ตอนที่ 1,003 เผาผลาญพลังชีวิต
ตอนที่ 1,003 เผาผลาญพลังชีวิต
สถานการณ์ของเซี่ยเฟยในปัจจุบันค่อนข้างที่จะย่ำแย่มาก เพราะเขาได้สูญเสียไพ่ใบสำคัญอย่างเคาน์เตอร์แคกตัสไปแล้ว และแม้แต่หงส์ครามก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ศัตรูในคราวนี้มีความแข็งแกร่งเหมาะสมกับการที่อีกฝ่ายเป็นผู้สร้างดินแดนกฎขึ้นมาจริง ๆ เพราะแรงกดดันที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาเริ่มทำให้เซี่ยเฟยหายใจไม่ค่อยออก
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่หงส์ครามได้รับบาดเจ็บสาหัส สไมล์ที่อยู่ในระยะไกลก็เริ่มปลดปล่อยการโจมตีของเขาออกมาด้วยเช่นกัน
สไมล์และไดร์เป็นการจับคู่ที่รับมือได้ยากมาก โดยคนหนึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎแห่งมิติ ขณะที่อีกคนมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎแห่งสสาร
ยิ่งไปกว่านั้นไดร์ยังสามารถประสานกฎแห่งสสารเข้ากับร่างกายของตัวเองได้ จนทำให้ร่างกายของเขากลิ้งไปกลิ้งมาได้ราวกับลูกบอลสายฟ้าที่ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่มันยังมีความเร็วสูงถึง 2 ล้านเมตรต่อวินาทีอีกด้วย
แม้แต่เซี่ยเฟยที่ฝึกฝนกฎแห่งความเร็วของสกายวิงก็เพิ่งจะมีความเร็วเพียงแค่ 2 ล้านเมตรต่อวินาทีเท่านั้น มีเฉพาะช่วงที่เขาระเบิดพลังงานจากสมอง มันจึงจะทำให้เขาสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 4 ล้านเมตรต่อวินาที
อย่างไรก็ตามไดร์ที่ไม่เคยฝึกฝนกฎแห่งความเร็วเลยแม้แต่นิดเดียว กลับสามารถเร่งความเร็วได้สูงถึง 2 ล้านเมตรต่อวินาที ซึ่งมันเป็นความสำเร็จที่น่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ
เมื่อขนอุยเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี มันก็ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปล่อยลำแสงพลังงานขนาดใหญ่เพื่อสกัดกั้นการโจมตีในระยะไกลของสไมล์ไม่ให้มันเป็นอันตรายกับเซี่ยเฟย
ถึงแม้ว่าขนอุยจะสามารถต้านทานการโจมตีระยะไกลของสไมล์ได้ แต่สถานการณ์ของเซี่ยเฟยก็ยังคงยากลำบากอยู่ดี เพราะถึงแม้เซี่ยเฟยจะเร็วกว่าไดร์ แต่ไดร์กลับมีปฏิกิริยาการตอบสนองที่เร็วกว่าเซี่ยเฟย
ยิ่งไปกว่านั้นผิวหนังของไดร์ยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าโลหะที่แข็งที่สุดที่ชายหนุ่มรู้จัก มันจึงทำให้การโจมตีธรรมดาไม่สามารถทำร้ายชายร่างผอมคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเฟยอาศัยทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายอันน่าเหลือเชื่อเพื่อหลบหลีกการจู่โจมของไดร์ ก่อนที่เขาจะใช้ธนูผนึกสวรรค์เพื่อจู่โจมไปยังผู้สร้างร่างผอม
“แกคิดจะใช้ธนูผนึกสวรรค์กับฉันงั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่ามันคือธนูที่ฉันเป็นคนมอบให้กับโมฮาด้วยตัวเอง แล้วของแบบนั้นมันจะมาทำร้ายฉันได้ยังไง?!” ไดร์ส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่จะเคลื่อนไหวหลบออกไปนอกระยะการโจมตี
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของศัตรูในครั้งนี้กลับทำให้เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะแผนการของเขาไม่ใช่การสังหารไดร์ แต่เขาต้องการเว้นระยะห่างเพื่อใช้แผนการในขั้นต่อไปต่างหาก
แกร๊ก!
เสียงโลหะประกอบเข้าด้วยกันดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เซี่ยเฟยจะถือปืนใหญ่ขึ้นมาภายในมือ ซึ่งปืนใหญ่กระบอกนี้ก็ไม่ใช่ปืนใหญ่อื่นใดเลยนอกเสียจากปืนใหญ่ที่เกิดจากการหลอมรวมกันระหว่างปืนใหญ่ทะลายดาวและปืนใหญ่ทะลวงดาว
ทันทีที่ปากกระบอกปืนใหญ่ถูกยกขึ้น เซี่ยเฟยก็เริ่มเร่งการโจมตีไปที่ไดร์ในทันที เหตุการณ์นี้จึงทำให้ผู้สร้างร่างผอมรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อยที่เขาเว้นระยะห่างจากศัตรูมามากเกินไป เพราะถ้าหากว่าเขาเข้าไปพัวพันกับชายหนุ่มในระยะใกล้ เซี่ยเฟยย่อมไม่มีทางประกอบปืนใหญ่โจมตีมาใส่เขาได้อย่างเด็ดขาด
“อย่าคิดว่าความเร็วเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสกายวิง เพราะฉันก็เร็วไม่ด้อยไปกว่าคนจากตระกูลของแกด้วยเหมือนกัน” ไดร์ร้องตะโกนพร้อมกับเร่งความเร็วต่อไป โดยคิดว่าเซี่ยเฟยต้องการจะสังหารเขาด้วยปืนใหญ่ที่นำมาประกอบกัน
แต่ในระหว่างที่ไม่มีใครทันได้สังเกตอยู่นั่นเอง ขนอุยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มเร่งความเร็วพร้อมกับปล่อยตาข่ายพลังงานออกมาอย่างสุดกำลังเพื่อพยายามพันธนาการสไมล์เอาไว้ไม่ให้หลบหนี
ตูม!!
ลำแสงพลังงานถูกพ่นออกมาจากปืนใหญ่บนบ่าของเซี่ยเฟยในทันที แต่เป้าหมายไม่ใช่ไดร์เพราะเขากำลังเล็งปืนใหญ่ไปทางสไมล์
ปืนใหญ่พลังงานคู่นี้มีพลังทำลายที่สูงมาก น่าเสียดายที่มันสามารถนำออกมาใช้งานได้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น แต่เซี่ยเฟยก็ยังตัดสินใจใช้ไพ่ใบสำคัญเพื่อกำจัดศัตรูลงให้ได้
เมื่อกระสุนปืนใหญ่พุ่งไปยังสไมล์ ไดร์ที่อยู่อีกฟากฝั่งก็ชะงักไปเล็กน้อย ชายร่างผอมเริ่มก่นด่าชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ภายในใจ ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วไปทางสไมล์ด้วยความเร็วที่สูงมากกว่าเดิม
ไดร์เคลื่อนไหวได้เร็วมากและเกราะป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน ตราบใดก็ตามที่เขาเคลื่อนที่เข้าไปหาสไมล์ได้สำเร็จ เขาย่อมสามารถนำพาสหายหลบหนีออกไปจากอันตรายในครั้งนี้อย่างแน่นอน
แต่ในระหว่างที่เขากำลังเคลื่อนที่เข้าไปหาสไมล์อยู่นั่นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าเซี่ยเฟยหยิบธนูผนึกสวรรค์ขึ้นมาถือในมืออีกครั้ง
ปิ้ว ๆ
ลูกศร 2 ดอกถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ลูกศรทั้งสองไม่ได้ถูกเล็งไปยังศัตรู แต่มันกลับถูกเล็งไปยังกระสุนพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปืนใหญ่
เซี่ยเฟยต้องการจะทำลายการโจมตีของตัวเองงั้นเหรอ?
ไม่เพียงแต่ไดร์ที่ไม่เข้าใจการกระทำของเซี่ยเฟย เพราะคนทั่วทั้งจักรวาลก็คงจะไม่เข้าใจการกระทำของชายหนุ่มในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน
ระหว่างที่ผู้สร้างทั้งสองกำลังสับสน ลูกศรทั้งสองดอกก็ปะทะเข้ากับกระสุนปืนใหญ่
ตูม ๆ
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องขึ้นมาสองครั้ง ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดการระเบิดอันรุนแรงจนทำให้ทะเลดวงดาวลุกเป็นไฟ
เมื่อกฎแห่งความเร็ว, กฎแห่งความโกลาหล, กฎมิติและพลังงานจากปืนใหญ่ระเบิดออกพร้อม ๆ กัน มันก็ก่อให้เกิดการระเบิดอันบ้าคลั่งที่กลืนกินร่างของผู้สร้างทั้งสองเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้แผนการของนายก็คือการใช้พายุพลังงานโจมตีไดร์กับสไมล์พร้อม ๆ กันงั้นเหรอ?” ลินนิจอุทานออกมาอย่างตกตะลึง
เซี่ยเฟยไม่ตอบคำถามแต่ก้าวถอยหลังไปอย่างเงียบ ๆ โดยตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อีกครั้ง
“คนที่ชื่อไดร์แข็งแกร่งมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ระเบิดออกมาอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเปลวไฟสลายไปสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็คือไดร์ที่ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันแขนทั้งสองข้างของเขาถูกเปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนพัดที่ขยายออกเพื่อปกป้องสไมล์เอาไว้ และถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการถูกเผาไหม้ แต่เขาก็ยังคงจับจ้องไปยังเซี่ยเฟยอย่างเคียดแค้น
“เจ้าเล่ห์นักนะ! ฉันยอมรับว่าฉันประเมินแกต่ำเกินไป คราวนี้ฉันจะปฏิบัติตัวกับแกเหมือนกับแกเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงแล้วฆ่าแกซะ!!” ไดร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ในเวลาเดียวกันสาเหตุที่สไมล์ต้องให้ไดร์มาปกป้องมันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งไม่พอ แต่ว่าการโจมตีของเซี่ยเฟยทั้งรวดเร็วและแปลกประหลาดมากเกินไป ไดร์ที่มีความสามารถในการแปลงร่างจึงเหมาะสมที่จะเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟยมากกว่าเขา
“จะร่วมมือกันงั้นเหรอ?” สไมล์เอ่ยถาม
“พวกเรามาร่วมมือกันจัดการมันกันเถอะ” ไดร์กล่าว
ลินนิจรู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที เพราะสาเหตุที่เซี่ยเฟยต่อสู้มาได้จนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะว่าผู้สร้างทั้งสองยังไม่ได้เริ่มเอาจริง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ท่าทางของอีกฝั่งก็เปลี่ยนไปอย่างจริงจังแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังตกลงร่วมมือกันเพื่อจัดการเซี่ยเฟยเพียงคนเดียว โอกาสที่เซี่ยเฟยจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้นี้จึงเกือบจะ 0%
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร มีเพียงจิตอสูรที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเผาผลาญพลังชีวิตอย่างเงียบ ๆ เพื่อเร่งพลังการต่อสู้ของตัวเองจนถึงขีดสุด
เมื่อนักรบตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง พวกเขาก็มักจะเผาผลาญพลังชีวิตเพื่อลากศัตรูให้ลงนรกไปพร้อม ๆ กัน ท้ายที่สุดเมื่อพลังชีวิตถูกเผาผลาญไปแล้ว มันก็ไม่มีวันหวนคืนกลับมาการเผาผลาญพลังชีวิตจึงถือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายสำหรับนักรบทุก ๆ คน
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถต่อสู้กับผู้สร้างทั้งสองในเวลาเดียวกันได้ และในเมื่อเขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ เขาจึงพยายามจะลากศัตรูให้ลงนรกไปพร้อมกัน
ไดร์กับสไมล์เผลอก้าวถอยหลังกลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะจิตวิญญาณอันบ้าคลั่งของเซี่ยเฟยมันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
“ถ้าอยากตายนัก ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้เอง!” ไดร์ส่งเสียงตะโกนก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหาเซี่ยเฟย
“คนจะตายคือพวกแกต่างหาก!!”
ดาบจันทร์ทมิฬ!
ดาบวงพระจันทร์สีดำที่เกิดจากกฎแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่เดิมวิชานี้เป็นการโจมตีในระยะไกล แต่ในคราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้ปลดปล่อยพลังของมันออกไป แต่ยังคงรวบรวมพลังเอาไว้ตรงบริเวณหน้าอก
ชายหนุ่มเป็นเหมือนกับคนบ้าที่ปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดของตัวเองออกมา โดยในตอนนี้พลังงานที่สะสมภายในสมองของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป พลังงานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจึงเป็นพลังงานที่ถูกเปลี่ยนมาจากพลังชีวิต
“นั่นนายกำลังทำอะไร?!” ลินนิจตะโกนด้วยความตกใจ
“แลกชีวิตกับศัตรูไงล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับง่าย ๆ แต่มันกลับเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ในที่สุดกฎแห่งความโกลาหลที่เซี่ยเฟยรวบรวมมาเป็นเวลานานก็ถูกรวบรวมจนถึงจุดสูงสุด ชายหนุ่มจึงเริ่มใช้กฎแห่งความโกลาหลต่อต้านศัตรูอย่างสิ้นหวัง
ขนอุยคอยสนับสนุนอยู่ใกล้ ๆ โดยการใช้ลำแสงพลังงานเพื่อตอบโต้กับการโจมตีในระยะไกลของสไมล์
เมื่อเซี่ยเฟยยอมเผาผลาญพลังชีวิต เขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของผู้สร้างทั้งสองได้เป็นเวลานาน ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบเขาได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามทั้งเซี่ยเฟยและลินนิจต่างก็รู้ดีว่าสถานการณ์นี้คงอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อไหร่ก็ตามที่พลังชีวิตของชายหนุ่มหมดลง ในตอนนั้นมันก็จะหมายถึงความพ่ายแพ้ของพวกเขาด้วยเหมือนกัน
ผู้สร้างทั้งสองมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างยาวนาน พวกเขาจึงไม่ได้ทุ่มเทพลังเพื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟยอย่างเต็มที่ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็แค่จู่โจมอย่างหลอก ๆ เพื่อให้ชายหนุ่มเผาผลาญพลังชีวิตจนตายด้วยตัวเอง
“ฉันไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ดวงตาของเขาแดงก่ำเป็นสีเลือด
วิ้ง!
ด้วยแรงผลักดันจากการเสี่ยงชีวิต จู่ ๆ มันก็มีประกายแสงจาง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในสมองของเซี่ยเฟย
“นี่มัน…!?” ลินนิจอุทานพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
***************
พี่เฟยจะตายจริง ๆ เหรอ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 310
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น