บทที่ 138: ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน

-A A +A

บทที่ 138: ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน

ในเวลานี้เสือก้าวช้า ๆ ไปอยู่ข้างกายมู่ไป๋ไป่ พอไปถึงมันก็หมอบตัวอยู่แทบเท้าเธอไม่ต่างจากลูกแมว เด็กหญิงที่เห็นดังนั้นก็ก้าวเข้าไปลูบหัวเสือเบา ๆ

“ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน” เธอยังจำสัญญาที่เสือให้ไว้กับเธอได้ และเธอก็จำคำสัญญาของตัวเองได้เช่นกัน

หลังจากเสือตัวนั้นได้ยินคำพูดของมู่ไป๋ไป่ มันก็ส่ายหัวด้วยความละอายใจ “ท่านจ้าวอสูร ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของข้าเอง อีกทั้งข้ายังพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมกับท่านด้วย”

แม้ว่ามันจะไม่ได้พูดชัดเจน แต่คนตัวเล็กก็เข้าใจว่าเสือต้องการจะบอกอะไร

เธอมักจะรู้สึกว่าน้ำตาของตัวเองนั้นไร้ค่า แต่พอเห็นเสือรู้สึกผิดมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเธอช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่น ๆ ที่ถูกขังเอาไว้อย่างจริงใจ

“ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะไม่ทำร้ายมนุษย์” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าสัตว์พวกนี้ถึงแม้ว่าจะมีสัญชาตญาณที่ดุร้ายมากเพียงใด แต่พวกมันก็ยังรักพวกพ้องของตัวเอง ดังนั้นพวกมันน่าจะเข้าใจคำพูดของเธอเช่นกัน

แต่เสือที่มีท่าทีเชื่อฟังมากเมื่อครู่นี้กลับเงียบไปราวกับว่ามันไม่ตอบรับคำขอของเด็กหญิง 

“เจ้าไม่ยินยอมหรือ?” มู่ไป๋ไป่ถามออกไปตามตรง

และเสือก็ไม่มีทางพูดออกมาตรง ๆ เช่นกัน มันเลิกคิ้วมองเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะพูดว่า “ข้าอยากจะรับปากท่าน แต่มนุษย์ช่างโหดร้ายยิ่งนัก พวกมันคิดแต่จะล่าพวกเราหรือกักขังพวกเราเอาไว้ บ้างก็เฝ้าดูพวกเราฆ่ากันเองเพื่อความสนุกสนาน”

คำพูดนี้ทำให้มู่ไป๋ไป่นิ่งเงียบไป แต่เดิมเธอต้องการให้เสือเลิกทำร้ายคนอื่น

แต่หลังจากที่เธอได้ยินคำพูดของเจ้าเสือ เธอก็อดไม่ได้ที่จะไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่เธอทะลุมิติมาที่นี่ครั้งแรก เธอก็ถูกโยนเข้าไปในกรงเสือแล้ว

มู่ไป๋ไป่เข้าใจความเจ็บปวดของเสือตัวนี้ บางครั้งมนุษย์ก็ชอบใช้วิธีที่โหดร้ายเพื่อจัดการกับสัตว์ทั้งหลาย 

แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจยาว ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง “เอาเป็นว่าถ้าคนพวกนั้นไม่โจมตีเจ้า เจ้าไว้ชีวิตพวกเขาได้หรือไม่?”

เสือก้มหัวลงขณะที่มันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ตกลง”

หลังจากตกลงกันได้แล้ว มู่ไป๋ไป่ก็ยังคงลูบหัวใหญ่ ๆ ของมันต่อไปและทั้ง 2 ก็เล่นกันอยู่สักพัก

ทันใดนั้นเด็กหญิงก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เธอมองไปที่มันแล้วถามว่า “เจ้าถูกจับมาที่ศาลาหมื่นอสูรได้อย่างไร?”

ปกติแล้วมันไม่ง่ายเลยที่แคว้นหนานซวนพวกนั้นจะมาอาศัยอยู่ที่แคว้นเป่ยหลงโดยไม่มีเหตุผล การล่าสัตว์และขนส่งสัตว์พวกนี้จะต้องมีการวางแผนที่รัดกุมอีกด้วย

แม้ว่าเธอจะปฏิเสธคำขอของเซียวถังอี้ที่จะให้เธอไปช่วยสอบปากคำเถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรไปตั้งแต่แรก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เธอจะหาคำตอบว่าสัตว์เหล่านี้ถูกจับแล้วขนส่งมาที่นี่ได้อย่างไร

เจ้าเสือหันมามองมู่ไป๋ไป่อย่างลังเลประหนึ่งว่ามันรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถบอกเธอได้ตามตรง

กลายเป็นเจ้าหมีสีน้ำตาลที่เฝ้าดูเสือลังเลไม่ยอมพูดเรื่องนี้ออกไป มันเอาตัวมาเบียดเสือแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “สิ่งที่ท่านจ้าวอสูรอยากจะรู้เจ้าสามารถบอกนางไปได้ตามตรง ทำไมเจ้าต้องปิดบังมันเอาไว้ด้วยล่ะ?”

หลังจากเจ้าเสือได้ยินสิ่งที่หมีสีน้ำตาลพูด มันก็ยังไม่ยอมและคำรามเข้าใส่อีกฝ่าย

“พอแล้ว หากเจ้ามีความลับที่ไม่สามารถพูดได้ ขอเพียงเจ้าบอกข้ามา ข้าจะช่วยเจ้าแก้ไขมันเอง” มู่ไป๋ไป่เอ่ยห้ามปรามทั้งคู่ เนื่องจากเสือมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในใจ และเธอก็สังเกตเห็นมันเช่นกัน

แต่สำหรับเจ้าเสือ สาเหตุที่มันลังเลไม่กล้าพูดออกไปเป็นเพราะว่ามันกลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสหายร่วมสายพันธุ์ของมัน 

“ท่านจ้าวอสูร คนของแคว้นหนานซวนนั้นมีนิสัยชั่วร้ายมาก นับตั้งแต่ที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับแคว้นเป่ยหลง พวกเขาก็คิดที่จะล้างแค้นแคว้นเป่ยหลงที่ทำให้พวกเขาต้องอับอายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตอนนี้พวกเขาได้ส่งสายลับเข้ามาอยู่ในแคว้นเป่ยหลงเป็นจำนวนมาก” พอหมีสีน้ำตาลเห็นว่าเสือลังเลไม่ยอมพูด มันจึงพูดออกมาตามตรง

แม้ว่ามู่ไป๋ไป่จะไม่ได้ข่าวเรื่องนี้มาก่อน แต่เธอก็ยังพอเดาอะไรบางอย่างได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้

เพียงแต่เธอไม่คาดคิดว่าอิทธิพลของแคว้นหนานซวนจะแทรกซึมเข้ามาในแคว้นเป่ยหลงทุกด้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ศาลาหมื่นอสูรซึ่งเคยเป็นร้านค้าในแคว้นเป่ยหลงของพวกเธอตอนนี้กลับกลายเป็นว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของร้านนี้มาจากแคว้นหนานซวน

เธอกลัวว่าสายลับคนนี้จะเป็นผู้นำระดับสูง แต่เขาเป็นใครกันล่ะ?

มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าสัตว์พวกนี้อาจจะไม่เข้าใจเรื่องของมนุษย์สักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพูดกับพวกมันว่า “พวกเจ้าพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วข้าจะหาที่ทางให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างปลอดภัย”

“ขอบคุณท่านจ้าวอสูร” สัตว์ทั้งหลายกล่าวขอบคุณพร้อมกับทำความเคารพคนตัวเล็ก

จากนั้นเด็กหญิงก็กล่าวคำอำลาเหล่าสัตว์และเดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเห็นหลัวเซียวเซียวกำลังเล่นกับเจ้าส้ม เธอก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น

“เจ้าส้ม ข้าอยากจะถามบางอย่างกับเจ้า” มู่ไป๋ไป่เอ่ยขณะเดินตรงไปหามัน

แมวตัวสีส้มที่จู่ ๆ ก็ถูกเรียกขมวดคิ้วเหลือบตามองเด็กน้อยผู้ไร้หัวใจ แล้วสายตานั้นเหมือนจะพูดกับคนตรงหน้าว่า ‘เจ้ามนุษย์ใจร้าย ยังจำข้าได้อยู่หรือ แล้วยังมีหน้ากลับมาอีก’

มู่ไป๋ไป่คุ้นเคยกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเจ้าส้มเป็นอย่างดี เธอจึงยิ้มประจบประแจงอีกฝ่าย

เมื่อแมวอ้วนเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของคนตัวเล็ก มันก็หรี่ตาลงมองเธออย่างระแวดระวังพร้อมกับพูดว่า “แม่นาง เจ้าต้องการอะไร?”

มู่ไป๋ไป่ยังคงยิ้มประจบประแจงซึ่งทำให้หลัวเซียวเซียวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงพูดกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง “องค์หญิงหก หากพระองค์มีเรื่องอะไร พระองค์สามารถสั่งหม่อมฉันได้เลยเพคะ!”

เจ้าส้มพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมหลังจากฟังคำพูดของเด็กหญิง มันทนรับท่าทางจอมปลอมของเจ้าตัวเล็กไม่ไหวเช่นกัน

“เจ้าส้ม เจ้าอยู่กับท่านพ่อมานาน เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับแคว้นหนานซวนมากน้อยแค่ไหน?” ในเมื่อมู่ไป๋ไป่ตัดสินใจจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องของแคว้นหนานซวน เธอก็มีความคิดที่จะสืบหาข้อมูลภายในของศัตรูเอาไว้เป็นอย่างแรก

ตัวเธอมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับความบาดหมางระหว่าง 2 แคว้นนี้ เธอรู้เพียงว่าแคว้นเป่ยหลงนั้นได้ชนะศึกแคว้นหนานซวน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะทำตามข้อตกลงมาโดยตลอด แต่เธอกลัวว่าพวกเขาเพียงแค่ยอมจำนนเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดเท่านั้น

เธอไม่รู้ว่าคนของแคว้นหนานซวนได้ซึมลึกเข้ามาในแคว้นเป่ยหลงมากแค่ไหนแล้ว พอถึงเวลาที่ฝ่ายศัตรูลงมือ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าโอกาสที่แคว้นเป่ยหลงจะเอาชนะได้มีเท่าไหร่

ยามนี้เจ้าส้มมองมู่ไป๋ไป่ด้วยสายตาสับสนก่อนจะถามว่า “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”

“แคว้นหนานซวนขัดแย้งกับแคว้นเป่ยหลงของเรามาเป็นเวลานาน ท่านพ่อของข้าคงจะใช้เวลาจัดการกับพวกเขาไปมากใช่หรือไม่?” เจ้าแมวตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของท่านพ่อ มันคงได้ใช้เวลาอยู่ข้างกายเขามานานมากแล้ว ถ้าเธอคิดทบทวนให้ดี ๆ มันน่าจะเป็นสัตว์ที่รู้เรื่องนี้มากที่สุด

แมวตัวอวบอ้วนมองเด็กหญิงด้วยสีหน้าลำบากใจขณะพูดว่า “ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าได้อย่างไร?”

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความลับภายในราชสำนัก ถ้ามันเปิดปากบอกไปโดยง่าย มันจะไม่ถูกสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการปล่อยให้ความลับรั่วไหลหรอกหรือ?

“ไม่มีใครรู้ว่าข้าเข้าใจภาษาสัตว์” มู่ไป๋ไป่พูดไปตามตรง

สิ่งนี้ทำให้เจ้าส้มยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น การที่มันอยู่เคียงข้างมู่เทียนฉงตลอดหลายปีที่ผ่านมาย่อมทำให้มันรู้อะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามู่ไป๋ไป่จะเป็นองค์หญิงลำดับที่ 6 แต่มันก็ไม่สะดวกที่จะบอกเรื่องพวกนี้กับนางอยู่ดี

“เจ้ายังเด็ก การที่เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่” จู่ ๆ มันก็ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจัง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.