บทที่ 166: แอบสำรวจ
มู่ไป๋ไป่กะพริบตาก่อนจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ยิ้มกว้างก่อนจะดึงแขนเสื้อของมู่จวินฝานลง “ท่านพี่ ข้าไม่กลัว”
“ถึงเจ้าไม่กลัวก็ไม่ควรมองมัน” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะได้ไม่ต้องเอาไปเก็บฝันร้ายตอนกลางคืน”
พอคนตัวเล็กรู้ว่าพี่ชายของตนกำลังพยายามปกป้องเธอมากเพียงใด เธอก็เลิกโต้แย้งและนั่งลงอยู่ด้านหลังอย่างเชื่อฟัง
ในเวลานี้คนของจวนตระกูลจินก็ได้ยินเสียงโวยวายเช่นกัน พวกเขาตกใจมากเมื่อเห็นร่างกายของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด แต่พวกเขาก็ยังเข้าไปพาตัวอีกฝ่ายหลบไปอีกด้าน
“คุณชายและคุณหนูทั้ง 2 พวกท่านไม่กลัวหรือขอรับ?” คนงานในจวนปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วโค้งคำนับให้แขกเป็นการขอโทษ “ข้าน้อยขออภัยจริง ๆ ที่รบกวนแขกทั้ง 2 ท่าน ข้าหวังว่าพวกท่านจะให้อภัยในความผิดพลาดนี้”
มู่จวินฝานค่อย ๆ ลดแขนเสื้อลงแล้วพยักหน้า “ไม่เป็นไร แค่มีคนมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดังก็เท่านั้น…”
“ฮ่า ๆ คนผู้นั้นวิ่งตะโกนโวยวายเสียงดังเสียจริง” พ่อบ้านรีบตอบ “คนคนนั้นมักจะเป็นบ้าเช่นนี้ เมื่อกี้นี้เขาวิ่งเข้าไปในห้องครัวแล้วถูกเลือดไก่หกใส่ทั้งตัว ก็เลยสติแตกขึ้นมา”
หลังจากกล่าวจบเขาก็รีบปลีกตัวออกไป
“เลือดไก่หรือ?” มู่ไป๋ไป่หรี่ตาลง “ท่านพี่ ทำไมข้ารู้สึกว่ามันไม่เหมือนเลือดไก่เลย?”
“มันไม่ใช่เลือดไก่จริง ๆ” สีหน้าของมู่จวินฝานเปลี่ยนเป็นเย็นชา “นั่นคือเลือดมนุษย์…”
เลือดมนุษย์… และยังในปริมาณมากด้วย ความน่าจะเป็นที่เจ้าของเลือดจะยังมีชีวิตอยู่นั้นน้อยมากจริง ๆ
“คนของร้านหย่งเซวียนที่เราต้องการสืบสวนอยู่ในครัวด้านหลัง และตอนนี้ในห้องครัวก็มีคนตายอีกครั้ง” เด็กหญิงพูดพร้อมกับเลิกคิ้วเรียว “ท่านพี่ จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?”
“ข้า… ข้าจะพาเซียวเซียวไปแอบดูสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“พวกเรายังเป็นเด็ก คนในจวนตระกูลจินคงไม่จำเป็นต้องระวังพวกเรามากนัก”
“ไม่ได้” มู่จวินฝานปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อย่างน้อยเจ้าต้องรอให้อวี้เซิ่งกลับมาและให้เขาคอยปกป้องเจ้าอยู่ใกล้ ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะเป็นกังวล”
เมื่อก่อนเขาคิดว่าจวนตระกูลจินใสสะอาด เขาจึงยอมให้มู่ไป๋ไป่เข้ามาทำทุกอย่างที่ต้องการได้
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้น้องสาวตกอยู่ในอันตราย
“งือ…” เด็กน้อยเม้มปาก “ท่านพี่ เซียวเซียวกับจื่อเฟิงก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง พวกเขาสามารถปกป้องข้าได้”
“นอกจากนี้ ข้าคิดว่าพ่อบ้านของจวนดูจะมีพิรุธ ถ้าข้าไม่รีบไปที่เกิดเหตุตอนนี้ เขาอาจจะทำลายหลักฐานทั้งหมดไปก่อน!”
มู่จวินฝานรู้สึกขบขันกับท่าทางของน้องสาว “ทำไมเจ้าถึงได้อยากรู้นัก ทำไมเจ้าไม่รอจนกว่าเจ้าจะโตแล้วขอให้ท่านพ่อส่งเจ้าไปทำงานที่ศาลต้าหลี่ เจ้าจะได้สืบสวนคดีทุกคน”
“ไม่เอา!” มู่ไป๋ไป่ปฏิเสธทันควันพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น “ข้าไม่อยากไปทำงานที่ศาลต้าหลี่ ในชีวิตนี้ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรมากนัก ข้าเพียงแค่อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวันเพียงเท่านั้น”
เด็กหนุ่มมองดูรอยยิ้มไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็ก ในขณะที่หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น “เอาเถอะ จากนี้ไปเจ้าสามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้”
ในฐานะพี่ชาย เขาจะปกป้องน้องสาวสุดที่รักคนนี้และทำให้นางมีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลในทุกวัน
“คุณชาย!” อวี้เซิ่งรีบวิ่งเข้ามา “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ?”
เมื่อกี้เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากที่ลานบ้าน เขาจึงกลับมาที่นี่ทันทีโดยไม่สนใจเรื่องของอวี้ฉีอีก
“อ๊ะ! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกายยามที่เห็นนักฆ่าหนุ่ม “ไปเร็ว ท่านรีบตามข้าไปที่ห้องครัวเร็ว”
“ท่านจะไปทำอะไรที่ห้องครัว?” อวี้เซิ่งรู้สึกสับสน “เมื่อกี้ข้าได้ยินคนตะโกนว่ามีคนตายอย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!” เด็กหญิงรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่กับข้ายืนยันได้ว่าเลือดบนร่างกายของชายคนนั้นเป็นเลือดมนุษย์ แต่พ่อบ้านของจวนกลับโกหก”
“ข้าก็เลยคิดว่าเรื่องนี้มันผิดปกติเลยอยากจะลองเข้าไปดูในห้องครัวด้านหลังเล็กสักหน่อย”
พออวี้เซิ่งได้ยินเช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คราวนี้เขาถูกมู่เทียนฉงส่งออกจากเมืองหลวงโดยที่ภารกิจหลักของเขาก็คือคอยปกป้องมู่จวินฝานกับมู่ไป๋ไป่
ตราบใดที่ 2 พี่น้องยังปลอดภัยดี ก็ไม่ถือว่าเขาทำหน้าที่บกพร่อง
“ท่านพี่ อวี้เซิ่งกลับมาแล้ว ตอนนี้ข้าไปตรวจสอบที่ห้องครัวได้แล้วใช่หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่เอ่ยถามขณะดึงแขนเสื้อของชายหนุ่มโดยทำท่าเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไป
ผู้เป็นพี่ชายที่เห็นท่าทางนั้นของน้องสาวก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าไปเถอะ แต่อย่าลืมระวังตัวด้วย หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้อวี้เซิ่งรีบพาเจ้ากลับมาทันที อย่าได้ฝืนตัวเอง”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” เด็กหญิงพยักหน้าระรัวจนผมกระจาย ก่อนจะดึงหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงออกไปหน้าระรื่น
ส่วนนักฆ่าหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจตามไปในที่สุด
ปัจจุบันเขายืนยันได้แล้วว่าอวี้ฉียังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปสารภาพผิดที่เมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
จวนตระกูลจินนั้นใหญ่โตมาก และมู่ไป๋ไป่ก็ไม่รู้ที่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องเดินวนไปมาหลายรอบจนกระทั่งพบสถานที่ที่ต้องการจะไป โดยระหว่างทางก็มีคนรับใช้หลายคนคิดว่าเธอหลงทางเข้าแล้ว
“คุณหนู สาวใช้คนนั้นอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!” หลัวเซียวเซียวยื่นศีรษะมองเข้าไปด้านใน “ใบหน้าของนางน่าเกลียดมาก”
มู่ไป๋ไป่กลอกตาไปมาครู่หนึ่ง แต่ก็หาที่ซ่อนตัวไม่ได้ขณะเห็นเงาของสาวใช้อยู่ที่หางตา
ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดและมีท่าทีหวาดกลัว
“จริงด้วย เป็นไปตามที่คาดไว้ มีคนตาย แต่พวกเขายังไม่ยอมรับ” เด็กหญิงเม้มริมฝีปากแน่น
“คุณหนู เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” จื่อเฟิงนั่งย่อตัวอยู่บนพื้นแล้วถามว่า “เราจับสาวใช้มา และสืบสวนนางดีหรือไม่?”
“นี่ท่านรู้จักแต่ใช้กำลังและรบราฆ่าฟันหรืออย่างไร?” มู่ไป๋ไป่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอือมระอาแล้วพูดพร้อมทำหน้าจริงจังว่า “เราเป็นมนุษย์ที่มีอารยธรรม เราจะทำแบบเช่นนั้นไม่ได้”
จื่อเฟิงกะพริบตาใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับสุนัขชั่วครู่ ก่อนจะถามออกมาตามตรงว่า “มีอารยธรรมแปลว่าอะไรหรือ?”
“...” เด็กหญิงชะงักไปเพราะคำถามของเด็กหนุ่ม เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะอธิบายให้เขาฟังว่าอย่างไรดี แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากในห้องครัว
เสียงคำรามนั้นฟังดูเหมือนมนุษย์แต่ก็คล้ายกับสัตว์ป่าอยู่หลายส่วน มันฟังดูน่ากลัวและป่าเถื่อนมาก
“แม่เจ้า มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” มู่ไป๋ไป่สะดุ้งตกใจ พอเธอโผล่หัวเข้าไปมอง เธอก็เห็นทุกคนในครัวรีบวิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับตะโกนว่ามีสัตว์ประหลาด
“คุณหนู! อันตราย!” จื่อเฟิงที่นั่งย่อตัวอยู่บนพื้นจู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นและจ้องไปทางห้องครัวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “ข้าได้กลิ่นเลือดที่รุนแรงมาก”
“หนี! สัตว์ประหลาดกำลังฆ่าคน!”
“ช่วยด้วย!”
ปัจจุบันห้องครัวเละเทะไปหมด แล้วผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันวิ่งกรูออกจากประตูมา
อย่างไรก็ตาม ประตูห้องครัวมันคับแคบจนเกินไป และทุกคนก็รีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากภายในพร้อมกัน ส่งผลให้หลายคนติดแหง็กอยู่ที่ประตู
มู่ไป๋ไป่มองเห็นไม่ชัดเจนว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น แต่เธอพอจะเดาภาพที่เกิดขึ้นข้างในได้หลังจากได้ยินเสียงตะโกนที่สิ้นหวัง
นั่นทำให้เด็กหญิงตัวสั่นและนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที ก่อนจะตะโกนบอกอวี้เซิ่งที่อยู่ด้านหลัง “อวี้เซิ่ง รีบไปแจ้งท่านพี่เร็วเข้า!”
“คุณหนู ภารกิจของข้าคือคอยปกป้องท่าน” ชายหนุ่มเดินออกมาจากเงามืดที่ด้านหลังมายืนอยู่ข้างจื่อเฟิงคอยปกป้องมู่ไป๋ไป่จากซ้ายขวา
“ข้าไม่เป็นไร!” มู่ไป๋ไป่รู้สึกกังวลขึ้นมา “ข้าพอจะรู้วรยุทธอยู่บ้าง ท่านรีบไปรีบกลับ ข้า เซียวเซียวและจื่อเฟิงจะไปหาที่ซ่อนก่อน”
อวี้เซิ่งยังคงรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย
“ไปเร็วเข้า!” คนตัวเล็กตะโกนพร้อมกับผลักเขาออกไปเต็มแรง “ถ้าท่านไม่เรียกใครสักคนมาช่วย ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะตายกันหมด”
“หรือท่านจะให้พวกเราที่เป็นเด็ก 3 คนไปช่วยคนอื่นล่ะ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 81
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น