บทที่ 11...1/3
เมษารู้สึกว่ามีสายตาจากหลายคู่มองมาที่เธอ แน่ล่ะสิ หากเธอเดินมาคนเดียวไม่ใช่ถูกภามโอบไหล่ไว้แบบนี้คงไม่มีสนใจมองเธอหรอก หญิงสาวหันมองชายหนุ่มเผื่อว่าเขาจะรู้สึกตัวบ้างว่าเดินห่างออกมาจากห้องประชุมตั้งไกลแล้ว ภามยิ้มชอบใจเลื่อนแขนจากโอบไหล่ลงมาโอบที่เอวแทนเลยได้เห็นเมษาหันมามองดุๆ ใส่ เรียวปากหนาคลี่ออกยิ่งสุขใจ ทำไมหรือการพาแฟนเดินเล่นในโรงแรมของตัวเองจะเป็นอะไรไป การเปิดเผยของเขาคือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าการเริ่มต้นระหว่างเราสองคนจริงจังไม่ต้องหลบซ่อน เขาอยากให้เธอรู้ว่าการได้รับความรู้สึกของความห่วงใยไม่ได้น่ากลัวเลย
“ผมแค่บอกว่าเราเป็นแฟนกันเองนะ ไม่ต้องบอกว่ากำลังจะแต่งงานสักหน่อย” ชายหนุ่มเอียงหน้าลงพูดให้หญิงสาวในอ้อมแขนได้ยินเพียงคนเดียว แต่กลับถูกเมษาหยิกแขนเบาๆ เขาแกล้งร้องอูยทั้งที่ไม่ได้เจ็บอะไร “โอเค ผมอยากเป็นลมใต้ปีกให้คุณบ้างเท่านั้นเอง การที่ผมบอกว่าเป็นแฟนคุณไม่ทำให้ผลการตรวจสอบเปลี่ยนได้สักหน่อย”
ใช่ว่าเมษาจะดูไม่ออกว่าภามทำแบบนั้นเพราะอะไร แต่การเปิดตัวของเขาทำให้เธอรู้สึกเขินอายนี่นา ทว่าในหัวใจรับรู้ได้ว่าความสุขแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอมานาน ตั้งแต่คิดว่าความรักเป็นเรื่องที่เสี่ยงจนไม่กล้าเริ่มต้นใหม่
“ขอบคุณนะคะ ฉันเริ่มเข้าใจพวกนางเอกนิยายเวลาที่พระเอกเปิดตัวว่าเป็นแฟนแล้ว...น่ารักมากเลย”
ภามหัวเราะเสียงดังความสุขฟุ้งอยู่ในอก พนักงานที่ทำงานอยู่บริเวณใกล้ๆ พากันหันมามองอย่างสนใจเพราะปกติแล้วท่านประธานจะยิ้มบ้าง แต่ไม่เคยอารมณ์ดีหัวเราะเสียงดังแบบนี้มาก่อน
“อยู่ๆ มาชมว่าผมน่ารัก ผมจะทำยังไงดี”
เมษาแกล้งยักไหล่พลางกอดอกเดินเรื่อยๆ ทั้งที่เธอเองก็เขิน แต่พยายามเก็บอาการเท่านั้นเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าภามจะพาเดินไปที่ไหน แต่หากมีเขาอยู่ความปลอดภัยจะเป็นสิ่งที่เขามอบให้เสมอ
“ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนไหมคะ ฉันรู้สึกว่ามันแปลก แต่รอผลการตรวจสอบออกก่อนแล้วกัน”
ภามหัวเราะอีกรอบจากที่เขินๆ กลับเหมือนกระชากให้มากลับสู่โหมดทางการ เมษาไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ที่เกินต้านจากเขาบ้างเลยหรือ
“ผมปรับอารมณ์ไม่ถูกเลย คุณนี่โรแมนติกแบบครึ่งๆ กลางๆ ชะมัดเลย”
เมษาเม้มปากกลั้นยิ้มพอใจที่แกล้งภามกลับได้บ้าง แต่แล้วร่างของชายหนุ่มกลับชะงัก ก่อนจะก้าวต่อ สายตาของเขามองไปยังชายวัยกลางคนร่างสูงพอๆ กับเขา แต่ดูมากวัยกว่ามาก สีหน้ารื่นรมย์ของภามกลับมาเรียบขรึมราวกับกำลังระวังตัว
“ใครหรือคะ”
“ลุงผมเอง ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง” ภามตอบเสียงเรียบ แขนยาวเลื่อนออกมาจากเอวบาง แล้วเขาก็เดินขึ้นนำเพื่อบังเมษาไว้
เมษาแตะแขนของภามไว้ เขาหันมามอง “ถ้างั้นลองให้คุณภูมิหาคำตอบไหมคะ เผื่อว่าอะไรๆ จะกระจ่างเร็วขึ้น”
ภามพยักหน้าเพราะการเข้าใกล้ลุงธนินเป็นสิ่งที่ยากจะเกิดขึ้น เพราะระหว่างเราสองลุงหลานเต็มไปด้วยความระแวงมาตลอด ตั้งแต่ก่อนที่พี่ภูมิจะเสียชีวิต ภามเองก็รู้สึกเช่นกันว่าผู้เป็นลุงจงใจเว้นระยะห่างกับเขามาตลอด ซ้ำยังมีเรื่องหุ้นที่ทั้งลุงธนินและธีภพแอบช้อนซื้อไว้ ทำให้เป็นญาติก็เหมือนคนห่างไกล
มือหนาเลื่อนไปจับมือบางไว้พลางมองหาพี่ชายพร้อมๆ กับลุงธนินเดินมาถึงพอดี เมษาขยับมายืนเยื้องร่างสูงของภาม หากชายคนนั้นอันตราย เขาไม่ควรจะต้องเผชิญอย่างโดดเดี่ยวอีก แม้เธอไม่มีอะไรที่จะช่วยเขาได้ แต่หากเขาหันมา เธอจะอยู่ตรงนี้ให้เขาได้สบตาว่าไม่ได้ไปไหน
ภูมิค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ทว่าร่างของเขาจางลงกว่าครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน ภามเห็นพี่ชายแล้วจึงหันไปมองลุงของเขา
ธนินเบี่ยงสายตามองไปยังร่างบางที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของหลานชาย เรียวปากของเขากดยิ้มที่มุมปาก เพิ่งเข้าใจว่าทำไมนลินโกรธที่ภามไม่ยอมปลงใจกับผู้หญิงที่อุตส่าห์หาให้ ซึ่งล้วนแล้วอยู่ในแวดวงสังคมเดียวกัน
“ที่ลุงได้ข่าวมาคงจะจริง คนนี้หรือที่ทำให้ป้าของแกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วนี่ยังมีเรื่องลูกค้าโรงแรมเข้าโรงพยาบาลอีก ทำอะไรก็แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วยนะภาม” ธนินเตือนภาม แต่สายตาที่มองมือของทั้งคู่จับกันไว้ก็คิดว่าภามคงแค่มีของเล่นใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องแต่งงานกับคนส่งเสริมกันได้หากอยากอยู่ตำแหน่งท่านประธานอย่างมั่นคง
ภามอ่านสายตาของลุงธนินที่วัดคนจากการแต่งตัว ฐานะและหน้าตาทางสังคมออก เรียวปากหนาเม้มปิดอย่างสะกดความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพราบเรียบ
“การให้กำลังใจแฟนไม่ได้ทำให้ผมถึงกับแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกหรอกครับ”
“สวัสดีค่ะ”
เมษยกมือไหว้ทำให้มือของภามต้องยกขึ้นมาด้วย ในเมื่อเห็นกันแล้วจะไม่ทักทายกันเลยคงถูกติงว่าเสียมารยาท หญิงสาวถูกกดด้วยหลายๆ อย่างแล้วจะไม่ยอมให้ถูกต่อว่าด้วยเรื่องที่พ่อแม่สอนเธอมาอย่างดี
“วันก่อนเลขาเอาขนมร้านเมนามาให้ชิมก็อร่อยดีนะ หวังว่าเรื่องในคราวนี้จะรับผิดชอบอย่างดี”
เมษายิ้มแม้ว่ามือหนาจะบีบเบาๆ เพราะภามจะพูดแทนเธอเอง แต่หญิงสาวกลับชิงพูดเพื่อให้ลุงของภามเข้าใจเสียใหม่เองว่า
“ถ้าปัญหามาจากขนมของร้านเมนา หนูรับผิดชอบอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องมีคนรับผิดชอบเหมือนกันนะคะเพื่อความยุติธรรม”
ธนินฟังแล้วยิ้ม เมื่อครู่เขาแค่พูดหยั่งเชิงดูเท่านั้นว่าภามจะทำอย่างไร แต่ผู้หญิงคนนี้กลับพูดตอบโต้กลับมาที่เขา เพราะไม่เหมือนผู้หญิงที่สงบปากคำแบบนี้เอง ภามถึงได้ให้ความสนใจสินะ
“แฟนแกนี่กล้าพูด ไม่กลัวใครดี”
ภามคลี่ริมฝีปากคล้ายยิ้ม แต่ไม่ได้ยิ้ม ภูมิใช้จังหวะนั้นเองกระโดดเข้าใส่ร่างของผู้เป็นลุงแล้วพยายามรั้งให้อยู่ในร่างนั้นให้นานที่สุด ภามกับเมษาเห็นเหมือนกันว่าใบหน้าของภูมิกำลังซ้อนทับกับลุงธนิน ร่างของผู้มากวัยนิ่งงันราวกับถูกสตาฟไว้ แต่เพียงแค่นาทีเดียว ร่างเรือนรางของภูมิก็ถูกดันออกมา
“ทำไมรู้สึกวูบๆ” ธนินบ่นเบาๆ กับตัวเอง
ภามยื่นมือไปเผื่อว่าผู้เป็นลุงจะเซล้ม “ผมไปส่งที่ห้องไหมครับ”
ธนินส่ายหน้าเพราะเขามีโรคประจำตัวที่ไม่อยากให้ภามรู้
“ไม่เป็นไร สงสัยต้องหาหมอตรวจดีๆ สักที”
ภามเลื่อนมือกลับพลางมองจนกระทั่งผู้เป็นลุงเดินเข้าลิฟต์ไป พอหันมามองพี่ชายกลับน่าตกใจเพราะร่างของพี่ภูมิเลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
“เป็นยังไงบ้างครับพี่ภูมิ”
“ลุงธนินแอบรักแม่มานานแล้ว พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย” เสียงของภูมิเบาหวิวจนเขาไม่แน่ใจว่าภามกับเมษาจะได้ยินหรือเปล่า
เมษาฟังแล้วไม่เข้าใจว่าลุงของภามจะชอบแม่ของภามได้อย่างไรหากเป็นพี่น้องกัน ภามเห็นสายตาของหญิงสาวก็พอจะเดาได้จึงช่วยอธิบาย
“ลุงธนินเป็นลูกติดของย่าก่อนจะมาแต่งงานกับปู่ของผมน่ะ ลุงธนินกับแม่ของผมก็เลยไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา แล้วเหตุผลนี้แหละที่ลูกชายของลุงธนินไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในธุรกิจของครอบครัว เพราะธุรกิจโรงแรมอยู่ทางฝั่งปู่ ป้าลินไม่มีทายาท ส่วนแม่ของผมมีลูกชายสองคน งานบริหารก็เลยมาอยู่กับพี่ภูมิและผม”
เมษาร้องอ้ออยู่ในลำคอพลางหันมามองคุณภูมิ แต่ร่างของเขาแทบจะกลืนไปกับความว่างเปล่าแล้ว ที่ผ่านมาไม่เป็นแบบนี้นี่นา ในขณะที่เธอเองก็รู้สึกปวดที่จมูกอีกแล้ว
“คุณภูมิเป็นอะไรไปคะ”
“ผม...ผม...แปลกมาก ผมกำลังจะหายไปใช่ไหม”
ภามยื่นมือออกไปคว้าร่างเลือนรางที่จางแสนจางของพี่ชาย แต่กลับพบว่าเหลือเพียงความว่างเปล่าทั้งที่เขากับเมษายังมือกันไว้ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างของพี่ภูมิหายไปทั้งที่เขากับเมษายังไม่ได้ปล่อยมือแบบนี้
“คุณภามครับ” ปุริมวิ่งมาหาภามเพราะเขาโทรหาแล้ว แต่ภามไม่ได้รับสาย “คุณภามมีประชุมครับ อีก 5 นาทีจะถึงเวลาที่คุณภามนัดบอร์ดบริหารไว้”
ภามปล่อยมือจากเมษาและมองใบหน้าของหญิงสาวว่าซีดขาวเหมือนทุกครั้งที่มีการติดต่อกับพี่ภูมิหรือเปล่า หญิงสาวฝืนยิ้มเพราะรู้สึกหายใจแล้วหวิวๆ แม้เลือดกำเดาจะไม่ได้ไหล แต่ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าการเป็นสื่อกลางระหว่างภามกับพี่ชายมีผลกระทบต่อร่างกายของเธอ
“คุณไปทำงานเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
ภามมองใบหน้าของเมษาอย่างละล้าละลังไม่แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือเปล่า
“ขอโทษนะที่ผมต้องไปก่อน” ภามมองใบหน้าของเมษาอีกครั้ง วันนี้เธอแต่งหน้ามาอ่อนๆ ทำให้เขาไม่ค่อยแน่ใจนัก ก่อนจะหันไปบอกปุริมว่า “คุณไปส่งเมษาที่รถแทนผมที”
ภามรอจนเมษาเดินเข้าไปในลิฟต์กับปุริมเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 28 ปุริมกดลิฟต์แล้วรอให้เมษาออกมาเรียบร้อยแล้วจึงเดินตามออกมา ทว่าจู่ๆ หญิงสาวก็ก้มหน้าแล้วหยิบกระดาษทิชชูจากกระเป๋าสะพายมากดที่ปลายจมูก
“คุณเมษาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าซีด โอ๊ะ! เลือดกำเดาไหลนี่ครับ”
เมษาซับเลือดที่จมูกไปก็เริ่มคิดว่าถ้าภามรู้คงไม่ได้ทำงานในวันนี้แน่
“คุณปุริมอย่าบอกคุณภามนะคะ ฉันแค่พักผ่อนน้อย แล้วก็มีเรื่องให้เครียดด้วยเลยเลือดกำเดาไหลเท่านั้นเอง”
“ผมพาไปหาหมอดีไหมครับ” ปุริมเสนอตัว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ต้องไปประชุมกับภามเช่นกัน
เมษาส่ายหน้า “เอาไว้ฉันจะไปหาหมอเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง”
เมษาเงยหน้าพลางเดินมาจนถึงรถที่โมกข์เปิดประตูรออยู่ โมกข์ช่วยปิดประตูรถให้แล้วมานั่งหน้าพวงมาลัย เขาหันมามองเมษาอีกครั้งเห็นว่าหญิงสาวเอนหน้าซบกับเบาะจึงไม่อยากรบกวน
ปุริมรอจนรถแล่นไปแล้วจึงเดินกลับเข้าตึกไป แม้จะเกิดความสงสัยว่าเมษาเป็นอะไร ตอนที่เขาเดินไปหาภาม สองคนนั้นเหมือนคุยกับใครอยู่ แต่ตรงนั้นไม่มีใครสักคน ท่าทีของภามที่มองเมษาก็ดูเป็นห่วง
น่าจะตัดลุงธนินออกไปได้ไหมนะ? แต่กว่าจะรู้ว่าใครฆ่าภูมิ เมษาจะเป็นอะไรไปก่อนหรือเปล่า
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาทเป็นเวลา 20 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 177
แสดงความคิดเห็น