3. เล่ห์นาคา

กรุราชันย์
คุณกำลังอ่าน: กรุราชันย์

-A A +A

3. เล่ห์นาคา

 

‘อคิระแสนกัป’ ถูกนำมาทะลวงกลางใจนาง...ยังแพ้พ่าย

---------------------------------------------------

 

องค์ราชันย์เห็นไม่ได้การแล้ว มัวแต่ต่อกรกับนางผู้นี้ การทะลวงกลางใจเธอเพื่อดึงพลังงานตรงจุดนั้นคงไม่สำเร็จผล

... ... ... ...

 

“แม่ญิง...ทำไมจึงอยู่ที่นี่ล่ะคะ” ดารินวิ่งเข้ามากอดบัวระวง ตัวสั่นถามลูกสาวเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานด้วย

“แล้วพี่รินมาได้ยังไงคะ”

“ถูกปล่อยออกมา พี่ๆ อีกสามคนยังถูกจับขังไว้อยู่เลย...น่ากลัวมาก” ดารินกอดหญิงสาวแน่น

 

เธอคนนี้ดูสนิทสนมกับบัวระวง สายตาที่มองมาด้วยความสงสัย มองไปโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ฝาผนังรอบห้องเต็มไปด้วยภาพแกะสลักเหลืองอร่ามเงาทองแวววาว เป็นประกายที่ลวดลายพญานาคาเกี้ยวพญานาคินี

 

“เอะ...นายคนนั้นหายไปไหนแล้ว!!!” บัวระวงเผลอไปชั่วขณะเมื่อเห็นดารินวิ่งทะลุฝาผนังห้องเข้ามา

“ไม่เห็นมีใครนี่นา...” ดารินสะดุ้งหันซ้ายแลขวามองไปรอบๆ

“พี่ริน...เรามาอยู่โลกบาดาลอ่ะ” เธอโพล่งบอกไป

“ฮือ...ฮือ...ฮือ เราจะออกไปได้ยังไงกันคะ แม่ญิง” เสียงสะอึกสะอื้น ทั้งผวาตกใจทำให้เธอกอดหญิงสาวแน่น

 

บัวระวงเริ่มคิดได้...อย่างน่าสงสัย...รูปแกะสลักผู้หญิงตรงฝาเบื้องหน้านั้นเหมือนแม่เธอมาก และถ้าเป็นเช่นนั้นพญานาคาที่กระหวัดรัดร่างผู้หญิงคนนี้เป็นใครไปไม่ได้ ต้องเป็นพ่อเธออย่างแน่นอน แม่เคยเล่าให้ฟังเหมือนนิทานกล่อมนอนตั้งแต่เด็กแล้วว่า เธอเป็นเชื้อสายพญานาค ไม่ต้องเกรงกลัวภยันตรายใดใด ด้วยฤทธิ์นาคาของพ่อยังคุ้มครองอยู่เหมือนเดิม แต่มันแค่สงบลงด้วยการเปลี่ยนภพชาติ

“ทำยังไงดี...จะหาวิธีออกจากมิตินาคราชนี้ได้” เธอเริ่มตระหนกเช่นกัน

“พี่ริน...บัวจะลองเอามือไปลูบตรงภาพแกะสลักผู้หญิงนั่นดู เผื่อมีหนทาง”

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ เธอได้ยินเสียงแว่วของผู้หญิงเข้ากลางดวงจิต

“มาลูก...แม่รอเจ้าอยู่” เสียงประหนึ่งพระนางทิพปภาในภพชาตินาคินี

“แม่รึเปล่าคะ...ช่วยลูกด้วย” บัวระวงพึมพำเบาๆ ขณะก้าวออกไปพร้อมดาริน แล้วเดินเข้าไปจนใกล้ จึงยกฝ่ามือค่อยลูบผนังตรงรูปผู้หญิง

“ทำไมลวดลายถึงเนียนเรียบ ดูไม่รู้เลยว่าแกะสลัก” หญิงสาวหันไปมองหน้าดารินที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

แสงสว่างจากประกายทองรอบตัวห้อง ทำให้ทั่วบริเวณระยิบระยับดั่งวิมานของทวยเทพ บัวระวงรู้สึกเหมือนพลังงานจากรูปผู้หญิงที่อยู่ในท่าอุ้มสังวาสกำลังชาร์จเข้ามาตรงจุดปานสีชมพูบนหน้าอก ความรู้สึกราวไฟหมื่นองศากำลังช็อตเข้าสู่ทุกอณูเซลล์ซึ่งกำลังเต้นกระตุกอยู่

 

“แม่ขา...ช่วยพวกเราด้วยนะคะ”

“พูดอะไรน่ะ...พี่ งง สับสนไปหมด นายหญิงไม่ได้อยู่นี่นะ” ดารินมองจ้องหน้าเธออย่างฉงน

“พี่ริน...อย่ารู้เลย จะขนลุกเปล่าๆ”

“ฮะ...เรื่องอะไร มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ”

“แน่นอน...สู้ไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า” เธอปฏิเสธจะเล่าใดใด

 

บัวระวงหันหน้าไปมองภาพพญานาคที่เอาร่างรัดผู้หญิงคนนี้อยู่ ท่วงท่านาคาสังวาสของทั้งคู่งดงามหวานละมุน สมสง่าเยี่ยงพญานาคาธิบดีในลีลาบทวิเศษอัศจรรย์ ซึ่งควรแก่กาลวาระนั้นยิ่งนัก

 

“พี่ได้หินนี้มา ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าจะช่วยเรากลับสู่ภพภูมิเราได้” ดารินแบมือขวาที่กำไว้แน่น เธอถูกสั่งให้เก็บไว้เพื่อเอามาให้นายหญิงที่มาด้วยกัน

“ขอดูหน่อย...” บัวระวงหยิบหินขนาดเท่ากระปุกครีมทาหน้าขนาดเล็ก แกะสลักเป็นรูปกลีบกุหลาบสีแดงอมชมพู

 

เธอลองโยนเบาๆ ขึ้นลงอยู่ในอุ้งมือ ตรวจความหนักของหิน

“น่าจะเป็นหินแท้...จะเอาไว้ทำอะไร”

“ได้ยินว่า ช่วยเรากลับไปภพภูมิเราได้” ดารินจ้องแววตาของสาวน้อยลูกประธานบริษัทโธรบี้

“อือ...จะไปด้วยวิธีไหนล่ะ” บัวระวงส่ายหน้า อับจนหนทาง

 

เธอนึกได้ว่าเคยเอาหอยสังข์เล็กๆ มาแนบหูสมัยเด็กๆ ได้ยินเสียงประหลาดจากร่องของมัน จึงตัดสินใจเอาหินนี้มาแนบหู... ตรงกลางใจเธอมีความรู้สึกประหลาด หัวใจกระตุกเต้นแรงขึ้นอย่างผิดปกติ

“โอ้ย...โอ้ย...” เสียงสุดท้ายของหญิงสาวเบาลง...เบาลง แล้วหยุดเงียบลงในทันใด

 

“ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า นางต้องมนต์วิสัญญีข้าแล้ว”

 

ร่างของดารินกลับกลายเป็นจันทรปภาในร่างชายหนุ่มผิวกายคล้ำออกแดง หน้าตาคมสัน กรามนูนขึ้นสัน ดวงตาคมเป็นประกาย กำลังมองเรือนร่างของหญิงสาวในอ้อมอก

‘...หลานรัก จงเร่งดูดพละอันพิเศษละมุนจากนาง...’ เสียงแม่เจ้าสั่งเข้าสู่กระแสจิต

 

ชายหนุ่มกำลังร่าย อคิระแสนกัป ส่งพลังงานทะลวงเข้ากลางใจ เขามิอาจเริงนาคีเพื่อดูดพิษให้ไหลเข้าสู่ร่างผ่านเขี้ยวนาคินได้

 

‘นางปริศนาผู้นี้คือมนุสสา จึงมิอาจกระทำเยี่ยงนั้น แล้วนางคือใครจึงมีพิษสงต่อกรข้าได้ ??!!!...’ คำถามนี้วนเวียนอยู่ในดวงจิตสร้างความกังวลต่อเขายิ่งนัก

 

นิลมนตรา ที่ร่ายออกมาครานี้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขาได้มนต์พิศวง อคิระแสนกัป จากการบำเพ็ญที่นิลสิงขรกับแม่เจ้านิลตวง ขณะนั้นเขามีอายุได้เจ็บขวบ ใช้เวลาบำเพ็ญบ่มญาณนานเจ็ดขวบนาควรรษอันเทียบเท่าหนึ่งแสนนาคกัป มนตราบทนี้จึงบังเกิดขึ้น

 

เสียงร่าย...อคิระแสนกัป กำลังกังวานไปทั่วบนยอดตำหนัก ภายในหอสังวาสเกิดแรงสั่นสะเทือนดั่งเหตุอัศจรรย์ของเหล่านาคาสังวาส...แต่กาลครั้งกระโน้น

 

“เหตุอันใดนี่ มังสาของข้าจึงร้อนดั่งไฟเผาทั่วร่าง” จันทรปภาร้องคร่ำครวญปวดแสบปวดร้อน ดิ้นพรวดพราดแทบทนไม่ได้ ร่างกายของเขาถูกช็อตราวหมื่นองศา

 

... ... ... ...

 

“นาย...เป็นอะไร ตื่น...ตื่น!!!” เสียงกระชากแหลมดัง ทั้งเขย่าร่างชายหนุ่มที่หลับใหลอยู่

 

บัวระวง...ตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงุน ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เท่าที่มองสำรวจไปทั่วห้อง ไม่มีการต่อสู้ระหว่างเธอกับเขา พอควบคุมสติได้ จึงได้นึกย้อนไปก่อนการถูกสะกดให้หลับใหล

 

“เฮ้ย...ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ผิวกายคล้ำออกแดง กรามยกนูนเป็นสัน คิ้วดกดำรับรูปหน้า ปากหนามุมเป็นกระจับ” สาวน้อยพึมพำ

“โห...หล่อจัง dark tall and handsome นิ... ตอนอุ้มสมเรามา...หน้าดำอย่างกับยักษ์มักกะสัน!!!” บัวระวงพูดไปขำไป นึกถึงเรื่องราวอย่างกับนิยาย อุ้มสมราตรี

 

‘ความเจ้าเล่ห์ของนาคราชตนนี้ น่ากลัวชะมัด เมื่อคืนตอนพามา หน้าตาดุร้าย ดุดันเหมือนจะฆ่ากัน แต่ตอนนี้กลายร่างถอดรูปเงาะ’ บัวระวงแอบชื่นชม แม้จะโกรธเขาอยู่ก็ตาม

 

หญิงสาวลุกขึ้นเดินมองรอบหอสังวาส ผนังไร้บานประตูหน้าต่าง เธอนึกประหลาดใจ ไม่มีรูให้อากาศเข้าได้ แต่เธอรู้สึกว่ามีออกซิเจนอยู่รอบกาย ไม่อึดอัด สมองกลับปลอดโปร่งเหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์

 

ขณะยืนหันหลังจ้องรูปพญานาคากับรูปผู้หญิงคล้ายแม่ของเธออยู่ ทันใดมือหนาคว้าเอวให้เธอหมุนกลับไป... หน้าอกเธอดันชนหน้าอกหนาๆ เข้าอย่างแรง

 

“เฮ้ย...นี่ทำร้ายฉันอีกแล้วนะ” บัวระวงเงยหน้าขึ้นไปเห็นแววตาดุดัน

“ข้าหลับใหล...มิได้ดูดเอาพิษจากร่างเจ้า เจ้าเป็นใครรึ!!!” เสียงกระชากไม่พอใจ

“นายทำอะไรไม่ได้...ใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวทำหน้าท้าทายอยู่ในอ้อมอกเขา

“เจ้าคือใคร...จึงมาต่อกรข้า...ฮะ!!!” ชายหนุ่มฉุนเฉียว มนต์บทนี้ยังเล่นงานนางไม่ได้

“นายต้องการอะไร บอกฉันมา เผื่อช่วยได้!!!” เธอทำหน้าเชิดใส่ สมน้ำหน้าประมาณว่ามีฤทธิ์ขนาดนี้ยังทำอันตรายผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ...ไม่ได้

 

จันทรปภาสีหน้าหงอยๆ เกรงว่าแม่เจ้านิลตวงรู้เข้า เขาต้องถูกนางพิโรธกลางท้องพระโรง

 

พญานาคาเยี่ยงเขาปกครองนคราแห่งนี้ด้วยนาคินีสั่งการอยู่เบื้องหลัง เขาจึงถูกบังคับให้กระทำการตามที่นางปรารถนาตลอดมา

 

“อันใด...ฤทธิ์ข้าจึงต่อกรเจ้ามิได้...ฤาญาณข้าสาปสูญ” เขายอมรับอย่างแปลกใจ นางต้องมีพลังวิเศษนั้น แม่เจ้าจึงต้องการให้เขาทะลวงดูดเอาพละนั้นออกมา

 

บัวระวงเหวี่ยงเอาแขนที่โอบเอวเธอไว้ออกไป แล้วจ้องแววตาของชายหนุ่มก่อนหันไปชี้ที่รูปพญานาคารัดร่างผู้หญิงในท่าอุ้มสังวาส

 

เธอเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ชิวๆ ไร้กังวล

“นี่ไง...อย่างที่เห็นนั่นล่ะ!!!”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.