บทที่ 3...1/2

จันทร์ซ่อนใจ
คุณกำลังอ่าน: จันทร์ซ่อนใจ

-A A +A

บทที่ 3...1/2

อิชย์ใช้เวลาเจรจากับเจ้าทุกข์ที่แก้ตัวเรื่องการลวนลามไม่เต็มปากไม่ถึงสิบห้านาทีก็เปิดประตูออกมาจากห้องที่ตำรวจค่อยยิ้มได้ หลังจากปวดหัวจากสองสาว พันธินได้ยินเสียงความคิดของผู้คนในห้องก็รู้ได้ทันทีว่าเราคงได้ออกจากโรงพักเร็วขึ้น อรอินทุ์ยิ้มประจบพ่อ รู้ตัวตลอดว่าทำผิด แต่ถ้าไม่ทำน่าจะแย่กว่านี้ เป็นผู้หญิงไม่ได้หมายความว่าจะถูกผู้ชายรังแกได้ง่ายๆ

“กลับกันเถอะ”

“แล้วทางนั้นว่ายังไงบ้างคะพ่อ” ที่ถามนี่ไม่ได้กลัว แต่จะได้รับมือถูก บางทีน่าจะแจ้งความกลับไปเลย

อิชย์วางมือบนบ่าของลูกสาวทำหน้าขรึม “ไม่แจ้งความและขอให้จบลงแค่นี้”

“หือ ทำไมยอมง่ายจัง ค่าปรับก็ไม่ต้องเสียสักบาทด้วยหรือคะ”

พันธินทำหน้านิ่งอยู่ครู่เดียวก็ยิ้มกว้าง สมพงศ์มีประวัติการลวนลามผู้หญิงซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีบันทึกประจำวันอยู่ เพราะฉะนั้นหากมีการแจ้งความจริงๆ ข้อหาที่ได้รับอาจเป็นอนาจารเสียด้วย คนพวกนี้กลัวเสียชื่อเสียงมากกว่ากลัวเสียเงินเลยถอยตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าว

“แล้วไม่ดีหรือที่เรื่องจบง่ายๆ” ผู้เป็นพ่อถาม

อรอินทุ์ยิ้มกว้างกอดแขนพ่อไว้ แม้จะได้ยินเสียงของแพรพลอยลอดออกมาจากกระจกประตูที่กำลังจัดการอบรมว่าที่สามีต่อหน้าคุณตำรวจ ถ้าไม่ไว้ใจแฟนจนตาบอดก็คงไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลยจริงๆ ละมั้ง

“พ่อเราหรือซุปเปอร์แมนเนี่ย เท่สุดๆ”

“ต่อไปก็อย่าใจร้อน ทำแบบนี้มันไม่ดีนะลูก” อิชย์ช่วยลูกก็จริง แต่ก็ต้องสอนไปด้วย “ไม่ต้องเถียง มันเป็นการป้องกันตัวพ่อรู้ แต่การใช้กำลังมันเป็นเรื่องที่เราจะใช้เมื่อไม่มีหนทางอื่นแล้ว”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่าครับลุงอิชย์”

“บอกคนของคุณธินด้วยนะครับ” อิชย์มองไปที่รถคันงามที่มีคนขับและบอดี้การ์ดพร้อม

พันธินถอนใจ แกล้งเดินไม่สนใจไปที่รถประจำตำแหน่งของอิชย์ แต่ปริญกลับเดินตามมา อรอินทุ์แอบยิ้มอยากรู้เหมือนกันว่าคนเยือกเย็นเวลาไม่ได้ดั่งใจจะทำยังไง จะว่าไปแล้วเธอไม่เคยเห็นคนอย่างพันธินโมโหใส่ใคร แต่ถ้าด่านิ่มๆ แต่เจ็บไปถึงทรวงน่ะ ใช่เลย

“พวกนี้พูดเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวาหรือไงนะ ไม่รู้ล่ะพวกเราจะไปหาอะไรกินด้วยกัน ถ้าอยากตามก็ตามมา” พันธินบอกเสร็จก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ เลยโดนลูกสาวเจ้าของรถมองมาตาเขี้ยวโทษฐานนั่งที่ของเธอ

อิชย์ได้แต่ส่ายหน้ารีบเข้าไปในรถอีกคน พันธินกลับบอกให้เขามานั่งข้างๆ ส่วนตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนขับแทน ใครจะไปอยากถูกบ่นตลอดทางเล่า ถึงใครไม่ได้ยิน แต่เขาได้ยิน เขาก็ดันลืมสัญญาว่าจะไม่แย่งพ่อใคร ไม่ให้แย่งก็ต้องอยู่กันแบบเราสามคนแบบนี้แหละ

 

คนบอกทางที่หน้าหงิกในตอนแรกเริ่มอารมณ์ดีเมื่อพันธินยอมขับรถไปยังร้านอาหารที่เธอบอก กลับมาคราวนี้ดูเหมือนความบ้าอำนาจลดลงไปมากเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่ได้เห็นพ่อของเธอเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งของเอ็มไพร์ กรุ๊ปจากการดูแลกันมาเกือบปี ตอนนี้เขาคงอยากดูแลพ่อของเธอบ้าง

พันธินรถขับได้เรื่อยๆ ไม่ติดขัดนักจึงมาถึงร้านอาหารเร็วกกว่าที่คิด ในร้านอาหารมีคนเข้ามาพอสมควร พอได้ที่จอดรถเราทั้งหมดก็เข้ามาในร้าน แต่พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ก่อนแล้ว อิชย์ก็อยากลากพันธินออกมา แต่ว่าคนที่เขาห่วงกลับพาไปหาโต๊ะที่ใกล้กับคู่แข่งทางธุรกิจ

สรัชลุกจากโต๊ะเดินมาหา ในขณะที่พันธินทำหน้าเฉยราวกับรู้อยู่แล้วว่าอีกเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น

“ไม่นึกว่าจะพบนายที่นี่ ได้ข่าวว่ากลับมาแล้ว ดูเหมือนนายจะดวงแข็งดี”

‘มันมาทำอะไรที่นี่ หรือว่ามันจะรู้แล้ว’

เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเสียงความคิดนี้จากสรัช ทำไมมีแต่คนคิดว่าเขารู้อะไรต่อมิอะไร ทั้งที่เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างนั้นหรือ พันธินแฉลบมองไปยังโต๊ะของสรัช เจ้านี่ไม่ได้มาคนเดียวแน่ๆ

“นี่เป็นคำทักทายหรือแค่อยากจะบอกว่าคิดยังไงอยู่กันแน่ อยากพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เถอะ จะได้มีเวลากับคู่นัดของนาย”

สรัชกดยิ้มที่มุมปาก เมื่อคิดว่าคนอย่างพันธินมันจะไปรู้อะไร ก่อนหน้านี้ก็ทำแต่งาน ถูกพ่อบงการให้ไปทางไหนก็ต้องไป ตอนนี้คงไม่ต่างกัน ถ้าทุกอย่างพร้อมเขาจะประกาศเรื่องที่จะทำให้คนอย่างมันกระอักเลือดตาย ขอเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว ดูเหมือนบริษัทของนายกับฉันจะถูกใจที่ดินผืนเดียวกัน”

พันธินยิ้ม เพิ่งอ่านงานทั้งหมดมาวันนี้ ทำไมเขาจะจำไม่ได้

“อ้อ ที่ดินผืนนั้น แล้วยังไง จะมาอ้อนวอนให้ทางฉันถอยหรือ ถ้างั้นก็รีบๆ พูดมา”

สรัชหน้าตึงขึ้นมาทันที อิชย์ยื่นมือไปจับต้นแขนของพันธินแล้วส่ายหน้า อรอินทุ์กอดอกรอฟังไม่นึกว่าคนที่ใครๆ พากันเรียกลับหลังว่า...อารมณ์เดียว จะมีมุมกวนประสาทแบบนี้ด้วย ถ้าเป็นพันแสงเธอคงไม่แปลกใจสักนิดเลย

“ดูเหมือนการผ่าตัดจะทำให้นายกล้าพูดตรงๆ มากขึ้น”

“จะพูดหรือไม่พูด เห็นไหมว่ามีอีกสองคนรอฟังนายอยู่เหมือนกับฉัน” พันธินยิ้มกวนๆ ใส่ เขาอยากฟังความคิดของเจ้านั่น สรัชมองมาเหมือนอยากชกสักหมัด แม้สีหน้าจะกังวล

‘ทางเอ็มไพร์ กรุ๊ปส่งคนไปเจรจาอีกรอบหรือยังวะ พรุ่งนี้คงต้องส่งคนไปเจรจาเพิ่มราคาที่ดินอีกรอบ’

เรียวปากหนาเม้มปิด ดวงตาสาสมใจ เรื่องนี้สินะที่สรัชกังวลใจจนยอมลดตัวมาคุยกับเขา การฟังความคิดได้ก็ใช่ว่าจะทำให้เกิดแต่ความน่ารำคาญ บางครั้งผลประโยชน์ก็ใกล้แค่เอื้อม

“ถ้านายไม่พูด ฉันจะพูดเอง อย่าคิดจะส่งคนไปเจรจาเพิ่มราคาเสียให้ยาก บอกไว้เลยว่าราคาที่ทางฉันเสนอน่ะมันไม่ได้สูงลิบลิ่วหรอก แต่พอดีว่ามันขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของที่ดิน”

“ไม่แน่หรอก” สรัชกัดฟันพูดก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานให้เปลี่ยนโต๊ะไปอยู่ในห้องที่มิดชิดไม่ต้องมาทนเห็นหน้าพันธินให้เสียอารมณ์

พันธินรอจนสรัชไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาเขาบ้าง

“ขอเวลาผมหนึ่งนาที” เขาบอกแล้วรีบโทรหาเลขาทันที “คุณช่วยโทรหาฝ่ายวางแผนธุรกิจด้วยว่าพรุ่งนี้ให้รีบส่งคนไปเจรจาราคาที่ดินผืนที่กาญจนบุรีก่อนสิบโมงเช้า อ้อ อย่าลืมบอกว่าเงื่อนไขที่ชุมชนต้องการเราเห็นด้วย แต่ขอเวลาพิจารณาสามวัน”

อิชย์เลิกคิ้วไม่ได้ถามอะไร แต่คนมองเฉยๆ นี่สิกลับสงสัย

 “อ้าว ไหนว่าเสนอราคาไปก่อนแล้วไงคะ”  อรอินทุ์เลิกคิ้วมอง “อย่ามองแบบนั้นสิคะ ฉันไม่ใช่สปายเสียหน่อยค่ะ”

ดวงตาคมมองคนช่างสงสัย “ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ สั่งอะไรมากินกันเถอะครับลุงอิชย์ ผมหิวแล้ว”

‘จะกินกันแค่สองคนว่างั้น?’

พันธินหัวเราะไม่นึกว่าคนชอบวางตัวเป็นผู้ใหญ่จะน้อยใจเป็นเด็กๆ

“เธอก็ด้วย วันนี้ออกแรงมาก ก็กินให้มากๆ ด้วย”

อรอินทุ์ปั้นหน้าเฉย เธอกับพันธินไม่ได้สนิทกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตลอดทั้งเดือนคุยกันนับคำได้ เขามักทำงานยุ่งและทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ตลอดเวลา ก็สมควรอยู่หรอก ความเป็นไปของเอ็มไพร์ กรุ๊ปขึ้นอยู่กับเขา แล้วยังความหวังทั้งหมดของคุณเธียรอีก เป็นใครก็กดดันจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ อย่างน้อยการที่วันนี้เขาอยู่เคียงข้างพ่อของเธอก็ทำให้ความขวางหูขวางตาน้อยลงไปนิดนึง ถึงเขาจะดึงเวลาที่พ่อควรให้เธอไป แต่เวลามีเรื่องอะไร เขาก็ไม่ทิ้งพ่อของเธอล่ะน่า

อาหารอร่อยและดูเป็นกันเอง นานมากแล้วที่อรอินทุ์กับพ่อได้ไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านวัสวาน อาหารเลิศรส แต่กินไม่ค่อยลงเพราะสายตาของตุลยา อาหารมื้อนั้นจบลงอย่างรวดเร็ว เธอกลับบ้านมาก่อนในขณะที่พ่อคุยกับคุณเธียรอยู่พักใหญ่ ทว่าสำหรับอาหารมื้อนี้ถึงจะมีหนึ่งในวิวัสวานอยู่ด้วย แต่กลับสบายๆ ไม่อึดอัด

อรอินทุ์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่ออิ่มเป็นคนแรก พอทำธุระเสร็จกำลังจะเดินกลับมาที่โต๊ะ ถ้าสายตาไม่ไปทันเห็นใครคนหนึ่งมาที่นี่กับผู้ชายที่ไม่น่าเป็นไปได้ เธอเดินตาม ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้ใครคนนั้นกลับหายไปแล้ว เธอเดินหาให้แน่ใจ ทว่ากลับไม่พบใครจนต้องเดินกลับมาที่โต๊ะ

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนได้เจอเจ้านายเก่า” พันธินถาม

“ไม่ใช่สักหน่อย อิ่มแล้วก็กลับกันเถอะค่ะ” เธอบอกสีหน้ายังดูครุ่นคิดไม่สบายใจนัก ‘ไม่ใช่หรอกมั้ง ตาฝาดแหงๆ ถ้าคุณธินเห็นคงรับไม่ได้แน่ๆ ’

ความสงสัยบังเกิด อรอินทุ์ไปเห็นอะไรเข้าหรือถึงได้ทำหน้าแบบนั้น แล้วเพื่อไม่ให้สงสัยจนนอนไม่หลับ ร่างสูงจึงลุกขึ้น อิชย์เงยหน้ามอง

“เดี๋ยวผมมานะครับ”

พันธินเดินไปทางห้องน้ำแยกหญิงชายที่อรอินทุ์เพิ่งเดินออกมา เขากวาดตามองหาต้นเหตุที่ทำให้อรอินทุ์มีสีหน้าแปลกๆ อะไรกันที่เขาจะรับไม่ได้ เขายืนรอและมองหาคนหรืออะไรที่น่าสงสัย แต่ก็ไม่พบอะไร ผ่านไปนานพอถึงได้เดินกลับมาที่แคชเชียร์เพื่อเช็คบิล ก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วแยกกันเดินทางกลับมา สีหน้าของปริญเรียบกริบ แต่ความคิดที่พันธินได้ยินทำให้เขาต้องเอาทิชชูมาอุดหู เจ้านี่เอาแต่คิดถึงแฟนและบ่นว่าเขาทำให้การทำงานยากลำบาก

 

          พันธินลงจากรถแล้วเดินเข้าประตูใหญ่ไปสวนทางกับหมอประจำตัวของพ่อพอดี เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อต้องเรียกหมอมาหาที่บ้าน การที่ไม่ได้อยู่บ้านมานาน สิ่งต่างๆ ย่อมเกิดขึ้น เขาเปลี่ยนใจเดินไปที่ห้องของพ่อแทนที่จะไปห้องของตัวเอง พ่อไม่อยู่ในห้อง ในห้องหนังสือก็ไม่อยู่ พ่อบ้านเดินมาหาและนำทางไปยังห้องนอนของเขาเองที่ประตูเปิดเอาไว้รอ เธียรรอพันธินอยู่ที่นั่น แล้วพอเขาเข้าห้องไป ประตูห้องก็ปิดลงทันที

          สีหน้าของพ่อดูแจ่มใส ไม่เหมือนคนป่วย มีเพียงริ้วรอยของความเครียดที่หางตาและหน้าผากเท่านั้น แล้วถ้าอย่างนั้นหมอประจำตัวของพ่อมาทำอะไร

          “พ่อมารอผมนานแล้วหรือยังครับ”

          เธียรพยักหน้า ดวงตาที่ผ่านอะไรมามากในชีวิตมองลูกชายที่เขายังเหลืออยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ไปทำงานเป็นยังไงบ้าง คิดว่าจะทำได้ดีเหมือนที่เคยดีหรือเปล่า”

พันธินถอนใจเบาๆ ยื้อเวลาไว้ด้วยการหาที่นั่งให้กับตัวเองจนได้ที่นั่งตรงปลายเตียง เขารู้พ่อคาดหวังเอาไว้มาก ถ้าเขาล้มสักคน ญาติพี่น้องคงรุมทึ้งทุกอย่างที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ การให้หุ้นคนละเล็กละน้อยคงไม่เพียงพอเมื่อต่างรู้ดีว่ามีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลอยู่ภายในเอ็มไพร์ กรุ๊ปตั้งเท่าไหร่

“ผมจะพยายามทำให้ดีเหมือนที่เคยดีครับ พ่อคงกังวลเรื่องนี้มากถึงเรียกให้หมอมาใช่ไหมครับ”

เธียรถอนใจบ้าง น่าแปลกที่พันธินไม่ได้ยินเสียงความคิดของพ่อเลย ลุงอิชย์ไม่ได้บอกพ่อว่าเขาทำอะไรได้ไม่ใช่หรือ ถ้าตอนนี้เขาได้ยินว่าพ่อคิดอะไรอยู่กันแน่คงดีไม่น้อย

“ทุกอย่างที่พ่อทำทั้งหมดก็เพื่อธิน ขอแค่อย่าทำให้เลวลง แค่เหมือนเดิมหรือต้องมากกว่าเดิม ในฐานะทายาทที่เหลือเพียงคนเดียวของพ่อ ต้องทำให้ได้นะธิน”

สายตาของเธียรยามที่มองพันธินนอกจากความหวังแล้วยังเต็มไปด้วยความกังวล พันธินอดคิดไม่ได้ว่าพ่ออาจจะป่วยด้วยโรคอะไรสักอย่าง

“ครับ ผมจะทำให้ได้”

เธียรพยักหน้าขยับตัวลุกขึ้นราวกับที่รอลูกชายมาร่วมชั่วโมงก็เพื่อพูดเพียงเท่านี้ พันธินมองพ่อ ภายนอกพ่อไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงดูแข็งแรงและเดินได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า แม้ว่าขาหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนต้องดามเหล็กไว้

“เดี๋ยวครับ พ่อยังไม่ได้บอกผมเลยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหมอถึงมาที่บ้าน”

“ไม่มีอะไร พ่อยังสบายดี พักผ่อนเถอะ” เธียรตอบพร้อมๆ กับประตูที่เปิดออกโดยมีพ่อบ้านยืนรอคุณท่านของบ้านอยู่

พันธินนั่งลงที่เดิมรู้สึกบ่าทั้งสองข้างหนักอึ้ง มันคือหน้าที่ของลูกชายคนโต การรักษาทุกอย่างไว้ภายใต้ความคาดหวัง ก่อนหน้านี้พ่อเคยพูดแบบนี้หรือเปล่า ช่างเถอะ ต่อไปนี้เขาจะพยายามให้มากขึ้นเป็นหลายเท่า ทุกอย่างจะพังลงเพราะเขาไม่ได้เด็ดขาด

 

มีแต่คนน่าสงสัยไปหมด เป็นพันธินคงปวดหัว

จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ

          อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.