บทที่ 167: สัตว์ประหลาดตัวจริง

-A A +A

บทที่ 167: สัตว์ประหลาดตัวจริง

อวี้เซิ่งชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะลอบถอนหายใจ “ตกลง ข้าจะรีบไป แต่คุณหนูต้องจำสิ่งที่ท่านพูดด้วย ท่านต้องซ่อนตัวให้ดี อย่าทำอะไรโดยพลการ ข้าจะรีบกลับมา” 

หลังจากมู่ไป๋ไป่ได้เห็นเขาตกปากรับคำ เธอก็รู้สึกวางใจ ในขณะที่เธอพยักหน้าและบอกเขาว่าอย่ามัวชักช้าให้รีบไป

นักฆ่าหนุ่มเหลือบมองไปทางห้องครัวอย่างเป็นกังวลก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานบ้านด้านหน้า

 “คุณหนู คนที่อยู่ข้างใน… ดูเหมือนจะเงียบไปกันหมดแล้ว” หลัวเซียวเซียวดึงมีดสั้นประจำกายของตัวเองออกมา แม้ว่านางจะรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน แต่นางก็ยังพยายามยืนขวางมู่ไป๋ไป่เอาไว้ข้างหลังอย่างกล้าหาญ “หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จื่อเฟิงท่านพาคุณหนูหลบออกไปก่อน ข้าจะคอยระวังหลังเอง” 

นางเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แต่มันไม่สำคัญว่านางจะเป็นหรือตาย ตราบใดที่นางสามารถยื้อเวลาให้องค์หญิงหกได้หนีไปไกลมากขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

 “เราต้องไปด้วยกัน!” มู่ไป๋ไป่เขกหัวหลัวเซียวเซียวเบา ๆ “ถ้าจะหนี เราก็จะหนีไปด้วยกัน ข้าไม่เป็นไรหรอก” 

 “นี่เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดกับอวี้เซิ่งไปหรือ?” 

คนตัวเล็กค่อย ๆ เดินลัดเลาะไปอีกฝั่ง ก่อนจะเจอหินที่สามารถใช้ปีนขึ้นไปมองเหตุการณ์ในห้องครัวได้ และยังเหมาะที่จะเป็นที่ซ่อน ดังนั้นเธอจึงรีบคว้ามือหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงไปซ่อนตัวที่นั่นทันที

หินประดับนี้อยู่ใกล้กับห้องครัวมากกว่าจุดที่พวกเธอเคยหลบอยู่ ทำให้มู่ไป๋ไป่สามารถมองเข้าไปภายในได้ชัดเจนกว่า

แล้วมันก็เป็นไปตามที่หลัวเซียวเซียวบอก ตอนนี้ในห้องครัวที่เคยมีเสียงกรีดร้องโวยวายไม่มีเสียงใด ๆ อีก และประตูห้องครัวก็ว่างเปล่าไม่เหลือใคร

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วสงสัยว่าคนมากมายที่พยายามหนีออกมาทางประตูหายไปไหน?

นอกจากนี้เธอก็ไม่เห็นว่าใครวิ่งออกมาได้ หรือว่าคนพวกนั้นไปหาที่ซ่อนเหมือนกับพวกเธอแล้ว?

ขณะที่เด็กหญิงกำลังคิด กลิ่นเลือดรุนแรงก็ค่อย ๆ กระจายออกมา

 “แฮ่...” 

 “แฮ่ก ๆๆ แฮ่” 

ไม่นานชายที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดก็ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากประตูห้องครัว

ท่าทางการเดินของชายคนนั้นแปลกมาก ราวกับว่าขาและเท้าของเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาเดินกะโผลกกะเผลกและร่างกายของเขาก็ดูคดเคี้ยวผิดรูปไปหมด

 “คุณหนู ชายคนนั้นทำตัวแปลก ๆ” จื่อเฟิงลดเสียงกระซิบพูด “เขาไม่หายใจแล้วด้วย” 

 “อะไรนะ?” มู่ไป๋ไป่เบิกตากว้าง “เป็นไปได้อย่างไร เขายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ เขายังเดินได้ แต่เลือดสด ๆ ก็ยังไหลออกมาจากบาดแผล เขาจะไม่หายใจได้อย่างไร ท่านมองผิดไปหรือไม่?” 

เด็กหนุ่มส่ายหัวขณะทำหน้าจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่ข้าจะได้ยินผิดไปแน่นอน” 

เด็กหญิงก็เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาแล้วเช่นกัน อาจเป็นเพราะว่าจื่อเฟิงอยู่กับเจ้าตัวโตมานานเกินไป ประสาทสัมผัสทั้งการได้ยินและการดมกลิ่นของเขาจึงไวยิ่งกว่าคนทั่วไปมาก

ถ้าเขาบอกว่าคนคนนั้นไม่หายใจแล้ว แสดงว่าอีกฝ่ายหายใจเบามากเกินไปหรือไม่มีลมหายใจแล้วจริง ๆ

ต่อให้ชายคนนั้นจะไม่เหลือลมหายใจ แต่เขาก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ และแม้แต่บาดแผลบนร่างกายของเขาก็ยังมีเลือดออกอยู่อีก

นี่มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน?

 “คุณหนู สัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา!” หลัวเซียวเซียวตัวสั่นสะท้านขณะจ้องมองไปยังทิศทางที่ตั้งของห้องครัว

 “ใจเย็น ๆ” มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดมาก จึงพยายามสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว “เราอย่าได้เข้าไปยุ่งและดูก่อนว่าเขาคิดจะทำอะไร หากเขาต้องการจะโจมตีเรา ให้เราแยกกันหนีทันที” 

 “ไม่!” จื่อเฟิงส่ายหัวปฏิเสธทันควัน “เราต้องปกป้องคุณหนู!” 

 “ใช่!” หลัวเซียวเซียวพยักหน้าเห็นด้วย “คุณหนู เราต้องปกป้องท่าน เราไม่สามารถทิ้งท่านไว้ตามลำพังได้” 

 “ชิ!” มู่ไป๋ไป่เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา “ทำไมเจ้า 2 คนถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ ผู้ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ใครจะไปรู้ว่าถ้าเผลอไปแตะต้องเขาเข้า เราจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบเขาหรือไม่?” 

 “ดังนั้นจงฟังข้า หากมีอันตรายให้รีบแยกกันหนี แล้วอย่าลืมรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ให้ดีด้วย” 

หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงเม้มริมฝีปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่องค์หญิงหกก็ได้ยื่นคำขาดไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเชื่อฟังเท่านั้น

 “แฮ่ ๆ” เสียงกระหายเลือดดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เด็กทั้ง 3 เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่ามู่ไป๋ไป่จะสงบใจลงได้มากตอนที่วิเคราะห์สถานการณ์ก่อนหน้านี้ แต่พอเธอเห็นสัตว์ประหลาดเดินมาทางพวกเธอจริง ๆ แล้วมันก็ยังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้เธอตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย

พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย! 

สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการดูหนังสยองขวัญ

ชายที่เนื้อตัวโชกเลือดตรงหน้าเธอนั้นดูเหมือนจะหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญอย่างไรอย่างนั้นเลย

ขณะนี้สัตว์ประหลาดได้มาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าก้อนหินแล้ว ระหว่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ห่างกันประมาณ 10 ก้าว มันทำให้หัวใจที่สั่นไหวของมู่ไป๋ไป่เต้นรัวเร็วยิ่งกว่ากลองศึก

ถัดมา เธอหันไปมองหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิง พร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ นับถอยหลังจนครบ

พอเธอกระซิบว่า “วิ่ง!” เด็กทั้ง 3 ก็รีบวิ่งกระจายตัวไปคนละทิศทางออกจากก้อนหินราวกับลูกศรพุ่งออกจากคันธนู

ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มันจึงยืนชะงักอยู่ตรงนั้นแล้วค่อย ๆ ไล่ตามไปยังทิศทางที่มู่ไป๋ไป่วิ่งไป

เด็กหญิงรู้สึกว่าตนไม่เคยวิ่งเร็วขนาดนี้มาก่อน

ขณะนี้หน้าอกของเธออึดอัดมากจนแทบจะระเบิดออกมา และมีกลิ่นคาวเลือดค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาตามลำคอ

ถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้ามองย้อนกลับไป ตอนนี้แม้แต่จะมองทางก็ยังไม่มีเวลา ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่วิ่งพุ่งไปข้างหน้าต่อไป

ไม่รู้ว่าเธอโชคร้ายหรือไม่ แต่พอเธอวิ่งไปถึงสนามหญ้า จู่ ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากตรงนั้น ทำให้เธอที่หยุดฝีเท้าไม่ทันชนเข้ากับอีกฝ่ายเต็มเปา

ปั้ก!

 “อ๊ะ!” 

 “โอ๊ย มันเจ็บนะ! ใครมันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเนี่ย?” 

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคนทั้ง 2 ดังขึ้นพร้อมกัน แต่เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอที่คุ้นเคย เธอก็ลอบถอนหายใจ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะหนีเสือปะจระเข้เข้าเสียแล้ว

 “นี่เจ้า!” จินซือซือลูบบั้นท้ายตัวเองแล้วลุกขึ้นจากพื้น “เป็นเจ้าอีกแล้ว! ก่อนหน้านี้เจ้าทำให้ข้าล้มต่อหน้าคนอื่นที่ลานบ้าน แล้วตอนนี้เจ้ายังตั้งใจวิ่งชนข้าจนล้มอีก” 

 “ทำไมเจ้าถึงได้มีจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้!” 

 “พี่สาว ยามที่คนเราจะกล่าวหาใครย่อมต้องมีหลักฐาน ท่านเข้าใจหรือไม่?” มู่ไป๋ไป่มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางหมดคำพูด “เมื่อกี้ตอนที่อยู่ข้างนอก เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นท่านที่คิดจะผลักข้าให้ล้ม แต่สุดท้ายบาปนั้นก็คืนสนอง” 

 “นี่เจ้า!” จินซือซือเป็นคนที่ได้รับการประคบประหงมจากคนในจวนมาโดยตลอด แต่พอนางได้พบกับเด็กหญิงตัวเล็ก อีกทั้งยังถูกพูดต่อหน้าเช่นนี้ มันก็ยิ่งทำให้นางโมโหมาก

 “ข้าทำไม?” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองไปข้างหลังแล้วโบกมือให้อีกฝ่าย “ข้าไม่มีเวลามาเถียงกับท่านแล้ว อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน ตอนนี้มีสัตว์ประหลาดบุกเข้ามาที่ห้องครัว ถ้าท่านไม่อยากตาย ก็ให้รีบหนีไปให้เร็วที่สุด!” 

หลังจากพูดจบเธอก็ตั้งท่าจะเตรียมออกวิ่ง แต่ทันทีที่หันหลัง เธอก็ถูกสาวใช้ 2 คนขวางทางเสียก่อน

 “คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ?!” จินซือซือตะคอกเสียงดุและสั่งให้สาวใช้ข้างกายไปขวางอีกฝ่ายไม่ให้หนีไปไหน “ขวางนางไว้! ตอนที่เราอยู่ที่หลังบ้านเมื่อกี้นี้ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนดี ตอนนี้ยังจะมาเดินเตร่ไปทั่วจวนของเราอีก นี่เจ้าคิดจะขโมยของใช่หรือไม่?” 

 “จับนางแล้วพาตัวไปให้ท่านพ่อสอบปากคำ” 

 “ข้าไม่ได้ขโมยอะไรไป” มู่ไป๋ไป่ยิ้มเย็น “แต่ตระกูลจินของท่านวิเศษวิโสกว่าคนอื่นตรงไหน?” 

เธอเป็นถึงองค์หญิงหกของแคว้นเป่ยหลง ร่างกายของเธอล้ำค่ายิ่งกว่าหยกหรือทองคำ ดังนั้นเธอจึงไม่ต่างจากสมบัติที่พบหาได้ยาก

 “นี่ เจ้ายังจะปากแข็งอยู่อีก” จินซือซือกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “พวกเจ้าจับนางเอาไว้ ข้าอยากจะรู้นักว่าถ้าตบปากแข็ง ๆ นี้สักที เจ้าจะยังกล้าดื้อด้านอยู่อีกหรือไม่!” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หนีเสือปะจระเข้จริง ๆ ไป๋ไป่จะเอาตัวรอดยังไงนะ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.