บทที่ 8: ขับไล่สงฮวา
คำพูดที่ลูกของหูเจียวเจียวเกลียดที่สุดคือคำว่า ‘สวะไร้ประโยชน์’ และ ‘ไอ้เด็กเหลือขอ’ คำพูดเหล่านี้ล้วนออกมาจากปากของร่างเดิม แล้วทุกครั้งที่คนในเผ่าด่าพวกเขาด้วยคำใดคำหนึ่ง เด็ก ๆ ก็จะยิ่งเกลียดผู้เป็นแม่มากขึ้น
ตอนนี้ความเกลียดชังในดวงตาของหลงจงก็แผ่ไปถึงคนพูดและแม่ของเขาด้วย
หญิงสาวไม่แปลกใจเลยว่าถ้าในอนาคตหลงจงแข็งแกร่งขึ้นมา ในเผ่าคงจะเกิดการนองเลือดทั่วทุกแห่งหนและตัวเธอเองก็คงจะถูกทรมานจนตายแน่นอน!
จู่ ๆ เธอก็นึกถึงความฝันที่น่ากลัวจนร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัวก่อนจะรีบวิ่งไปยืนขวางสายตาของลูกชายคนที่ 3
“เจ้าเรียกใครว่าไอ้เด็กเหลือขอ ลองเรียกอีกทีซิ!”
พร้อมกันนั้นหูเจียวเจียวก็หยิบไม้หน้าสามที่อยู่บนพื้นแล้วชี้ไปที่หน้าของสงฮวา “มาดูกันว่าข้าจะทุบเจ้าจนหัวแบะได้ไหม!”
“ลูกของเจ้ารังแกลูกของข้าทุกวัน ข้าคิดว่ามันต่างหากที่จะโตมามีสันดานโจรที่ชอบปล้นชิงของ ๆ ชาวบ้าน งั้นให้ข้าช่วยสงเคราะห์ทุบหัวมันให้ตายแทนเจ้าดีไหม ในอนาคตมันจะได้ไม่ไปทำชั่วใส่คนอื่นอีก!”
ขณะที่เธอพูดอย่างนั้น เธอก็ยกไม้ขึ้นตั้งท่าจะตีหัวเจ้าลูกหมีอ้วนตัวนั้น
นิยายเรื่องแดนปีศาจมหัศจรรย์ เหล่าภูตถูกกำหนดฐานะด้วยความอ่อนแอและความแข็งแกร่ง แม้แต่เด็ก ๆ ก็รู้ดี คนพวกนี้รังแกครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมมาตลอด ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วหูเจียวเจียวไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายพูดคุยกับพวกเขา
แล้วคงไม่จำเป็นต้องพูดเพราะเรื่องนี้แก้ไขได้ด้วยการใช้กำลังเท่านั้น!
ขณะนี้ในใจของสงฮวารู้สึกหวาดกลัว นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ายัยจิ้งจอกขี้ขลาดตรงหน้าจะกล้าโต้ตอบนาง มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังจะทำร้ายลูกชายของตนด้วย นางจึงรีบดึงสงชิวไปไว้ข้างหลังเพื่อปกป้องเขา
“หูเจียวเจียว เจ้ามันบ้าไปแล้ว ถ้าสงชิวเจ็บตัว ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!”
เนื่องจากเผ่าหมีมีลูกน้อยที่สุด ประกอบกับพวกเขาสามารถให้กำเนิดลูกได้ครั้งละ 1-2 คนเท่านั้น สงฮวาจึงค่อนข้างหวงแหนลูกของตนเองมาก
ต่อมา หูเจียวเจียวลดไม้ในมือแล้วใช้มันค้ำยันตัวเองกับพื้นก่อนจะตวัดสายตามองไปที่คู่กรณี
“อะไรกัน? แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาฆ่าลูกของข้า แต่ข้าฆ่าลูกของเจ้าไม่ได้?”
“วันนี้ข้าขอพูดไว้ที่นี่เลยนะ! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องลูกของข้าอีก ข้าจะหักขาของสงชิวให้ดู!”
หลังจากที่จิ้งจอกสาวพูดจบ เธอก็กระแทกไม้หน้าสามลงกับพื้นเพื่อเสริมให้คำพูดฟังดูรุนแรงยิ่งขึ้น
ถ้าเธอไม่ยืนหยัดต่อต้านอีกฝ่าย คนพวกนี้คงคิดว่านางถูกกดขี่ข่มเหงได้ง่าย!
เมื่อสงฮวาเห็นดวงตาที่ดุร้ายของหูเจียวเจียว นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ดูเหมือนว่าครั้งนี้อีกฝ่ายจะเหลืออดมากแล้วจริง ๆ
จากนั้นไขมันทั่วร่างกายของสตรีร่างใหญ่ก็สั่นสะท้าน ก่อนที่นางจะก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว “นังจิ้งจอก ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าไม่ยอมง่าย ๆ แน่!”
พูดจบแล้วนางก็รีบคว้าลูกตัวเองวิ่งหนีไปทันที
ทางด้านหูเจียวเจียว เธอทำท่าปัดมือตัวเองพลางหัวเราะเยาะเย้ยนาง
“อีอ้วนเอ๊ย ไขมันเยอะขนาดนั้นยังจะทำตัวขี้ขลาดอีก”
แต่ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็เฝ้าดูภูตจิ้งจอกด้วยความประหลาดใจ
เมื่อก่อนนางเป็นคนขี้ขลาดที่สุด แต่วันนี้นางกลับกล้าต่อสู้กับสงฮวาจนอีกฝ่ายต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับไป
นางใช่หูเจียวเจียวตัวจริงหรือเปล่า?
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเหล่าภูตที่อยู่รอบ ๆ ยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอก็ขมวดคิ้วมองพวกเขา
“มองอะไร! ข้าสวยมากใช่ปะ อยากเข้ามาดูใกล้ ๆ ไหมล่ะ?”
คนในเผ่าพวกนี้มาคอยดูความพินาศของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นจะต้องสุภาพกับอีกฝ่าย
เมื่อพวกชาวบ้านได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็ค่อย ๆ มองสำรวจหูเจียวเจียวอย่างระมัดระวัง
ผู้หญิงคนนี้สวยจริง ๆ!
ในฐานะสตรีของเผ่าจิ้งจอก นางมีใบหน้าที่มีเสน่ห์และรูปร่างที่แทบจะสมบูรณ์แบบ ไม่มีชายใดในเผ่าที่ไม่ชอบผู้หญิงหน้าตาสะสวยขนาดนี้
แต่เนื่องจากหูเจียวเจียวชอบอิงหยวนที่เป็นพระเอกของเรื่องมาก นางเลยมักจะพูดจาไม่ดีกับผู้ชายคนอื่น เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่าทุกคนพาลเกลียดนางไปเสียหมด
เมื่อคนในเผ่านึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมาก็ส่ายหัวดูถูกดูแคลนหญิงสาวในใจก่อนจะเดินแยกย้ายกันไป
พวกเขาไม่อยากมองผู้หญิงเลวทรามคนนี้ให้เสียสายตาหรอก!
ในที่สุดบ้านก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
หูเจียวเจียวหันกลับมาเห็นลูก ๆ กำลังมองเธออย่างสงสัย
หญิงสาวจึงเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนราวกับว่าเธอไม่เห็นสายตาของพวกเขา
“แม่บอกแล้วว่าจะปกป้องพวกเจ้า เพราะฉะนั้นแม่จะปกป้องพวกเจ้าให้สุดความสามารถ”
ยามนี้เด็กน้อยทั้ง 5 มีรอยขีดข่วนตามร่างกาย โดยที่แขนของหลงหลิงเอ๋อมีรอยฟกช้ำสีม่วงขนาดใหญ่ ส่วนหลงเหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดถึงขนาดที่ว่าเกล็ดมังกรของเขาหายไปหลายชิ้น
แต่ถึงกระนั้น เด็กพวกนี้กลับไม่เคยส่งเสียงร้องไห้งอแงเลยสักครั้ง
หูเจียวเจียววางแผนในใจว่าจะกลับเข้าไปในมิติเพื่อหายามาทำแผลให้ลูก ๆ เธอจึงพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ารอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะทำแผลให้”
จิ้งจอกสาวพูดจบแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน เนื่องด้วยเธอไม่สามารถเข้าไปในมิติโดยตรงได้หากอยู่ต่อหน้าเด็ก ๆ
หลังจากที่หูเจียวเจียวละสายตาไป เด็กน้อยทั้ง 5 ไม่มีท่าทีที่จะผ่อนคลายลงแล้วยังรู้สึกประหม่ามากขึ้นอีกด้วย
“นางต้องตีเราแน่ ๆ เลย ข้าบอกแล้วว่านางไม่ได้มีเจตนาดี!” หลงจงตะโกนเข้าไปในบ้าน
“แต่นางสาบานแล้วว่าจะไม่ตีเรา...” หลงหลิงเอ๋อโต้เถียงด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
หญิงชั่วคนนี้เกลียดเวลาที่มีคนเข้ามาหาเรื่องพวกเขามากที่สุด แล้ววันนี้แม่ของสงชิวมาหาเรื่องนาง เพราะฉะนั้นนางต้องโกรธมากแน่ ๆ
เมื่อก่อนเวลาที่แม่จิ้งจอกโกรธ นางจะหาอะไรมาตีลูกของตัวเอง นอกจากนี้นางยังให้พวกเขาอดข้าวอดน้ำอีกด้วย
หากเป็นในยามฤดูหนาว เหล่าพี่น้องทั้ง 5 จะถูกเปลื้องผ้าออกแล้วโยนลงบนหิมะนอกบ้าน
หลงอวี้คิดถึงตอนที่หูเจียวเจียวหยิบไม้มาจะตีเจ้าลูกหมี บางทีพวกเขาอาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกตีแทน ในระหว่างที่จินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นกุมขมับราวกับว่าหัวสมองของเขากำลังจะระเบิด
ในฐานะพี่ชายคนโต เขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“รีบหนีไปก่อนที่นางจะออกมาเถอะ”
หลงเซียวผู้เงียบขรึมเอาแต่เม้มปากไม่ยอมพูดอะไร แต่เขากลับใช้มือ 2 ข้างจับมือของหลงจงไว้แน่นโดยตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ
แต่จู่ ๆ หลงเหยา น้องชายคนสุดท้องก็เบียดหัวออกมาจากอ้อมแขนของหลงหลิงเอ๋อ
“แฮ่~ แฮ่~”
รูม่านตาของมังกรตัวน้อยที่มีลักษณะคล้ายทับทิม 2 ก้อนมองไปที่หลงอวี้ ก่อนที่ปากเล็ก ๆ จะเปิดขึ้นแล้วส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา
ดูเหมือนว่าเขากำลังโต้แย้งคำพูดของพี่ใหญ่
ทางด้านของหูเจียวเจียวที่อยู่ในบ้านไม้ เธอเดินตรงไปหลังกำแพงและเข้าไปในมิติหลังจากอยู่ลับตาคนอื่น
เธอคิดว่าในมิติมีชั้นวางอยู่เป็นจำนวนมาก เธอน่าจะสามารถหายาจากชั้นใดชั้นหนึ่งได้บ้าง
แต่หลังจากที่หญิงสาวเข้ามาในมิติแล้ว เธอกลับพบว่าตนเองสามารถหยิบของจากชั้นแรกได้เท่านั้น ในส่วนของชั้นอื่น ๆ ยังคงถูกปิดไว้อยู่ เธอจึงมองไม่เห็นหรือแตะต้องมันได้
นั่นทำให้หูเจียวเจียวตกตะลึง
นี่เธอใช้ได้แค่ชั้นวางอาหารกับเครื่องใช้ในครัวเพียงชั้นเดียวงั้นหรือ?
แล้วแบบนี้ชั้นวางอื่น ๆ จะเปิดตอนไหนล่ะ?
หญิงสาวเหม่อลอยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าลูก ๆ ยังรอเธออยู่ข้างนอก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงหยิบผ้าขนหนูที่เป็นผ้าใหม่ 2 ผืนออกมาจากชั้นวางของเพื่อใช้เป็นผ้าเช็ดตัวชั่วคราวก่อนจะรีบออกจากมิติไป
ทันทีที่เธอออกไปนอกประตู เธอเห็นหลงอวี้จับมือหลงหลิงเอ๋อยืนอยู่ที่มุมประตูลานบ้าน
ในขณะที่หลงเซียวกับหลงจงได้เดินออกไปนอกประตูแล้ว
ส่วนหลงเหยากำลังกัดเสื้อผ้าของหลงอวี้ผู้เป็นพี่ใหญ่ประหนึ่งว่าต้องการดึงรั้งเขาไว้
“พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?”
หูเจียวเจียวพูดเพราะรู้สึกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันแปลก ๆ
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เด็กทั้ง 5 ตัวแข็งทื่อ เมื่อพวกเขาหันกลับมาก็เห็นว่าแม่ใจยักษ์กำลังเดินมาทางตนเองพร้อมกับอะไรบางอย่างสีขาว 2 ชิ้นในมือ
นั่นทำให้ใบหน้าของหลงอวี้หม่นลง จากนั้นเขาก็รีบไปยืนขวางหน้าน้อง ๆ ทันที “มันเป็นความผิดของข้าเอง ถ้าท่านอยากจะตีก็ตีข้า...”
พอสิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขาก็สัมผัสเข้ากับอะไรเย็น ๆ
สัมผัสนั้นทำให้ลูกชายคนโตเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ไม่นานแขนผอมแห้งที่อ้ากว้างก็ลดลงโดยอัตโนมัติ
“เด็กโง่ ใครจะตีเจ้ากัน”
หูเจียวเจียวค่อย ๆ เช็ดทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าของหลงอวี้ที่มีเลือดและโคลนติดอยู่ด้วยผ้าขนหนูที่ชุบน้ำหมาด ๆ
ตอนนี้บนใบหน้าของหนุ่มน้อยมีแผลที่โดนเล็บของสงฮวาข่วนเป็นทางยาว บวกกับการที่เขาพยายามยืนหยัดปกป้องน้องของตัวเอง เขาจึงถูกผลักล้มอยู่หลายครั้ง ทำให้มันซ้ำรอยเดิมจนบาดแผลลึกขึ้น
“ไม่เป็นไร แม่แค่จะเช็ดแผลให้”
ผู้เป็นแม่ขยับมืออย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะทำลูกชายเจ็บ
ทันใดนั้นความเจ็บปวดที่แก้มทำให้หลงอวี้กลับมารู้สึกตัว
คิ้วเล็กย่นเข้าหากันก่อนจะถอยหลังหนีไป 2 ก้าว
นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 336
แสดงความคิดเห็น