บทที่ 15 เจรจา 1/2
บทที่ 15 เจรจา 1/2
พวกชาวบ้านต่างสาปแช่งและมองไปยังเด็กทั้ง 3 ด้วยความโกรธแค้น บ้างยกก้อนหินขึ้นมาปา บ้างเตรียมตัวนำไม้ขึ้นมาฟาด หากพวกเขายังมีพลังเหลืออยู่การขัดขืนก็คงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในตอนนี้ร่างกายของเด็กทั้ง 3 ล้วนปราศจากพลังทำให้ไม่สามารถต่อต้าน
เด็กหญิงผมเขียวที่ดูท่าทางที่จะมีสติปัญญาที่สูงที่สุดมองไปยังพวกชาวบ้านอย่างพินิจพิเคราะห์ สำหรับเธอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก เด็กสาวเคยอ่านงานเกี่ยวกับการปฏิวัติมากมายของโลกเก่า ทั้งการปฏิวัติในสมัยอดีตกาลของทั้งรัสเซียประเทศฝรั่งเศสประเทศญี่ปุ่นหรือแม้ว่าจะเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ในโลก รวมไปถึงประเทศอเมริกา สิ่งที่ทำให้เธอตระหนักรู้ได้ทันทีหลังจากการอ่านงานของโลกเก่านั่นก็คือ สาเหตุของการปฏิวัติเกิดจากประชาชนมีความอดอยากแรงแค้น พวกเขาไม่มีอาหารที่จะมาประทังชีวิต การอยู่ไปวันๆก็ไม่ต่างจากตาย
สมัยพระเจ้าองค์สุดท้ายของประเทศฝรั่งเศสก่อนที่จะปฏิวัติพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 หรือพระนามเต็มเจ้าชายหลุยส์ โฌแซ็ฟ ซาวีแยร์ ฟร็องซัว ก่อนที่พระองค์จะถูกประหารในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1793 สาเหตุหลักๆก็คือฐานันดรทั้ง 3
ถึงหญิงสาวจะจำไม่ค่อยได้มากนักว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่สิ่งที่เธอหนักได้ก็คือหากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเท่าเทียม แถมยังอดอยากปากแห้ง พวกเขาก็พร้อมที่จะปฏิวัติ แม้ว่าพลังและอำนาจจะมีไม่เท่ากับพวกขุนนาง
หญิงสาวมองไปยังเด็กๆที่มีเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ร่างกายที่ผอมหนังหุ้มกระดูก สภาพร่างกายของประชาชนเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวที่มีความใกล้ชิด ไม่สิกล่าวให้ถูกเธอคือหนึ่งในราชวงศ์ของทวีปมืด เธอก็หนักได้ทันทีว่าสภาพของประชาชนที่เธอเห็นคือสภาพของคนที่อดอยากและไม่มีอาหารตกถึงท้อง
“ทำไมแกต้องมาเผาป่าของพวกเราด้วย บอกฉันมาแกเป็นคนของเจ้าจักรพรรดินั่นใช่ไหม พวกมันจะทำมากเกินไปแล้วใครเป็นคนใช้เวทย์ไฟ”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว ก่อนที่เขาจะยกหินแล้วปลาเฉียดหัวของหญิงสาวไป ถึงแม้ว่าพวกเธอต้องการที่จะกล่าว สถานการณ์แบบนี้หากพูดอะไรที่ผิดพลาดออกไปชีวิตของพวกเธอคงจะจบยังไม่สวย
หญิงสาวพบว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนๆของเธอทั้งสองคนคือชายผมฟ้าและเด็กสาวผมน้ำตาลจะเริ่มมีสติครบสมบูรณ์แล้ว การโจมตีของชาวบ้านส่วนใหญ่เล็งมาที่เธอแต่ว่าไม่ค่อยโจมตีไปยังคนทั้งสอง หากเป็นไปตามที่หญิงสาวสันนิษฐานก็คงเนื่องจากว่าเธอมีอายุอานามที่โตมากที่สุดในกลุ่ม
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหงุดหงิดสักแค่ไหน หรือว่าจะเจ็บปวดสักปานใดหญิงสาวก็ต้องข่มมันอยู่ในใจไม่ให้พวกชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้นได้เห็น การเจรจาที่ผิดพลาดหรือการพูดสิ่งที่ทำให้พวกชาวบ้านเหล่านี้โกรธจะทำให้ชีวิตของพวกเธอนั้นสั้น เหมือนในประวัติศาสตร์ ที่ราชินีหลายๆประเทศล้วนต้องเกือบตาย ถึงแม้ว่าจะถามว่าต้องการเอาเค้กไปกินแทนอาหารเช้าหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องแบบนั้นมันคงอยู่แต่ในจินตนาการ ที่ไม่อาจเปิดเผยให้สาธารณะได้รับรู้
“พวกเราไม่ใช่คนของจักรพรรดิ พวกเราถูกใส่ร้าย พวกเราถูกใส่ร้าย ใครก็ได้ช่วยพวกเราที”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวเหลือบตาไปมอง ชายหนุ่มร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เล็บมือเล็บเท้าที่ถูกถอนออกฟันที่หลุดออกจากปาก เลือดที่ไหลไม่หยุดทำให้เธอ รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าคงจะโดนทรมานมาแสนสาหัส แล้วหักเธอคะเนไม่ผิด หากเธอยังปล่อยให้สถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้คือไม่สิพรรคพวกของเธอก็คงจะต้องตกตายแบบนี้เช่นเดียวกัน
“หุบปากไปซะ” ชายที่ดูท่าทางเป็นหัวหน้ากล่าวก่อนที่จะยกไม้ตะพดไปฟาดใส่ชายหนุ่มที่ถูกมัดอย่างแรง
“บ้าเอ้ย สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเลย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้พวกเรานี่แหละที่จะเป็นรายต่อไป คิดสิ คิดสิ คิดสิวะคาเสะมินาโตะ”
หญิงสาวคิดไปถึงหนังสือหลากหลายเล่มที่เธอเคยอ่าน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเสียใจว่าตอนที่บิดาและมารดาสอนให้เรียนเรื่องการเมืองการปกครองและการเจรจา หญิงสาวจะไม่ค่อยใส่ใจมากนัก แต่วันนี้ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เธอไม่ใส่ใจมันได้มาทำร้ายเธอเอง
หากวันนั้นหญิงสาวไม่ประมาทพยายามเรียนรู้เรื่องต่างๆที่บิดามารดาสั่งสอน วันนี้หญิงสาวก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
หลังจากเสียงการทำร้ายร่างกายได้หยุดลง ชายคนนั้นก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว เมื่อเห็นดังนั้นหญิงสาวก็ปลงกับอนิจจัง เธอหลับตาก่อนที่จะได้ยินเสียงดังขึ้น
“รากร่างของมันไปเอาเนื้อมันไปต้มกิน อย่างน้อยพวกเราจะได้มีชีวิตรอดไปได้อีกวันนึง”
เสียงที่ได้ยินทำให้หญิงสาวเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว ไม่ต่างกับ 2 คนที่เธอเพิ่งรู้จัก
รูรุมองการกระทำของพวกชาวบ้านอย่างตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขาค่อยๆนำร่างที่อาจจะปราศจากวิญญาณลงมาแล้วลากไปโดยไร้ซึ่งความปราณี การกระทำดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว เขาคิดว่าตอนนี้เขาได้มาอยู่ในที่แห่งใดกันแน่ ทำไมที่นี่มันมีแต่ความป่าเถื่อนโหดร้าย พวกชาวบ้านบ้างยิ้มบ้างปรบมือโห่ร้อง พวกเขาลากร่างของชายหนุ่มไป
รอยเลือดหยดเป็นทางยาว สภาพร่างกายเป็นแบบนั้นทำให้เขาพบว่าชายหนุ่มที่ถูกลากไปนั้นอาจจะสิ้นชีวิต
“พวก เธอ จะ ทำ อะ ไร กับ เขา” ยิงสาวผมน้ำตาลกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
อาสึนะมองไปยังการกระทำของพวกชาวบ้านอย่างโกรธแค้น ท่าทางของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มที่ดูท่าทางเป็นหัวหน้าหยิบไม้ขึ้นมาและฟาดลงไปยังหน้าของเธอ เลือดสีแดงหยดลงพื้นดิน แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ไม่คิดจะหยุดมือ ไม้ตะพดที่ฝังตะปูขีดข่วนหน้าของหญิงสาวเป็นทางยาว ถึงแม้ว่ารอยแผลจะไม่ลึกมากนัก แต่สำหรับเด็กสาวมันก็เป็นรอยแผลที่สาหัสสากรรจ์ หากถามว่าทำไมนั่นก็เพราะว่ารอยแผลนี้อาจจะทำให้เธอเสียโฉมไปตลอดชีวิต
“เป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้ามองฉันแบบนั้นอย่างนั้นหรอ กล้าส่งสายตาแบบนั้นมาหาฉันอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มตะโกนก่อนที่จะใช้ไม้ฟาดลงไปอีก ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรมากกว่านี้ เด็กหญิงผมเขียวก็ตะโกนขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้ชั่ว แกกำลังทำอะไรยายเด็กนั่น พวกเราไม่ได้ทำอะไรให้พวกแกเลยสักนิด ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปฉันจะไม่ออมมืออย่างเด็ดขาด”
ชายหนุ่มละสายตาออกจากเด็กผมสีน้ำตาล ก่อนที่เขาจะย่างสามขุมเข้ามายังเด็กหญิงผมเขียว สำหรับเขาที่เกิดมาตั้งแต่เด็กพลังและอำนาจถึงแม้ว่าจะไม่เทียบเท่าจักรพรรดิ พลังเวทย์มนต์ก็ไม่มีเพราะถูกจักรพรรดิและพวกคุณนางแย่งชิงไป แต่สำหรับเขาที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านไม่เคยมีใครกล้าขึ้นเสียง เขาสั่งหันซ้ายทุกคนก็หันซ้ายเขาสั่งหันขวาทุกคนก็ต้องหันขวา แล้วเด็กคนนี้เป็นใคร
เจ้าพวกนี้ถ้าสำรวจดูดีๆแล้วก็ยังเป็นเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม การจะฆ่าพวกมันนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเจ้าพวกนี้ที่ปราศจากพลังเวทย์ ก็เหมือนกับเด็กธรรมดาธรรมดาในหมู่บ้าน
ชายหนุ่มเดินไปแล้วจับหน้าของคาเสะ เขามองไปยังตาที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวก่อนที่จะนำมือไปจิกผมคงหญิงสาว
“แกกล้าออกคำสั่งกับฉันอย่างนั้นหรอไอ้เด็กเวร” ชายหนุ่มยกไม้ก่อนที่จะฟาดลงไปยังหัวของหญิงสาว
ความแรงของการจู่โจมในครั้งนี้ทำให้หญิงสาวหมดสติไปในทันที เลือดไหลออกมาจากศีรษะ การกระทำดังกล่าวทำให้เขารู้สึกสะใจอย่างประหลาด ชายหนุ่มเตรียมตัวที่จะฟาดไม้ตะพดที่มีตะปูอันแหลมคมเพื่อให้เลือดได้ไหลออกมาอีก แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ เสียงห้ามปรามของเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้านก็ดังขึ้น
“ท่านหัวหน้าได้โปรดหยุดก่อน”
ชายที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านหันหลังกลับไปมองเด็กสาวที่กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“จะมาห้ามข้าทำไม พวกนี้มันเผาป่าของพวกเรา มีคนเห็นและมีคนมารายงานไม่ใช่หรือไง แล้วอีกอย่างมันต้องเป็นฝีมือเจ้าจักรพรรดินั่นแน่ พวกเราไม่ต้องปราณี พวกเราจฆ่ามัน หลังจากที่พวกมันตายพวกเราก็จะนำมันไปกินเป็นอาหาร”
หญิงชาวบ้านเห็นหัวหน้าของตนกล่าวดังนั้นก็ยิ้มออกมา “ท่านคิดแบบนั้นจะดีแล้วอย่างนั้นเหรอ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
หญิงสาวเดินเข้ามาก่อนที่จะโน้มตัวกล่าวบางสิ่งบางอย่าง หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปิติ เพียงไม่นานเขาก็ละสายตออกจากนักโทษทั้ง 3 หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินจากไป
พ่อใช้หนุ่มที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้จากไป เด็กหนุ่มผมสีฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที
รูรุมองหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ตนเองอาจจะเหลืออยู่ แต่เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาไม่มีอะไรที่เป็นของตนเองอยู่เลยแม้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะมองฟ้าอย่างปลงกับชะตากรรม เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ชายหนุ่มก็คงไม่สามารถหนีไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่แน่พวกเขาทั้งสามอาจจะต้องมาตกตายในมิติแห่งนี้ก็เป็นได้
หญิงสาวในที่ห่างไกลมองท่าทางสิ้นหวังของชายหนุ่มผมฟ้าก่อนที่จะยิ้มออกมา เทยรูปผมสีแดงของตนเอง ก่อนที่จะนึกในใจ
‘เมื่อความเจ็บปวดสูงสุดของชีวิตได้มาถึง เมื่อชะตากรรมเมื่อเหตุการณ์รวมไปถึงทุกๆอย่างทุกๆสิ่งได้บรรจบกันอีกครั้ง นายก็จะสามารถใช้ระบบนั้นได้อีก เมื่อนายสามารถใช้เจ้าสิ่งนั้นได้โลกใบนี้ไม่สิจักรวาลนี้ก็จะอยู่ในมือของนาย เพราะว่าเจ้าสิ่งนั้นได้รวบรวมความรู้และปัญญาของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไว้ ถึงวันนั้นพวกเราจะได้มาเจอกันอีกครั้ง ถ้าวันนั้นพวกเราได้มาเจอกันอีกฉันก็หวังว่าพวกเราคงจะได้’
เธอละสายตาก่อนที่จะทอดถอนใจกับชะตากรรมของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะเดินจากไปไม่คิดจะเหลียวหลัง สำหรับเธอหญิงสาวทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาในตาดุจทับทิมบิดขี้เกียจ ก่อนที่จะพึมพำกับตนเอง “ถ้าแค่นี้แกยังไม่สามารถข้ามผ่านมาได้ก็ถือว่าข้าประเมินแกไว้สูงเกินไปจริง ๆ หวังว่าลูกของเธอคงจะไม่อ่อนแอและตกตายได้อย่างง่ายดาย ถึงยังไงก็คงไม่ต้องถึงมือของข้า’
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 265
แสดงความคิดเห็น