บทที่ 12 นักปราชญ์ปะทะราชัน 1
บทที่ 12 นักปราชญ์ปะทะราชัน 1
วินเสกลูกบอลไฟมาบนฝ่ามือ “ในมือพูดกันดีดีไม่ได้ ผมก็คงต้องใช้กำลังให้ท่านกลับไปยังที่ที่ท่านได้จากมา”
นักปราชญ์สาวเลิกคิ้ว “เจ้าทำแบบนี้คิดว่ามันดีแล้วอย่างนั้นหรอ หากพวกเราปะทะกันคงไม่มีแค่พวกเราที่จะได้รับผลกระทบ ทางข้านั้นไม่ค่อยมีปัญหาเพราะว่าคงไม่มีใครที่จะรู้จักตัวตนของข้า แต่ทว่าทางเจ้าคงมีปัญหานอกจากต้องเสียเวลาไปคุยกับสามอาณาจักรแล้ว ก็ต้องไปเสียเวลาคุยกับศาสนจักรที่คอยจับตาดูทางเจ้าไว้อยู่ เพียงตัวของเจ้างคงสามารถสยบโลกนี้ไว้ได้ แต่ว่าพักพวกของเจ้าทั้งสาวที่มีเชื้อสายของเทพกับเชื้อสายของปีศาจ สิ่งนี้นั้นสูญหายแต่ทว่าหากผู้คนในยุคนี้รู้เรื่องแล้ว ข้าเกรงว่าคงเป็นทางเจ้าที่ต้องกลับไปยังยุคของเจ้า”
“ข้อมูลของท่านนี้ช่างแน่นอน”
นักปราชญ์ยิ้มรับ “ไม่หรอก เจ้าคงคิดจะเป็นผู้คุมกฎของโลกนี้ โลกที่พลังสองในสามนั้นสูญหาย ทำให้เวทมนตร์นั้นไม่มีคุณภาพเท่ากับยุคของเจ้า”
วินสั่นศีรษะ “ไม่ใช่หรอก ท่านเข้าใจผิด ผมไม่ใชช่คนของยุคก่อน แต่ว่า” ชายหนุ่มเคลื่อนร่าง ขณะเดียวกันบอลไฟในมือพลันขยายขนาดใหญ่ก่อนที่จะถูกปาใส่ร่างของหญิงสาว
นักปราชญ์สะบัดมือพลังเวทไฟพลันสูญสลายหายไปกลับตา หญิงสาวเรียกคทาเวทมนตร์ขึ้นมากวัดแกว่งพลางร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว กำแพงขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของชายหนุ่มผมทอง วินสบัดมือที่มีเปลวไฟสีแดงฉา แสงเปลวไฟพร่างพรายเต็มฟ้า กำแพงกับเปลวเพลิงปะทะกัน แสงสีแดงกระจายไปรอบ ๆ สภาวะพลังแผ่ไปรอบ ๆ อาณาบริเวณ
“เจ้าใช้แค่พลังเวทยังแข็งแกร่งขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นศิษย์ของเจ้านั่น”
ชายหนุ่มยิ้ม “พูดเหมือนว่ารู้จักกับอาจารย์ของผมเป็นอย่างดี ไม่สิคนเป็นผู้ท่องเวลาคงได้เจอกับอาจารย์ของผมตอนเด็กสินะ”
หญิงสาวยิ้มรับ “ไม่รู้สินะ หากพวกเราพักรบข้าก็ยินดีที่จะตอบคำถาม แค่พวกเราปะทะกันเพลงสองเพลงผู้คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกถึงพลังอันมหาสารของพวกเราทั้งสอง”
ก่อนที่นักปราชญ์สาวจะกล่าวจบ เธอพลันรู้สึกถึงพลังทั้งสามสายที่เข้ามาใกล้ แม้ว่าพลังที่โผล่มานั้นจะไม่ได้มากมายเท่ากับชายหนุ่มตรงหน้า แต่หากพวกเขารวมกันโจมตี เธอคงต้องตกตายอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นแน่
จอมปราชญ์กัดฟัน “เจ้าทำแบบนี้นี่เอง มิหน้าละ ตอนที่เจอโจมตีเจ้าถึงไม่ลดพลังสภาวะ เจ้าต้องการส่งสัญญาณให้สหายของเจ้ามายังที่แห่งนี้ใช่หรือไม่”
วินยิ้ม “ฉลาดจริง ๆ ถ้าหากให้ตัวของผมต่อสู้กับท่านคงกินแรงเกินไป แต่ว่าหากให้คนมาช่วยต่อสู้ละก็ คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรมากมาย ผู้มานั้นฝีมือก็มิใช่ชั่ว”
“นับว่าข้าแพ้เจ้า แต่ทว่าครั้งต่อไปข้าจะไม่แพ้แน่นอน ผู้คุมกฎ”
ก่อนที่วินจะลดพลังเวทลง เขาพลันรู้สึกถึงจิตสังหารที่ปรากฏขึ้นทางด้านหลัง ชายหนุ่มสะบัดหมัดเข้าไปต้านรับ วินชำเลืองตามองผู้ที่มาใหม่ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลยิ้ม
“คนที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ภายในพริบตาคงมีแค่เจ้ากับข้าใช่ไหมสหายแห่งข้า”
วินยิ้มรับ “ไม่ได้เจอกันนาน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ รูปรักเช่นนี้คงได้แรงบันดาลใจมาจากชายคนนั้น แต่ว่ายังไงพลังก็ยังไม่ถึงขั้น แต่อีกนิดเดียวก็ใกล้แล้ว ว่าแต่การที่เจ้ามาที่แห่งนี้คิดจะมาร่วมมือกับผู้เดินทางข้ามมิติหรือไง”
“ใช่หรือไม่ คงมีแต่ตัวของข้าที่จะรู้ ส่วนตัวของเจ้าคงไม่จำเป็นที่ต้องรู้หรอก ความจริงข้ายังไม่คิดจะปะทะกับเจ้า แต่ว่าครั้งนี้ข้าคงไม่มีทางเลือก”ใบนี้
“คงเป็นเพราะว่าใกล้ถึงเวลานั้นแล้วสินะ เจ้าเลยจำต้องรีบเคลื่อนไหวถึงเพียงนี้ แต่ว่าข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่าต่อให้เจ้าจะพยายามเพียงใดก็ตาม”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงยังไม่ยอมให้ชายหนุ่มผมทองกล่าวให้จบ เขาตวัดดาบเข้าจู่โจมในทันที ใบดาบของชายหนุ่มปะทะเข้ากับหมัดอันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่นไปรอบ ๆ บริเวณ แม้ว่า ณ ที่แห่งนี้จะเป็นท้องนภาอันกว้างใหญ่ แล้วคงมีผู้คนจำนวญน้อยในโลกที่จะสามารถรับรู้ว่าการต่อสู้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งใด ทว่าพลังสภาวะระดับราชาก็มิใช่ชั่ว มันแตกต่างกับพลังของนักเวทที่มีดาษดื่นในโลก
การต่อสู้ครั้งนี้จึงทำให้ผู้คนนั้นต้องตนกตกใจ ไม่เว้นแม้แต่พวกของเนกิและไบรท์
“แอนนารีบกลางเวอาณาเขตปกป้องบ้านของเราเอไว้เร็วเข้า เดี๋ยวมายด์ได้รับผลกระทบเด็กคนนั้นมีร่างกายที่ไม่เหือนกับคนทั่วไป อาจจะทนไม่ไหว” โยดากล่าวอย่างเคร่งเครียด
“รู้แล้วตอนนี้กำลังทำอยู่ เดี๋ยวข้าจะต้องกลับไปข้างในบ้านเพื่อไปดูพวกเด็ก ๆ ว่าตอนนี้มีใครรู้ตัวหรือไม่”
“ตอนนี้พวกฝ่ายความมั่นคงคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้วล่ะ” สุริยะกล่าว พลางทอดสายตาไปยังท้องฟ้าที่ค่อย ๆ คืนกลับดังเดิม
“คนที่จะทำได้ขนาดนี้คงมีเพียงแค่ชายผู้นั้นกับเจ้านั่นเท่านั้น”
“ใช่” โยดาเห็นพ้อง
“ถ้าเป็นแบบนี้เมฆาคงเริ่มเคลื่อนไหวแน่นอน เจ้านั่นคงรีบตรงไปที่แห่งนั้นในทันทีเลยทีเดียว” โยดากล่าวเบา ๆ
เรื่องที่พ่อของไบรท์ยังมีชีวิตอยู่นั้นชายชราไม่อยากให้ไบรท์รับรู้เรื่องนี้
“หนูว่าถ้าเป็นแบบนี้ทางสามอาณจักรคงไม่อยู่เฉยแน่ แบบนี้อาจารย์สุริยะคงไม่ได้หยุดแล้วละวันพรุ่งนี้”
“ใช่ คงต้องไปโรงเรียนเวทมนตร์ตั้งแต่เช้าเลยละ คิดแล้วก็ปวดหัวขึ้นมาเลย
รูรุมองท้องฟ้าที่เกิดรอยแยกแต่เพียงไม่นานมันกลับคืนเป็นดังเดิม เขายิ้มน้อย ๆ กับภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏ ดั่งคำทำนายที่เคยได้ยินจากอาจารย์ของตนเอง
“พรุ่งนี้ไปหาไบรท์ดีกว่า” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะล้มตัวลงนอน สำหรับรูรุวันนี้เป็นวันที่หนักหนาเสียจริง
เนกิกับนากินั้นไม่คิดจะสนใจท้องฟ้าที่แปลไป พวกเขายังนอนอยู่บนที่นอนดุจเดิมราวกับว่าไม่คิดจะสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากไอยรามาเห็นท่าทางของลูกศิษย์ทั้งสองหล่อนต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน
ไบรท์คิดจะออกไปข้างนอกเพื่อดูท้องฟ้า ทว่าก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนร่างตามติดสายตาของไบรท์พลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่วางไว้ที่โต๊ะ เขาช่างใจมองมันอยู่เพียงนิดก่อนที่จะละสายตาแล้วตัดสินใจจะหาแก้วมาลองลิ้มชิมรสสุราที่ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ชอบกันหนักหนา ทว่าพอได้กลิ่นมันเข้าจมูก ไบรท์ก็เบ้หน้าเขาเตียมตัวทะยานร่างตามไปด้านนอก ทว่าประตูพลันถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับพี่สาวของไบรท์ที่เดินเข้ามา
“ไปนอนได้แล้ว”
“มันเกิดอะไรขึ้นหรอพี่”
“เรื่องนั้นแกยังไม่จำเป็นต้องรู้วันนี้ แต่ว่าพรุ่งนี้พี่จะเล่าให้ฟัง” สิ้นคำกล่าวไอก็ไม่สนใจน้องชายของตนเองอีก
ไบรท์ไม่คิดจะนอนในตอนนี้ สำหรับเด็กหนุ่ม ณ ตอนนี้ เขารู้สึกว่าไม่มีอาการง่วง ทำให้ไบรท์เตียมตัวที่จะเดินออกไปด้านนอก เพียงไม่นานเด็กหนุ่มพลันอยู่หน้าระตู ก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูพลันเกิดบางสิ่งขึ้นกับประตูที่เขาได้สัมผัส
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 177
แสดงความคิดเห็น