แยกบ้าน
"ภรรยาเจ้าไปที่ใดมา" อันเฉิงมองภรรยาที่กำลังเข้าห้องมา เมื่อครู่เขามัวแต่สนใจเก็บของจนลืมมองว่าภรรยาหายออกไปจากห้องตอนไหนไม่รู้
“ข้าไปทวงของคืน มารดาของท่านแอบมาขโมยมันไปขอรับ” อวิ้นซีไม่ได้ปิดบัง เขาไปทวงของของเขาคืนจริงๆ
“ท่านแม่ทำไม่ถูกต้อง” อันเฉิงขมวดคิ้ว ท่านแม่เอาของภรรยาเขาไปอีกแล้ว ภรรยาเขาไปเอาของคืนไม่ผิด
“อืมใช่ ท่านไม่ต้องไปสนใจ ข้าได้มันคืนมาหมดแล้ว เรานอนพักผ่อนเถิด” เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายกังวลของคนหล่ออวิ้นซีก็ทนไม่ได้ เขาจึงบอกไม่ให้สามีต้องเป็นห่วงอวิ้นซีเพราะเขาได้ทุกอย่างคืนแล้ว
“อืม ภรรยากอดข้า” อันเฉิงล้มตัวลงนอนก่อนอ้าแขนออก ส่งเสียงอ้อนให้ภรรยากอดตัวเอง
“หึๆ ท่านนี่นะ ยังเป็นเด็กอยู่จริงๆ สินะ ได้ๆข้ากอดท่านแล้ว จะนอนกอดตลอดทั้งคืนเลย” อวิ้นซียิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกอดอันเฉิงแน่นขึ้น นี่สินะสาเหตุที่อวิ้นซีคนเดิมยอมรับชะตากรรม รู้ทั้งรู้ว่าตนเองถูกหลอกให้แต่งกับคนโง่ ซ้ำยังถูกแม่สามีเอาเปรียบ แต่อวิ้นซีกลับอดทนทั้งๆ ที่ตนเองสามารถกลับไปขอความช่วยเหลือจากบ้านท่านตาได้ แต่เขาไม่ทำ หากไม่รักคนโง่ผู้นี้คงเป็นไปไม่ได้
“อืม ข้าเชื่อเจ้า” อันเฉิงกอดทั้งซุกอกภรรยาให้ได้รับความอบอุ่น เขาเชื่ออวิ้นซีทุกอย่างภรรยาของเขาดีที่สุด
"น้องสาม น้องสะใภ้สามพวกเจ้าก็ออกมาแล้วรึ" โจฉีทักทายพวกเขาขึ้น ตอนนี้ครอบครัว โจฉีและโจรุ่ย ต่างออกมาครบกันหมดแล้ว บนหลังของพวกเขาต่างมีข้าวของที่ต้องนำไปด้วยคนละเล็กละน้อย
“ขอรับ” อวิ้นซีตอบรับ ตอนนี้บนหลังของพวกเขาก็แบกของอยู่เช่นกัน แต่ส่วนมากจะเป็นของเบาเพื่อป้องกันชาวบ้านถามเสียมากกว่า ไม่ใช่ต้องการปิดบังเรื่องแหวนมิติอะไร เขาขี้เกียจตอบคำถามซ้ำๆ
“เช่นนั้นเราก็ออกไปด้วยกันเถิด” เมื่อมาครบทั้งหมดแล้วพวกเขาก็ได้เวลาต้องออกจากเรือนนี้แล้ว
“ขอรับ แต่วัวนี่เล่าขอรับ เราจะเอาไปเช่นไร” อวิ้นซีถามขึ้น วัวในคอกทั้งสิบสองตัวนี่เล่าพวกเขาจะต้องทำเช่นไร
“เดี๋ยวเราก็ไล่ เลี้ยงมันไปเอาไปผูกไว้ที่ลานข้างเรือนผู้ใหญ่บ้านก่อน แยกบ้านเสร็จค่อยเอาพวกมันไปที่ไร่นาของพวกเราก็แล้วกันดีหรือไม่” โจรุ่ยเสนอขึ้น หากออกไปแล้วไม่เอาวัวไปด้วย เขาไม่มั่นใจว่ากลับมาเอาแล้ววัวจะยังอยู่รอพวกเขาหรือไม่ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไว้ใจไม่ได้สักนิด
“ข้า ข้าจะเลี้ยงพวกมันให้เอง เร็วๆ พวกเจ้ารีบๆออกมา” อันเฉิงปล่อยวัวออกมา ตามปกติเขาเองก็เป็นคนเลี้ยงพวกมันทั้งหมดดังนั้นแค่ไล่วัวไปตามทางไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา ทุกคนจึงเดินตามหลังอันเฉิงที่กำลังไล่วัวออกจากคอกไป
“เจ้าคิดดีแล้วรึ เหตุใดจึงคิดแยกบ้านในยามนี้เล่า” ผู้ใหญ่หวง เอ่ยเสียงเครียด ไม่คิดว่าโจเหลียง ลูกพี่ลูกน้องของเขาพึ่งตายยังไม่ทันครบปีเต็ม ภรรยาของเขากลับมาขอแยกบ้านเสียแล้ว นั่นมันไม่ค่อยถูกต้องนัก ได้ข่าวว่าพึ่งสร้างเรือนใหม่ด้วยซ้ำกลับมาขอแยกบ้านกันเสียได้
“ข้าคิดดีแล้ว พวกข้าตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว ท่านช่วยแยกบ้านให้หน่อยเถิด” แม่โจไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ให้ผู้ใหญ่บ้านแยกบ้านให้ก็จบแล้ว อย่างไรแม่โจต้องแยกบ้านวันนี้ให้ได้
“พวกเจ้าเล่าว่าเช่นไร” มองท่าทีของแม่โจแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงหันมาถามความสมัครใจของทุกคนเท่านั้น
“ข้ายินยอมขอรับ” พี่ใหญ่อย่างโจต้า ตอบอย่างมั่นใจ เพราะแยกบ้านครั้งนี้เป็นเขาเองที่ได้ประโยชน์มากกว่าใคร เขาอยากแยกจะแย่อยู่แล้ว
"ข้าไม่มีปัญหาอันใดขอรับ" โจฉีตอบ อย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ได้แล้ว เป็นเช่นนี้ดีแล้ว
“ข้าก็ด้วยขอรับ” โจรุ่ยก็ไม่มีปัญหา เขาเกลียดขี้หน้าพี่ใหญ่จะตายอยู่แล้ว แม้ลากเขากลับเขาก็ไม่กลับแน่
“ข้าเห็นด้วยขอรับ” พี่น้องคนอื่นเห็นด้วยทั้งหมด โจอันเฉิง หันไปมองหน้าภรรยาเล็กน้อย เมื่อภรรยาพยักหน้าให้เขาจึงพูดออกไป หากได้อยู่กับภรรยาสองคนเขาแยกบ้านก็ได้ ดียิ่งภรรยาบอกว่าเขาจะไม่ถูกท่านแม่ทุบตีอีกแล้ว
"อืม ในเมื่อพวกเจ้าต่างเห็นด้วยทั้งหมด ข้าก็จะเขียนใบแยกบ้านให้พวกเจ้า" ดูท่าพวกเขาจะตกลงกันมาเรียบร้อยแล้วจริงๆ ทุกคนต่างเห็นด้วย ผู้ใหญ่บ้านเช่นเขาทำได้เพียงเขียนใบแยกบ้านให้พวกเขา
“พี่ผู้ใหญ่ท่านเขียนลงไปเพิ่มเติมด้วยเถิด ว่าต่อไปนี้จะยากดีมีจนหรือไม่ ห้ามพวกเขามาขอความช่วยเหลือจากบ้านใหญ่อีก” แม่โจอยู่ก็แทรกพูดขึ้น เขากลัวคำที่อวิ้นซีเคยขู่ไว้ ดังนั้นต้องกันไว้ก่อน หากเขียนลงในใบแยกบ้านพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วย หากลูกคนอื่นกลับมาขอความช่วยเหลือ
“ข้าเองก็ขอรบกวนผู้ใหญ่บ้านเช่นกันขอรับ บ้านใหญ่ก็อย่ามารบกวนบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่ เช่นกันขอรับ” อวิ้นซีกำลังจะพูดออกไป แต่เป็นโจรุ่ยที่เอ่ยออกมาได้ตรงใจอวิ้นซียิ่ง อวิ้นซีจึงไม่ได้พูดอันใดออกมาได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
“อ่า เช่นนั้นก็ได้” ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาคงแยกบ้านกันไม่ดีเท่าใดนัก ถึงขั้นไม่อยากไปมาหาสู่กันเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านจึงเขียนตามที่พวกเขาบอก
“หึ บ้านใหญ่รึจะไปรบกวนพวกเจ้า” พี่ใหญ่กล่าวออกมา พวกเขาไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากพวกคนโง่พวกนี้แน่
“มันก็ไม่แน่หรอก กันไว้ดีกว่าแก้ขอรับ” โจรุ่ยกล่าวขึ้นมา ใช่ว่าเขาออกไปทำงานข้างนอกแล้วจะไม่รู้เรื่องคนในบ้าน พี่ใหญ่ไม่ชอบทำงานลำบากนั้นทุกคนต่างรู้ดี แต่พี่สะใภ้ใหญ่นี่สิเพื่อนๆ ที่เป็นช่างไม้เหมือนกันของเขาที่เคยไปเล่นพนันที่โรงพนันในเมืองบอกเคยพบพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาไปเล่นพนันที่นั่นนี่สิ คิดว่าอีกไม่นานบ้านใหญ่ อาจจะถึงขั้นได้ขายเรือนหลังงามเลยล่ะ
“เอาล่ะเสร็จแล้ว ข้าเขียนมันขึ้นมาห้าฉบับ ให้พวกเจ้าลงชื่อลงในทุกฉบับ และให้พวกเจ้าเก็บไว้ครอบครัวละหนึ่งฉบับ ไว้ที่ข้าหนึ่งฉบับ” ไม่นานผู้ใหญ่ก็เขียนเสร็จทั้งหมด พวกเขาต่างลงชื่อกันอย่างรวดเร็วไม่มีผู้ใดลังเลแม้แต่น้อย
“เสร็จแล้ว ท่านแม่พวกเรากลับเถิดขอรับ” โจฉีไม่อยากอยู่ที่นี้นานนัก เขารับใบแยกบ้านหนึ่งฉบับแล้วอยากจากไปทันที
“เสร็จแล้ว ข้าขอตัวนะพี่ผู้ใหญ่ ไปเถอะ” แม่โจก็ไม่อยากอยู่ต่อเช่นกัน ยิ่งเห็นหน้าพวกลูกและสะใภ้อกตัญญูพวกนี้แล้ว เเม่โจอารมณ์เสียยิ่ง
“เฮ้อ ยายเฒ่าโจเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้นะ ตอนตาเฒ่าโจอยู่ไม่คล้ายจะเป็นมากเช่นนี้” น้องสะใภ้ของเขานางนี้ เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้ หรือว่าเขาไม่รู้เองกันแน่ หากเฒ่าโจยังอยู่คงไม่มีการแยกบ้านเช่นนี้แน่ อย่างน้อยลูกทุกคนย่อมได้สมบัติไม่ต่างกันมากนัก
“ขนาดข้ายังนึกไม่ถึงว่ามารดาจะลำเอียงได้ถึงขนาดนี้เลยขอครับลุงผู้ใหญ่” โจฉี ในแววตาเขามีความเสียใจอยู่ลึกๆ หากท่านแม่ไม่ลำเอียงมากมายเช่นนี้พวกเขาพี่น้องอาจจะพอพูดคุยกันได้ แต่ความจริงมันไม่ได้สวยงามเช่นนี้
“เจ้าใหญ่ได้บ้านหลังใหญ่โตเช่นนั้นไป แล้วพวกเจ้าเล่าจะไปอยู่ที่ใด” เจ้าใหญ่นับว่าเอาเปรียบพี่น้องจริงๆ ผู้ใหญ่บ้านได้แต่กังวลแทนหลานคนอื่นๆ อย่างน้อยก่อนแยกบ้านก็ให้พวกเขาสร้างเรือนไว้รอสักนิดก็ไม่ได้รึ เขาไม่เคยพบเคยเห็น เหตุใดบ้านใหญ่จึงใจดำเช่นนี้
“ก็คงต้องสร้างเพิงพักไปก่อนน่ะขอรับ น้องสี่เป็นช่างไม้ เขารู้จักช่างหลายคน บ้านน่าจะสร้างเสร็จภายในสองเดือนขอรับ” โจฉีตอบ ที่ที่เขาได้มีเถียงนา ที่เอาไว้พักตอนไปทำนาอยู่ พอให้เขากับภรรยาและลูกอีกสองคนอาศัยอยู่ได้ ส่วนน้องสามกับน้องสี่นั้น เขาเองต้องไปช่วยพวกเขาสร้างที่พักชั่วคราวไปก่อน รอน้องสี่พาคนมาสร้างเรือนของพวกเขาทั้งสามคิดว่าน่าจะเสร็จก่อนหน้าฝนมาแน่
“เช่นนั้นรึ วัวนั่นยายเฒ่าโจให้เจ้ากลับมาทั้งหมดเลยรึ” ผู้ใหญ่แปลกใจ วัวทั้งหมดสิบสองตัวนี้เป็นวัวทั้งหมดของบ้านโจ ยายเฒ่าถึงกับใจดียกให้ลูกๆ หมดเลยรึ
“อ่าความจริงพวกข้าได้คนละสองตัว นอกนั้นอีกหกตัวท่านแม่มอบให้พี่ใหญ่ขอรับ แต่เงินสร้างบ้านเป็นเงินที่น้องสะใภ้สามออกให้ก่อน พี่ใหญ่จึงคืนเงินสี่สิบตำลึงทอง กับที่นาสามสิบไร่ และวัวอีกหกตัวให้น้องสะใภ้น่ะขอรับ” โจฉีบอกออกไป แม่ในใจจะกระดากอายต่อน้องสะใภ้เล็กน้อย แต่เขาเปลี่ยนคำจากว่าขโมยสินเดิมเป็นขอหยิบยืมน้องสะใภ้สามมาก่อน
“เช่นนั้นรึ” ผู้ใหญ่หวงพอรู้มาบ้างว่าสะใภ้สามมาจากนครหลวง คิดว่าอาจจะเป็นคนที่พอมีเงินอยู่บ้าง ถึงขั้นให้พี่ชายสามียืมมาสร้างเรือนได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ซ้ำเรือนที่สร้างได้ข่าวว่าหมดเงินไปกว่าสองร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว
“ขอรับ ความจริงข้ากับสามีก็คงไม่เลี้ยงมากขนาดนี้หรอกขอรับ รอให้วัวอีกสี่แม่ออกลูกก่อน ข้าอาจจะขายมันออกไปบ้าง” อวิ้นซีเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของโจฉี เขาได้รับปากมาแล้วว่าจะไม่กล่าวถึงเรื่องขโมยสินเดิมอีก และวัวที่เขาได้มารวมกับส่วนของสามีเป็นแปดตัวซ้ำยังมีตัวที่ท้องอยู่ถึงห้าตัวนั้น อาจจะหนักเกินไปสำหรับพวกเขา หากเลี้ยงไม่ไหวอาจจะต้องขายออกไป
“โอ้ดีเลย หากเจ้าคิดจะขายมันเมื่อไหร่มาบอกลุงได้ ชาวบ้านอยากได้วัวไปใช้งานอยู่หลายบ้าน” ทั้งหมู่บ้านนอกจากผู้ใหญ่บ้านเช่นเขาแล้ว ก็มีบ้านโจนี่แหละ ที่มีกินมากที่สุด ซ้ำเฒ่าโจในอดีตชอบเลี้ยงวัวไว้มากมาย หากชาวบ้านอยากไถนามักจะมาขอเช่าวัวจากบ้านโจบ่อยครั้ง หากอวิ้นซีคิดขายคาดว่าชาวบ้านคงสนใจไม่น้อยเลย
“ได้ขอรับ” อวิ้นซีตอบรับ
“ดี หากมีอะไรติดขัด บอกข้าได้ ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านย่อมช่วยเหลือลูกบ้านเช่นพวกเจ้าแน่” อย่างไรเด็กพวกนี้ก็นับว่าเป็นหลานๆ ของเขา ช่วยอะไรได้ผู้ใหญ่หวงก็อยากจะช่วย
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านลุงผู้ใหญ่” ทุกคนต่างก้มหัวขอบคุณผู้ใหญ่บ้านก่อนจะพากันออกจากบ้านผู้ใหญ่ไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 99
แสดงความคิดเห็น