บทที่ 12...3/3
เมษาเดาได้ทันทีเมื่อภามเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้านหลังหนึ่งกลางเนื้อที่กว้างขวาง ตัวบ้านสองชั้นสีงาช้างสไตร์ยุโรปที่เห็นคงเป็นบ้านของเขากระมัง คนที่เขาอยากให้เธอพบจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงที่เดินมายืนรอลูกชายตรงประตูโค้งบานนั้น
หญิงสาวยกมือไหว้เนตราที่ผายแขนออกมาโอบกอดเธอไว้ ภามยิ้มชอบใจที่แม่ของเขาชอบแขกคนสำคัญที่เขาพามาทานข้าวด้วยกันในเย็นวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่าแม่ของเขาเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองแน่นอน หลังจากที่เขาโทรมาบอกว่าจะพาเมษาไปทานข้าวเย็นด้วยกัน
“สวัสดีค่ะคุณป้าเนตร ขอโทษนะคะ เมไม่รู้ว่าคุณภามจะพามาหาคุณป้าเนตรเลยไม่ได้เตรียมขนมมาด้วย”
แม้เมษาจะรู้จักเนตรามาแล้ว แต่ก็ยังประหม่าอยู่บ้างเพราะการมาของเธอในครั้งนี้ภามเป็นคนพามา
เนตราเปลี่ยนมาโอบเอวพาเมษาเข้ามาในบ้าน โดยมีลูกชายเดินตามหลังมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชอบใจ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้า เราใช่คนอื่นไกล ใช่ไหมภาม”
“ถูกต้องที่สุดครับแม่” ภามพยักหน้าทันทีก่อนจะช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้แม่นั่ง แล้วตามมาด้วยเมษา “เมเคยบอกว่าไม่แพ้อาหารอะไร วันนี้แม่ของผมเลยทำอาหารที่ชอบทำบ่อยๆ ชิมแล้ววิจารณ์ได้ นานๆ จะมีคนมาช่วยชิม”
เมษามองภามอย่างรู้ทัน เขาจะบอกว่าไม่ได้พาใครมาหาแม่มานานแล้วล่ะสิ
“ถ้าหนูเมชอบทานอะไรบอกไว้ได้เลยนะ เอาไว้ป้าทำแล้วจะฝากภามเอาไปให้ อ้อ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ป้าชอบทำอาหาร แต่ไม่ค่อยได้ทำเพราะไม่มีใครมาช่วยทาน” เนตราช่วยยืนยันอีกเสียงอย่างเนียนๆ
ภามยกนิ้วโป้งให้แม่ที่ช่วยปูทาง เมษาเห็นท่าทีสบายๆ เหมือนลูกชายตัวเล็กของแม่ที่ภามทำแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ถ้างั้นเมคงต้องขอบคุณล่วงหน้าแล้วนะคะ เมชอบทำขนม เอาไว้จะฝากคุณภามมาให้คุณป้าเนตรนะคะ”
ภามขมวดคิ้วร้องโห “เห็นผมเป็นทางผ่านกันหรือนี่ ผมต้องเก็บค่าผ่านเป็นของอร่อยๆ แล้วนะ”
เสียงอ่อนเสียงหวานของภาม ทำให้ทั้งเนตราและเมษาพากันยิ้มอย่างหมั่นไส้ ชายหนุ่มอารมณ์ดีก็แสดงออกไปไม่ต้องรักษาท่าทีเหมือนกับเวลาที่ทำงาน ครอบครัวในฝันของเขาคือแบบนี้ ที่ปลอดภัยของเขากับคนที่เขามั่นใจว่าต่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงเพียงใดก็จะไม่ทั้งกัน
อาหารมื้อแรกของครอบครัวที่กำลังจะมีสมาชิกใหม่มีสีสันกว่าเคย เมื่อมีเมษาคอยถามสูตรอาหาร เนตราชอบใจเพราะไม่มีลูกสาว ลูกชายสองคนก็หัวหกก้นขวิดกันตามวัย พอเข้าร่องเข้ารอยก็ทำงานพากันทำหน้าเครียด แม้ภามจะทานอาหารกับนางอยู่เสมอ แต่เป็นบรรยากาศเดิม การมีใครเพิ่มเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะและช่างคุยในเรื่องที่ชอบพอ อาหารมื้อนี้จึงอร่อยกว่าทุกวัน
โมกข์โทรมาหลังจากภามพาเมษากับเนตรามานั่งเล่นในสวนที่พ่อทำให้แม่ เมษาเห็นกล้วยไม้จึงเล่าเรื่องพ่อที่ชอบเลี้ยงกล้วยไม้เหมือนกัน เธอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างเลยยิ่งถูกใจเนตรา จนกระทั่งบทสนทนาพามาเรื่องใกล้ตัว
“ภามน่ะถ้าบอกว่าชอบใครแล้วก็ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ ถ้าหนูเมลังเลเพราะข่าวของภาม ป้าอยากให้เปิดใจ บางครั้งตัวจริงกับสิ่งที่แสดงออกในสังคมก็อาจจะไม่เหมือนกัน คนที่ยอมให้เห็นตัวจริงในด้านต่างๆ ของเรา ย่อมหมายความว่าคนคนนั้นคุ้มค่าพอ” ประโยคที่ว่าลูกรักใคร คนเป็นแม่ย่อมรักด้วยคงจะจริง นางอยากให้ลูกชายมีความสุข
ก่อนหน้านี้เมษาก็เคยคิดว่าภามดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้เพราะข่าวต่างๆ แต่พอได้มารู้จักเขามากขึ้น เธอจึงได้คำตอบให้ตัวเองว่าอย่าเชื่อว่าเขาเป็นอย่างไรจากปลายปากกาของคนอื่น
“เมคิดว่าคุณภามเป็นคนดีคนหนึ่งค่ะ สิ่งที่เมกังวลไม่ใช่เพราะเขา แต่เมกังวลเพราะตัวเอง”
เป็นคำตอบที่ชวนให้สงสัยจนเนตราไม่มีทางปล่อยผ่าน
“บอกป้าได้ไหมคะว่าทำไมหนูเมรู้สึกแบบนั้น”
เมษายิ้มพลางเม้มปากเมื่อเธอต้องบอกความในใจที่ไม่เคยบอกกับใครเพราะมันคือความกลัวของเธอเอง ภามไม่ได้ผิดอะไรเลย
“เมชอบมีชีวิตที่สงบสุขไม่ต้องไปฟาดฟันกับใคร คุณภามเหมือนรางวัลของผู้ชนะ ทำให้มีคนอยากชนะเพื่อให้ได้เขามา เขาอาจทำให้ชีวิตของเมไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย”
เนตราเข้าใจได้ในทันที หากต้องแย่งชิงเพื่อให้ได้ผู้ชายสักคนมา ในช่วงแรกย่อมดื่มด่ำกับชัยชนะ ทว่าการต่อสู้นี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ แต่ภามไม่มีทางทำให้เมษาต้องแย่งชิง เมษาคือผู้ชนะที่ภามกรุยทางให้เธอโดยที่ไม่ต้องมีคู่แข่ง
“ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะชนะ สำคัญที่ว่าภามเลือกใคร แล้วใครคนนั้นเลือกภามด้วยหรือเปล่า คนอื่นไม่สำคัญ ตอนที่ป้าจะแต่งงานกับพ่อของภาม ป้าก็คิดแบบนี้ แต่เพราะรัก ทำให้คิดว่าถ้าชีวิตจะเกิดความยุ่งยากก็คงเป็นความยุ่งยากที่คุ้มค่า”
“ความยุ่งยากที่คุ้มค่าหรือคะ” เมษาไม่เข้าใจหากมันเป็นยุ่งยากจะเรียกว่าคุ้มค่าได้อย่างไร
มือของผู้มากวัยกว่าลูบไหล่ของผู้หญิงที่ลูกชายของนางมองด้วยความรัก การมีครอบครัวทำให้นางเหมือนพบโลกอีกใบที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ในทุกๆ วัน
“พอมีใครอีกคนจับมือเผชิญปัญหาด้วยกัน ความยุ่งยากมันจะกลายเป็นความง่ายดาย หัวเราะได้ทั้งน้ำตา เหนื่อยแต่ว่ามีพลังให้ออกไปหาสิ่งที่อยากทำในทุกวัน มันเป็นความรู้สึกที่ต้องรักและได้รับรักกลับมาถึงจะเข้าใจ ตอนนี้หนูเมก็น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วกระมังว่ามันรู้สึกอย่างไร ภามน่ะกับคนที่หวังให้มาเป็นครอบครัว ความรู้สึกและการแสดงออกของเขาจะไม่ซับซ้อนเลย”
พอเมษามองย้อนกลับไป ภามเป็นอย่างที่เนตราบอกไว้จริงๆ ภามบอกว่าชอบเธอ เขาแสดงออกว่าชอบเธอ ไม่ซับซ้อน ไม่วางฟอร์ม เธอเสียอีกที่ทำลายความรู้สึกของเขาว่ามันอาจเป็นเพราะอารมณ์พาไป ที่จริงแล้วเขาซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองถึงได้พูดออกมาต่างหาก เมษาเอียงตัวไปกอดเนตราเอาไว้หลวมๆ เมื่อมั่นใจหลายๆ อย่างในตัวเองแล้ว
“เมโชคดีจังค่ะที่ได้มาพบคุณป้าเนตร”
เนตรากอดเมษากลับเพราะนางเองก็โชคดีที่ได้พบเมษาในวันนั้น ภามเดินกลับมาที่สวนจึงได้เห็นแม่กับเมษากำลังกอดกันกลม ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนพลางยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้ ความสุขสำหรับเขาคือเท่านี้ ครอบครัวที่มีแม่ของเขากับผู้หญิงที่มาเติมเต็ม เมษาเป็นคำตอบที่ชัดเจนมาตั้งแต่วันที่เขาบอกว่าชอบเธอ
ร่างเลือนรางของภูมิมองมาจากที่ไกลๆ หากวิญญาณน้ำตาไหลได้ เขาคงน้ำตาไหลเพราะความดีใจ แม่ควรมีความสุขแม้ว่าจะผ่านการสูญเสียสามีและลูกชายคนโต เขาใกล้หมดห่วงแล้วใช่ไหมร่างถึงจางลงจนไม่แน่ใจว่าหากภามกับเมษาจับมือกัน ทั้งสองคนจะยังเห็นเขาได้อีกหรือเปล่า
สถานที่นัดหมายของชลัชที่โทรมาหาภามเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนกลายเป็นร้านขนมที่เขาคุ้นเคย ชลัชกำลังละเลียดตักปลากริมไข่เต่าเข้าปากอย่างสบายใจพลางมองเพื่อนที่เพิ่งเปิดประตูกระจกเข้ามาในร้าน ตำรวจหนุ่มยิ้มกริ่มชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเขินๆ คิดว่าเพื่อนมีแฟนทั้งที เขาจะไม่สืบเสาะจนรู้หรือว่าเพื่อนชอบมากินขนมที่ร้านไหน ภามเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับชลัช หมิวเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทันที ชลัชยิ้มกว้างดูออกว่าเพื่อนมาที่นี่บ่อยขนาดไหน
“ขนมร้านนี้อร่อยจริงๆ เสียด้วย ถึงว่าภามถึงมาซื้อตึกข้างๆ จะได้มีขนมอร่อยๆ กินทุกวันนี่เอง” เพื่อนที่ดีต้องแซว
ภามหัวเราะนึกไว้อยู่แล้วว่าปิดบังตำรวจสายสืบไม่ได้หรอก “มีอะไรว่ามา นอกจากมาแซวแล้ว คงมีอะไรคืบหน้าใช่ไหม”
ชลัชหยิบภาพที่คนของเขาไปตามสืบหามาจนได้ แม้จะผ่านมา 2 ปีแล้ว
“พ่อของปราบเคยติดต่อกับธีภพ ในตอนนั้นแฟนของปราบคือป้านลินนี่เอง การตายของปราบเป็นอุบัติเหตุ สำนวนคดีที่ฉันได้อ่านมีแอลกอฮอล์ในร่างกายของปราบตั้ง 215 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ปราบโทรหาป้านลินเป็นคนสุดท้าย แต่ว่าเบอร์นั้นป้านลินเลิกใช้ไปแล้ว ที่น่าสงสัยมากๆ ก็คือปราบเคยโทรหาไปรยาด้วย ฉันไม่เข้าใจตรงนี้แหละ ไปรยาอดีตเมียของพี่ภูมิไปเกี่ยวอะไรกับปราบวะ”
ภามเห็นภาพของป้านลินพาปราบไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ก่อนปราบจะเสียชีวิต เป็นภาพที่ถ่ายติดป้าของเขากับคู่ขาโดยบังเอิญ ชายหนุ่มเริ่มคิดว่าปราบอาจไม่เกี่ยวกับการตายของพี่ภูมิเลยก็ได้ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าปราบไปอยู่ในคืนที่พี่ภูมิเสียชีวิตได้อย่างไร แล้วไปรยามาเกี่ยวอะไรด้วย
“เราคงได้คำตอบไม่นานนี้แหละ วันศุกร์ที่จะถึง ไปรยาจะกลับมาถึงไทย เอาไว้ฉันจะหาโอกาสไปหาไปรยา”
ชลัชพยักหน้าเขารู้เหมือนกับภามว่าไปรยาไปอยู่ต่างประเทศหลังจากพี่ภูมิเสียชีวิตไปแล้วหลายเดือน
“แล้วไปรยาจะยอมตอบง่ายๆ หรือวะ”
“ฉันมีวิธี”
ภามบอกวิธีของเขากับชลัช ตอนนี้โมกข์ไปจัดการตามแผนให้เขาอยู่ ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับปราบและอาจส่งผลต่อการตายของพี่ภูมิคงแสดงตัวออกมาบ้าง เขาทุ่มเงินและคนจำนวนไม่น้อยเพื่อตามผล การหาหลักฐานมันยากเพราะผ่านมา 2 ปีแล้ว เปลี่ยนมาล่อหลอกให้คนร้ายเปิดหน้าแลกกันเลยจะดีกว่า
เมษากลับขึ้นมาบนห้องตอนเกือบ 2 ทุ่มแล้ว ลูกค้าบางตาเหลือเพียงโต๊ะเดียว เธอเพียงแค่อยากมาล้างหน้าแล้วพักข้อเท้าเท่านั้น แม้จะไม่มีอาการบวม แต่พอเดินมากๆ ก็เจ็บข้อเท้าจนต้องนั่งพักบ้าง หลายวันมานี้เธอทำงานงานอยู่ที่ร้านด้วยความสบายใจเพราะไม่มีปัญหาอะไรมากวนใจอีก แขกคนนั้นออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทางโรงแรมได้ส่งคนไปขอโทษและเยียวยาตามสมควร ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่มีการฟ้องร้อง แต่ว่าคนที่จ้างนิดาเป็นใคร ตำรวจและคนของภามกำลังสืบหาอยู่
ก๊อกๆๆ
เมษาได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเดินไปเปิด แต่กลับประหลาดใจว่าทำไมภามถึงมาอยู่หน้าห้องของเธอได้
“คุณมาทางดาดฟ้าหรือคะ”
“เปล่า ป้าพิสเปิดประตูให้ ผมมารับเม ข้อเท้าก็ยังไม่หายดี ผมเลยขึ้นมารับ” ตอนนี้เขาเป็นว่าที่ลูกเขยทิพย์ของป้าพิสมัยแล้ว เมษาคงไม่รู้ตัว “ประคองหรืออุ้มดีครับ”
“เมเดินเองได้ค่ะ ไม่กลิ้งตกลงไปหรอก”
ภามมองอย่างเจ้าเล่ห์แล้วกระหวัดอุ้มร่างเพรียวเข้ามากอดแนบอกเลยถูกเมษาจ้อง “ผมรู้ว่าเมเดินเองได้ แต่ผมอยากช่วย...ในฐานะแฟน”
เมษาเลิกคิ้วราวกับถามภามว่าใครเป็นแฟนของเขา ก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อเขาแกล้งขมวดคิ้วใส่ หญิงสาวเลยพยักหน้ายอมรับก็ได้ว่าเธอเป็นแฟนของเขา
ภามจงใจยื่นหน้ามาใกล้แล้วจูบเร็วๆ ที่หน้าผากนวลของเมษา หญิงสาวยู่จมูกแบบเดี๋ยวเถอะพลางกอดคอของชายหนุ่มไว้เพราะกำลังลงบันไดแล้ว
“พี่เม...เมษา ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ทำอะไรไว้ ออกมาพูดกัน ทำไมถึงเป็นคนอย่างนี้ แน่จริงออกมาสิ”
เสียงใครบางคนตะโกนมาจากชั้นล่าง เมษาขมวดคิ้วเพราะไม่แน่ใจ แต่ก็มั่นใจว่าจำเสียงได้ว่าเป็นพริมา รุ่นน้องคนนี้มาหาเธอแล้วโวยวายทำไมกัน
เหมือนเมษาจะงานเข้าเลยนะ
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาท เหลือเวลา 9 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 250
แสดงความคิดเห็น