บทที่ 130 การต่อสู้ในสนามประลอง
บทที่ 130 การต่อสู้ในสนามประลอง
ลู่หยางมองไปยังสามพี่น้องตระกูลไป๋ที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ห่างออกไป 30 เมตร และถึงแม้สามคนนี้จะพูดจาโอหังไปบ้าง แต่เนื้อแท้พวกเขาก็เป็นคนรักความยุติธรรมมากพอสมควร
ท้ายที่สุดลู่หยางก็เพิ่งใช้สกิลแฟลชเข้ามาในสนามประลอง และตอนนี้มันก็ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่าที่เวลาคูลดาวน์จะหมดลง
หากอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดา พวกเขาก็คงจะรีบเปิดการโจมตีเข้ามาในระหว่างที่ลู่หยางไม่มีสกิลหลบหนี การที่สามพี่น้องยืนรออยู่แบบนี้ก็เพื่อให้การประลองเป็นไปอย่างยุติธรรมมากที่สุด
“คูลดาวน์สกิลของฉันมาแล้ว พวกเรามาเริ่มกันได้เลย” ลู่หยางกล่าว
สามพี่น้องตระกูลไป๋กำลังรอคูลดาวน์สกิลของลู่หยางจริง ๆ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมองการกระทำของพวกเขาออก
“ดูเหมือนว่านายจะมีฝีมือพอตัว ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าพวกเราไม่เกรงใจ” ไป๋หูเป็นนักรบถือโล่ขนาดใหญ่เท่าตัวคนในมือขวาและถือมีดสั้นอยู่ในมือซ้าย แต่ในตอนที่เขากำลังใช้สกิลชาร์จทันใดนั้นเขาก็ชะงักค้างอยู่กับที่โดยมีอีกสองพี่น้องที่ชะงักค้างไปด้วยเช่นกัน
เหล่าผู้ชมที่กำลังดูอยู่นอกสนามต่างก็มองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ จากนั้นพวกเขาก็หันมามองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
“ทำไมเขาถึงไม่ชาร์จ?”
“ชาร์จเข้าไปเลย แค่ทีเดียวมันก็ตายแล้ว!”
…
ผู้ชมมากมายส่งเสียงตะโกนเชียร์ แต่ในทางกลับกันไป๋หูกลับไม่สามารถใช้สกิลชาร์จได้
ลู่หยางที่ยืนอยู่ต่อหน้าคู่แข่งไม่ได้ยืนนิ่ง ๆ อยู่กับที่ แต่เขากำลังโยกตัวไปมาด้วยจังหวะที่ค่อนข้างแปลกตาผู้เล่นทุกคน
ไป๋หูใช้โหมดอัตโนมัติ มันจึงทำให้เขาไม่สามารถระบุตำแหน่งของลู่หยางได้อย่างชัดเจน นี่คือเหตุผลที่เขาไม่กล้าใช้สกิลชาร์จออกไป เพราะหากการชาร์จพลาดเป้า มันจะทำให้เขาสูญเสียตำแหน่งและเปิดช่องว่างให้ไป๋เหลิงที่อยู่ด้านหลังตกอยู่ในอันตราย
สามพี่น้องมีเคล็ดลับที่ทำให้พวกเขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนนั่นก็คือไป๋หูกับไป๋ฉือเพิ่มค่าสถานะในแต่ละเลเวลไปยังพลังกาย 2 หน่วยและความอดทน 2 หน่วย ทำให้พวกเขามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแต่ไร้ซึ่งพลังโจมตี ส่วนไป๋เหลิงเน้นอัปค่าสถานะไปยังความแข็งแกร่งทั้งหมด ทำให้เขามีพลังโจมตีแต่ไม่มีความสามารถในการตั้งรับเลย
แม้แต่อุปกรณ์ที่พวกเขาได้สวมใส่ก็มุ่งเน้นไปยังความโดดเด่นของตัวเอง ดังนั้นแต่ละคนจึงมีหน้าที่ที่ชัดเจนและพวกเขาก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องเคลื่อนไหวยังไง
ปกติการจัดทีมแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความที่ทั้งสามเป็นฝาแฝดที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก การประสานงานของพวกเขาจึงราบรื่นราวกับเป็นคนคนเดียวกัน และนี่ก็คือเหตุผลที่ไป๋หูยังไม่กล้าใช้สกิลชาร์จออกไป เพราะมันอาจจะทำให้ไป๋เหลิงตกอยู่ในอันตราย
“ฉันชาร์จไม่ได้เอายังไงดี?” ไป๋หูถามอย่างลำบากใจ
“ไม่ต้องกลัว เขามีแค่คนเดียวพวกเราค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเขาก็ได้ ถ้าเขาเริ่มร่ายเวทมนตร์นายก็ชาร์จเข้าไปได้เลย แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไร ถ้าเราเข้าไปในระยะประชิดได้สุดท้ายเขาก็ต้องตายอยู่ดี” ไป๋ฉือที่เลือกเล่นอาชีพพาลาดินกล่าว
ไป๋เหลิงที่ถือหอกยาวก็ไม่ได้มีความคิดที่ดีไปกว่านี้ เขาจึงพูดว่า “เราค่อย ๆ เดินเข้าไปเถอะ”
ไป๋หูพยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็ก้าวเดินพร้อม ๆ กันราวกับว่ามันมีใครมาช่วยนับจังหวะในระหว่างการเดิน
ลู่หยางเดาเอาไว้ก่อนแล้วว่าทั้งสามพี่น้องจะใช้กลยุทธ์แบบนี้ แต่เขาก็ยังคงยืนรออยู่กับที่อย่างไม่สนใจ
ความจริงแล้วชายหนุ่มสามารถปิดฉากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย เพราะเขาสามารถใช้สกิลแฟลชกระโดดเข้าไปกลางวงของทั้งสามคน และสามารถปล่อยรีซิสท์ไฟร์ริงเพื่อผลักให้พวกเขากระเด็นออกมา
ต่อให้ในตอนนี้เขาจะไม่มีอุปกรณ์ให้สวมใส่ แต่เขาก็ยังมีพลังโจมตีเวทมนตร์ที่มาจากค่าสติปัญญาและยังมีโอกาสการติดคริติคอลจากการโจมตีเข้าใส่ศีรษะ ดังนั้นถ้าหากเขาฉวยโอกาสในระหว่างที่ร่างของทั้งสามถูกผลักจนกระเด็นออกไปเพื่อโจมตีเข้าใส่ไป๋เหลิงที่มุ่งเน้นอัปค่าสถานะไปยังพลังโจมตี ชายคนนี้ก็จะต้องเสียชีวิตลงไปอย่างแน่นอน ในเวลานั้นไป๋หูกับไป๋ฉือที่ไม่มีพลังโจมตีก็จะไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหากจะให้จบการต่อสู้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นมันก็คงจะไม่สนุกเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าหากเขาใช้ความได้เปรียบทางด้านเลเวลทั้งสามคงจะดูถูกเขาอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงตั้งใจจะใช้เพียงแค่ฝีมือการเคลื่อนไหวของตัวเอง
ตอนนี้สามพี่น้องเดินเข้ามาในระยะ 20 เมตรแล้ว ไป๋หูจึงมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในระยะ 30 เมตรสกิลชาร์จต้องใช้เวลาเคลื่อนไหว 1 วินาที แต่ในระยะ 20 เมตรเวลาการเคลื่อนไหวจะลดลงมาเหลือเพียงประมาณ 0.8 วินาทีเท่านั้น เขาจึงเชื่อว่าลู่หยางไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีในเสี้ยววินาทีแบบนี้ได้
“ให้ฉันลองไหม?” ไป๋หูถาม
ไป๋ฉือส่ายหน้าและพูดว่า “เข้าระยะ 15 เมตรค่อยโจมตีจะชัวร์กว่า”
“ฉันเห็นด้วย” ไป๋เหลิงกล่าว
“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเรา…” ไป๋หูยังพูดไม่ทันจบประโยค ทันใดนั้นทั้งสามก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อลู่หยางที่แต่เดิมอยู่ห่างออกไป 20 เมตรกำลังกลายเป็นแสงสีขาวมาปรากฏตัวตรงหน้าของพวกเขาในระยะ 4.9 เมตร
ไป๋หูรู้สึกอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก เพราะระยะขั้นต่ำในการใช้สกิลชาร์จคือ 5 เมตร การที่ลู่หยางเข้ามาอยู่ใกล้กว่า 5 เมตรทำให้เขาไม่สามารถใช้สกิลชาร์จออกไปได้
ส่วนไป๋เหลิงที่อยู่ด้านหลังก็กำลังรู้สึกอึดอัดใจมากยิ่งกว่า เพราะท้ายที่สุดเขาจะใช้สกิลชาร์จได้ก็ต่อเมื่อไป๋หูกับไป๋ฉือหลบทางให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะใช้สกิลชาร์จออกมาได้ด้วยเช่นกัน
“ถ้าพวกคุณไม่โจมตี ทางฝั่งฉันขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้วนะ” ลู่หยางกล่าว
นักเวทหนุ่มยกมือร่ายสกิลคอมบัสชันด้วยความเร็วปกติ 1.5 วินาที และในตอนนี้ไป๋หูก็อดใจไม่ไหว เขาจึงพุ่งตัวเข้ามาเพื่อโจมตีเข้าใส่ลู่หยาง
ไป๋ฉือกับไป๋เหลิงรีบเคลื่อนไหวติดตามมาด้วยเช่นกัน แต่เนื่องมาจากระยะห่าง 4.9 เมตรประกอบกับการหยุดชะงักของสามพี่น้องในก่อนหน้านี้ มันจึงทำให้ลู่หยางมีเวลาใช้คอมบัสชันออกมาอย่างไม่รีบร้อน
แม้ไป๋หูจะโดนโจมตีแต่เขาก็ยังวิ่งเข้าหาลู่หยางได้ นักรบหนุ่มจึงตั้งใจจะใช้สกิลชิลด์แบชใส่อีกฝ่าย ขณะที่ไป๋ฉือก็ตั้งใจจะใช้สกิลแฮมเมอร์ออฟลอยเอิลตี้
ทั้งสกิลชิลด์แบชกับแฮมเมอร์ออฟลอยเอิลตี้เป็นสกิลที่จะทำให้เป้าหมายติดสตั๊นเป็นเวลา 2 วินาที หากลู่หยางโดนสกิลพวกนี้เข้าไป หอกยาวของไป๋เหลิงย่อมจบชีวิตของนักเวทหนุ่มได้อย่างแน่นอน
ลู่หยางเผชิญหน้ากับการโจมตีของคู่ประลองอย่างสงบ ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เอียงไปทางด้านซ้าย ก่อนที่นักเวทหนุ่มจะกระโดดเบา ๆ เพื่อไปยืนด้านข้างของทั้งสามคน
ตลอดเวลาการประลองที่ผ่านมาไป๋หูกับไป๋ฉือเคยเห็นแต่คนที่กระโดดหลบไปด้านหลังหรือหมอบตัวลงเท่านั้น พวกเขาจึงได้เตรียมวิธีการรับมือการหลบในลักษณะนี้เอาไว้แล้ว แต่พวกเขายังไม่เคยเห็นใครกระโดดหลบออกไปทางด้านข้างมาก่อนทำให้ทั้งคู่โจมตีผิดพลาดในที่สุด และเผยช่องว่างให้ไป๋เหลิงโดนโจมตี
เดิมทีไป๋เหลิงกำลังเตรียมจะแทงหอกออกไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นพี่น้องทั้งสองโจมตีพลาดเขาจึงตวัดหอกฟาดออกไปทางด้านข้างในทันที ขณะเดียวกันไป๋หูก็ก้มตัวหลบเหมือนกับทั้งคู่สื่อสารกันด้วยกระแสจิต ส่วนทางด้านไป๋ฉือก็รีบหยิบโล่ขึ้นมาป้องกันทางด้านหน้าไป๋เหลิง
ไป๋เหลิงมั่นใจว่าลู่หยางย่อมไม่สามารถทำอะไรได้ภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ในขณะที่หอกของเขากำลังจะปะทะกับร่างของอีกฝ่ายอยู่นั่นเอง จู่ ๆ นักเวทหนุ่มก็ยื่นมือขวาออกมาชี้ไปที่ศีรษะของไป๋เหลิงเสียก่อน
เฟลมอิมแพค!
ตราสัญลักษณ์ติดสตั๊นปรากฏขึ้นเหนือศีรษะไป๋เหลิงพร้อมกับพลังชีวิตที่ลดลงไปถึง 174 หน่วย
แม้ลู่หยางจะไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์อะไร แต่เขาก็มีเลเวล 13 แล้วค่าสติปัญญาของตัวละครก็มีมากถึง 65 หน่วย เมื่อมันรวมกับพลังโจมตีพื้นฐานของสกิลเฟลมอิมแพคและผลจากการโจมตีแบบคริติคอล มันจึงทำให้ไป๋เหลิงที่มีพลังชีวิตแค่ 260 กว่าหน่วยถูกโจมตีจนพลังชีวิตลดลงไปมากกว่าครึ่ง
หากเป็นเมื่อก่อนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ ไป๋หูก็คงจะใช้สกิลฟอร์เวิร์ดโรลพร้อมกับปล่อยสกิลธันเดอร์ช็อกเพื่อทำให้ลู่หยางเคลื่อนไหวช้าลง
แต่ตอนนี้นักเวทหนุ่มยืนอยู่ในจุดที่ทำให้ไป๋หูลำบากใจมาก เพราะถ้าหากเขาใช้ฟอร์เวิร์ดโรลร่างของเขาคงจะกลิ้งเลยไปไกล หรือถ้าหากเขาจะกระโจนใส่ลู่หยางก็สามารถเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้างได้ง่าย ๆ ด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบไหนมันก็จะเป็นการเปิดช่องว่างให้ไป๋เหลิงถูกโจมตี
“ตั้งรับก่อน เดี๋ยวฉันจะเพิ่มเลือดให้ไป๋เหลิง” ไป๋ฉือตะโกน
ไป๋หูลุกขึ้นเดินไปบังด้านหน้าไป๋เหลิง และในตอนนี้พวกเขาก็จำเป็นจะต้องตั้งหลักกันอีกครั้งหนึ่ง
พี่หยางน่าจะเล็งจบสวย ๆ ไว้แล้วแน่เลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 30
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น