6. โขลญพลแห่งเชลียง
คำโปรย
จักอภิเษกผาเมืองกับสุขระ...กินเมืองเชลียง
----------------
เพลาสนธยาใกล้ย่ำรุ่ง ศิขินพลิกตัวเงยหน้าขึ้นมองรอบกาย สาวน้อยกระแอมจากคอแห้งด้วยอาการพิษไข้วันวานจนมาถึง ณ ยามนี้ เธอเริ่มสร่างไข้ตัวเย็นลง
“แม่นางศิขิน...อัญเพิ้นทรงรับสั่งนำโอสถหื้อแม่นาง เจ้าค่ะ” ข้านางอยู่เฝ้าหน้าตั่งชะโงกหน้าขึ้น แล้วยื่นโถน้ำโสมหญ้าดอกเพื่อให้เธอยกจิบ
“พระองค์บ่าอยู่ตี้พระตำหนักดอกฤา” เสียงแหบแห้งเอ่ยถามเบามากแทบไม่ได้ยิน
“แม่นาง...จะเปิบเพลานี้ฤาไม่”
“ข้ายังบ่าอยาก... จะรอพระองค์เพิ้นสักชั่วยาม”
ณ เพลาใกล้ยามหนึ่ง ศิขินสะดุ้งได้ยินเสียงส้นเท้ากระทบพื้นด้านนอกดังเป็นจังหวะใกล้เข้ามาเป็นระยะ พร้อมเสียงบ่นพึมพำดังตามมา
“ข้าจักต้องไป...เชลียง”
ข้านางหมอบหน้าลงกับพื้นทันทีที่กมรเตงก้าวเข้าประตู
“ศิขิน...ทุเลาล่ะบ่อ”
“กราบถวายบังคม... แม่นางบ่ามีพิษไข้ล่ะ...เพคะ”
ศิขินรีบลุกขึ้นจะเลื่อนตัวลงจากตั่งเพื่อกราบพระบาท แต่พระองค์รีบเข้ามาโอบหลังนางขึ้นมาแนบพระอุระ
“เจ้าคือเมียข้า บ่าใช่นางกำนัล”
“ทรงพระกรุณายิ่งต่อข้าเจ้า...เพคะ”
สาวน้อยต่างมิติได้เรียนรู้การปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะควรในราชสำนักแห่งนี้ และต้องระวังไม่ให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองอย่างเด็ดขาด ยุคสมัยแห่งราชาทรงพระราชอำนาจประดุจเทพเจ้า ซึ่งอาจทั้งประทานคุณอย่างนับอนันต์ และสั่งลงโทษทัณฑ์อย่างมหันต์ด้วยเช่นกัน
“ต้นราชมาศ ข้าจำจากพระนคร”
“พระองค์จะเสด็จไปเชลียงฤา”
“ข้าจักอภิเษกผาเมืองกับสุขระ หื้อกินเมืองเชลียง” พระองค์ทรงปลาบปลื้มใจ
“เพคะ...” ศิขินรับรู้จากหน้าประวัติศาสตร์ พระธิดาพระองค์นี้จักได้ครองคู่กับเจ้าผาเมืองแห่งเชียงราช
“คราคืนพระนคร จะเข้าลโวทยปุระ เอาหลานข้าอภิเษก ลโวทยา” กมรเตงตรัสเบาๆ
“ไผ...เพคะ”
“ตรีพุทธา...หลานข้า” พระองค์ทรงกอดศิขินแน่น ด้วยทรงยินดีที่พระราชโอรสได้ทรงครองคู่
พระองค์คงให้นางได้อภิเษกกับราชบุตรพระองค์รอง ชื่อของนางผู้นี้ไม่มีหลักฐานใดในหน้าประวัติศาสตร์ ศิขินยังไม่เคยได้พบกับหลานเธอพระองค์นี้เลย
“วันพรุ่ง...ข้าหื้อนางเข้าเฝ้าตี้นี่... เจ้าจะฮู้จักนาง”
“เพคะ...”
ศิขินทูลขอพักร่างกายให้สมบูรณ์ เพื่อต้อนรับหลานของพระองค์ หลังพระกระยาหารเช้าวันรุ่งขึ้น เธอต้องขอให้นางกำนัลช่วยชำระล้างร่างกายและแต่งเครื่องทรงให้สมกับฐานา
“คืนนี้ข้าจะฮ้องเห่กล่อมเจ้า กอดเจ้าหื้ออุ่นใจ” ศิขินกราบพระอุระขอพระราชทานอภัย เธอไม่อาจให้พระองค์ทรงสำราญสู่สมได้
“อีกสองวาร ข้าจักเอาเจ้า มีลูกหื้อข้าไวไว” พระองค์ตรัสเร่งรัด ทำสาวน้อยต่างมิติกระอักกระอ่วน
“เพคะ...”
ทั้งราตรีพระองค์ทรงกอดเธอร้องเห่กล่อมจนหลับไปกับพระองค์จนรุ่งอรุณ ศิขินสะดุ้งตื่นก่อนพระองค์แล้วค่อยเลื่อนตัวลงจากตั่งบรรทม เดินเข้าไปยังอ่างสรงน้ำภายในห้องด้านข้าง
“รำพา เจ้าช่อยข้าล้างตัวนะ” เสียงแหบพร่าขอร้องข้านางคนที่ไปเก็บบัววันก่อน
“แม่นางบ่ารอพระองค์ดอกรึ... เกรงพระองค์จักพิโรธเอานา” ประโยคนี้ทำให้ศิขินเพิ่งนึกได้
“เออ...พิษไข้วารก่อน หื้อข้าหลงลืม”
“บ่าได้เจียวหนา!!!... พระองค์ฮักแม่นางนัก บ่าหื้อพระองค์ทรงสรงน้ำด้วย จะพิโรธเอานา”
ไม่นานศิขินได้ยินเสียงก้าวฉับๆ เข้ามา เธอกำลังก้มลงกราบพระบาท แต่พระองค์ทรงอุ้มเธอลงในอ่างสรงทันที
“เอาสำราญหื้อข้า... มื้อเบิกตะวัน ข้าจักซำบาย”
สาวน้อยรู้ตัวทันทีว่า เธอคงต้องกระทำภารกิจให้พระองค์เบิกบานพระทัย ก่อนทรงเครื่องเพื่อรอเสวย และแล้วก็เป็นไปดั่งคาดคิด
พระองค์สร้างความปั่นป่วนรัญจวนใจจนเธอส่งเสียงออกมา พละของเหนือหัวจอมพาราล้นเหลือ พระองค์คงไปดำเนินอาบแสงสุริยะรุ่งเช้า เพื่อให้ทรงมีพละอย่างไม่หยุดหย่อน
“ศิขิน...ข้าบ่าอยากจากเจ้าสักเพลาเดียว”
“พระองค์จำต้องเสด็จ...เพคะ”
“ข้าจะหื้อเจ้าตามข้าไป... ก่อนส่งเจ้าเข้าเศรษฐาปุระ” พระองค์ทรงวางแผนในใจจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่า...เธอคือสนมเอก
... ... ...
หลังพระกระยาหารมื้อเช้า หลานเธอได้เข้าเฝ้าที่ห้องรับรองหน้าพระตำหนัก
“กราบถวายบังคม พระเจ้าลุง...”
“กราบสักกา แม่นางสนมเอก” ตรีพุทธาจ้องหน้าของศิขิน
“แม่นางงามเยี่ยงนี้ ... พระเจ้าลุงจึ่งฮักนักฮักหนา” หลานเธอพระองค์นี้เข้าใจวิธีการเอาใจเหนือหัว ทำเอากมรเตงแย้มพระสรวล ฮึฮึ เบาๆ
“มิได้...เจ้าค่ะ” ศิขินเอ่ยทักทาย
“กราบถวายสักกา... เจ้าหลาน ตรีพุทธา”
“พระองค์ทรงตรัสหื้อข้า... เจ้าจักอภิเษกกับเจ้าชายลโวทยา...ข้ายินดียิ่ง เจ้าค่ะ”
“ลโวทยา... สหายข้าแต่ครายังเยาว์”
“ยิ่งสมประสงค์ของเจ้าเจียวนา...” ประโยคนี้ของศิขิน ทำให้นางหน้าแดง
“ข้าจะหื้อเจ้าตามไปกับศิขิน...” กมรเตงตรัสแทรกขึ้น
“ขอบพระทัย...เพคะ”
… … … …
ศิขินได้เตรียมตามเสด็จหลังจากกมรเตงละนคราไปเกือบเดือน ขบวนของตรีพุทธาหลานเธอพระองค์นี้ไม่ได้มากมายเท่าขบวนของพระราชธิดาสุขรเทวี
ก่อนออกจากที่ลโวทยปุระ ศิขินได้ลาจากนางด้วยต้องขึ้นไปเชลียงตามรับสั่ง
“ข้าจำต้องอยู่ตี้นี่ เพื่อตระเตรียมอภิเษก ขอองค์พระศรีบนภวาลัยหื้อเจ้าลุโพยภัยหนา” ตรีพุทธาพนมมือขอพรให้เธอก่อนกล่าวลา
“กราบลา...เจ้าค่ะ” ศิขินพนมมือยกขึ้นไหว้ตรีพุทธา นางรีบยกมือมาจับฝ่ามือทั้งสองของศิขินทันที
“บ่าได้...เจ้าเยาว์กว่าข้า” นางยกมือพนมขึ้นแทนการกล่าวลา ทำศิขินน้ำตาซึม
ศิขินขอพรให้นางโชคดีก่อนถึงวันอภิเษก นางต้องเดินทางรอนแรมเป็นเดือนกับเธอเพื่อมาครองคู่ โดยทั้งสองพระองค์เคยได้รู้จักกันก่อนหน้าแล้วที่พระนคร ฝ่ายชายนั้นเคยพบศิขินที่สำนักวาตี เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามสูงสง่า จิตใจงดงามมีไมตรี และพึงใจเธอเป็นที่สุด
หลังจากได้พักแรมอยู่ลโวทยปุระครึ่งเดือน ขบวนแม่นางสนมเอกใช้เวลากว่าสองเดือนเดินทางต่อ...ขึ้นไปถึงเมืองเชลียง เธอนึกถึงแผนที่ในสมอง นั่นคือเมืองศรีสัชนาลัย กมรเตงทรงรับสั่งให้เตรียมการต้อนรับเธอเพื่อเป่าประกาศให้ได้รับรู้โดยทั่ว
“กราบถวายบังคม อัญกมรเตง...เพคะ” ศิขินเข้าเฝ้ากราบแทบพระบาท
“มา... ข้าหื้อตระเตรียม...จักตีฆ้องฮ้องเป่าหื้อทั่วพารา เจ้าคือสนมเอกข้า”
“เพคะ...” ศิขินน้ำตาซึมที่พระองค์กรุณาต่อเธอเยี่ยงนี้
“วันพรุ่ง... ข้าหื้อฉลองทั่วเวียงหลังฮ้องเป่า... ไพร่ผีฟ้าได้สำราญ” พระองค์ทรงแย้มสรวลให้
หลังจากพิธีเป่าประกาศผ่านไป กมรเตงได้แนะนำศิขินกับทุกคน จากนั้นเธอได้พบกับบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง ในช่วงพระกระยาหารมื้อค่ำ
“ผาเมือง แล สุขระ มา...มา เปิบมื้อย่ำค่ำกับหมู่...”
“กลางหาว แล เรื่องฟ้า ... ข้าฝากแม่นางศิขิน สนมเอกข้า หื้อเจ้าช่อยนางฮู้ความเมือง ก่อนเข้าเศรษฐา”
“พระเจ้าข้า... ยินดียิ่งตี้แม่นางจักเอาวิทยาไปช่อยยาน้อย” เจ้ากลางหาวกล่าวขึ้นพร้อมยิ้มให้ศิขิน
“ข้าจักช่อยฝึกเพลงดาบหื้อแม่นาง...เพคะ” เรื่องฟ้าส่งยิ้มทูลกมรเตง
“แม่นางสนมเอกจากเวียงใดฤา... งามแต้เจียวนา” เรื่องฟ้าถามศิขิน
“ตี้ภวลัยกำปง นฤปติ ราเชนทรบัณฑิต คือลุงข้า เจ้าค่ะ”
“เอย... หลานท่านราชบัณฑิตดอก...ฤา” เรื่องฟ้ากล่าวอย่างยินดี
“ยินดีตี้ ... เจ้าเข้านางใน ตำแหน่งสนมเอก”
“ขอบใจยิ่งนัก... เจ้าค่ะ”
“พระองค์จักหื้อ...เจ้าอยู่ตี้นี่กึ่งราชมาศ ข้าจักเร่งตระเตรียมหื้อเจ้าเอาวิทยาจากข้า”
“ข้าได้ฮู้ความเมืองจากราชวรรณ ราชบัณฑิตแห่งศรีเทพ ยังบ่าฮู้แจ้งเท่าใด จักต้องหื้อเจ้าทั้งสองช่อยข้าล่ะนา”
กลางหาว แลแม่นางเรื่องฟ้า คือคู่หมายที่กมรเตงจำต้องอภิเษก ด้วยพระราชโอรสที่ทรงหมายไว้กับแม่นางนั้นได้สิ้นไปเสียแล้ว ศิขินได้รู้ล่วงหน้าแล้วว่าเหตุทั้งหมดนั้นคืออันใด จำต้องเป็นไปดั่งหน้าประวัติศาสตร์ ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขอย่างใดได้
และแล้ววันยี่ เดือนสิบสอง สัตตศก พิธีแต่งตั้ง โขลญพล แล อภิเษกฤกษ์เบิกเขนย จึงบังเกิดขึ้น โดยกมรเตงทรงตั้งให้เจ้านายทั้งสองอยู่ในตำแหน่ง โขลญพลแห่งเวียงเชลียง ครองเมืองร่วมกันดูแลสุขทุกข์ข้าไต และเตรียมกำลังพลเพื่อช่วยตีซะวาเชียงทองให้เจ้ายาน้อย...ในศกถัดไป
“ข้าหื้อเจ้าทั้งสองครองคู่ขอบขัณฑ์ เบิ่งแลสุขทุกข์แก่อาณาหมู่พารา ผาเมืองอภิเษกสุขระ ร่วมเคียงกินเมืองหื้ออยู่เอาสำราญ ซำบายใจ...”
พระองค์ทรงหลั่งน้ำบนกระหม่อมของทั้งสองพระองค์ แล้วทรงหันไปหลั่งน้ำบนกระหม่อมของกลางหาว แล แม่นางเรื่องฟ้าพี่นางของผาเมือง
“เจ้าทั้งสอง ข้าขอหื้อครองคู่กัน ช่อยกันเบิ่งแลเวียง หื้อผาเมือง แลสุขระ ผ่อนทุกข์ผ่อนยาก ยามใดตี้เจ้าบ่าฮักกัน ข้าจักเอาเวียงนี่คืนหนา” พระองค์ทรงสรวลเบาๆ และโอบไหล่สองเจ้าชาย และยกไหล่พระธิดา แลแม่นางเรื่องฟ้าขึ้นมายืนคู่พระองค์จากนั้นจึงตรัสสั้นๆ
“ข้าจักเอาลูกกับศิขิน ก่อนหมู่เจ้าล่ะ” สุรเสียงฮึฮึในลำคออย่างอารมณ์ดี
“หมู่เฮา จักช่อยยาน้อยเพิ้นตีเอาเชียงคืน พระเจ้าข้า” ผาเมืองกล่าวขึ้นขณะจ้องหน้าพระธิดา
“ผาเมือง... ข้าต้องช่อยศิขินหนา... ยังบ่านึกคิดอันใด” พระธิดาเอ่ยตอบรับ
“แม่นล่ะ...ข้ายังต้องช่อยแม่นางฮู้จักจำแลงกาย เตรียมการเข้าซะวา” เรื่องฟ้าจ้องหน้าศิขิน นางคงคิดว่าหากเธอมีลูก ภารกิจกอบกู้บัลลังก์จะล่าช้าออกไป
“ข้าพะวง... ผิว่านางเอาลูกหื้อข้า จักช่อยหมู่เจ้าจังใด” อัญกมรเตงทรงถอนหายใจ
เสียงหนักแน่นของแม่นางสนมเอก ทูลพระองค์
“ข้าจักยังบ่าเอาลูก...เพคะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 84
แสดงความคิดเห็น