ไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนัก ซึ่งหลังจากที่ฝึกฝนไปเพียงแค่ไม่นานทุกคนก็สามารถที่จะผลิตร็อคเก็ตโมบายล์ขึ้นมาได้แล้ว เพียงแต่ฝีมือของแต่ละคนยังคงแตกต่างกันบ้างทำให้ร็อคเก็ตโมบายล์บางชิ้นคุณภาพสูง ขณะที่บางชิ้นมีคุณภาพต่ำคละเคล้ากันไป
ในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปจนถึงตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ลู่หยางจึงได้นำร็อคเก็ตโมบายล์ 300 ชิ้นมาขายที่ร้านค้าประมูล
ตอนนี้ภายในร้านประมูลมีผู้เล่นอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่พวกเขาก็เป็นผู้เล่นที่มีเลเวลเกิน 10 และมีเงินติดตัวอยู่มากพอสมควร
ช่วงที่ลู่หยางเปิดประตูเข้ามาเขาก็บังเอิญได้ยินผู้เล่นกำลังพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ เครื่องประมูลเครื่องหนึ่ง
“เฮ้อ! เกมนี้มันก็ดีอยู่หรอกแต่แผนที่มันจะใหญ่ไปไหน จะวิ่งไปเก็บเลเวลทีมันต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ทำไมมันไม่มีวิธีเพิ่มความเร็วให้กับผู้เล่นบ้างนะ”
“เกมอื่น ๆ มันก็มีสัตว์ขี่ให้ใช้ แต่เกมนี้ยังไม่เห็นมีสัตว์ขี่ปล่อยออกมาให้ผู้เล่นได้ใช้บ้างเลย ทำไมทางผู้พัฒนาถึงไม่เห็นใจผู้เล่นบ้าง”
“ช่างมันเถอะ ใครใช้ให้เกมมันสนุกขนาดนี้ล่ะ ไม่ว่าเกมมันจะทำมาแบบไหนพวกเราก็คงจะต้องเล่นกันไปแบบนั้นแหละ”
…
ลู่หยางเหลือบสายตาไปสบตากับฮั่นจงที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะนำร็อคเก็ตโมบายล์ 300 ชิ้นไปวางขายในร้านค้าประมูล โดยราคาที่เขาตั้งเอาไว้มันก็อยู่ที่ชิ้นละ 50 เหรียญเงิน
“หือ? มีคนเอาร็อคเก็ตโมบายล์มาขาย มันสามารถเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ได้ 100% เป็นเวลา 30 วินาทีและมีเวลาคูลดาวน์แค่ 2 นาทีเอง” ผู้เล่นคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมา
“อะไรนะ?! มันอยู่ไหน?” ทันใดนั้นผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รีบค้นหาร็อคเก็ตโมบายล์อย่างตื่นเต้น
“มีจริงด้วย ราคาของมันแค่ 50 เหรียญเงินเองโคตรถูกเลย!!”
ระบบ: คุณขายร็อคเก็ตโมบายล์ได้ 1 ชิ้น คุณได้รับ 49 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง
…
ไม่ถึง 3 นาทีเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นมาเป็นชุด ๆ
“พวกเรากลับกันเถอะครับ” ลู่หยางกล่าวขณะมองไปยังกลุ่มผู้เล่นในร้านค้าประมูลที่กำลังวุ่นวายกับการหาซื้อร็อคเก็ตโมบายล์
“ขายหมดแล้วเหรอ?” ฮั่นจงถามอย่างประหลาดใจ
“ขายหมดแล้วครับ หลังจากนี้ผมก็ฝากอาจารย์ดูแลเรื่องนี้ด้วย นี่จะเป็นหนึ่งในอีกช่องทางในการทำงานของเรา” ลู่หยางกล่าว
เดิมทีฮั่นจงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรับสมัครคนเข้ามาอย่างกะทันหันของลู่หยาง แต่หลังจากที่เขาได้เห็นผลตอบรับที่ดีขนาดนี้ เขาจึงพูดออกไปอย่างตื่นเต้นว่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยดูแลเรื่องธุรกิจทุกอย่างให้นายเอง”
ลู่หยางพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ
ระหว่างทางกลับฮั่นจงอดที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ เขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นไปว่า
“ผู้พัฒนาเกมนี้แปลกดีเนอะ ทำไมเขาถึงออกแบบให้ทุกอย่างหาได้ยากมากขนาดนี้”
“ความจริงแล้วผมว่าเกมนี้กำลังสอนผู้เล่นทุกคนอยู่ต่างหากครับ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“สอน?” ฮั่นจงยิ่งงงมากกว่าเดิม
“ใช่ครับ เกมกำลังสอนแนวคิดแบบโบราณให้กับคนรุ่นใหม่ว่าจะทำอะไรไม่ควรเห็นแก่ตัว หากเจอคนที่กำลังเดือดร้อนพวกเราก็ควรจะต้องยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทางผู้พัฒนาคงไม่อยากให้คนในสังคมกลายเป็นคนไร้น้ำใจ คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง”
“ความจริงเรื่องนี้ทางทีมพัฒนาก็เคยพูดเอาไว้ในตอนที่ให้สัมภาษณ์ ดังนั้นตราบใดก็ตามที่ผู้เล่นมีน้ำใจต่อ NPC มากพอ ในเวลานั้นพวกเขาก็จะได้รับผลตอบแทนดี ๆ กลับมา” ลู่หยางอธิบาย
“เฮ้อ! สังคมสมัยนี้คงเคยชินกับเรื่องร้าย ๆ มากเกินไปแล้ว หากจะให้กลับตัวมาเป็นคนมีน้ำใจมันก็คงจะทำได้ยาก เกมนี้คงกำลังสอนคนอย่างที่นายได้พูดเอาไว้จริง ๆ” ฮั่นจงพูดอย่างสะเทือนใจ
“ความจริงมันก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทางผู้พัฒนาก็คงจะไม่ได้วางแผนเตรียมรับมือเอาไว้เหมือนกันนะครับ เพราะเมื่อกลุ่มทุนเข้ามาลงทุนภายในเกมอย่างรุนแรงทำให้ผู้เล่นทั่วไปไม่ได้มีโอกาสสำรวจตัวเกมอย่างที่ควรจะเป็น เนื้อเรื่องที่ทางผู้พัฒนาได้ออกแบบไว้หลาย ๆ อย่างจึงไม่ได้ถูกเปิดเผย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตามปกติการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครพิเศษอย่างเผ่าก็อบลินก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่ผู้เล่นได้มีเวลาคิดสักนิดพวกเขาก็คงจะหาวิธีพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเหล่านี้ได้แล้ว
แต่เนื่องมาจากการครอบครองพื้นที่ต่าง ๆ ของกิลด์ขนาดใหญ่ มันจึงทำให้ผู้เล่นไม่ได้มีอิสระในการสำรวจอย่างที่ควรจะเป็น และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมลู่หยางถึงสามารถทำเงินได้เป็นจำนวนมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจเพียงแค่เรื่องการเก็บเลเวล โดยไม่ได้สนใจที่จะดำเนินภารกิจเนื้อเรื่องของเกมเลยนั่นเอง
เป็นการสอนผู้เล่นผ่านตัวเกมเนี่ยนะ?! ลึกซึ้งเกินไปแล้ววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 170
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น