บทที่ 10...2/3
กาญเกล้าลืมตาด้วยความรู้สึกมึนงงว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำไมเธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ทั้งที่ไม่ได้เดินเพราะเท้าไม่ได้สัมผัสพื้น หัวของเธอกวัดไกว ผมยาวรุ่ยร่ายลงมาจนเห็นอะไรไม่ชัด จมูกของเธอชนเข้ากับแผ่นหลังของใครสักคน ไม่สิ ไม่ใช่แค่ใครสักคน แต่มันคือแผ่นหลังของณวัตต่างหาก ความทรงจำกลับมาทันควัน เธอเห็นเขาและกำลังจะเอ่ยทัก ทว่าเขากลับต่อยเข้าที่ท้องจนเธอจุก ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนหูดับ จนมารู้สึกตัวในตอนนี้ มันคงแค่ไม่กี่นาทีกระมังที่เธอวูบไป
“พี่วัต...พี่วัต ปล่อยกาญลง”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ว่าร่างของกาญเกล้าถูกตวัดคล้ายจะกอด แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ร่างของเธอถูกโยนลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี กาญเกล้ามองณวัตด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ เธอได้กลิ่นเหล้าจางๆ จากเขา แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าตอนนี้เธออยู่บนดาดฟ้า ทั้งที่เพิ่งโล่งใจว่าไม่มีเกิดอะไรขึ้นอย่างที่กลัวเมื่อ 15 นาทีก่อน
“พี่วัตจะทำอะไร เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าไหม”
“ทำไมกาญถึงทำกับพี่แบบนี้ นอกใจพี่ทำไม พี่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่กาญกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่กาญทำผิดต่อพี่” ณวัตตัดพ้อเสียงต่ำ สายตาของเขาที่มองกาญเกล้าเต็มไปด้วยความโกรธระคนเสียใจ
“กาญทั้งโทรหา ทั้งส่งข้อความแล้ว แต่พี่วัตไม่ตอบกาญ ไม่รับสาย จะให้กาญทำยังไง กาญยังต้องกินต้องใช้นะ” กาญเกล้าลืมตัวเถียง แต่สายไปแล้ว ณวัตกลับยิ่งโกรธ
ณวัตคว้าแขนของกาญเกล้าแล้วเหวี่ยงจนหญิงสาวกองฟุบ ก่อนจะคว้าเอวแล้วดึงให้ลุกขึ้นมา กาญเกล้ากรีดร้อง ในวินาทีนั้นเองที่เธอเห็นธามิณียืนอยู่ด้านหลังของณวัตแล้วฟาดด้ามของไม้ถูพื้นที่แผ่นหลังกว้างเต็มแรง
“เจ็บนะโว้ย!” ณวัตหันไปตวาดใส่ธามิณี
กาญเกล้าฉวยโอกาสนั้นจะวิ่งหนี แต่หนีไม่ได้เพราะข้อมือของเธอยังถูกณวัตจับไว้ ธามิณีจะตีซ้ำเพื่อให้ณวัตปล่อยกาญเกล้า แต่เขากลับกระโจนเข้าใส่แล้วผลักเธอล้มลงไป กาญเกล้าตบหน้าณวัตและใช้เล็บข่วนไปตามแขนของเขาเพื่อให้ปล่อย แต่เขากลับยิ่งโมโหจนลากเธอไปที่ขอบตึก เธอจะตายที่นี่ตอนนี้ใช่ไหม กาญเกล้ากรีดร้องด้วยความกลัวและมองหาธามิณีที่โงนเงนลุกขึ้นมา
“ธาม...ช่วยฉันด้วย”
ธามิณีสะบัดใบหน้าเรียกสติ ตอนนี้เธอเห็นอะไรอยู่กันนะ กาญเกล้ากำลังตะโกนเรียกเธออยู่ใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นกำลังดันร่างของกาญเกล้าขึ้นไปนั่งบนขอบตึก กาญเกล้าทั้งดิ้นทั้งถีบตะกุยด้วยความกลัว
ไม่...ไม่! เขาทำแบบนั้นไม่ได้!
ต้องทำยังไง ธามิณีจะวิ่งไปช่วยกาญเกล้า แต่เธอกลับก้าวขาไม่ได้ราวกับถูกทำให้เป็นหินไปชั่วขณะ
...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?!
กรี๊ดดดดดดดดด
ไม่นะ!!!
พลังจากผลึกกาลย่อมทำตามความปรารถนาของธามิณี เธอเห็นแสงสีม่วงออกจากร่างของตัวเองแล้วมันพุ่งไปปะทะกับแสงสีม่วงอีกฝั่ง ธามิณีมองหาที่มาของแสงนั้น พระเสาร์อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีเวลาหาคำตอบเพราะต้องวิ่งไปสุดฝีเท้าพร้อมกับตะโกนลั่น
“อย่านะ!!!”
พลันร่างของธามิณีราวกับถูกกระชากขึ้นไปจนเห็นร่างของกาญเกล้าที่กำลังจะเอนตกลงไปจากตึก สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเพียงแค่เธอคว้ามือออกไปในความว่างเปล่านั้นก็พลันเกิดแรงดึงนั้นไปถึงร่างของกาญเกล้าอย่างไรอย่างนั้น ร่างที่กำลังจะตกลงไปกลับเหมือนถูกดึงไว้นิ่งๆ โดยมีขาพาดอยู่ที่ขอบตึก กาญเกล้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกรีดร้องด้วยความกลัวพร้อมกับพยายามคว้าขอบตึกไว้ แต่มันกลับเกินเอื้อมจนคว้าไว้ไม่ได้ แต่ร่างของเธอยังไม่ได้ตกลงไป
ธามิณีหอบแรงรู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก กาญเกล้าจะอยู่ในสภาพนั้นได้ถึงเมื่อไหร่ ณวัตหันมามองธามิณีแล้วสลบไปต่อหน้าต่อตาเพราะศนิฟาดพลังใส่ ไม่อย่างนั้นณวัตคงปรี่มาทำร้ายธามิณีอีกคนซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นเพราะการตายของกาญเกล้าไม่มีธามิณีอยู่ในเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น
ชายคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นในวินาทีนั้น!
กลางฝ่ามือของชายที่ธามิณีจำหน้าได้กำลังรับเงากิเลสสีดำที่ล่องลอยมาจากร่างของณวัต เขายิ้มพอใจพร้อมๆ กระโจนใส่ธามิณี แต่ร่างถูกสะท้อนกลับเพราะศนิฟาดพลังใส่แล้วเนรมิตครอบพลังล้อมรอบร่างของธามิณีไว้ ทว่าช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ร่างของธามิณีกลับตกลงไปในพื้นสีดำทั้งที่เมื่อครู่ยังเป็นสีขาว ราวกับมีแรงดูดมหาศาลเพื่อดึงเธอให้เข้าไปด้วย แม้จะฝืนไว้ แสงสีม่วงจากผลึกกาลพยายามปกป้องเจ้าของร่างไว้
“อดทนไว้ธาม” ศนิบอกพลางส่งพลังมาดึงร่างธามิณีไว้
“คุณศนิ...”
ศนิต้องรับศึกสองด้าน ด้านหนึ่งเขาสกัดไม่ให้อีกฝ่ายเปิดอุโมงค์เวลาได้กว้างกว่านี้ ส่วนอีกด้านเขาส่งพลังไปเพื่อยับยั้งไม่ให้ธามิณีถูกอุโมงค์เวลาดึงดูดเข้าไป แต่มันสายไปแล้ว! ร่างของธามิณีได้ถูกกลืนหายเข้าไปในความมืดมิดนั้น
“กรี๊ดดดดดด...”
เสี้ยววินาทีนั้นร่างของกาญเกล้าร่วงหล่นลงพื้นด้านล่างพร้อมกับธามิณีหายไปในอุโมงค์เวลาอันมืดมิดไร้ทางออก พลังจากผลึกกาลไม่อาจฉุดรั้งร่างของกาญเกล้าไว้ได้อีกต่อไปเพราะธามิณีถูกส่งไปอีกมิติหนึ่งแล้ว การตายของเธอไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อสิ้นอายุขัย ต่อให้การแต่งกายเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน สุดท้ายก็จบลงเหมือนเดิมอยู่ดี
อมรยิ้มพอใจเพราะไม่เสียแรงที่เขาตามธามิณีมาพักใหญ่ จนกระทั่งหลายวันก่อนที่ธามิณีไปพบกาญเกล้าแล้วพูดเรื่องการตายในอนาคต เขาถึงได้รู้ว่าจะซ้อนแผนอย่างไร เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนอมรจึงวาร์ปหายไปต่อหน้าต่อตาของศนิ แต่ศนิก็ติดตามไปทันที แม้จะรู้ดีว่ามันคือกับดัก เขาไม่มีทางเลือกเพราะธามิณีกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอไม่ใช่เป้าหมายของอมร แต่เป็นเขาต่างหาก
อมรรู้อายุขัยของของกาญเกล้ามาจากทางใด ศนิยังไม่พบคำตอบ แต่อมรใช้เหตุการณ์ในคราวนี้เป็นเหยื่อล่อให้ธามิณีใช้พลังจากผลึกกาล แล้ววางกับดักให้เธอตกเข้าไปในอุโมงค์เวลา ซึ่งภายในเป็นเขาวงกตหาทางเข้าได้ยากและทางออกก็แทบไม่มี หากอมรได้ผลึกกาลไป นั่นหมายความว่าเขาได้ฆ่าธามิณีไปแล้ว
ธามิณีมั่นใจว่าตัวเองกำลังหายใจซึ่งหมายถึงเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน หลังจากถูกดูดเข้ามาในอุโมงค์อันมืดมิดและร่างกายเหมือนผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับรู้สึกว่ามันนานมาก ในสมองของเธอมีแต่คำถามว่ากำลังถูกพาไปที่ใด เธอจะไม่ตายใช่ไหม จนกระทั่งเธอพบกับสายลมที่พัดเบาลงเรื่อยๆ แล้วปลายอุโมงค์ก็จบลงที่ความสว่างจัดจ้าจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตามองว่าตัวเองอยู่ที่ใด เท้าทั้งสองข้างของเธอยืนได้อย่างมั่นคงบนพื้นนุ่มๆ แต่กระโดดแล้วไม่กระเด้ง ทุกอย่างรอบตัวดูขาวโพลนเหมือนอยู่ท่ามกลางหิมะ แต่เธอไม่รู้สึกหนาว ทว่าเธอกลับปวดแปลบที่อกจนต้องคุกเข่าลง แล้วเอามือยันพื้นก่อนจะกระอักเลือดออกมา
จู่ๆ เหตุการณ์ที่ธามิณีเห็นในนิมิตก็กลับมาในความทรงจำ การตายของเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตกลงมาจากที่สูง แต่เพราะใช้พลังจากผลึกกาลแล้วเข้ามาในที่แห่งนี้แทนอย่างนั้นหรือ
...เราจะตายแล้วใช่ไหม
หลังจากเธอหายเข้ามาในที่แห่งนี้ กาญเกล้าเป็นอย่างไรบ้าง จะมีใครช่วยกาญเกล้าให้รอดชีวิตได้บ้างหรือเปล่า แต่ลึกๆ แล้วธามิณีรู้ว่าคำตอบคืออะไร แต่เธอไม่อาจยอมรับว่าการตายไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หญิงสาวร้องไห้รู้สึกไม่ต่างจากคราวของป้ากับลุง ถ้านิมิตทำให้เธอเห็นการตาย แล้วทำไมถึงไม่บอกด้วยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ทำไมต้องทำให้เธอรู้สึกผิดแบบนี้ด้วย
“ขอโทษด้วยนะที่ผมต้องทำแบบนี้ มันจำเป็นจริงๆ”
อมรเดินออกมาจากประตูโปร่งใสคล้ายกระจกซึ่งเป็นทางเส้นเดียวที่จะเข้าและออกไปจากอุโมงค์เวลาได้
ธามิณีเงยหน้ามองผู้ชายที่เคยลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้าน คำถามสำคัญคือเขาเป็นใครกันแน่ การที่เธอถูกทำให้มาอยู่ที่นี่ก็เพราะเขาเองสินะ จุดประสงค์ของเขาคงเหมือนกับเวฬา ผลึกกาลในตัวเธอช่างเป็นสิ่งที่ใครต่อใครต้องการ ชีวิตของเธอมีค่าน้อยกว่าผลึกที่เธอไม่รู้ว่ามีรูปร่างเป็นอย่างไร ทำไมถึงใจร้ายกันเหลือเกิน
“คุณเป็นใครกันแน่”
หากมีทางเลือกอื่น อมรคงไม่ทำแบบนี้ เขาสัมผัสได้ว่าจิตใจของมนุษย์ผู้นี้ดีไม่คิดร้ายกับใคร แต่หากไม่พาธามิณีมายังห้วงมนตราของเขา การที่จะใช้พลังดึงผลึกของพระเสาร์ออกมาจากร่างของมนุษย์จะทำได้ยาก แต่ที่นี่พลังของใครหรือสิ่งใดจะถูกลดทอนลงกึ่งหนึ่ง ฉะนั้นหากเขาจะฆ่าธามิณี พลังของผลึกกาลในตัวเธอจะไม่สามารถต้านทานพลังของเขาได้
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก” อมรเดินเข้ามาใกล้ธามิณีเรื่อยๆ พร้อมกับเกิดคำถามว่าพระเสาร์นำผลึกที่มีค่ามาไว้ในร่างของมนุษย์เพราะอะไร ช่างประมาทเกินไปแล้ว “สิ่งที่ผมจะทำต่างหาก ที่คุณควรสนใจก่อนจะหายไปจากโลกใบนี้”
“คุณจะฆ่าฉันใช่ไหม คิดว่าทำได้ง่ายๆ งั้นหรือ” ธามิณีฝืนลุกขึ้นยืนอย่างน้อยเธอจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย ผลึกกาลจะช่วยเธอได้แค่ไหนกันนะ
อมรเห็นความกล้าหาญแม้จะหวาดกลัวในดวงตาของธามิณีก็นึกชมชอบ บางทีพระเสาร์อาจเลือกมนุษย์ไม่ผิด เธออาจมีอะไรที่ทำให้เขาประหลาดใจก็ได้ แต่มันช่วยไม่ได้เมื่อพลังที่เขาต้องการมันอยู่ในตัวเธอ หากไม่ฆ่าเธอ เขาคงไม่ได้ผลึกกาลไปแก้แค้น นี่สิความสุขของการรอคอย
“ถ้าคุณอยากจะโทษใครสักคนที่ต้องมาตายในวันนี้ คุณก็โทษพระเสาร์เสียเถอะ”
เงาสีดำกำลังลอยออกมาจากฝ่ามือของอมร ก่อนที่กลุ่มเงาสีดำนั้นจะหมุนวนรวมกันเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ที่สามารถครอบร่างของธามิณีได้ หญิงสาวหลับตาพยายามมีสมาธิ มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่น แม้ไม่รู้วิธีที่แน่ชัดว่าผลึกกาลใช้อย่างไร แต่ในทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในความกลัวหรือความโกรธ ผลึกกาลจะเผยพลังออกมาเพื่อปกป้องตัวเธอ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 168
แสดงความคิดเห็น