อยากเจอ
อยากเจอ
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผู้คนต้องแข่งขัน ชีวิตในเมืองใหญ่นั้นมันช่างแสนยากลำบากเสียจริง ผมเดินทางกลับมาจากการเรียนที่แสนหนักหน่วงโดยที่ไม่รู้เลยว่าชีวิตเราต้องการที่จะทำอะไรกันหากกล่าวให้ถูกคงเป็นชีวิตของผมเสียมากกว่าที่ไม่เคยรู้เลยว่าต้องการที่จะทำสิ่งใด มีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ร้านค้าที่เคยคุ้นตั้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านที่คุ้นเคย เมื่อไปรับประธานอาหารกับร้านข้าวผมจะได้เห็นความยากลำบากของป้าคนนั้นเสมอ หากถามว่าทำไมนั่นหรอก็เพราะว่าลูกของป้าคนนั้นเขาไม่เคยช่วยงานอะไรแม่ของเขาเลย นายคนนี้ชื่อว่านายเจม เขาเป็นเด็กที่เรียนอยู่ในระดับชั้นเดียวกับผม หมอนี้เขามีความฝันอันยิ่งใหญ่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นชีวิตประจำวันของหมอนี่นั้นคือการทดลอง หมอนี่ใช้เงินหมดไปกับการเรียนพิเศษมากมายหลายอย่างจนตัวของผมเอ่งนั้นก็ไม่อาจจะคำนวญได้ ซึ่งมันช่างแตกต่างกับตัวของผมที่มีชีวิตอยู่ไปวันวันเสียจริง
ผมสั่งอาหารเย็นซึ่งก็คือข้าวสิ้นคิดทั่วไป ก่อนที่จะย่างกลับไปยังบ้านที่แสนเคยคุ้น บ้างหลังงามที่ไม่เคยมีผู้ใดอยู่เลย ในยุคสมัยที่การเรียนคือการแข่งขัน ทุกคนนั้นต้องการเพียงชัยที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่ชีวิตของคนธรรมดาจะสามารถอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุขสงบ
ยุคนี้งานในโรงงานนั้นไม่มีคนเข้าไปทำแล้วผู้คนมีสิ่งที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่ามนุษย์ที่เรื่องมาก สิ่งนั้นก็คือหุ่นยนต์ที่สามารถทำได้มันทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่การคำนวญไปจนถึงการวาดภาพ ทุกคนในยุคสมัยนี้กำลังทำอะไรกันบ้างก็ไม่มีใครรู้
ผมคำนึงเพียงไม่นานก็ถึงบ้านหลังเดิม เครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่นั้นมันไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยล้า มันยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่ต่อไปเหมือนกับตัวของผมที่ยังคงต้องอ่านหนังสือเหมือนทุกที อ่านมันเข้าไปเพื่อแข่งขันกับผู้ใดที่ไม่เคยรู้จัก เพื่อตอบสนองกับความวาดหวังของผู้ที่ให้ชีวิต เสียงของท่านทั้งสองยังคงดังอยู่ในหัวว่าผมต้องพยายามต้องได้งานดีดี ต้องเป็นที่นับหน้าถือตา ไม่ต้องเป็นชาวนาเหมือนพวกท่าน ไม่ต้องทำงานในโรงงาน
กาแฟที่อุ่นยังวางอยู่บนโต๊ะตัวนั้น โต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับมันใช้ชีวิตกับมันอยู่ ราวกับว่ามันคือสิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนคู่กาย รถยนต์ที่วิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยผู้คนแข่งขันเพื่อสิ่งใด ระบบนี้ใครเป็นคนกำหนดมนุษย์หรือไรเล่าที่สรรค์สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
ผมมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่อ่านเรื่องราวหลากหลายที่มีผู้คนต่างบรรจงสรรค์สร้างทั้งความเท็จความจริงใครหรือจะรับรู้ได้ จักรวาลนฤมิตอันงามงดกว่าสิ่งใดเมื่อเฝ้ามองไปก็มีคนสำเร็จดังใจหมาย คนสมหวังอยู่มากมาย ส่วนสูญสลายหายไปบ่อมิมี พวกเขาช่างมีแต่ความสำเร็จ ความฝันเสร็จสมหวังช่างสุขขี พอมองดูตัวเรานั้นไม่มี โถ้ช่างดูดีไปหมดสำเร็จเอย
รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผันผ่านไปจนดึกสงัด จันทราไม่ได้ทอดแสงมันมีแสงของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เมืองเมืองนี้มันเป็นเมืองของใครกัน ใช่เมืองของหุ่นผีหรือคนที่อาศัยกันแน่
เสียงประตูทำให้ผมละสายตาออกจากจักรวาลนฤมิตที่เคยคุ้นก่อนที่จะรีบกดเปิดอ่านหนังสือที่ถูกกำหนดมาให้ ชีวิตนี้คงได้สุขอีกไม่ไกล เมื่อนำพาความสำเร็จมาได้ เป็นสิ่งที่ผมเฝ้าคิดถึง แล้วคำนึงอยู่ทุกวั้น แต่ทว่าผมก็ไม่รู้เลยว่าความสำเร็จนั้นมันคือสิ่งใดกัน ผมไม่คิดสนใจเสียงของเครื่องมือสื่สารที่ดังไม่ขาดสาย ใครจะรู้แต่ผมรู้ว่าพ่อแม่ของผมต้องทำงานเหนื่อยมากแค่ไหน ผมเคยอ่านสมุดบันทึกของทันทั้งสองซึ่งมันมีข้อความดังนี้
”มันอาจจะเรียกว่าความอิจฉาริษยาหรืออย่างไรตัวของผมเองนั้นมิอาจจะรับรู้ความรูสึกของตนเองในตอนนี้ ในชนบทเมืองอันห่างไกลจากความจะเรินอันรุ่งเรืองของเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ ตัวของผมเป็นเด็กที่มีอายุอนามประมาณสิบห้าปี หากจะกล่าวก็คงอยู่ในระหว่างวัยที่เรียกว่าหัวเลี้ยวหัวต่อ ผู้ใหญ่แถวบ้านเคยกล่าวไว้เสมอว่าหากพยายามก็ต้องสำเร็จหากมีความฝันแล้วพยายามมากพอความฝันนั้นจะสามารถเป็นความจริงได้ ในยุคที่โลกนี้เชื่อมถึงกันหมดนั้นคนที่เกิดมาล้วนแล้วแต่ต้องตามหาความฝัน ทว่ามันกลับไม่ใช่ผมที่เป็นเด็ ๆ คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตธรรมดาไปวัน ๆ
เสียงของรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมามันคงเป็นเสียงที่ผู้คนในเมืองใหญ่ได้ยินจนชินชา ทว่ามันกลับต่างจากผมที่อยู่ในบ้านนอกคอกนา ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีอินเตอร์เน็ตให้ดูค่าเวลา มันกับไม่ค่อยคุ้นตากับคนที่เกิดมายากแค้นแสนขัดสน ต้องอับจนหาเงินเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกเวลา
หากเทียบกับผมแล้วชีวิตของพ่อกับแม่นั้นช่างยากลำบาก พวกท่านเป็นชาวนาแล้วได้มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ เมื่อมีลูกเกิดมาพวกท่านก็ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เพื่อส่งเสียลูกโง่ ๆ ให้ได้เรียนโรงเรียนดีดี
ระบบนี้ช่างโหดร้ายนัก ผู้ที่มีทุนทรัพย่อมได้โอกาสดีกว่าเสมอ เครื่องคอมตัวเดิมยังคงทำงานอยู่ต่อไป มันไม่เคยรู้ถึงความทุกข์ใจของคนที่นั่งอยู่เลย
เม็ดยาบางอย่างตั่งอยู่ไม่ห่างไปนัก ผมตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาแล้วนำใส่ปาก พลางปล่อยเวลาให้ไหลไป ความเดียวดายนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยคุ้น ทว่ามันกลับเป็นเรื่องจริงของผมที่ต้องอยู่เพียงลำพัง
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่สามารถทราบได้ ผมมองนาฬิกากลับผนังห้องก่อนที่จะตัดสินใจฟุบหน้าไปกับคอมพิวเตอร์ตัวโปรดในใจเฝ้ารอทั้งสองท่านให้กลับมา หากท่านทั้งสองไม่ได้กลับมาผมก็จะไม่คิดจะเข้านอน ณ บ้านหลังนี้ที่มีผมอยู่เพียงลำพัง หนังตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ หากเป็นไปได้ก็คงไม่อยากที่จะลืมตาตื่นอีก มันจะทำได้ไหมไม่มีใครที่จะรู้
เวลาผ่านไปนานเท่าไรกันหนอ ผมสะดุ้งตัวตื่นอีกครั้งเมื่อพบว่ามีคนมาเคาะประตู ผมรีบทะยานร่างไปเปิดแล้วเห็นใบหน้าทั้งสองที่แสนคุ้นเคย อ้อมกอดที่ได้รับนั้นช่างอบอุ่น หากเห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของทั้งสองแล้วทำให้ผมรู้สึกยิ้นดี ผมมองหหน้าผู้ให้กำเนิดพ่อที่ต้องอดทนกับลูกที่แสนโง่เง่า แม่ที่ต้องอดกั้นแล้วต้องเลี้ยงดูลูกที่แสนดื้นด้าน ผมมองหน่ทั้งสองก่อนที่จะพยายามจดจำมันให้อยู่ในจิตใจ ผมรู้ดีว่านี่คือความฝั่นความฝันที่ผมอยากให้มันเป็นความจริงมากที่สุด ผมก็แค่อยากเจออีกครั้ง ทว่าพอลืมตาตื่นสิ่งนี้จะหายไปตลอดการ ใช่แล้วมันไม่มีทางได้เจออีกแล้ว สิ่งนี้จะอยู่ได้แต่เพียงความคิดและจินตนาการ
- 👁️ ยอดวิว 753
แสดงความคิดเห็น