1. คราหัวใจพังภินท์
คำโปรย
หลังคืนนครา ใจเจียนพังภินท์ นางเดียวในดวงแด...ถวายตัว
----------------
ครั้นยาน้อยคืนนคราพร้อมข้าร่วมกรำศึกเหลือรอด โขลญนำทัพจากหัวเมืองแลเหล่าทัพหลังเข้าช่วยต่อตีทั้งหลายแทบหมดพละแลกำลังใจ ด้วยโศกาอาลัยที่สูญเสียโขลญทัพพระราชโอรสของอัญกมรเตง
“กราบถวายบังคม... พระเจ้าเข้า ข้ากราบขอพระราชทานอภัย ตี้เอาศรีนันทระคืนนคราบ่าได้... ข้าผิดยิ่งนักตี้หื้อพระองค์อาดูรเยี่ยงนี้” ชายหนุ่มกราบทูลด้วยความเศร้าโศก
“จักเยี่ยจังใดได้...บุญลูกน้อยข้ามาเท่านี้” พระองค์เข้าไปยกไหล่ของพระชายาสวันยาที่กำลังหมอบหน้าร่ำไห้ใจสลายแทบวางวาย ...มาซบพระอุราตบหลังเบาๆ ปลอบขวัญ
“สวันยา...เจ้ามีศรีนันทระหื้อข้าดีใจ ผิว่ารอดศึกนี่ ข้าจักหื้อมันครองศรีสัชนา” พระองค์สะอื้นเบาๆ ในหทัยกับพระชายา
ทั่วทั้งนคราได้ไว้อาลัยในพิธีปลงพระศพของพระราชโอรสองค์น้อย ราชสำนักศรียโสธรปุระได้มีการปลงโศกาอาดูรของเหล่าพระราชวงศ์ ศิขินถูกเรียกให้เดินทางกลับมายังพระนครเพื่อร่วมในพิธีนี้ด้วย
“กราบถวายสักกาแม่เจ้า แล พระชายา เพคะ” ศิขินเอ่ยทั้งสะอื้นเบาๆ
เธอย้อนนึกถึงครานั้นที่พระชายาได้ให้เธอติดตามไปถวายสักการะต่อองค์พระศรีศิขเรศบนยอดภวาลัย ขอโชคชยะอำนวยให้พระราชโอรสพ้นโพยภัยคืนนครา แต่ศิขินได้รู้แล้วจากหน้าประวัติศาสตร์ เธอเพียรขอพรจากองค์พระศรี แต่พระองค์ได้สำแดงให้เธอประจักษ์แจ้งแล้ว... แม้เธอได้ก้าวข้ามกาลเวลาเข้ามา ก็มิอาจฝืนลิขิตนั้นได้
ศรีนันทระได้ถูกกลลวงจากข้าศึก ระหว่างนำทัพกลับหลังจากตีเอาอินทรปุระคืนแล้ว แต่ทัพพระสยัมภูเกิดชะล่าใจมิได้กำราบเสี้ยนศึกให้สิ้นซาก จึงเหลือทัพที่เล็ดลอดมาจู่โจมตลบหลังทัพหน้าของศรีนันทระที่ล่วงทัพมาก่อนแล้ว พระราชโอรสน้อยพระองค์นี้มิทันระวังจึงถูกลอบปลงพระชนม์กลางดึก
“ผาเมือง ยาน้อย อาลัยยิ่งนัก ด้วยทั้งสองบ่าได้ทันพิทักษ์พระอนุชาน้อย” แม่เจ้าสะอื้นเล่าความเป็นไปให้ศิขินรับรู้
"สิงเก้า แล ลโวทยา หักใจบ่าลง เอากริชปาดข้อมือ เอาเลือดตกต้องธรณีว่า จังใดจึงบ่าเบิ่งบ่าแลน้อง...เฮ้อ...อออ” แม่เจ้าถอนหายใจยาวเหลือเกิน พระนางนั่งบนตั่งกอดพระชายาที่ร่ำไห้จนพระเนตรแดงก่ำ
“ข้าเสียใจยิ่งนัก เพคะ... ข้าขอองพระค์ศรีบนเทิงปกปักหื้อพยาธิพระชายาแข็งแรงไวไว...”
ศิขินคลานเข้าไปกราบแทบเท้าของพระชายา นางโผเข้ามาหายกไหล่ศิขินขึ้นแล้วเอาหน้ามาซบสะอื้นจนสไบของเธอเปียกชุ่มด้วยคราบน้ำตา
หลังพิธีปลงโศกาอาดูรของเหล่าพระราชวงศ์ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ กมรเตงชคตะ ศรีชัยวรมัน ได้เรียกประชุมเพื่อแจ้งในท้องพระโรง ณ พระตำหนักต้น ถือเป็นประกาศอย่างเป็นทางการเฉพาะในหมู่นางสนมของราชสำนัก
“ข้าขอแจ้งหื้อเหล่าสนมนางใน เพลานี้...หื้อแม่นางศิขินเข้าตำหนักนางในตี้พระตำหนักต้น ยกแม่นางเข้าตี้ตำแหน่ง สนมเอก...”
พระสุรเสียงประกาศก้องกังวาน พระองค์แย้มสรวลเดินลงมาจากพระราชอาสน์ ตรงมายังสาวน้อยต่างมิติ ก้มลงยกไหล่เธอขึ้นมายืนเคียงคู่พระองค์ แล้วโอบไหล่ผายมือให้กับเหล่านางในทุกคนได้เห็นหน้า
พระองค์ได้เรียกเธอเข้าเฝ้าก่อนหน้าแล้วว่าจะไม่มีพิธีรีตองมากมาย ด้วยราชสำนักยังอยู่ในช่วงโศกเศร้าจากพระราชพิธีปลงพระศพมาได้ไม่นาน
“เป็นพระกรุณาหาที่สุดมิได้ เพคะ” ศิขินตอบพระองค์ขณะซบอยู่ที่พระอุระ
หลังจากที่เหล่าสนมนางในรับทราบทั่วกันแล้ว เธอถูกส่งให้เข้าไปพำนักที่ห้องเล็กข้างห้องทรงบรรทมของพระองค์ เป็นห้องที่เธอเคยนอนพักรักษาตัวขณะถูกพิษของนางอัปสราจามปาที่ชื่อ ‘สิรา’
ตกยามราตรีศิขินถูกอัญกมรเตงเรียกให้เข้าเฝ้าเพื่อร้องเห่กล่อมบนพระแท่น
“คืนนี้เจ้าต้องเห่จำเรียงหื้อเอากับข้า มื้อก่อน...เจ้าเห่ข้าบ่าได้เอาเจ้าบนเทิง” พระองค์ตรัสและก้มลงยกไหล่สาวน้อยขึ้นมาซบพระอุระ ครานี้ศิขินตัวเนื้อสั่นเป็นลูกนก
“จังใด...จึ่งหวาดข้านัก” พระองค์ทรงพินิจใบหน้านวลอย่างสงสัย
“ข้าพะวง... เพลานี่ยาน้อยคืนนครา เพิ้นระทม แลพิโรธด่าว่าข้า เพคะ”
เธอจนใจไม่รู้จะทูลเช่นไร เธอไม่กล้าสู้หน้าเจ้าชายว่าที่ราชบุตรเขยพระองค์นี้เลย รู้แต่เพียงว่า เขาได้เอ็ดตะโรต่อหน้าแม่เจ้าที่พระตำหนักอย่างสาดเสีย พาดพิงเธอกับพระองค์อย่างเสียหาย
“วันพรุ่ง ข้าหื้อมันเข้าเฝ้า ข้าจักกำราบมันฮู้จักฮู้ความ ข้าคือจอมพารา จะสั่งเอาไผเข้าตำหนักนางใน ...อยู่ตี้ข้า มันจะข่มเหงเอาเจ้าบ่าได้ เจ้าเต็มใจหื้อข้าเอาขึ้นเทิง”
พระองค์สั่งให้ศิขินตระเตรียมเข้าร่วมสรงน้ำด้านหลังห้องทรงบรรทม เป็นตระพังขนาดย่อมที่เหล่านางกำนัลได้เตรียมเทน้ำปรุงอบร่ำกลิ่นหอมจรุงจากคนโทผสมลงในอ่างอาบน้ำนั้นไว้แล้ว
“เพลาต้น...แต่ตี้เรือนพลับพลา เจ้าบ่าได้สรงน้ำกับข้า”
“เพคะ...” เธอแค่รับคำ
สุมากำลังเดินเข้าพระตำหนักทรงบรรทม เพื่อมาแจ้งศิขินให้เข้าเฝ้าพระชายาวันรุ่งขึ้น ทันใดนั้นเอง...
“อุ๊ย...เจ้ายาน้อยมาเยี่ยหยังตี้นี่ เจ้าคะ” สุมาสะดุ้งที่เผชิญหน้ากับราชบุตรบุญธรรมแห่งกมรเตง
“ข้ามาหา...แม่นางสนมเอก”
“เจ้าชาย...บ่าฮู้ฤาแสร้ง...ว่า!!! ตี้เขตพระตำหนักอัญเพิ้น ห้ามผู้บ่าวเยี่ยมหน้า...เจ้าค่ะ” สีหน้าสุมาตกใจ เกรงพิโรธแห่งองค์เหนือหัวจะฟาดลงที่ชายหนุ่ม
“เจ้าล่ะ...มาหาไผ”
“พระชายาเรียกหาศิขิน ...ข้าลานะ เจ้าค่ะ” เธอเลี่ยงไปอีกทาง ไม่อยากให้ศิขินมาเจอชายหนุ่ม จะเป็นเรื่องหากพระองค์มาเห็นเข้า
“เจ้าเล่าเก้าสู่แม่นางแทนหื้อข้าที... ข้าใคร่ปะแม่นางวันพรุ่ง ตี้พระตำหนักแม่เจ้า” เขายังไม่เลิกราที่จะวอแวกับนาง ทำสุมาถอนหายใจอย่างรันทดแทนเขา
สุมาเร่งเข้าไปรอด้านหน้าพระตำหนักทรงบรรทม ข้านางที่รอศิขินเพื่อตระเตรียมสรงน้ำ รุดเข้าไปตรงอ่างตระพังแจ้งข่าวกับเธอ
“มีอันใดฤา...มาตี้นี่ ข้าจะสรงน้ำหื้อพระองค์” ศิขินกระวีกระวาด เกรงพระองค์จะออกจากห้องเปลี่ยนเครื่องทรง
“พระชายาเพิ้นหื้อเจ้าเข้าเฝ้า วันพรุ่งเพลาบ่ายตีโมงสาม”
“ทูลพระนางว่า ข้าจะเข้าเฝ้าตี้พระตำหนัก ฝากเฝ้าแหน...แม่เจ้า แล พระชายาหื้อดี ข้าพะวงเพิ้นจะเจ็บไข้ล่ะนา” ศิขินจับมือสุมาอย่างกังวลใจ
“ข้าปะเจ้าชาย หน้าพระตำหนัก...เพิ้นขอเจ้าหาเพิ้นตี้พระตำหนักแม่เจ้าวันพรุ่ง เพลาเช้าหลังพระกระยาหาร”
“ได้...ข้าจะไป เว้าสู่เพิ้นบ่าต้องแคลงใจ...” เธอไม่อาจปิดบังสุมาได้
“ศิขิน...รักษาตัวหื้อดี...หนา”
“บ่าต้องพะวง ... สุมา ข้าฮู้ว่าเจ้าพะวงกับชะตาข้า”
“ข้าไปล่ะ...แม่นางสนมเอก” สุมายินดีกับตำแหน่งใหม่ของเธอ
ศิขินรีบเข้าไปที่นั่งพับเพียบ รอกมรเตงตรงขั้นบันไดศิลาทางลงอ่างสรงน้ำ ซึ่งเหล่าข้านางกำนัลเรียกขานว่า ตระพังสรงสนาน พระองค์จะใช้สถานที่สรงน้ำกับพระอัครชายา พระชายา รวมทั้งเหล่าสนมนางในที่ทรงโปรด
ยามศุกลปักษ์ข้างขึ้นพระองค์ จะใคร่ทรงเรียกหานางในหทัยร่วมสรงสนานด้วย บางคราอาจมีเหล่าสนมสองถึงสามนางร่วมลงเอาสำราญ แต่ที่ศิขินประสบเคราะห์ร้ายครานั้นเป็นต้นมา พระองค์ยังไม่ได้เรียกหาใครเข้าร่วมสรงสนานด้วยอีกเลย
ตกค่ำ ณ ยามนี้พระองค์ทรงรับสั่งให้เธอร่วมสรงสนานด้วย จึงนับเป็นราตรีแรกที่พระองค์ทรงเบิกบานใคร่เอาสำราญกับเธอ
“มา...มา ข้าใคร่เอาเจ้าขึ้นเทิง ฮ้องเห่จำเรียงหื้อสำราญ...” พระองค์ตรัสเบาๆ ข้างหู แล้วจูงมือสาวน้อยลงแช่ตัวลงไปในอ่าง กลิ่นหอมดอกลันตาอบอวลทั่วบริเวณ เหล่านางกำนัลถูกพระองค์ส่งสัญญาณให้ออกจากบริเวณ
ศิขินแช่อยู่ในอ่างสรงน้ำกับพระองค์จนระฆังตียามหนึ่ง อัญกมรเตงทรงสำราญมาก...เปลือยพระวรกาย พระเนตรฉ่ำเยิ้มมองสาวน้อยต่างมิติ จุมพิตเธออย่างรักใคร่ด้วยเสน่หา ที่มิอาจเปรียบปานกับนางใดได้ สาวสะคราญขบเผาะเช่นเธอ ทำหทัยพระองค์อิ่มเอมเปรมปรีดาเหลือล้น
“ข้าขอเจ้าหื้อเห่จำเรียงสู่สมบนเทิง...เบิกสำราญตี้นี่ถึงรุ่งสาง ...ได้บ่อ” พระองค์ทรงกระซิบเสียงกระเส่า จุมพิตยั่วเย้าไล้ตรงซอกคอ
“อืม...อืม...กำซาบทรวงยิ่งนัก เพคะ” ศิขินเสียงแหบเบาหายไปกับสายลมด้วยใจปั่นป่วน
“พระองค์ทรงพละยิ่ง...ข้าจะบ่าได้นอนล่ะนา” เสียงสาวน้อยยั่วเย้า
กมรเตงทรงอุ้มสาวน้อยผิวสีเหลืองปนน้ำผึ้งเปลือยกายขึ้นจากอ่างสรงสนาน แล้วตรงเข้าห้องทรงบรรทม ทรงรับสั่งให้เธอขึ้นบนพระแท่น จากนั้นจึงดึงผ้าห่มเพื่อให้ซับน้ำออกจากร่างกายของสาวน้อย
“ศิขิน...เจ้าฮ้องเห่จำเรียงเอาหื้อพิเราะ...เยี่ยงตี้เคหาสน์หนา ข้าฮักเจ้าเยี่ยงศรีขริน”
พระองค์ทรงพร่ำเพ้อขณะบรรทมกึ่งหลับกึ่งตื่น หลังจากเสพสมสาวน้อยอย่างสุขสำราญ
เธอตื่นขึ้นยามรุ่งสางเตรียมตัวเพื่อช่วยพระองค์หลังทรงตื่นจากบรรทม
“ศิขินหลังกระยาหารมื้อเช้า เจ้าไปเฝ้าแม่เจ้า... แล้วมาเปิบมื้อตรงตะวันด้วยข้า...ข้าจักรอ” อัญกมรเตงจูงมือสาวน้อยเดินชมสวนสราญข้างพระตำหนัก อาบแสงพระอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง
“ศิขิน...ตะวันส่องเพลาอรุณรุ่ง ข้าได้เอาพลังจากสุริยา คืนพละตี้ข้าสู่สมเจ้ายามราตรี”
“อันใดฤา...เพคะ ข้าบ่าฮู้ความ”
“ราตรีปักษ์นี่...บ่าใช่ศุกลปักษ์ ข้าเสพสมเอาเจ้า พละข้าจักหายไปสองราตรี ข้าจึ่งต้องเอาพลังจากสุริยาช่อยข้าคืนนี้...”
พระองค์ทำให้เธอรู้ว่าพลังจากแสงอาทิตย์จะคืนพละกำลังให้ทรงร่วมกระทำภารกิจในคืนนี้ได้อย่างราบรื่นไม่ถดถอย
หลังมื้อกระยาหารเช้าสิบโมงแล้ว ศิขินขอลาพระองค์เพื่อไปเข้าเฝ้าแม่เจ้าพันเวียงทองที่พระตำหนัก... ตามที่เจ้ายาน้อยได้สั่งฝากสุมาให้เธอเข้าไปพบ
“จังใด...เจ้าจึ่งบ่าฟังคำข้า...ฮะ” เสียงพิโรธจากเจ้าชายหนุ่มดังสนั่นกลางสวนน้อยด้านหลังพระตำหนักแม่เจ้าติดกับพระตำหนักพระชายาสวันยา
“ข้าขอกราบล่ะ...เจ้าค่ะ” ศิขินตอบได้เพียงแค่คำนี้ เธอแน่นจุกอกไม่รู้จะเอ่ยคำใดได้ ความผิดบาปที่มีอยู่ในใจของเธอสะกดสำนึกอยู่ทุกเพลา
“เจ้าคือแม่นาง ตี้ข้าฮักแต่คราแรกบนเทิงพระศรี ...ใจข้าเจียนขาด มื้อแรกถึงนคราแม่เจ้าเล่าเก้าสู่ข้า ...เจ้าถวายตัวหื้ออัญเพิ้นล่ะ ...ข้าบ่ามีใจอยากข้าวอยากน้ำ ทุกข์ตรมนักด้วยข้าฮักเจ้า”
ยาน้อยตัดพ้อ เสียงทดท้อปนเศร้า แล ทั้งใบหน้าซูบเซียวราวคนหมดอาลัยตายอยาก ชายหนุ่มเดินเข้ามายกไหล่ของศิขิน ซึ่งเธอคุกเข่ารอฟังคำพร่ำรำพันอย่างสำนึกผิด
“ข้าบ่าโทษเอาผิดเจ้า ...ข้าผิดเองตี้เชื่อใจพระองค์ ฝากหื้อเบิ่งแล...สุขทุกข์แก่เจ้า” ชายหนุ่มรั้งร่างสาวน้อยที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว เข้ามาแนบอกอย่างอาลัย
“ศิขิน... เจ้าบ่ามีใจหื้อข้าล่ะฤา”
“บ่าใช่...เจ้าค่ะ อัญเพิ้นดีต่อข้ายิ่งนัก ข้าพึงใจกตัญญูต่อพระองค์”
“จังใด...ข้าบ่าแจ้งใจ”
“ข้าถูกพิษร้ายปางตายจากนางอัปสราจามปา พระองค์เฝ้าถนอมเบิ่งแล...จนข้าฟื้นคืนพละ”
“อัญเพิ้นหื้อนักเวททุกผู้ช่อยรักษาข้า... บ่าใช่พระองค์ ข้าคงบ่าได้ปะเจ้าชายพระองค์นี้ล่ะนา” เธอน้ำตาซึมขอบตา
“ศิขิน... เจ้าฮักไผ... เว้าหื้อข้าแจ้งใจ ข้าจักผละเจ้าออกจากใจข้า...” เจ้าชายว่าที่ราชบุตรเขยเอ่ยถามขณะจ้องตาของเธอ
“ข้าบ่าเลือกไผ...เจ้าค่ะ อัญเพิ้นกรุณาข้า”
สิ้นเสียงของสาวน้อย ชายหนุ่มจับคางเธอเชิดขึ้นจุมพิตริมฝีปากอย่างรักใคร่ปนสะอื้นเบาๆ เขายังฝากรอยประทับบนริมฝีปากเธอเนิ่นนาน จนปากเธอบวมแดง
“ข้าจำต้องเอาอัญเพิ้นเป็นสรณะ... ผิดบาปมหันต์ตี้ยะเยี่ยเยี่ยงนี้” เธอหวาดกลัวโทษทัณฑ์ หากกมรเตงรู้ความจริง
“ศิขิน...ข้าบ่าได้แนบชิดเจ้าเลย... ข้าเพียรรักษาตัวเจ้าเพื่อกาลเบื้องหน้า...เจ้าทำร้ายใจข้านัก”
ศิขินถูกชายหนุ่มลากเธอเข้าไปยังห้องเล็กด้านหลังของพระตำหนัก ซึ่งไว้สำหรับพักผ่อนยามตะวันบ่ายคล้อย
ศิขินผวาตกใจ เขากำลังลากเธอเข้าไปยังตั่งนอน
"จังใดจึ่งข่มเหงข้าเยี่ยงนี้...”
“ข้าจะต้องเอาเจ้ามื้อนี่ล่ะ!!!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 86
แสดงความคิดเห็น