ตอนที่ 686 การประเมิน 3 ขั้นตอน

-A A +A

ตอนที่ 686 การประเมิน 3 ขั้นตอน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 686 การประเมิน 3 ขั้นตอน

“เซี่ยเฟย นายต้องการจะเลื่อนระดับเป็นราชากฎเร็ว ๆ ไหม?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

คำถามของโอโร่ทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เนื่องจากทั่วทั้งจักรวาลนี้คงมีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานความอยากจะขึ้นเป็นราชากฎได้ เพราะมันคือย่างก้าวสำคัญที่จะทำให้คนผู้นั้นได้รับการยอมรับอย่างสูง 

ยิ่งไปกว่านั้นการก้าวข้ามขึ้นไปเป็นราชากฎยังเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะถึงแม้ในตระกูลหยูจะมีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนนับล้านคน แต่ทั่วทั้งตระกูลกลับมีราชากฎอยู่เพียงแค่ไม่ถึงสามคน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าราชากฎในดินแดนแห่งนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากแค่ไหน

“แน่นอนว่าผมอยากเป็นราชากฎเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่การที่คุณถามแบบนี้มันก็หมายความว่าผมมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนกลับไปเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างใจเย็น

“ทำไมถึงคิดว่ามันจะต้องมีการแลกเปลี่ยนด้วยล่ะ?” โอโร่ถาม

“ทุกสิ่งในจักรวาลมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนออกไปโดยเสมออยู่แล้ว แม้ว่าผมจะพยายามก้าวขึ้นไปเป็นราชากฎทั้งวัน แต่ผมก็ยังไม่เห็นเบาะแสในการก้าวข้ามผ่านระดับไปได้ด้วยซ้ำ ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการก้าวข้ามผ่านระดับในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแค่ไหน” 

“ด้วยเหตุนี้การที่คุณเสนอวิธีการพัฒนาไปเป็นราชากฎในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มันก็หมายความว่าคุณจะต้องมีเจตนาอื่นแอบแฝง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

โอโร่พยักหน้าอย่างพึงพอใจที่เซี่ยเฟยเข้าใจกฎแห่งการแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดี

“วิธีการของฉันไม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ยากลำบากมากนัก ในตอนที่ควินซี่หนีไปเขาได้ขโมยเอาคริสตัลกลืนโลหิตในตระกูลของพวกเราหลบหนีไปด้วย แต่ในระหว่างการหลบหนีฉันได้ทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้เขาไม่สามารถที่จะฝึกฝนก้าวหน้าต่อไปได้” 

“ฉันสันนิษฐานว่าตอนนี้คริสตัลกลืนโลหิตก็น่าจะยังอยู่ในมือของเขา ดังนั้นตราบใดก็ตามที่นายยอมลงมือฆ่าเขา ฉันก็จะมอบคริสตัลชิ้นนั้นให้กับนาย ซึ่งมันเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้นายก้าวเท้าขึ้นสู่ราชากฎในคราวเดียว ข้อเสนอของฉันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรมากนักใช่ไหมล่ะ” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“นี่ผู้อาวุโสคุณลืมกฎของนักรบไปแล้วหรือเปล่า? ตราบใดก็ตามที่เราสังหารใครในสนามรบได้ ของทุกอย่างที่อยู่ในตัวของคนคนนั้นก็จะตกไปอยู่ในมือของผู้สังหารทันที ถ้าผมช่วยคุณฆ่าคนทรยศตระกูลของคุณ ของทุกอย่างของเขาก็จะต้องเป็นของของผมอยู่แล้ว แล้วทำไมผมจะต้องรอให้คุณยกมันให้กับผมด้วย”

โอโร่พยายามกระตุ้นให้เซี่ยเฟยเดินทางออกไปจัดการกับควินซี่ทันทีที่เขาได้รับข่าว แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าศัตรูคนนี้ไม่ใช่ศัตรูที่เขาสามารถกำจัดได้ง่าย ๆ แน่นอน เพราะนอกเหนือจากควินซี่จะได้เรียนรู้กฎแห่งชีวิตของเผ่ามารแล้ว เขายังเป็นผู้ครอบครองศิลาหางฟินิกซ์ และเขาก็จะต้องครอบครองอะไรบางอย่างที่โอโร่ยังไม่ได้บอกเขาแน่ ๆ 

มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยเฟยยังไม่เดินทางออกไปจัดการกับควินซี่เสียที ทั้ง ๆ ที่โอโร่พยายามหลอกล่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ควินซี่คือผู้ทรยศของไลอ้อนฮาร์ท แล้วของที่เขาขโมยไปจะตกเป็นของของนายได้ยังไง?” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“แล้วถ้าหากว่าคนที่ฆ่าควินซี่ไม่ใช่ผม ผมขอถามหน่อยเถอะว่าเขาคนนั้นจะคืนสมบัติของตระกูลคุณให้กับพวกคุณหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

โอโร่ชะงักค้างไปครู่หนึ่งและถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงความจริงในเรื่องนี้ได้

“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ นายช่วยเอาข่าวเรื่องควินซี่ไปแจ้งให้ฮีธฟิลด์ทราบ และขอให้เขาส่งนักรบไปจัดการกับควินซี่ซะ ในกรณีนี้นายก็ไม่จำเป็นจะต้องออกไปสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย และนั่งอยู่เฉย ๆ รอรับสมบัติชิ้นนั้นไปได้เลย” โอโร่กล่าวหลังจากใช้ความคิดอยู่สักพัก

“คุณก็เคยเป็นนักรบมาก่อนนี่ คุณก็น่าจะรู้ดีว่าพวกเราไม่มีทางปล่อยเหยื่อของตัวเองไปให้ใครง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เหยื่อ? ควินซี่คือราชากฎขั้นที่ 7 ที่ฉันเป็นคนฝึกมาเองกับมือ แต่นายกล้าเรียกเขาว่าเหยื่อเนี่ยนะ?!”

“แต่คอลลินที่ผมเพิ่งฆ่าไปเมื่อ 3 วันก่อนก็เป็นราชากฎขั้นที่ 7 ด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ควินซี่มีศิลาหางฟีนิกซ์เป็นอาวุธประจำตัวของเขาด้วย!”

“ผมก็มีหงส์ครามที่เป็นอาวุธมายาเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธของผมยังเป็นอาวุธที่เกิดจากการหลอมรวมอาวุธมายาถึงสองชิ้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกมือขวาของเขาขึ้นมา

“ชุดเกราะของเขาเป็นผลงานชั้นยอดของปรมาจารย์มารแคมโพสต์!”

“ชุดเกราะของผมก็เป็นผลงานชั้นยอดจากบริษัทฟิกส์เหมือนกัน”

คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้โอโร่พูดอะไรไม่ออก เพราะในช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนกฎ ชายหนุ่มได้สะสมอาวุธอุปกรณ์ชั้นยอดเอาไว้กับตัวเองอย่างมากมาย ซึ่งพูดตามตรงว่าอาวุธอุปกรณ์ที่เซี่ยเฟยได้ครอบครองอยู่นั้นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าสมบัติของราชากฎขั้นสูงสุดเลย ในความเป็นจริงราชากฎขั้นสูงสุดบางคนยังมีสมบัติดีไม่เท่ากับสิ่งที่ชายหนุ่มได้ครอบครองอยู่ด้วยซ้ำ

ไม่ว่านักรบจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่นักรบพวกนั้นก็ยังต้องการอาวุธอุปกรณ์เป็นเครื่องมือเสริม ที่จะช่วยให้พวกเขาแสดงพลังออกมาได้มากยิ่งขึ้น สิ่งที่เซี่ยเฟยได้ครอบครองอยู่นั้นแซงหน้านักรบส่วนใหญ่ในระดับเดียวกันกับเขาไปไกลมากแล้ว และมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถท้าทายราชากฎอย่างคอลลินได้อย่างง่ายดาย

“นายกำลังจะบอกว่านายต้องการที่จะฆ่าควินซี่เอง แล้วเก็บเอาสมบัติทุกอย่างของตระกูลฉันไปเป็นของนาย?” โอโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“สินสงครามมันก็ต้องตกเป็นของผู้ชนะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ

“ไอ้คนโลภมาก! ระวังเถอะว่าความโลภของนายจะทำให้นายซวยโดยไม่รู้ตัว!!” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ไม่ต้องห่วง แต่ไหนแต่ไรผมมันก็เป็นแม่เหล็กดูดปัญหามาตลอดอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป

เมื่อได้รับคำตอบโอโร่ก็หยุดคิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเขารู้ดีว่าเซี่ยเฟยมีนิสัยดื้อรั้นและไม่มีทางที่จะยอมรับคำพูดของเขาง่าย ๆ เขาจึงเลือกจดจำการกระทำนี้เอาไว้ในใจ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เขาก็จะกลับมาทวงสมบัติของตระกูลคืนจากชายหนุ่ม

“ว่าแต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าคริสตัลชีวิตมันมาจากไหน? แล้วทำไมมันถึงมีพลังงานอยู่มากมายขนาดนั้น?” เซี่ยเฟยกล่าวถามเปลี่ยนเรื่อง

แม้ว่าชายหนุ่มจะดูก้าวร้าวไปบ้างในบางเรื่อง แต่เขาก็พยายามขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัว

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่เขาเคยใช้อยู่เป็นประจำ เนื่องจากเขารู้ดีว่าเหล่าบรรดาผู้สูงอายุมักที่จะชอบให้คำแนะนำต่อคนที่เด็กกว่า เพราะว่ามันเป็นการแสดงออกถึงประสบการณ์และความรู้ที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นได้สั่งสมมา และมันก็เป็นทางลัดที่ทำให้เซี่ยเฟยสามารถเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

แน่นอนว่าการขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัวของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ มันก็ทำให้โอโร่กลับมามีอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้น

อัจฉริยะส่วนใหญ่มักจะทำตัวหยิ่งยโสและไม่ค่อยจะมาขอคำแนะนำจากผู้อื่น โอโร่จึงชอบเด็กรุ่นใหม่ที่นอบน้อมอย่างเซี่ยเฟย ที่สำคัญคือชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ ที่เคยสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาต่อหน้าของเขาแล้วหลายครั้ง

“ฉันขอบอกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาก็คงจะไม่สามารถให้คำตอบเรื่องนี้กับนายได้ แต่ว่าฉันได้บังเอิญเรียนรู้ความลับของตระกูลเชพเพิร์ดเมื่อนานมาแล้ว ฉันจึงได้รู้ว่าเบื้องหลังของการที่พวกเขากลืนกินสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเข้าไปมันเป็นยังไง”

“พวกเชพเพิร์ดธรรมดาจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเข้าไป เพียงเพื่อเติมเต็มความอยากอาหารของพวกเขาเท่านั้น มีพวกเชพเพิร์ดกลายพันธุ์เพียงแค่ไม่กี่คนในเผ่าพันธุ์ ที่มีความสามารถในการแย่งชิงพลังของเหยื่อเข้ามาเป็นของตัวเองได้”

“นายก็น่าจะรู้ดีอยู่ใช่ไหมว่าสาเหตุที่ตระกูลต่าง ๆ สามารถดำรงความยิ่งใหญ่มาได้จนถึงปัจจุบัน นั่นก็เพราะมรดกทางพันธุกรรมที่ตกทอดไปยังลูกหลานของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลไลอ้อนฮาร์ทของเราที่มีพรสวรรค์ในการฝึกกฎแห่งความมืดมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ แต่ถ้าหากให้พวกเราไปฝึกฝนกฎแห่งแสงสว่าง พวกเราก็จะฝึกฝนกฎแห่งแสงสว่างได้เชื่องช้ากว่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ มาก”

“เหตุผลที่เป็นแบบนั้นนั่นก็เพราะว่าร่างกายของเผ่าพันธุ์ของเรา เหมาะสมสำหรับการฝึกฝนกฎแห่งความมืดมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ซึ่งถ้าหากว่าพวกเชพเพิร์ดได้กลืนกินร่างของคนในตระกูลเราเข้าไป พวกเขาก็จะได้รับพันธุกรรมที่จะทำให้ร่างกายของพวกเขา มีความเหมาะสมสำหรับการฝึกฝนกฎแห่งความมืดด้วยเหมือนกัน” โอโร่เริ่มอธิบาย

“คุณกำลังจะบอกว่าถ้าหากพวกเชพเพิร์ดหลายพันกลืนกินร่างของนักรบเผ่าอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งนักรบพวกนั้นก็จะได้รับร่างกายที่มีความเข้ากันได้กับกฎทุกชนิดใช่ไหม ความสามารถของพวกเขามันจะน่าทึ่งมากจนเกินไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด

“ในทางทฤษฎีมันก็ใช่ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอก ทุกอย่างในจักรวาลมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนอยู่เสมอ” 

“การที่ร่างกายถูกเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมอยู่ตลอดเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ผิวหนังของคอลลินที่เต็มไปด้วยฝีทั่วทั้งร่างกาย มันก็เกิดขึ้นมาจากการที่เขาได้กลืนกินร่างของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เข้าไปมากเกินไป จนทำให้ร่างกายเริ่มกระบวนการทำลายตัวเอง” โอโร่กล่าว

“แสดงว่าคริสตัลชีวิตมันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการกลืนกินร่างของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ เข้าไปเป็นจำนวนมากโดยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“ถูกต้อง ภายในร่างของนักรบแต่ละคนต่างก็มีพลังงานต้นกำเนิดสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเชพเพิร์ดกลืนกินร่างของสิ่งมีชีวิตพวกนั้นเข้าไป มันก็จะค่อย ๆ มีผลึกพลังงานก่อตัวขึ้นมาภายในร่างของพวกเชพเพิร์ดเรื่อย ๆ” 

“แล้ววันหนึ่งเมื่อผลึกคริสตัลพวกนั้นถูกสะสมได้มากพอ พวกเชพเพิร์ดก็ใช้วิชาประจำเผ่าพันธุ์ในการย้ายชีวิตของตัวเอง เข้าไปในคริสตัลนั้นแทนร่างกายที่กำลังจะเน่าเปื่อยได้ทุกเวลา”

“สาเหตุที่นายเห็นคริสตัลชีวิตของคอลลินเป็นเหมือนกับเด็กทารก นั่นก็เพราะว่าเขายังกลืนกินร่างของสิ่งมีชีวิตเข้ามาสร้างผลึกคริสตัลได้ไม่มากพอ ร่างคริสตัลชีวิตของเขามันเลยเล็กเพียงเท่านั้น แทนที่จะมีร่างกายขนาดใหญ่เหมือนกับร่างของพวกเชพเพิร์ดโตเต็มวัย”

“ครั้งนี้นายโชคดีมากที่นายสามารถดูดซับพลังงาน ที่สะสมภายในคริสตัลชีวิตเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้ เพราะพลังงานพวกนั้นเป็นพลังงานที่ถูกสะสมด้วยนักรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพลังงานที่นายได้รับเข้าไป มันถึงมีปริมาณมากมายมหาศาลขนาดนั้น”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดพลังงานสำรองภายในสมองของนาย น่าจะเพียงพอที่จะผลักดันให้นายเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎได้แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่นายได้รับความช่วยเหลือจากคริสตัลกลืนโลหิต เมื่อนั้นนายก็พร้อมที่จะเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎได้ทุกเมื่อ”

คำอธิบายของโอโร่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง แล้วเขาก็ต้องยอมรับว่าในจักรวาลนี้มีสิ่งลึกลับอยู่เป็นจำนวนมาก และมันก็ยังมีเรื่องอีกหลาย ๆ เรื่องที่เขายังไม่เคยรู้มาก่อน

“ว่าแต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพันธุกรรมของผมเหมาะสมกับการฝึกฝนกฎอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอีกครั้ง

“คำถามนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะตอบกันได้ง่าย ๆ เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้การคำนวณที่ซับซ้อนและมันยังต้องผ่านการประเมิน 3 ขั้นตอนด้วย” โอโร่กล่าว

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็จำเรื่องที่เขาเคยเดินทางไปยังดาวเคราะห์มรดกได้ ซึ่งในครั้งนั้นเขาเคยได้รับการประเมิน 3 ขั้นตอนโดยไม่ได้ตั้งใจมาก่อน

“ดูเหมือนว่าผมจะเคยผ่านการประเมิน 3 ขั้นมาก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นระบบบอกว่าสายเลือดของผมมันเป็นสายเลือดระดับ 4 ดาว” เซี่ยเฟยกล่าว

ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็สัมผัสได้ถึงแววตาแปลก ๆ ที่โอโร่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ เพราะแววตานั้นมันให้ความรู้สึกราวกับว่าอดีตจอมมารกำลังจ้องมองไปที่ตัวแปลกประหลาด…

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.