[fic Vocaloid] Just be…? [Gumi x Gumiya] Chapter 8
Chapter 8
เวลาผ่านไป วันที่กุมิรอคอยอย่างตื่นเต้นก็มาถึง วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังจากที่หญิงสาวเรียนเสร็จก็ตรงกลับหอเพื่อไปเปลี่ยนชุด และไปทำงานที่คาเฟ่เหมือนทุกวัน จะต่างก็แค่วันนี้พนักงานทุกคนไม่ต้องใส่ชุดผ้ากันเปื้อนของพนักงาน สามารถแต่งชุดอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นชุดแฟนซี คอสเพลย์เป็นตัวละครที่ชอบ หรือจะใส่ชุดที่คิดว่าดูดีที่สุดก็ไม่ว่ากัน
แหงละ เพราะวันนี้มีงานปาร์ตี้ ฉลองเปิดร้านครบรอบ 3 ปี จะให้ทำงานกันเหมือนปกติมันก็กะไรอยู่ เจ้าของร้านจึงอนุญาตให้พนักงานทุกคนแต่งชุดสบายๆ มาที่ร้านได้ และหลังจากร้านปิดจะมีงานปาร์ตี้จนถึงดึกดื่นกันเลยทีเดียว โดยงานก็ไม่ได้จัดที่ไหน จัดในส่วนที่เป็นชั้นล่าง ของตัวอาคารนั่นเอง โดยหลังจากปิดร้านแล้ว พนักงานจะช่วยกันทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อย และเปลี่ยนชั้นล่างซึ่งเป็นที่เอาไว้บริการลูกค้าไปเป็นที่จัดปาร์ตี้ เรียกว่าชั้นล่างสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“พี่กุมิ!” หลังจากเก็บของเสร็จ กุมิจึงขึ้นไปนั่งเล่นบนห้องพักของพนักงานซึ่งอยู่ชั้นบน และคนที่เดินมาทักหญิงสาวเป็นคนแรกก็คือ เด็กสาวผมสีชมพูยาวที่มีที่คาดผมรูปเขาสัตว์สีดำสวมอยู่บนหัว ฮิเมะนั่นเอง ดูเหมือนเด็กสาวจะตื่นเต้นมากกว่าใคร เพราะบนใบหน้ามีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายมองมาที่กุมิด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“ฮิเมะจัง ชุดน่ารักจังเลย” หญิงสาวร้องทักพนักงานรุ่นน้อง ฮิเมะอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีชมพูซึ่งดูเข้ากันดีกับทรงผม กุมิเพิ่งจะเคยเห็นร่างเล็กในชุดกระโปรงเป็นครั้งแรก หญิงสาวคิดว่าเด็กคนนี้เหมาะกับกระโปรงมากกว่ากางเกงเสียอีก ระบายลูกไม้ที่ชายเสื้อสะบัดไหวยามที่เจ้าตัวก้าวเดิน บวกกับใบหน้าน่ารักของเด็กม.ปลาย ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักสมวัย
‘เด็กมัธยมนี่หน้าตาน่ารักจริงๆ เลยนะเนี่ย’ กุมิคิดพลางชื่นชมความน่ารักของรุ่นน้องอยู่ในใจ ก่อนที่เธอจะนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วมิโคโตะล่ะ?” เอ่ยถามถึงคู่หูที่มักจะมาด้วยกันเสมอ เมื่อไม่เห็นหญิงสาวจึงอดแปลกใจไม่ได้
“ฮิเมะ อยู่นี่เอง” เมื่อคิดถึงเขาก็มา ร่างของเด็กสาวผมสีม่วงยาวถึงกลางหลังในชุดสีครีมและรองเท้าผ้าใบเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ ร่างนั้นดูดีไม่น้อยเมื่อสวมชุดสบายๆ แบบนี้ เสียงที่ติดแหบห้าวเล็กน้อยเอ่ยทักเพื่อนสาวผมชมพูที่ยืนส่งยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว
“มิโคโตะ ไปไหนมาน่ะ” ฮิเมะร้องถาม
“ไปดูลาดเลาข้างในงานมา ท่าทางวันนี้คงสนุกแน่ๆ ของกินเยอะเลย” มิโคโตะตอบ
“งานยังไม่เริ่มนี่นา พวกพี่ๆ เลยให้พวกเรามารออยู่ข้างบนก่อน อยากลงไปข้างล่างจะแย่แล้ว” ฮิเมะบ่นขึ้นเบาๆ ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนขึ้นมาอยู่ในห้องพักของพนักงานที่ชั้น 2 เนื่องจากงานยังไม่เริ่ม พนักงานประจำของร้านจึงไม่อนุญาตให้พวกเขาซึ่งเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ลงไปข้างล่างจนกว่าจะถึงเวลาเริ่มงาน และตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง พวกเขาจึงได้โอกาสสำรวจความเรียบร้อยของชุดและนั่งคุยกันไปพลางๆ ก่อน
“คิดว่างานวันนี้จะเป็นไงน่ะ?” มิโคโตะถามขึ้น ตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังนั่งพิงโซฟานุ่มๆ อย่างสบายอารมณ์
“ถ้าให้ฉันเดานะ คุณโยวาเนะก็คงจะขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทำงานหนักจนทำให้ร้านเราทำยอดขายได้ทะลุเป้า แล้วก็กินอาหารกัน อะไรประมาณนี้มั้ง” ฮิเมะพูดขึ้นหลังจากใช้ความคิดอยู่สักพัก
“แต่พี่คิดว่า” กุมิเอ่ยขึ้นบ้าง “นอกจากขอบคุณแล้ว พนักงานทุกคนคงได้รู้จักกันมากขึ้นเพราะงานนี้แหละ”
“จริงค่ะ ฉันก็คิดแบบนั้น” มิโคโตะเห็นด้วย “ขึ้นชื่อว่าปาร์ตี้ จะจัดขึ้นทำไมถ้าไม่ใช่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานน่ะ ทุกวันนี้ฉันเองก็ยังไม่ค่อยรู้จักพวกพี่คนอื่นเท่าไหร่เลย ยกเว้นพี่กุมิคนเดียว”
“ยังไงฉันก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี” ฮิเมะหันมายิ้มแหยๆ “พวกพี่ๆ คนอื่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ก็ทำงานกันจนไม่ได้คุยกันเลย ลูกค้าก็เยอะทุกวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกฮิเมะ” มิโคโตะหันไปยิ้มให้เพื่อนสาวข้างๆ “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ทำใจสบายๆ เถอะ”
นั่งคุยกันไปสักพัก เวลาเริ่มงานก็มาถึง ทั้งสามคนจึงลงไปด้านล่างที่ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิมของคาเฟ่อยู่เลย กลิ่นหอมฉุยของกับข้าวโชยออกมาชวนให้น้ำลายสอ มันถูกจัดไว้อย่างสวยงามที่โต๊ะกลางร้าน แสงไฟส่องสว่างกับเสียงเพลงที่เปิดไว้เชิญชวนให้เดินเข้าไปเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนประหลาดใจกับภาพตรงหน้าเล็กน้อยแต่ก็เดินเข้าไป
ไม่นาน พนักงานคนอื่นๆ เริ่มทยอยลงมายังชั้นล่างของคาเฟ่ซึ่งถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นงานปาร์ตี้ขนาดย่อม เสียงเพลงจังหวะปานกลางถูกเปิดคลอเอาไว้ทำให้งานดูคึกคักขึ้น หญิงสาวกับพนักงานรุ่นน้องทั้งสองคนต่างจับจองที่นั่งกันให้วุ่น และพวกเขาก็ได้ที่นั่งตรงกลางพอดี
“ดีจังเลยที่ได้นั่งด้วยกัน” กุมิหันไปหาฮิเมะที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเธอ หญิงสาวต้องขอบคุณเด็กสาวผมม่วงที่เป็นคนคอยเดินหาที่ว่างให้จนได้ที่ที่พอใจ เพราะคนในงานเดินกันขวักไขว่จนเธอตาลาย มิโคโตะจึงอาสาไปจองที่ให้และบอกให้ฮิเมะและกุมิยืนรออยู่ก่อน
“ปาร์ตี้เริ่มแล้ว เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะคะ” ฮิเมะขันอาสา เด็กสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเธอ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผมดำในชุดสูทผูกเนกไทคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหญิงสาวทั้งสาม ฮิเมะนั่งลงอีกครั้งและมองสิ่งของในมือชายหนุ่มไปด้วย
“อ้าว คุณฮอนเนะ สวัสดีค่ะ” เด็กสาวผมสีชมพูลุกขึ้นโค้งให้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม เพราะเขาคนนั้นคือผู้ช่วยเจ้าของร้านและพ่วงตำแหน่งพนักงานของร้านด้วย เดลล์ยิ้มให้ผู้ที่นั่งอยู่ในโต๊ะเล็กน้อยก่อนกล่าว
“ไม่ต้องพิธีรีตองก็ได้ครับ ทำตัวตามสบายเถอะ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวทั้งสามเรียงรายบุคคลก่อนจะหยุดที่กุมิ
“กุมิ ได้อะไรทานหรือยังครับ” เขาถาม หญิงสาวผมเขียวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอตอบไปอย่างเกร็งๆ ว่า
“ยะ…ยังเลยค่ะ เพิ่งได้ที่นั่งเมื่อกี้นี้เอง”
“งั้นก็ดื่มนี่ไปก่อน อ้อ คุณเมย์กะด้วยนะ” เขาหันไปพยักหน้าให้ฮิเมะและมิโคโตะ ก่อนจะวางแก้วเปล่า 3 ใบ ขวดน้ำเปล่า และน้ำอัดลมตรงหน้าของทั้งสาม
“ขอบคุณมากนะคะพี่เดลล์” กุมิโค้งขอบคุณชายหนุ่มเบาๆ เดลล์กำลังจะเดินออกไปอีกครั้ง แต่หญิงสาวเรียกเขาไว้เสียก่อน “พี่ไม่นั่งด้วยกันเหรอคะ?”
“เดี๋ยวพี่มาครับ จะไปเอาของกินมาให้พวกเรานี่แหละ ฝากจองที่ไว้ให้หน่อยนะ ขอเวลาแป๊บเดียว” ว่าจบ เดลล์ก็เดินออกจากที่นั่นไป ทิ้งให้หญิงสาวทั้งสามนั่งคุยกันอีกครั้ง
“เอ่อ พี่กุมิคะ” ฮิเมะทำลายความเงียบขึ้น หญิงสาวกวาดตามองดวงไฟที่เปิดสว่างเอาไว้เหมือนมันมีอะไรน่าสนใจ แต่สุดท้ายก็หันกลับมามองยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ดังเดิม
“มีอะไรเหรอ ฮิเมะจัง” กุมิมองหน้าสาวรุ่นน้องก่อนถาม
“พี่กับพี่เดลล์…”
“รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ?” มิโคโตะกล่าวต่อให้จบประโยคหลังจากเห็นฮิเมะเงียบไป
“ใช่จ้ะ พี่เดลล์เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเดียวกันกับพี่เอง”
“แบบนี้เอง ฉันสังเกตมานานแล้วว่าเหมือนพวกพี่สองคนเคยรู้จักกันมาก่อน” มิโคโตะพยักหน้า “แล้วทำไมตอนทำงานถึงไม่คุยกันบ้างล่ะคะ?”
“พี่ก็อยากคุยกับพี่เขานะ…” กุมิพูดอย่างใช้ความคิด “แต่พี่เดลล์น่ะสิ เห็นว่าเรื่องงานต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง มันก็เป็นอย่างที่พวกเธอเห็นนี่แหละจ้ะ” กุมิยิ้มกับความรับผิดชอบยิ่งชีพของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่ หญิงสาวรู้ถึงนิสัยของเขาดี เดลล์จะไม่ยอมคุยหรือหัวเราะกับพนักงานคนอื่นในเวลางานเลย ใบหน้าของชายหนุ่มมีแววเย็นชาอยู่เสมอ แต่เมื่อไม่ใช่เวลางานแล้ว เขาจะดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นคนพูดน้อยในสายตาของเธออยู่ดี
“งั้นปาร์ตี้วันนี้ พี่ก็คุยกับพี่เดลล์ดูสิคะ” ฮิเมะพูดยิ้มๆ “พี่เขาก็ไม่ใช่คนน่ากลัวนี่นา ถึงฉันจะไม่ได้รู้จักพี่เขามากเหมือนพี่กุมิ แต่ก็พอจะดูออกนะคะว่าพี่เขาดูคุยง่ายอยู่” เด็กสาวกวาดตามองไปรอบงานอีกครั้ง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างหนึ่งที่กำลังเดินมาทางนี้
“พี่เขามาพอดีเลย” มิโคโตะมองตามสายตาของฮิเมะไปก็เห็นว่าเดลล์กำลังเดินมายังโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ ในมือของชายหนุ่มถือถาดใบหนึ่งที่มีถ้วยของกินหลายอย่างอยู่ในนั้น
“รอนานมั้ยครับ” เดลล์ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ มิโคโตะ ก่อนจะวางถาดในมือลง “เชิญตามสบายนะครับ อันนี้ของกินเล่น เดี๋ยวข้าวจะตามมาทีหลัง”
“ขอบคุณนะคะ” มิโคโตะกล่าวขอบคุณก่อนจะหันไปสนใจถาดบนโต๊ะ “ว้าว มีทาโกะยากิด้วย” ดวงตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นลูกกลมๆ ในถ้วยใบหนึ่ง
“ของชอบใช่มั้ยล่ะ มิโคโตะ” ฮิเมะเย้า ก่อนจะแบ่งของทานเล่นจากถาดใส่จานของตน
“ก็ชอบ แต่ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้นสักหน่อย” มิโคโตะตอบก่อนจะจิ้มทาโกะยากิเข้าปาก ฮิเมะยิ้มกับภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พี่กุมิ ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคะ?”
“ขอพี่ดูหน่อยนะว่ามีอะไรบ้าง” กุมิไล่สายตาดูของกินในถาด อาหารแต่ละอย่างน่ากินจนทำให้เธอน้ำลายสอ หญิงสาวแบ่งของจากถาดใส่จานก่อนจะลงมือทานเพราะทนกับเสียงประท้วงจากกระเพาะของตนไม่ไหว
“ทาโกะยากิกับเกี๊ยวซ่าอร่อยดีนะคะ พี่เดลล์ว่ามั้ย?” กุมิหันไปชวนชายหนุ่มหนึ่งเดียวในโต๊ะคุยเพราะเห็นเขาเงียบมานาน ตั้งแต่กลับมานั่งที่โต๊ะ ชายหนุ่มก็เอาแต่มองคนโน้นทีคนนี้ที แถมยังมองเรื่อยไปถึงดวงไฟที่เปิดไว้อีกต่างหาก เขาไม่มีทีท่าสนใจอาหารบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย
“อ่า ครับ พี่ยังไม่ได้ลองชิมเลย” เดลล์หันกลับมาสนใจอาหารอีกครั้ง เขาตักทาโกะยากิที่เหลืออยู่ไม่กี่ลูกใส่จานของตน แน่สิ ที่เหลืออยู่ไม่กี่ลูกก็เพราะฮิเมะกับมิโคโตะช่วยกันกิน ส่วนของกินที่เหลืออย่างเกี๊ยวซ่ากลายเป็นกุมิที่กินเยอะที่สุด หญิงสาวทั้งสามหันมามองหน้ากันไปมา
“อะ…เอ่อ ขอโทษนะคะ พวกเรากินเยอะไปหน่อย” ฮิเมะยิ้มแหย ก่อนจะหันไปหามิโคโตะ “ไหนบอกว่าไม่ชอบไง”
“ก็ฉันหิว ก็ต้องกินสิ ชอบไม่ชอบก็ต้องกินก่อน” มิโคโตะตอบหน้าตาย “ว่าแต่ฉัน เธอก็ไม่ใช่ย่อยนะ ฮิเมะ” ว่าพลางยักคิ้วให้จนฮิเมะหันมาค้อนขวับ
“ฉันไม่ได้กินเยอะเหมือนเธอสักหน่อย” ฮิเมะหน้ามุ่ย ก่อนจะลุกขึ้น
“อ้าว นั่น จะไปไหนน่ะ ฮิเมะจัง” กุมิถามสาวรุ่นน้องที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นกะทันหัน ฮิเมะหันหลังก่อนตอบ
“จะไปตักอาหารเพิ่ม รอเดี๋ยวนะคะ เหมือนว่าพวกข้าวจะมาแล้ว” ว่าจบก็เดินหายไป กุมิหันไปหามิโคโต่ะก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ “มิโคโตะชอบทาโกะยากิเหรอ?”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น”
“แต่พี่เห็นเรากินซะเยอะ ทาโกะยากิร้านนี้อร่อยจริงๆ นั่นแหละ” เดลล์เอ่ยขึ้นบ้าง พอดีกับฮิเมะเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารจานหลัก เด็กสาววางถาดที่แสนหนักอึ้งลงบนโต๊ะ ข้างในนั้นมีทั้งข้าว ยากิโซบะ และอาหารอื่นๆ อีกหลายอย่าง
“ว้าว น่ากินจังเลย” กุมิเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นถาดเบื้องหน้า หญิงสาวพยักหน้าให้เดลล์มาช่วยกันแบ่งอาหารในถาด และทุกคนก็รับประทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย
“นี่มิโคโตะ” กุมิเรียกเด็กสาวผมม่วงที่กำลังนั่งดูดน้ำอัดลมในแก้วอย่างสบายอารมณ์
“อะ… มีอะไรเหรอคะ?”
“ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ รู้จักพนักงานคนอื่นบ้างหรือยัง” หญิงสาวเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น
“นอกจากพี่กุมิแล้ว ก็มี…” มิโคโตะยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้น…
“มิโคโตะ!” เด็กสาวร่างสูงเพรียว ผมสีแดงซอยสั้นวิ่งเข้ามากอดมิโคโตะจากด้านหลัง ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสำลักน้ำออกมาคำโต
“แค่กๆๆ… โอ๊ย! โซนิก้า” เอ่ยชื่อผู้มาใหม่เบาๆ พลางหยิบกระดาษชำระออกมาเช็ดน้ำที่หกเปื้อนเสื้อของตน
“อยู่นี่เอง ฉันหาแทบแย่ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว อ้าว พี่เดลล์ พี่กุมิ สวัสดีค่ะ” โซนิก้ายิ้มทักทายคนในโต๊ะอย่างเป็นมิตร
“ฉันต่างหากที่ต้องบอกว่าหาเธอไม่เจอ” มิโคโตะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วนี่ไปไหนมา เขากินกันไปจนจะหมดอยู่แล้ว”
“น่า ขอโทษที ฉันไปช่วยเขาจัดร้านมาไงเลยมาช้า ว่าแต่ มีอะไรให้กินบ้าง หิวจะตายอยู่แล้ว” โซนิก้าลูบท้องตนเองเบาๆ เป็นเชิงว่าหิวจริง ก่อนจะนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อ้าว ฮิเมะ สวัสดีจ้ะ” ว่าเธอลืมทักใครไป
“สวัสดีจ้ะ ยังพอมีของกินอยู่น้า เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” ฮิเมะทำท่าจะลุกขึ้น แต่เด็กสาวผมแดงห้ามไว้ เธอขอตัวเดินออกไปตักของกินที่ตั้งไว้บนโต๊ะกลางร้าน ไม่นานจะกลับมา
“นอกจากโซนิก้าแล้ว ฉันก็ไม่รู้จักใครเลยค่ะ” ฮิเมะชวนกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง เด็กสาวมองเพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่เดินออกไปเมื่อครู่ โซนิก้าเป็นเด็กสาวผมแดง ซึ่งสีแดงของผมนี้ก็เกิดจากการย้อม สีผมธรรมชาติของเธอเป็นสีทองเนื่องจากเธอย้ายจากอังกฤษมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นได้ 1 ปีแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เธอตัดสินใจจะไม่กลับไปเรียนม. ปลายต่อที่บ้านเกิด จึงทำเรื่องย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นและมาเป็นนักเรียนที่นี่แบบถาวร ทั้งฮิเมะ และมิโคโตะได้รู้จักเธอที่คาเฟ่แห่งนี้ และได้รู้ภายหลังว่าพวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกันแต่อยู่คนละห้องเท่านั้น
“นั่นสินะ เวลาทำงานพวกเราก็ไม่ได้คุยกัน” กุมิพูดขึ้นก่อนหันไปดูดน้ำในแก้วของตน “อยู่ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ ตอนที่พี่ทำงานที่นี่แรกๆ ก็ไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่เหมือนกันจ้ะ”
แต่ฉันก็ไม่เหงานะ เพราะมีคนที่รู้จักกันอยู่ แค่ไม่ได้คุยกันเท่านั้นเอง…
กุมิหันไปมองเดลล์ที่นั่งเงียบอยู่ หญิงสาวสังเกตเห็นน้ำในแก้วของชายหนุ่มที่พร่องไปกว่าครึ่ง จึงพูดขึ้นว่า
“พี่เดลล์ เอาน้ำเพิ่มมั้ยคะ?
“ขอบคุณครับ รบกวนหน่อยนะ”
ไม่นาน โซนิก้าก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วย หญิงสาวตักยากิโซบะเข้าปากอย่างหิวโหย ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ทุกคน หลังกินเสร็จมีเต้นรำด้วยนะ มีใครสนใจจะออกไปมั้ย?”
“ไม่ล่ะ ฉันเต้นไม่เก่ง” มิโคโตะปฏิเสธ “เธอก็ไปสิ เต้นเก่งอยู่แล้วนี่” เด็กสาวผมม่วงหันไปมองฟลอร์เต้นรำขนาดย่อมที่ตั้งไว้มุมหนึ่งของร้าน
“จริงด้วย โซนิก้าจังออกไปเลยๆ” ฮิเมะเห็นด้วย “เคยชนะการประกวดเต้นคัปเวอร์มาแล้วนี่ ออกไปโชว์ลีลาหน่อยจะเป็นไรไป”
“โอเคเลย งานนี้ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว” เด็กสาวตอบตกลงด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ไม่ชัดนัก ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นเสน่ห์ของเจ้าตัวไปโดยปริยาย รอไม่นาน ฟลอร์เต้นรำที่เตรียมไว้ก็ถูกเปิดไฟจนสว่าง ดวงไฟรอบงานถูกปิดลง แสงสว่างทั้งหมดมาจากฟลอร์เต้นรำเพียงจุดเดียว คนที่สนใจและอยากขยับร่างกายเริ่มทยอยลุกขึ้น โซนิก้าก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากกินจนอิ่มไปได้สักพัก เด็กสาวลุกออกไปจากโต๊ะ เดินตรงไปยังฟลอร์เต้นรำทันที
เสียงเพลงบีตหนักๆ ถูกเปิดขึ้น เด็กสาวผมแดงขยับร่างกายไปตามจังหวะของเพลงอย่างคล่องแคล่ว เรียกเสียงฮือฮาจากคนในร้านได้ไม่ยาก เมื่อเพลงจบ โซนิก้าโค้งให้คนดูอย่างสวยงาม เธอเดินลงจากเวทีกลับเข้ามาที่โต๊ะอีกครั้ง เรียกเสียงปรบมือดังไปทั่ว
“สะ…สุดยอด” ฮิเมะตะลึงตาค้าง เด็กสาวกวักมือเรียกทันทีที่เห็นเพื่อนของเธอเดินมาทางนี้ โซนิก้านั่งลงก่อนจะพูดขึ้น
“จะว่าไป ดูเหมือนพี่กุมิกับพี่เดลล์คงอยากจะทำอะไรกันสักหน่อย” โซนิก้าพูดขึ้น ทำเอาทุกคนในโต๊ะหันมาจ้องหน้าเด็กสาวเป็นตาเดียว
“ทำอะไร นี่หมายความว่ายังไงครับ” เดลล์พูดขึ้นด้วยความตกใจ
“เอ่อ… ภาษาญี่ปุ่นฉันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ทำอะไรที่ว่านี่คือ เอ่อ…” โซนิก้าแก้ตัวก่อนจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ที่เธอพูดนี่คือ คงอยากให้พวกพี่ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นน่ะค่ะ ใช่มั้ย?” ดูเหมือนมิโคโตะจะเดาความหมายของสิ่งที่เพื่อนสาวต้องการจะสื่อได้ เธอหันไปถามโซนิก้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“Yes.” โซนิก้าพยักหน้า กุมิดและเดลล์หันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหมือนจะถามว่า ควรจะทำอย่างไรดี ในที่สุด เดลล์ก็เอ่ยถามขึ้น
“กุมิ เต้นเป็นหรือเปล่าครับ”
“ฉะ… ฉันเต้นเป็นแต่ลีลาสน่ะค่ะ” กุมิตอบ “แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกัน เคยเรียนตอนเด็กๆ ตอนนี้ทิ้งไปนานแล้ว”
“ลองออกไปเต้นคู่กันหน่อยมั้ยครับ?” ชายหนุ่มชวน กุมิหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ ก่อนจะตอบตกลง ทั้งสองลุกขึ้นเดินตรงไปยังฟลอร์เต้นรำทันที
ทั้งคู่เข้าประจำที่ก่อนเพลงจะเริ่มขึ้น กุมิพูดขึ้นว่า
“ถ้าฉันเผลอเหยียบเท้าพี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เองก็เต้นไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน แต่เรามาพยายามด้วยกันเถอะนะ”
เพลงจังหวะลีลาสถูกเปิดขึ้น ทั้งสองคนขยับร่างกายไปตามจังหวะเพลงช้าๆ ราวกับมีอะไรดึงดูด พวกเขาเต้นเข้ากันได้อย่างประหลาด จนนาทีสุดท้าย จังหวะเริ่มช้าลงจนกลายเป็นสโลว์แดนซ์ กุมิจัดท่าทางของตนใหม่ โดยพยายามหันเท้าออกไปไม่ให้ชนกับเท้าของเดลล์ หญิงสาวเอามือวางบนหัวไหล่ของเขาเบาๆ โดยพยายามให้มืออยู่นิ่งที่สุด และขยับร่างกายไปตามจังหวะช้าๆ น่าแปลกที่การเต้นของทั้งคู่เข้ากันได้อย่างประหลาด ทุกคนที่นั่งคุยกันอยู่เงียบลง และหันไปจ้องคนทั้งคู่เป็นตาเดียว
เดลล์เต้นนำได้อย่างดีเยี่ยม จนจังหวะเพลงหยุดลง ทั้งคู่จบการเต้นได้อย่างสง่างาม เวลากว่า 5 นาทีที่พวกเขาเต้นรำด้วยกันนั้นสะกดผู้ชมทั้งร้านได้อยู่หมัดทีเดียว กุมิถอยออกมาจากฟลอร์ช้าๆ ชายหนุ่มถอยตามออกมาโดยไม่ลืมขอบคุณหญิงสาวที่ออกมาเต้นด้วยกันกับเขาด้วย พวกเขาโค้งให้คนดู เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชมได้ไม่ยาก
“ว้าว สุดยอดเลยค่ะ” ฮิเมะพูดขึ้นหลังจากกุมิและเดลล์นั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวผมเขียวหันไปสบตากับชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“พี่เดลล์เต้นเก่งจังเลยค่ะ” หญิงสาวพูดชมจากใจจริง
“กุมิก็สุดยอดเลยนะครับ ไหนบอกว่าลืมไปแล้วยังเต้นได้ขนาดนี้ สุดยอดจริงๆ” ชายหนุ่มชมตอบ ก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มให้กัน
เวลาผ่านไปจนงานเลิก ทุกคนช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยเพื่อจะกลับมาเปิดขายของได้ในวันต่อไป กุมิเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข วันนี้เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาร่วมงานปาร์ตี้ เพราะเธอได้ทำความรู้จักเดลล์ให้มากขึ้น แถมยังได้เต้นรำด้วยกันอีกด้วย
และเหนืออื่นใด เธอได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่เธอเข้าใจ เดลล์เป็นคนที่อัธยาศัยดีคนหนึ่ง นี่เป็นอีกด้านของเขาที่เธอยังไม่เคยเห็น และวันนี้เธอได้เห็นมันแล้ว…
ความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มเริ่มจะชัดเจนขึ้น และกุมิคิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่างให้เขารู้เสียที…
แต่เธอจะทำอย่างไรล่ะ?
นั่นเป็นสิ่งที่หญิงสาวยังไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร กุมิสัญญากับตนเองว่าจะต้องพยายามเอ่ยความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มออกมาให้ได้ในสักวัน
และหญิงสาวก็หวังว่าเขาจะรู้สึกกับเธอเหมือนที่เธอรู้สึกกับเขา…
Tbc
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 672
แสดงความคิดเห็น