ตอนที่ 691 ศิษย์ของเจ้าโอสถ
ตอนที่ 691 ศิษย์ของเจ้าโอสถ
ปัจจุบันชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีรีบเดินเข้ามาในกระโจม และมองมาทางพวกเซี่ยเฟยอย่างดุเดือด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์หน้าตาของเขาแล้ว เขาก็ไม่ใช่พวกบัลรอคแต่เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีความใกล้เคียงกันกับมนุษย์
“มันคือพวกโกหก! จับตัวมันไปเร็ว ๆ เข้า!!” ชายวัยกลางคนที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นมาตะโกนสั่งการพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟย
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจอยู่เล็กน้อย พร้อมกับที่เขาจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เย็นชา
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่มีแผ่นป้ายรับรองของนักปรุงยา แต่เขาก็ได้เรียนรู้วิธีการปรุงยามาจากอันธมานานหลายปี มันจึงทำให้แม้แต่นักปรุงยาที่ได้รับการรับรองหลาย ๆ คนก็ยังมีทักษะการปรุงยาด้อยกว่าเขา และการที่คนคนนี้ด่วนสรุปว่าเขาคือคนโกหก มันก็หมายความว่าอีกฝ่ายย่อมต้องมีเจตนาร้ายต่อเขาอย่างแน่นอน
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกทหารลังเลเล็กน้อย เพราะพวกเขาคือคนเชิญเซี่ยเฟยกับเซธเข้ามาภายในกระโจมด้วยตัวเอง แต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานพวกเขากลับถูกสั่งการให้จับกุมคนพวกนี้งั้นเหรอ
“ทำไมพวกแกยังไม่จับพวกมันอีก? อย่าให้ฉันต้องพูดอีกเป็นครั้งที่ 2 ไม่อย่างนั้นระวังหัวของพวกแกจะหลุดออกจากบ่า!” ชายวัยกลางคนจ้องมองไปยังทหารที่ประตูอย่างเย็นชา
เมื่อถูกเน้นย้ำคำสั่งพวกทหารก็เดินเข้ามาภายในกระโจมด้วยร่างกายอันสั่นเทา โดยพยายามจะเอาเชือกมามัดเซี่ยเฟยเอาไว้ เซธจึงรีบเคลื่อนตัวเข้ามาขวางในทันที และถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวควินซี่แต่พวกบัลรอคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือออกไปห้ามเซธเอาไว้
“พวกแกกล้าดียังไงถึงมาจับกุมฉันที่เป็นนักปรุงยาชั้นสูงแบบนี้ ถ้าหัวหน้าของพวกแกรู้เรื่องนี้เข้า ระวังหลังจากนี้พวกแกจะใช้ชีวิตอย่างลำบาก”
เซี่ยเฟยจงใจเน้นคำว่านักปรุงยาชั้นสูงเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงสถานะของเขาอีกครั้ง
มันเป็นที่รู้กันดีว่านักปรุงยาเป็นตัวตนที่ล้ำค่าภายในดินแดนเนรเทศมากแค่ไหน ทหารยามจึงยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ฉันบอกให้จับตัวมันไปไง! แกหูหนวกงั้นเหรอ!!” ชายวัยกลางคนตะโกนสั่งขึ้นมาอีกครั้ง
เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับกินดื่มอาหารต่อไป ราวกับว่าคำสั่งของชายคนนั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาเลย
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ทหารยามที่ถูกสั่งให้จับตัวเซี่ยเฟยก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดความสงบและความมั่นใจที่ชายหนุ่มได้แสดงออกมา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะแสร้งทำกันได้ง่าย ๆ เขาจึงปักใจเชื่อว่าเซี่ยเฟยคือนักปรุงยาตัวจริง
ในขณะที่ทหารทั้งสี่กำลังไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปอยู่นั่นเอง ในที่สุดผู้นำของพวกเขาก็เดินเข้ามาภายในเต็นท์
“ไหน? ใครคนไหนคือนักปรุงยา?”
เซธเคยอธิบายให้เซี่ยเฟยได้ฟังแล้วว่าหัวหน้าเผ่าบัลรอคจะเจาะต่างหูสีเงินเอาไว้ทั่วทั้งร่างกาย เพื่อเป็นการแสดงออกถึงตำแหน่งของเขา เซี่ยเฟยจึงคาดเดาได้เลยว่าผู้มาใหม่จะต้องเป็นหัวหน้าบัลรอคแน่นอน
ชาวบัลรอคโดยทั่วไปมีความสูงไม่เกิน 150 เซนติเมตร และมีน้ำหนักไม่เกิน 70 กิโลกรัม แต่หัวหน้าเผ่าคนนี้มีเนื้อตัวที่อ้วนท้วมพร้อมกับมีต่างหูสีเงินเจาะประดับอยู่ทั่วทั้งร่างกาย
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นพร้อมกับทักทายหัวหน้าเผ่าด้วยรอยยิ้ม โดยไม่แสดงท่าทีอ่อนน้อมหรือเย่อหยิ่งออกมามากจนเกินไป
“ฉันชื่ออาเฟยเป็นนักปรุงยาที่บังเอิญผ่านมาที่นี่ และอยากจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเผ่าพันธุ์ของคุณสักหน่อย”
ผู้นำเผ่าชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่านักปรุงยาที่เดินทางมาจะเด็กมากขนาดนี้ เขาจึงรีบผลักสาวใช้ที่อยู่ใกล้ ๆ ออกไปและก้าวเท้ามาข้างหน้าเพื่อทักทายเซี่ยเฟยอย่างยินดี
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่เผ่าพันธุ์บัลรอคของเรา ฉันชื่อจีเวนต์เป็นหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณจีเวนต์” เซี่ยเฟยทักทายอีกครั้ง
“ถือว่าเป็นเกียรติของเผ่าพันธุ์เรามาก ๆ ที่นักปรุงยาอย่างคุณได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนพวกเราแบบนี้ คุณเรียกฉันว่าจีเวนต์เฉย ๆ เถอะ คุณไม่จำเป็นจะต้องสุภาพมากขนาดนั้นก็ได้” จีเวนต์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เห็นจีเวนต์ปฎิบัติตัวต่อเซี่ยเฟยด้วยความเคารพ เขาก็พ่นลมหายใจออกมาจากจมูกด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เอ่อ… คุณลูคัสก็อยู่ที่นี่ด้วยสินะ พวกเรารีบนั่งลงเฉลิมฉลองกันเถอะ” จีเวนต์รีบกล่าวขึ้นมาเมื่อเขาได้เห็นท่าทางของชายวัยกลางคนที่ดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากเท่าไหร่
—
ต่อมาจีเวนต์ก็ได้เชิญแขกของเผ่าพันธุ์เข้าไปยังเต็นท์ขนาดใหญ่ของเขา โดยมีเขานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะและมีโจอี้ผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย
โจอี้คนนี้มีแววตาที่ฉลาดเฉลียวมาก และเขาก็เป็นคนที่รีบไปแจ้งจีเวนต์เมื่อได้เห็นลูคัสกำลังจะเดินทางไปหาเรื่องเซี่ยเฟย
“คุณอาเฟย ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นนักปรุงยาตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ ว่าแต่ว่าทำไมคุณถึงสนใจมาเยี่ยมเยียนเผ่าพันธุ์ของพวกเรางั้นเหรอ?” จีเวนต์ถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันว่าเขาเป็นนักปรุงยาตัวปลอมมากกว่า” ลูคัสที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวขัดขึ้นมาโดยไม่สนใจที่จะไว้หน้าของจีเวนต์เลย
เหตุการณ์นี้ทำให้จีเวนต์รู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงตอบคำถามของเขาขึ้นมาราวกับว่าคำพูดของลูคัสเข้าหูซ้ายทะลุผ่านหูขวาของเขาไป
“ฉันได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์ของพวกคุณมีความเชี่ยวชาญในการปลูกต้นบ๊วยไฟ ฉันจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการวัตถุดิบพวกนั้นกลับไปใช้ในการปรุงยาของฉัน”
“บ๊วยไฟถือว่าเป็นวัตถุดิบพิเศษจากเผ่าพันธุ์ของพวกเราจริง ๆ ของว่างที่อยู่ตรงหน้าคุณก็ถูกปรุงขึ้นมาจากบ๊วยไฟด้วยเหมือนกัน น่าเสียดายที่ถึงแม้สรรพคุณของพวกมันจะค่อนข้างดี แต่ผลผลิตของพวกมันกลับมีปริมาณน้อยมากเกินไป” จีเวนต์กล่าว
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้คิดที่จะเอาบ๊วยไฟกลับไปฟรี ๆ ถ้าหากว่าคนในเผ่าพันธุ์ของคุณคนไหนมีอาการบาดเจ็บอะไร ขอให้คุณบอกฉันมาตรงนี้ได้เลย ฉันขอคิดค่ารักษาเป็นบ๊วยไฟก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าบ๊วยไฟจะมีชื่อที่ฟังดูร้อนแต่สรรพคุณของมันกลับทำให้ผู้บริโภครู้สึกเย็นสบาย ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยกับเซธได้ดื่มกินอาหารจากบ๊วยไฟเข้าไป มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นสบายท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ
ทันทีที่เซี่ยเฟยพูดจบจีเวนต์ก็หันไปพูดคุยปรึกษากันกับโจอี้สักพัก ซึ่งในระหว่างนั้นลูคัสที่เงียบมาโดยตลอดก็ถามขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า
“ในเมื่อนายบอกว่าตัวเองเป็นนักปรุงยา ถ้าอย่างนั้นก็บอกฉันมาทีว่านายเรียนรู้วิชาปรุงยามาจากใคร? แล้วตอนนี้นายมีระดับอะไรแล้ว?”
ความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาเป็นความรู้ที่มักจะสืบทอดให้กับศิษย์ของตัวเองเท่านั้น เมื่อลูคัสถามคำถามขึ้นมาทั้งจีเวนต์และโจอี้ต่างก็รอคอยคำตอบของชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่มีอาจารย์และไม่มีระดับ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
คำตอบนี้ทำให้จีเวนต์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะการที่เซี่ยเฟยบอกว่าตัวเองไม่มีระดับ มันก็หมายความว่าชายหนุ่มเป็นเพียงแค่นักปรุงยาเถื่อน และเหตุผลที่เขาไม่พูดถึงอาจารย์ของตัวเอง มันก็หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้เรียนรู้การปรุงยาขึ้นมาด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็อาจจะเป็นความรู้ผิด ๆ ถูก ๆ ที่ไม่มีการรับรอง
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันบอกไปแล้วใช่ไหมว่ามันคือคนโกหก ตอนนี้คุณจะยังเชื่อถือคำพูดของมันอยู่ไหม?” ลูคัสส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นหลังจากได้รับคำตอบจากเซี่ยเฟย
แม้ว่ามันจะไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากของจีเวนต์สักคำ แต่ภายในแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน
“คุณเอาหลักฐานที่ไหนมาบอกว่าฉันคือคนโกหก?” เซี่ยเฟยกล่าวขณะหันหน้าไปถามทางลูคัส
“นักปรุงยาทุกคนจะต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อย 10 ปีเพื่อให้ได้ใบรับรองมา แล้วคนอายุน้อยอย่างนายจะเป็นนักปรุงยาตัวจริงได้ยังไง?” ลูคัสกล่าวพร้อมกับเอามือกระแทกโต๊ะ
“อายุเป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ว่าเรามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหน ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกว่าใครมีความเก่งกาจในเรื่องไหนสักหน่อย แล้วคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าฉันคนนี้ไม่สามารถที่จะปรุงยาได้?” เซี่ยเฟยกล่าวขัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ทุกคนชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน เพราะคำพูดของเซี่ยเฟยเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากจริง ๆ ท้ายที่สุดการวัดทักษะในการปรุงยาก็วัดกันที่ใครมีความเข้าใจในเรื่องของการปรุงยามากกว่ากัน ไม่ใช่การวัดกันที่รูปร่างหน้าตาและอายุอย่างที่ลูคัสได้บอกเอาไว้
“ในเมื่อคุณบอกว่าฉันเป็นคนโกหก แล้วคุณล่ะเป็นใคร? ตอนนี้อยู่ในระดับไหนแล้ว?” เซี่ยเฟยกล่าวถามกลับ
“ฉันคือลูคัสศิษย์ของท่านอาจารย์ลาคูส อาจารย์ของฉันคือเจ้าโอสถแห่งแดนเนรเทศและถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความรู้เทียบเท่ากับอาจารย์ แต่ฉันก็ถูกยกย่องจากอาจารย์ว่ามีความสามารถเป็นนักปรุงยาระดับ 2” ลูคัสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“เอามา” เซี่ยเฟยยื่นมือออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“เอาอะไร?” ลูคัสถามอย่างสับสน
“ใบรับรองนักปรุงยาระดับ 2 ไง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
“ที่นี่คือแดนเนรเทศนะเว้ย! แล้วฉันจะไปเอาใบรับรองมาจากไหน?” ลูคัสคำรามออกมาด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ถ้าคุณบอกว่าตัวเองเป็นนักปรุงยาระดับ 2 แต่ไม่มีใบรับรอง มันก็หมายความว่าคุณคือคนโกหกใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
ตูม!
ลูคัสใช้มือทุบโต๊ะด้วยความโกรธจนทำให้อาหารกระจัดกระจายร่วงหล่นลงกับพื้น
“คุณจีเวนต์คุณก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในแดนเนรเทศ ถ้าหากว่าพวกเราไม่ใช่นักปรุงยาที่หนีออกมาจากดินแดนกฎ มันก็ไม่มีทางที่พวกเราจะมีใบรับรองได้หรอก ถ้าหากว่าเขาบอกว่าฉันโกหก ฉันก็บอกว่าเขาคือคนโกหกได้เหมือนกัน” เซี่ยเฟยหันไปกล่าวกับจีเวนต์
“อาจารย์ของฉันเป็นคนประเมินระดับของฉันด้วยตัวเอง การที่นายพูดแบบนี้มันคือการหยามเกียรติอาจารย์ของฉันใช่ไหม?!” ลูคัสกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจมากกว่าเดิม
“อาจารย์ของคุณไม่ได้เป็นตัวแทนจากสมาคมนักปรุงยาซะหน่อย ดังนั้นหากวัดจากทางสมาคมคุณก็ไม่มีระดับเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต้องมาพูดจาทำตัวโอ้อวดไปหน่อยเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบผลไม้เข้าปากด้วยท่าทางที่ดูหมิ่นอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 202
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น