บทที่ 2: เด็กเกเรรังแกลูกของเธอ
หลังจากที่หูเจียวเจียวเดินคลำทางมาอย่างยากลำบาก ในที่สุดเธอก็พบบ้านของเจ้าของร่างเดิมกับจอมวายร้าย
ระหว่างทาง หญิงสาวได้พบกับภูตชายที่กำลังถืออาวุธไว้ในมือหลายคน แต่พอคนเหล่านั้นเห็นเธอ พวกเขากลับทำหน้าเหมือนเห็นผีก่อนที่จะเดินเลี่ยงเธอไป
เดิมทีเธอคิดว่าจะถามทางกลับบ้านกับพวกเขาสักหน่อย เพราะแบบนี้เธอเลยไม่มีโอกาสได้ถามใครแม้แต่คนเดียว
ทว่ายังโชคดีที่ผู้เขียนเคยบรรยายในหนังสือไว้ว่า เจ้าของร่างเดิมกับตัวร้ายถูกชาวบ้านรังเกียจจึงอาศัยอยู่ได้เฉพาะในส่วนที่ห่างไกลที่สุดของเผ่า เธอจึงเดินไปในทิศทางตรงข้ามกับภูตเหล่านั้น
แน่นอนว่าจิ้งจอกสาวถูกหลอก
เนื่องจากตรงหน้าของเธอคือบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่งที่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เธอไม่รู้ว่าถ้าลมพัดแรง ๆ บ้านหลังนี้จะพังลงหรือเปล่า อีกทั้งเธอบอกได้เลยว่าคงไม่มีบ้านหลังไหนในเผ่าภูตที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้แน่นอน
“ในที่สุดฉันก็หาเจอสักที” หูเจียวเจียวพึมพำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก ณ ตอนนี้คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนหากจะต้องลากสังขารอันบอบช้ำเดินไปทั่วเผ่าแบบนี้
ในขณะที่หญิงสาวตั้งท่าจะเดินเข้าไปในบ้านซอมซ่อ เธอก็ได้ยินเสียงโต้เถียงที่ดังอยู่ไม่ไกล
“ไม่! นี่คืออาหารที่ท่านพ่อให้เรา เจ้าเอาไปไม่ได้!”
“ไอ้คนน่ารังเกียจ เอาอาหารของเราคืนมา...”
“พวกเจ้าเป็นแค่คนตาบอดแล้วก็ปีศาจอัปลักษณ์ ไม่สมควรต้องกินเนื้อหรอก พวกเจ้าไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ รีบ ๆ อดตายไปซะ!”
“นี่หูหนวกหรือไง รีบ ๆ ส่งเนื้อมาให้ข้ากินซะ!!”
ในระหว่างที่เสียงโต้เถียงยังดังขึ้น หูเจียวเจียวก็เดินไปตามเสียงนั้น ก่อนจะเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ 2-3 คนกำลังถูกกลุ่มเด็กวัยรุ่นผลักจนล้มไปกองกับพื้น
เด็กตัวเล็กเหล่านั้นดูซูบผอมไม่ต่างจากลูกไก่ที่อดอาหารมาครึ่งเดือน พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้อีกฝ่ายเลย เด็กน้อยที่น่าสงสารจึงทำได้เพียงขดตัวป้องกันตัวเองในระหว่างที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นขว้างโคลนใส่พวกเขา
ในยามที่โคลนสกปรกโดนตัวของฝ่ายที่ถูกกดขี่ข่มเหงมันไม่เจ็บเท่ากับความคับแค้นที่คอยทิ่มแทงหัวใจเลย
ขณะนี้ความเกลียดชังแล่นผ่านดวงตาของเด็กน้อยที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกลุ่มนั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว หูเจียวเจียวจำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีลูก 5 คน โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นคนตาบอดแล้วอีกคนเสียโฉม
การถูกรังแกเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ลูก ๆ ของภูตจิ้งจอกกลายเป็นปีศาจร้าย
ถัดมา หญิงสาวรีบเดินไปตะคอกใส่กลุ่มเด็กที่มารังแกลูกของตนทันที
“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทว่าเมื่อฝ่ายที่ถูกกลั่นแกล้งได้ยินเสียงของหูเจียวเจียว พวกเขากลับยิ่งตัวสั่นสะท้านมากกว่าเดิม จากนั้นเหล่าเด็กน้อยก็มองไปที่เจ้าของเสียงด้วยสายตาหวาดกลัวสุดขีด
นางจะมาซ้ำเติมพวกเราอีกแล้วงั้นหรือ!?
ในอดีต เวลาที่พวกเขาถูกรังแกหรือมีความขัดแย้งกับเด็กในเผ่า แม่ใจยักษ์จะตีพวกเขาซ้ำโดยไม่สนว่าลูกของตัวเองจะผิดหรือถูกก็ตาม แล้วเหตุผลที่นางมักจะพูดออกมาก็คือ พวกเขามันไร้ประโยชน์จนทำให้นางต้องอับอายขายหน้า
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าอิงหยวน หูเจียวเจียวไม่เคยตำหนิเด็กที่รังแกพวกเขาเลยสักครั้ง
ในตอนนั้นเด็ก ๆ คิดไว้แล้วว่าจะต้องเจ็บตัวเพราะผู้หญิงคนนี้มากกว่าเดิมแน่นอน
ส่วนทางด้านเด็กเกเรพอเห็นหน้าของหูเจียวเจียว พวกเขาก็ทำหน้าบูดบึ้งก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
สิ่งที่หญิงสาวเกลียดที่สุดก็คือเด็กที่ทำตัวเกเร เมื่อเธอเห็นภาพตรงหน้า เธอโกรธมากจนคว้าโคลนบนพื้นมาขว้างใส่เด็กนิสัยเสียพวกนั้น
ตามปกติเผ่าภูตมีพลังเหนือมนุษย์อยู่แล้ว หูเจียวเจียวเองก็เป็นภูตที่โตเต็มวัย ดังนั้นก้อนโคลนที่เธอขว้างออกไปจึงค่อนข้างแม่นยำ
กลุ่มเด็กที่กำลังวิ่งหนีไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจิ้งจอกสาวคนนั้นจะทำอะไรกับตนเอง พวกเขาจึงไม่ทันได้หลบหลีกแล้วถูกก้อนโคลนฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะหลายครั้ง นอกจากนี้เจ้าเด็กซน 2-3 คนที่วิ่งรั้งท้ายถึงกับล้มหัวทิ่มลงไปในบ่อโคลน
หลังจากนั้นเหล่าเด็กเกเรก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“พวกเจ้าจะร้องไห้ทำไม ลูกของข้าโดนพวกเจ้ารังแกอยู่ตั้งนานยังไม่ร้องเลย!”
“ถ้าครั้งหน้าข้าเห็นว่าพวกเจ้ามารังแกลูกของข้าอีก ได้เห็นดีกันแน่!”
เนื่องด้วยหูเจียวเจียวไม่คุ้นเคยกับอีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะพูดข่มขู่เด็ก ๆ ด้วยถ้อยคำดังกล่าว
แต่ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมมักจะถูกด่าทอหรือทุบตีจากคนในเผ่าอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้หูเจียวเจียวจึงเอาตัวรอดโดยการทำเป็นหลับหูหลับตาในยามที่มีคนมารังแกลูกของนาง
เมื่อเหล่าเด็กนิสัยไม่ดีถูกผู้ใหญ่ข่มขู่ พวกเขาก็วิ่งแจ้นหนีกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด
ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กน้อยที่กำลังนอนจมกองโคลนก็มีสีหน้าประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนั้นกำลังช่วยจัดการเด็กเกเรให้พวกเขา
นางพูดว่าอะไรนะ?
‘ลูกของข้า’ นี่นางกำลังพูดถึงพวกเขาหรือเปล่า?
นางเคยเรียกพวกเขาว่าสวะด้วยซ้ำ...
ขณะนี้เด็ก ๆ มองไปที่หูเจียวเจียวด้วยดวงตาที่เคลือบแคลงไปด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ พลางคิดว่านี่พวกเขากำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า ผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ใจยักษ์จริง ๆ หรือ?
อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวยังไม่ละสายตาจากเด็กเกเรที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ในเวลาเดียวกันนั้น เธอทำท่าปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพบว่าโคลนที่เกาะอยู่บนมือนั้นปัดออกไม่ได้ เธอจึงก้มลงเช็ดมือกับพื้นหญ้าก่อนจะเดินไปหาเหล่าเด็กน้อย
ตอนนี้เด็ก ๆ มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตาดินเผา เนื่องจากทั้งเนื้อทั้งตัวของทุกคนมีโคลนเกาะอยู่
หลังจากที่หูเจียวเจียวสำรวจอยู่พักหนึ่ง เธอก็พบว่าเด็กกลุ่มนี้มีเพียง 4 คนเท่านั้น
เมื่อเธอมองดูใกล้ ๆ ‘หลงหลิงเอ๋อ’ ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังอุ้มงูสีดำตัวเล็กที่มีดวงตาสีแดงเหมือนสัตว์เดรัจฉานอยู่ในอ้อมแขน
อาจเป็นเพราะหูเจียวเจียวที่เป็นเจ้าของร่างเดิมโหดร้ายผิดมนุษย์มนา นางทารุณกรรมลูกตัวเองจนเด็กทั้ง 5 ขาดสารอาหาร แม้ว่าทุกคนจะโตป่านนี้แล้ว แต่ ‘หลงเหยา’ ที่เป็นลูกคนสุดท้องก็ยังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เลย เขาจึงยังอยู่ในร่างมังกรซึ่งเป็นร่างที่แท้จริง
แล้วเนื่องจากมังกรตัวนี้ผอมมาก มันจึงดูไม่ต่างจากงูเลยสักนิด
“เป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนกันหรือเปล่า? ลุกขึ้นแล้วมาให้แม่ดูหน่อย…” เมื่อหูเจียวเจียวมองไปที่เด็กน้อยทั้งหลายที่ตัวแข็งทื่อ เธอก็รู้สึกสะเทือนใจพลางยื่นมือออกไปดึงตัวพวกเขาขึ้นมาจากบ่อโคลน
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะเกลียดเด็กนิสัยเสียพวกนั้น แต่นางก็ไม่ได้เกลียดลูก ๆ ของเจ้าของร่างเดิม เพราะเด็กเกเรกับเด็กไร้เดียงสาแตกต่างกัน
ในฐานะสาวโสดใกล้ขึ้นคาน ความสุขที่สุดในชีวิตของเธอก็คือการเลี้ยงลูกในเกมออนไลน์
พอหญิงสาวได้เห็นความน่ารักของเด็ก ๆ สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอก็พุ่งสูงขึ้น
แต่ในสายตาของเด็กตัวเล็กทั้ง 5 คน ระหว่างที่เห็นการกระทำของผู้เป็นแม่ ในหัวของพวกเขาก็ฉายภาพฝันร้ายที่ได้เจอมาตลอดชั่วชีวิตนี้ทันที
พวกเขาตื่นระหนกแล้วรีบพูดว่า “อย่าตีพวกเราเลย พวกเราผิดไปแล้ว”
“เราไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรด…ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
ระหว่างที่พูดเด็ก ๆ ก็กอดกันกลมแล้วตัวสั่นทะส้านอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้าอยากตีก็ตีข้า อย่าตีน้อง ๆ เลย ข้าผิดเอง ท่านลงโทษข้าคนเดียวเถอะ”
ในตอนนั้นเอง หลงอวี้ที่เป็นพี่ชายคนโตกางแขนผอมแห้งพร้อมก้าวออกมาปกป้องน้อง ๆ ด้วยร่างกายที่อ่อนแอพร้อมกับความคิดที่จะพลีชีพตัวเองเพื่อให้คนอื่นอยู่รอด
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของคนเป็นพี่ชาย หลงเซียวที่เป็นลูกคนรองและตาบอดกับหลงหลิงเอ๋อก็อุทานออกมา
“พี่ใหญ่!”
“ไม่ อย่าตีพี่ใหญ่นะ!”
ที่ผ่านมาเด็กพวกนี้แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องมาครึ่งเดือนแล้ว ถ้าพวกเขายังถูกผู้หญิงสารเลวคนนี้เฆี่ยนตีอีกก็มีโอกาสที่พวกเขาจะถูกทำร้ายร่างกายจนตาย
“เราต้องสู้ไปด้วยกัน เราไม่กลัวท่านหรอก!”
ลูกชายคนที่ 3 นามว่าหลงจงแอบกัดฟันเงียบ ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อยืนเคียงข้างหลงอวี้ พลางจ้องมองหูเจียวเจียวเขม็ง ซึ่งเขาเผยให้เห็นใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็นคล้ายตะขาบ ประกอบกับดวงตาคู่หนึ่งที่จมเป็นเบ้าลึกเพราะความหิวโซแล้วยังแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
ภูตจิ้งจอกมองภาพลูกที่กำลังพยายามปกป้องกันและกัน ขณะนี้เธอมีอารมณ์ที่หลากหลายแทรกเข้ามาในจิตใจ
ดูเหมือนว่าบาดแผลที่ร่างเดิมทิ้งไว้นั้นบาดลึกเกินไป มันจึงเป็นไปได้ยากมากที่เด็กน้อยพวกนี้จะสามารถเปลี่ยนความคิดได้
ต่อมา หูเจียวเจียวเผยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะดึงมือบอบบางมาจับแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าแม่จะตีพวกเจ้ากัน”
แต่คำพูดเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เหล่าเด็กผู้น่าสงสารยังคงมองไปที่แม่ของตนอย่างหวาดระแวง
เมื่อหญิงสาวเห็นแบบนั้นจึงถอนหายใจออกมาและชี้ไปทางดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า “อาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว พวกเจ้าจะนอนในบ่อโคลนกันหรือไง ลุกขึ้นไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวแม่จะทำอาหารเย็นไว้รอพวกเจ้ากลับมา”
ถ้อยคำของเธอทำให้หลงหลิงเอ๋อรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย “ทะ ท่านจะไม่ตีเราจริง ๆ หรือ?”
เด็กน้อยไม่กล้าหวังลม ๆ แล้ง ๆ เพราะการกระทำที่ผ่านมาของแม่ใจมาร
หากวันไหนพวกเขาไม่ถูกเฆี่ยนตี วันนั้นจะถือว่าเป็นวันที่มีความสุขที่สุดของพวกเขา
หลงจงที่ได้ยินเช่นนั้นรีบจับมือน้องสาวทันที “หลิงเอ๋อ อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางเคยโกหกเราแบบนี้มาก่อน นางบอกว่านางจะไม่ตีเรา หลอกให้เรากลับเข้าไปในบ้านแล้วลงกลอนประตูไม่ให้เราหนีไปไหนได้ ตอนนั้นนางเกือบจะฆ่าเราด้วยซ้ำ!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สงสารลูก ๆ ของเจ้าของร่างเดิมมาก น้องต้องโดนแม่ทารุณกรรมสารพัดแน่ ไม่แปลกที่เด็กจะทั้งโกรธทั้งกลัวแม่ ลำบากเจียวเจียวแล้วไง ; - ;
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 412
ความคิดเห็น
สงสารเลย แต่ว่าหลังจากนี้ก็จะเหมือนกับได้แม่ใหม่แล้ว
แสดงความคิดเห็น