บทที่ 7...3/3
ฝนเริ่มซาแล้วตอนที่เตวินลงไปจากรถเพื่อเผชิญหน้ากับคู่กรณี เขาไม่ทันได้ตั้งตัวนักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมากันถึง 4 คน แล้วแต่ละคนแต่งตัวด้วยสูทสีดำอย่างกับพวกมาเฟีย ไม่ใช่เจ้าหนี้ของเขาอย่างที่กลัวในตอนแรก หน้าตาของคนกลุ่มนั้นเรียบขรึม หน่วยก้านดูไม่ใช่พวกต่อสู้เก่งสักเท่าไหร่ หากเจอปืนขู่สักทีสองทีคงล่าถอยไปเอง บางทีเขาอาจเผลอขับรถปาดหน้ารถไอ้พวกนี้เข้ากระมังถึงได้ตามมาขับรถปาดหน้าคืน
“แกเองเหรอที่ขับรถปาดหน้า ไม่มีตาหรือไง เห็นนี่ไหมว่าปืน” เตวินไม่พูดเปล่าๆ ยังยกปืนขู่ให้อีกฝ่ายเห็น แต่กลับถูกมองหน้ากลับ ช่างไม่รู้เสียเลยว่าปืนกระบอกนี้มีกระสุนอยู่ “มองหน้าแบบนี้อยากตายหรือไง”
“คุณลักพาตัวคนที่ไม่ควรแตะต้องเข้าแล้ว ถ้ายังไม่อยากไปนอนคุกก็อยู่เฉยๆ” ชาญซึ่งยืนใกล้กับเตวินเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบๆ พร้อมกับยกแขนมาแหวกชายเสื้อให้เห็นว่าเขาก็มีปืนเช่นกัน
เตวินไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาควรตกใจว่าอีกฝ่ายก็มีปืนหรือมีคนรู้ว่าเขาลักพาตัวธามิณีกันแน่ จึงลืมตัวก้าวถอยหลังไปเพื่อตั้งหลัก
“พูดบ้าอะไร ลักพาตัวอะไร อย่ามากล่าวหากันนะ”
แต่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แน่ล่ะสิมันก็มีปืน แถมมีคนมากว่าเขา ชายสองคนเดินไปที่รถของเตวิน เขาเห็นท่าไม่ดีรีบยกปืนขึ้นขู่
“พวกมึงอย่างเข้ามานะโว้ย ไม่งั้นกูยิง”
แต่ปืนอีกสองกระบอกจากชายอีกสองคนที่ยืนคุมเชิงกำลังเล็งมาที่เตวินเช่นกัน ชายหนุ่มเริ่มละล้าละลังว่าจะเอายังไงดี หากยิงปืนออกไปแล้วเรื่องถึงตำรวจ เขาก็จบเห่น่ะสิ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย คืนนี้อาจไปนอนคุกหรือไม่คงตายเพราะเจ้าหนี้เหมือนกัน ในระหว่างที่เตวินกำลังลังเลนั้นชายชุดดำได้เปิดประตูรถแล้วช่วยพยุงธามิณีออกมา พร้อมกับช่วยแก้มัดที่ข้อมือ
“ไอ้พวกเวรนี่จะทำอะไร นั่นแฟนกู มึงจะพาแฟนกูไปไหน กูจะไปแจ้งตำรวจ” เตวินขู่ แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้นักเพราะปืนของอีกฝ่ายมีหลายกระบอก แถมยังเล็งมาที่เขาคนเดียว
ชายคนที่คุยกับเตวินกำลังกดโทรออก รอเพียงครู่เดียวอีกฝ่ายที่เตวินไม่รู้ว่าเป็นใครก็รับสาย
“ผมได้ตัวคุณธามิณีมาแล้วครับ กำลังจะพาไปส่งที่หอพัก”
ธามิณีแปลกใจที่จู่ๆ มีคนมาช่วย แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ได้คุกคาม แค่เข้ามาช่วยเธอจากเตวิน ทว่าการที่เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครทำให้ยังไม่วางใจนัก พอได้ยินว่าจะพาไปส่งที่หอพักก็ค่อยโล่งอก เรื่องที่สงสัยเอาไว้เธอค่อยถามตอนหลังก็ได้
เตวินกระโจนเข้ามาจะชิงตัวธามิณีไป ตอนนี้เขาต้องเลือกไม่อย่างนั้นได้ตายเพราะเจ้าหนี้ ถ้ามีเรื่องตอนนี้ค่อยให้เจ้าหนี้ช่วยเคลียร์ข่าวก็น่าจะพอได้ ทว่าเขาพุ่งเข้ามาไม่ถึงสองก้าวก็ถูกหนึ่งในชายชุดดำคว้าแขนแล้วจับไพล่หลัง ก่อนจะถูกกดลงพื้น มันเกิดขึ้นเร็วมาก พอรู้อีกทีหน้าของเตวินก็กระแทกพื้นของฟุตบาทไปแล้ว
“ธามช่วยพี่ด้วย” เตวินตะโกนลั่นเมื่อทั้งดิ้น ทั้งกระโจนก็ยังถูกจับตัวไว้
ถ้าหากธามิณีแจ้งความ เขาซวยแน่ๆ เขาไม่อยากติดคุกจนหมดอนาคตที่กำลังไปได้สวย อีกทั้งหากสืบลึกลงไปคงรู้ว่าตอนที่ไปกู้เงิน เขาให้เบอร์ธามิณีไว้เพราะกลัวจะถูกตามทวงเงิน แต่เจ้าหนี้มันตามจนถึงบ้านถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้ให้เบอร์ติดต่อของตัวเอง อีกทั้งเจ้าหนี้เอาเขาตายแน่หากถูกเปิดโปงธุรกิจสีเทาของพวกมัน
“พี่เตทำแบบนี้กับธามทำไม เดือดร้อนอะไรก็น่าจะบอกกันสิ ธามไม่ใช่น้องของพี่เตหรือไง” ธามิณีทั้งโกรธและเสียใจ สำหรับครอบครัวอื่นการมีญาติพี่น้องคือความอุ่นใจ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอเลย
“คุณอยากจะแจ้งความไหมครับ ถ้าต้องการ ผมจะดำเนินการให้ทันที” ชายที่ธามิณีคิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ถาม
ธามิณีคิดหนักไม่ใช่เพราะเห็นใจเตวิน แต่เพราะเธอเห็นใจตัวเอง
“ไม่ค่ะ ฉันไม่แจ้งความ แต่ขอรบกวนคุณช่วยถ่ายรูปหลักฐานที่พี่เตลักพาตัวฉันไว้ได้ไหมคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ทุกอย่างจะต้องไปถึงตำรวจ”
ตอนนี้ธามิณีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ที่ไหนจึงต้องขอให้คนแปลกหน้าช่วยไปก่อน
“ธามอย่าทำแบบนี้สิ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรธามเลยนะ” เตวินแก้ตัวสีหน้าซีดเผือดทั้งที่อีกไม่กี่นาทีจะถึงปลายทางที่นัดกับเจ้าหนี้เอาไว้อยู่แล้วเชียว พอเห็นชายชุดดำถ่ายรูปและคลิปเป็นหลักฐานก็ชักกลัวขึ้นมาจริงๆ “พี่ไม่อยากติดคุกนะธาม”
“อย่ามาให้ธามให้เห็นหน้าอีก เจอหน้าก็ทำเหมือนไม่รู้จัก ธามจะคิดเสียว่าไม่มีญาติเลวๆ แบบพี่เตอีก”
ธามิณีคิดว่าตัวเองคงจะร้องไห้หากถูกทำร้ายจิตใจจากครอบครัวที่เธอคิดว่ามี แต่ไม่เลย เธอกลับรู้สึกเหมือนได้ก้าวออกมาจากบ้านที่คิดว่าหลบฝน หลบแดดได้ ตอนนี้เธออาจจะเปียกฝน ร้อนเพราะแดด แต่เธอไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องกังวลเพราะคำว่าเราเป็นญาติกันอีกแล้ว
“ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากนะคะที่มาช่วยฉันไว้” ธามิณีเอ่ยหลังจากเข้ามานั่งในรถพลางยกมือไหว้ “ใครคือคนที่ขอให้พวกพี่ๆ มาช่วยฉันหรือคะ”
“ท่านบอกว่าคุณขอให้มาช่วยครับ” ชาญเป็นคนตอบ
“แล้วท่านของคุณคือใครหรือคะ” ธามิณีถามไปแล้วก็ชักสงสัยเพราะเธอขอความช่วยเหลือจากพระเสาร์เพียงคนเดียว
“ท่านบอกว่าคุณจะรู้เองครับ”
ธามิณีคิดว่ารู้คำตอบแล้ว การที่เธอขอให้พระเสาร์ช่วยอยู่ในใจ เขาได้ยินใช่ไหม ถึงได้ส่งคนมาช่วย จากที่น้อยใจว่าเขาจะมาก็ต่อเมื่อเธอใกล้ตายหรือเลือดไหลรินเท่านั้น เขาไม่เคยทอดทิ้งให้เธอเผชิญกับอันตราย ว่าแต่การเป็นเทพกึ่งมนุษย์ต้องมีการ์ดหน้าเข้มๆ แบบนี้ด้วยหรือ แล้วทำไมเขาถึงไม่มาเอง ทำไมถึงส่งคนอื่นมาแทน เขาบาดเจ็บเหมือนคราวที่แล้วอีกหรือเปล่านะ
ให้หลังพอธามิณีจากไปพร้อมกับกลุ่มชายชุดดำไม่นานนัก คนอีกกลุ่มกำลังขับรถไล่ล่าเตวินเพราะเขาผิดนัด เกิดการขับรถปาดหน้ากันชุลมุน เพียงครู่เดียวเตวินก็ถูกกระชากลงมาจากรถของตัวเอง แล้วถูกพาไปยังรถอีกคัน มีเสียงร้องขอความช่วย แต่จะมีประโยชน์อะไรหากครู่เดียวเสียงนั้นก็หายเงียบไปเพราะถูกชกด้วยหมัดหนักๆ ไม่กี่ทีก็สลบ
ร่างหนึ่งในเงาจางๆ มองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยิ้มหยัน แม้ธามิณีไม่เอาเรื่อง แต่กิเลสของมนุษย์ได้ตามจองเวรเตวินแทนเธอไปเรียบร้อยแล้ว ศนิถอนใจอย่างเบื่อหน่ายในความเลวทรามของมนุษย์บางคน ก่อนจะหลับตาลง พอเปิดเปลือกตาเขาก็กลับมายืนอยู่กลางบ้านในประเทศไทย ธำรงค์น่าจะกำลังรอรายงานเรื่องที่เขาสั่งไป
ธำรงค์เพิ่งวางสายจากคนของเขาที่ต้องมีเพื่อปกป้องคนในครอบครัว และท่านที่ถูกนักข่าวแอบตามในบางครั้ง แต่ในคราวนี้ช่างแปลกไปเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่านสั่งให้เขาส่งคนไปช่วยธามิณี ทั้งที่การทำแบบนี้ในวันข้างหน้า ธามิณีอาจสืบจนรู้ในที่สุดว่าพระเสาร์มีตัวตนมนุษย์ด้วยชื่อว่าอะไร เป็นใครในตอนนี้
พอพ่อบ้านที่พ่วงตำแหน่งประธานบริษัทเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นว่าท่านมานั่งอ่านหนังสือรออยู่ก่อนแล้ว เขาไม่มีเคยรู้ว่าท่านเดินทางไปไหนหรือทำอะไร หากท่านไม่บอกเขาเอง การทำงานตามหน้าที่ของตัวเองโดยได้รับเป็นความมั่นคงในชีวิต ไม่ลำบากขัดสน เป็นสิ่งตอบแทนที่ท่านมอบให้กับพ่อบ้านทุกคน แต่สิ่งที่เขามอบให้ท่านคือความซื่อสัตย์และห่วงใยจากใจจริง จากรุ่นสู่รุ่น
“หนูธามิณีถึงหอพักเรียบร้อยแล้วครับ” ธำรงค์รายงานพลางนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับพระเสาร์ “ทำไมท่านถึงส่งคนไปแทนที่จะจัดการด้วยตัวเองเหมือนทุกครั้งล่ะครับ”
“การเป็นความหวังเดียวของมนุษย์อาจเป็นข้อเสีย” การที่ธามิณีคิดว่าหากตัวเองตกอยู่ในอันตราย เขาจะมาช่วยทุกครั้งกลายเป็นเรื่องอันตราย หากมีครั้งไหนที่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ เธออาจพ้นจากอันตรายไปสู่การตายในที่สุด
“ธำรงค์เชื่อเรื่องชีวิตก่อนที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ไหม”
“เชื่อครับ” การได้รู้จักท่านทำให้เขาเชื่อในหลายๆ สิ่ง “คำถามนี้เกี่ยวกับการที่หนูธามิณีถูกวางยาหรือเปล่าครับ”
“ใช่ ธามถูกวางยา ยานั้นแรงมากจนทำให้หัวใจของธามเต้นช้าลง หากเป็นคนอื่น อาจตายไปแล้ว” ศนิได้ยินเสียงเรียกของธามิณี เพียงเพราะเธอรู้ชื่อของเขา แต่เขาสามารถเลือกได้ว่าจะไปตามเสียงเรียกหรือเปล่า ผลึกกาลทำอะไรได้มากกว่าที่คิดเมื่อมันไปอยู่ในร่างมนุษย์ แม้เขาจะเป็นเจ้าของผลึกกาล บางอย่างเขาเองก็เพิ่งพบเจอในชีวิตแสนนานนี้เหมือนกัน
“ทำไมท่านถึงสงสัยล่ะครับ”
“ผลึกกาลของผมที่อยู่ในตัวของธาม ทำให้ธามไม่ตาย แต่ธามอาจจะตายเพราะผลึกกาล ก่อนหน้านี้ผมสะกดพลังของมันไว้ แต่หลังจากที่ธามไม่รู้ตัวว่าได้ใช้พลังจากผลึกกาล การสะกดพลังจากผลึกกาลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมนัก แต่ธามกลับสะกดพลังนั้นไว้ได้โดยที่ไม่รู้ตัว ผลึกกาลยอมรับธาม”
ผลึกกาลจะยอมรับศนิซึ่งเป็นเจ้าของมาตั้งแต่กำเนิด แต่พระสูรยะกลับยึดผลึกไป แต่ได้เพียงครึ่งหนึ่ง เพื่อที่พอถึงเวลาที่การลงโทษจบลง พระสูรยะจะเป็นผู้คืนผลึกกาลอีกครึ่งให้กับเขา
แต่แล้วทำไมผลึกกาลอีกครึ่งถึงมาอยู่ที่ธามิณี พระสูรยะจงใจทำแบบนี้เพราะอะไร หรือมันอาจจะเป็นโชคชะตา แต่การที่ผลึกกาลยอมรับธามิณี มันเป็นเพราะเหตุผลใดกัน
“คำถามคือทำไมถึงเป็นอย่างนั้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ ผมสงสัยว่าในอดีตชาติ ธามเป็นใครมาก่อน เป็นคนที่ผมเคยรู้จักมาก่อนหรือไม่”
ผู้ใดก็ตามที่ผลึกกาลยอมรับย่อมมีสายสัมพันธ์ในทางใดทางหนึ่งกับเขามาก่อน แต่ศนิไม่เข้าใจ เขาเป็นเทพมาตั้งแต่กำเนิด ในยามที่ถูกลงโทษให้ลงมาเป็นเทพกึ่งมนุษย์ก็ไม่เคยผูกวาสนากับใคร มันช่างน่าสงสัยนัก
“หนูธามิณีก็คงไม่รู้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงใช้ผลึกกาลปกป้องตัวเองได้อย่างง่ายดาย” ธำรงค์คิดว่าการไปถามคงไม่ช่วยให้ท่านได้คำตอบ
“แต่ผมจะหาทางรู้ให้ได้ ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลหรอก”
ศนิคิดว่าคงต้องไปหาศัตรูผู้เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาถูกลงโทษมาจนถึงเวลานี้สักครั้ง อีกทั้งเขาจะได้ไปถามถึงความบกพร่องว่าเหตุใดมีเทพที่กลายเป็นความชั่วร้ายสิงสถิตอยู่ในโลกมนุษย์ โดยที่ไม่มีรายชื่อว่าต้องถูกพาตัวไปสอบสวน พระยมต้องรับรู้และรับผิดชอบ หากการละเลยต่อหน้าที่กำลังทำให้มนุษย์หลายคนตกอยู่ในอันตราย
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 208
แสดงความคิดเห็น