ตอนที่ 690 เผ่าบัลรอค

-A A +A

ตอนที่ 690 เผ่าบัลรอค

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 690 เผ่าบัลรอค

ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีชื่อและเซี่ยเฟยก็รู้เพียงแค่ว่ามันเป็นถิ่นฐานของพวกบัลรอคเท่านั้น แต่เขาไม่เคยเจอชาวบัลรอคมาก่อน ข้อมูลที่เขารู้มีเพียงข้อมูลที่ผ่านการบอกเล่ามาจากเซธเท่านั้น

เซี่ยเฟยกับเซธเดินไปบนดาวเคราะห์ที่ร้อนระอุอย่างเชื่องช้า ซึ่งในระหว่างการเดินทางชายหนุ่มก็กำลังคิดหาวิธีการที่จะหลอกล่อควินซี่ออกมาจากที่ซ่อน

“ฉันเคยพาคนเข้ามาในแดนเนรเทศเพื่อตามหาควินซี่หลายครั้ง และถึงแม้ว่าฉันจะถูกจับขังเข้ามาในผนึกนี่ แต่ทางตระกูลก็ยังคงส่งคนออกมาตามหาเขาอยู่เป็นประจำอย่างแน่นอน ควินซี่จะต้องเลือกที่ซ่อนของเขาอย่างมิดชิด การที่จะหลอกล่อเขาออกมาจากที่ซ่อนก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ” โอโร่กล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ

แม้ว่าการใช้ความเร็วออกค้นหาพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนดาวดวงนี้จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควินซี่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ที่ซ่อนของเขาย่อมจะต้องเป็นสถานที่ที่ลึกลับมากอย่างแน่นอน และเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความคิดที่จะขุดดินลงไปเพื่อตามหาศัตรู

“เดี๋ยวก่อนนะ! ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าควินซี่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนผู้ใช้กฎ มันเคยมีช่วงเวลาที่ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้พยายามที่จะขยายฐานอำนาจของตัวเองออกไป เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ จึงถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาอาศัยในดินแดนกฎอย่างต่อเนื่อง และเผ่าบัลรอคก็คือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ถูกเชิญมาในเวลานั้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ก็มีความสามารถที่แตกต่างกันอยู่เสมอ ซึ่งในช่วงระยะเวลาอันยาวนานนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากเผ่าบัลรอคก็ยังอ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับนักสู้จากเผ่าพันธุ์อื่น ๆ จนทำให้พวกเขาแทบที่จะไม่ถูกยอมรับว่าเป็นนักสู้ผู้ใช้กฎด้วยซ้ำ

เมื่อเวลาผ่านไปมันก็มีการกวาดล้างครั้งใหญ่เกิดขึ้น โดยจุดประสงค์ในการกวาดล้างคือการกำจัดเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอออกจากดินแดนของผู้ใช้กฎ

อย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ที่เคยได้สัมผัสกับพลังของกฎมาก่อนแล้ว ก็ไม่อยากที่จะกลับเข้าสู่สังคมระดับต่ำของจักรวาลอีกต่อไป พวกเขาจึงหลบหนีออกมายังดินแดนอันห่างไกล และเมื่อผู้อพยพได้รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ได้ก่อกำเนิดแดนเนรเทศแห่งนี้ขึ้นมา

เผ่าพันธุ์บัลรอคถูกขับไล่ออกมาจากสังคมชั้นสูงในเวลานั้นเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมบนดาวดวงนี้จะไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเลย แต่ชาวบัลรอคกลับสามารถอยู่อาศัยบนดาวดวงนี้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร และทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นถิ่นฐานของพวกเขานับแต่นั้นเป็นต้นมา

บริเวณกลางทะเลทรายมีต้นไม้ต้นใหญ่ 3 ต้นเติบโตเคียงข้างกัน บริเวณใต้ต้นไม้มีต้นหญ้ากระจัดกระจายอยู่อย่างมากมาย และห่างจากพื้นที่บริเวณนั้นไปไม่ไกลก็มีสระน้ำเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นกลางทะเลทราย ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นโอเอซิสที่หาได้ยากมากท่ามกลางดินแดนที่แห้งแล้งแห่งนี้

แม้ว่าชาวบัลรอคจะไม่กลัวความร้อน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้หากพวกเขาปราศจากน้ำดื่ม

ด้วยเหตุนี้เองโอเอซิสจึงกลายเป็นจุดศูนย์รวมของเผ่าพันธุ์ โดยรอบ ๆ โอเอซิสแห่งหนึ่งนั้นก็จะมีชาวบัลรอคอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบเป็นจำนวนหมื่น ๆ คน

บริเวณรอบหมู่บ้านมีชาวบ้านที่ถือหอกเป็นอาวุธและสวมหมวกฟางคอยยืนเฝ้าเป็นเหมือนทหารปกป้องเมือง โดยชาวเผ่าพันธุ์นี้มีร่างกายสูงเพียงแค่ 150 เซนติเมตร บนร่างกายและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยย่น ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเด็กหรือคนแก่ก็ตาม

“พวกบัลรอคไม่น่าจะเอาไปทำงานหนักได้ แล้วทำไมนายถึงจะต้องจับพวกเขาไปเป็นทาสด้วย?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสงสัย

“นายท่าน งานบางอย่างจำเป็นจะต้องทำใกล้สภาพแวดล้อมร้อนจัด อย่างเช่น การขุดแร่ใกล้ ๆ แมกมา ซึ่งทาสทั่วไปจะสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่วัน แต่พวกบัลรอคสามารถทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมร้อนจัดได้อย่างสบาย ๆ”

“ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกมันจะตัวเล็กมาก แต่ความจริงพวกมันสามารถยกของน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัมได้อย่างง่ายดาย พวกมันจึงถือว่าเป็นทาสที่มีประโยชน์มาก แต่น่าเสียดายที่พวกมันเจ้าเล่ห์มากเกินไปเลยค่อนข้างยากต่อการจัดการ” เซธอธิบายลนลาน เพราะในตอนนี้เขาได้กลับมายังสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง และเขาก็กลัวว่าควินซี่จะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อสังหารเขา

หลังจากทั้งคู่เดินทางต่อไปได้อีกเพียงแค่ไม่นาน ทหารยามที่ยืนเฝ้าประตูก็รีบเป่าแตรส่งสัญญาณอย่างรวดเร็ว ทำให้มีทหารเป็นจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมาล้อมรอบเซี่ยเฟยกับเซธเอาไว้ตรงกลาง

ปัจจุบันเซธอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำทำให้พวกบัลรอคไม่สามารถจดจำเขาได้ แต่เสื้อคลุมพวกนี้ก็ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกัน แต่โชคดีที่ชายร่างใหญ่คนนี้มีพลังในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก สภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบจึงไม่สามารถทำอันตรายต่อเขาได้มากนัก

ต่อมามันก็มีบัลรอคที่สวมหมวกเกราะเดินออกมาจากกระโจมขนาดใหญ่ และเมื่อเขาได้เดินมาใกล้ ๆ ทหารที่กำลังล้อมรอบพวกเซี่ยเฟยอยู่ก็เรียกชายคนนี้ว่าหัวหน้าเซธ

“มีคนชื่อเซธอีกแล้วเหรอ? ในดินแดนนี้มันมีคนชื่อเซธอยู่กี่คนกันแน่?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะดูเหมือนชื่อเซธจะเป็นชื่อโหลที่หาพบได้โดยทั่วไปทุกที่ทั่วทั้งดินแดน

“ในอดีตเคยมีปรมาจารย์ผู้ใช้กฎแห่งเวลาสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งดินแดน คนรุ่นต่อ ๆ มาจึงตั้งชื่อลูกหลานของพวกเขาว่าเซธ เพื่อหวังว่าในอนาคตลูกหลานของพวกเขาจะประสบความสำเร็จเหมือนกับปรมาจารย์เซธบ้าง”

“ในฝั่งของแดนเทพจึงมีคนเป็นจำนวนมากถูกตั้งชื่อว่าเซธ และแม้แต่ภายในแดนมารของเราก็มีคนที่ถูกตั้งชื่อว่าเซธอยู่เป็นจำนวนมากด้วยเหมือนกัน” โอโร่กล่าวอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เซธไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวว่าพวกบัลรอคจะจำเสียงของเขาได้

“เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนี้มันเป็นใคร?” เซธจากเผ่าบัลรอคกล่าวถามอย่างหงุดหงิด

“หัวหน้า พวกเราจับสายลับที่น่าสงสัยได้” ทหารคนหนึ่งกล่าวรายงาน

“หึ! ฉันไม่คิดเลยว่าพวกบัลรอคจะต้อนรับนักปรุงยาอย่างพวกเราแบบนี้ พวกเรากลับกันเถอะ ไม่ต้องสนใจคนพวกนี้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเยาะเย้ย ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับโดยไม่สนใจทหารหลายร้อยคนที่กำลังรุมล้อมเขาอยู่เลย

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกทหารตื่นตระหนกในทันที และไม่มีใครกล้าที่จะหยุดพวกเซี่ยเฟยไว้ เนื่องจากคำว่านักปรุงยาเป็นตัวตนที่สูงส่งสำหรับพวกเขามากเกินไป เพราะท้ายที่สุดในแดนเนรเทศมันก็ไม่มีสิ่งที่คล้ายกับโรงพยาบาลอยู่เลยแม้แต่แห่งเดียว

ด้วยเหตุนี้เองนักปรุงยาจึงเป็นอาชีพล้ำค่าภายในดินแดนเนรเทศ เพราะคนพวกนี้คอยทำหน้าที่ปรุงน้ำยาเพื่อรักษาความเจ็บป่วยให้กับลูกค้าที่หาพวกนักปรุงยาเจอ

“คุณเป็นนักปรุงยางั้นเหรอ?” เซธชาวบัลรอครีบกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

“อือ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เพราะเขาจำเป็นจะต้องทำตัวให้เหมือนกับพวกนักปรุงยาในแดนเนรเทศให้ได้มากที่สุด

การปรากฏตัวของนักปรุงยาแต่ละคนไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นทันทีที่เซี่ยเฟยประกาศตัวว่าเขาคือนักปรุงยา เขาจึงถูกเชิญตัวเข้าไปพักในกระโจมขนาดใหญ่ในทันที และมันก็มีอาหารว่างและเครื่องดื่มเย็น ๆ มาเสิร์ฟให้กับเขาด้วย

เซี่ยเฟยกินดื่มอาหารทุกอย่างเข้าไปอย่างไม่สุภาพ ทำให้พวกบัลรอคมองไปทางชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียดาย

ท้ายที่สุดดาวที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เป็นดวงดาวอันแร้นแค้น อาหารและเครื่องดื่มพวกนี้จึงเป็นสิ่งที่นำเข้ามาจากดาวดวงอื่นและมีราคาที่แพงมาก แต่เนื่องมาจากเซี่ยเฟยประกาศตัวว่าเขาคือนักปรุงยา พวกบัลรอคจึงไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อการรับรองบุคคลที่สูงส่งแบบนี้ได้

ส่วนทางด้านเซธก็เปิดผ้าคลุมออกมาแค่บริเวณปากเท่านั้น และกินดื่มอาหารพวกนี้เข้าไปอย่างระมัดระวัง เพราะท้ายที่สุดเขาก็กลัวพวกบัลรอคจะจดจำเขาได้ ทั้ง ๆ ที่เซี่ยเฟยให้เขาดื่มน้ำยาเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เขาดูกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว

“อาการบาดเจ็บที่ฉันทิ้งไว้เกิดจากกฎแห่งความมืดที่นักปรุงยาไม่สามารถที่จะรักษาได้ ถึงแม้ว่านายจะหลอกพวกบัลรอคได้สำเร็จ แต่ฉันก็คิดว่าควินซี่คงจะไม่ออกมาจากที่ซ่อนของเขาแน่ ๆ” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เพราะเขาคิดว่าการที่เซี่ยเฟยทำแบบนี้เป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าเท่านั้น

“ผมว่าคุณใจเย็น ๆ ดีกว่า ตอนนี้เบาะแสเดียวที่พวกเรามีคือควินซี่มีความเกี่ยวข้องกับพวกบัลรอคเท่านั้น ส่วนเขาจะอยู่อาศัยบนดาวดวงนี้หรือไม่มันก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันเรื่องนั้นได้”

“แต่ตราบใดก็ตามที่พวกเราซื้อใจพวกบัลรอคได้สำเร็จ พวกเขาก็จะเริ่มแพร่กระจายข่าวเรื่องนักปรุงยาวิเศษออกไป ในเวลานั้นไม่ว่าควินซี่จะอยู่ที่ไหน แต่ผมก็เชื่อว่าเขาจะเดินทางมาหาพวกเราด้วยตัวเอง”

“แต่ในกรณีที่เราออกไปตามหาตัวเขาโดยที่ยังไม่มีเบาะแส พวกเราก็ไม่มีทางที่จะหาเขาจนเจอ เพราะคุณบอกเองว่าตระกูลไลอ้อนฮาร์ทส่งคนออกมาตามหาเขาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่พวกคุณก็ยังไม่เคยหาตัวของเขาเจอเลยซักครั้ง แล้วผมคนเดียวจะไปหาเขาเจอได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นั่นสินะ ควินซี่เป็นคนที่ฉลาดมากและเหตุผลที่เขามาช่วยพวกบัลรอคในวินาทีสุดท้าย มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาเพิ่งรู้ข่าวแน่ ๆ แต่เขาจะต้องซ่อนตัวซุ่มดูสถานการณ์อยู่เป็นเวลานาน แล้วค่อยปรากฏตัวออกมาในตอนที่เขามั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรส่งผลกระทบต่อเขา” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“อีกอย่างคุณก็เป็นคนบอกเองใช่ไหมว่าควินซี่ได้ครอบครองอาวุธอุปกรณ์ล้ำค่าอย่างมากมาย ดังนั้นผมจึงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ ดำเนินแผนการอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะพลาดของล้ำค่าที่เขาได้ครอบครองไป” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าจะมอบของทุกอย่างให้กับนาย” โอโร่กล่าวอย่างเคร่งขรึม

เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่สนใจคำบ่นของโอโร่อีกต่อไป

แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงร้องโวยวายดังขึ้นมาจากนอกกระโจม

“จับตัวมันเอาไว้เร็ว ๆ เข้า! มันคือคนโกหกที่มาหลอกกินอาหารฟรี!!”

***************

ประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 12 (ตอนที่ 630-684) วางจำหน่ายแล้วน๊า ใครที่รอสอยอยู่จัดไปโล๊ด เราแปะลิงก์ไว้ให้แล้วหรือสามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสาวได้ที่เพจ สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan ได้เหมือนกันนะ (❁´◡`❁)

ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca   ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC  ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.