บทที่ 14 ตามหา

มนตราสะท้านโลกา
คุณกำลังอ่าน: มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 14 ตามหา

 

บทที่ 14 ตามหา ½

สัตว์อสูรร้ายทอดล่างโดยปราศจากวิญญาณ เบื้องหลังมีบุรุษหนุ่มผมสีฟ้ากำลังถือปืนเพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ เมื่อเขาพบว่าสัตว์อสูรตรงหน้าได้ตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงลดปืนในมือลงก่อนที่จะทอดถอนใจออกมา 

“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อาสึนะมองชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างสงสัย 

“ฉันไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่ไบรท์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรอ” คำถามสุดท้ายชายหนุ่มหันไปมองยังหญิงสาวที่ชื่อว่าคาเสะ

คาเสะส่ายหน้าปฏิเสธเธอตัดสินใจถามกลับ “หมอนั่นเจอกับนายก่อนอย่างนั้นหรอ ก่อนที่จะมาเจอกับอาสึนะ”

“น่าจะใช่ แสดงว่าหลังจากที่หมอนั่นแยกทางกับฉันไปก็ไปเจอกับเธอสินะ” รูรุหันมาถามอาสึนะ 

“ใช่แล้ว แสดงว่าตอนนี้พวกเราก็รวมตัวกันครบ 3 คนแล้ว แต่ว่าปัญหาใหม่ได้เกิดขึ้นแล้วล่ะเพราะว่าหมอนั่นถูกนกยักษ์ลักพาตัวไป สัตว์อสูรตัวนั้นอาจจะเอาหมอนั่นไปเป็นอาหารก็ได้อย่างดีที่สุด แต่ว่าจากที่ฉันคาดการณ์ไว้น่าจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะว่าผีดิบที่โจมตีฉันประกอบกับสัตว์อสูรนกยักษ์ที่ลักพาตัวไบรท์ไป ทุกเหตุการณ์มันประจวบเหมาะเกินไป”

ทั้งสองคนพยักหน้ารับกับคำกล่าวของหญิงสาว พวกเขาค่อยๆเดินจากป่าที่โดนไฟเผาผลาญ ถึง 3 คนเดินอย่างไร้จุดหมายในขณะที่เดินพวกเขาก็เริ่มปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง 

“ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าไบรท์ไปอยู่ที่ไหน” รูรุกล่าว 

2 สาวพยักหน้ารับ 

“แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถไปตามหาไบรท์ได้ นั่นก็เพราะว่าพวกเราต้องฟื้นฟูร่างกายซะก่อน” อาสึนะกล่าว เด็กสาวผมน้ำตาลเช็ดผมของเธอที่เริ่มเปียกปอน เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยน้ำฝนทำให้หญิงสาวรู้สึกหนาวสั่น หากปล่อยไว้อย่างนี้เพียงไม่นานเด็กสาวรู้ดีว่าเธอคงจะเป็นไข้ไม่สบายเป็นแน่ 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอคิดหนักหากร่างกายและจิตใจไม่พร้อมเธอก็คงไม่สามารถช่วยไบรท์ได้อย่างแน่นอน สามหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวนี่เป็นคำกล่าวของใครก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่พวกของเธอสามารถทำได้ก็คือหาที่พักเพื่อพักผ่อนร่างกาย 

“แล้วนี่รู้หรือเปล่าว่านกยักษ์ที่เธอว่ามันบินไปทางไหน” รูรุถาม ในขณะที่เข้าก็มองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่พัก

อาสึนะส่ายหัวปฏิเสธ “เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ฉันคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี เราไม่สามารถตามหาหมอนั่นได้ถ้าพวกเราไม่มีเบาะแสอะไรเลย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะสามารถสัมผัสพลังเวทย์ของคนที่ฉันเคยทำพันธสัญญาได้ และยังมีวิธีรู้ตำแหน่งของคนที่เคยทำพันธสัญญาได้อีกด้วย ดังนั้นเรื่องที่เราจะไปช่วยไบรท์มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรถ้าหมอนั่นยังมีพลังเวทย์อยู่” คาเสะชี้แจง

“แล้วจากที่ฉันคาดการณ์ถ้าหมอนั่นยังพักผ่อนอยู่แบบนี้น่าจะมีพลังเวทย์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึงพลังเวทย์ของพวกมนุษย์จะเพิ่มช้าก็ตามที”

พวกหญิงสาวทั้งสองและหนึ่งชายหนุ่มรีบเล่นเดินตามหาที่พักแต่พวกเขาก็ไม่พบ พวกเขาทั้งสามคนจึงตัดสินใจนอนยังต้นไม้โดยการผลัดกันเฝ้ายาม เพียงไม่นานพวกเขาก็หลับลงโดยที่ไม่มีใครที่จะสามารถอยู่ยืนยามได้ การกระทำของพวกเขาอยู่ในสายตาของชายผู้หนึ่ง  

ทั้งสามคนไม่รู้เลยว่าเพียงไม่นานพวกเขาก็ต้องตื่นมารับมือคู่ต่อสู้ใหม่ที่กำลังจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หากพวกเขาทั้งสามเลือกได้พวกเขาทั้งสามคงจะไม่คิดที่จะพักในที่ที่ไม่รู้จักเป็นแน่ 

แสงดวงอาทิตย์แยงตาทั้ง 3 ทำให้ทั้งสามคนตื่นขึ้นจากห้วงนิทราอีกครั้ง ฟ้าที่แจ้งดวงอาทิตย์ที่อยู่บนศีรษะทำให้ทั้งสามคนรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ระยะเวลาได้ผ่านมานานพอสมควร หลังจากที่ทั้งสามได้ปรึกษาหารือกันก็พบว่าตอนนี้พลังของพวกเข่าฟื้นตัวมาบ้างแล้ว 

รูรุตัดสินใจตรวจสอบอาวุธปืนก่อนที่จะใช้พลังเวทย์สร้างกระสุนขึ้นมาเพื่อไว้ต่อสู้ ส่วนเด็กสาวผมเขียวที่มีชื่อว่าคาเสะได้ตัดสินใจไปหาอาหารเช้าให้พวกเขาทั้งสอง 

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังนั่งทำกระสุนปืน เด็กหญิงผมสีน้ำตาลที่มีอายุน้อยที่สุดก็กล่าวถาม

“นี่หลังจากที่นายมาที่นี่ได้เจอกับพวกพี่ไอหรือยัง”

รูรุสั่นศีรษะปฏิเสธ “อย่าว่าแต่จะเจอพวกอาจารย์ไอยราเลย การตามหาวิธีที่จะออกจากที่นี่นี่แหละเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า ถ้าฉันคิดไม่ผิดถ้าอาจารย์ได้มาที่นี่ด้วยพวกเขาน่าจะตามหาพวกเราได้อย่างไม่ยากเย็น แต่การที่พวกเขาไม่ได้ตามหาเราแสดงว่าตอนนี้พวกเขาอยู่คนละพื้นที่กับเรา”

อาสึนะพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ฉันก็คิดเหมือนกันว่ามันมีความเป็นไปได้ ว่าแต่”

ชายหนุ่มละสายตาจากการทำกระสุนปืน เขามองหน้าของเด็กสาวที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นเชิญขาม

“การเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้มันต้องส่งผลเสียต่อพี่ไอยราแน่ๆ  ถ้าแบบนี้พวกเราจะทำยังไงดี”

“เรื่องนั้นยังไม่ต้องไปคิดหรอก เรื่องที่พวกเราควรที่จะคิดและใส่ใจที่สุดก็คือพวกเราจะทำยังไงถึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ ไม่สิถ้าจะกล่าวให้ถูกแล้วก็วิธีที่จะออกไปจากที่นี่ด้วยตนเองนะมีหรือเปล่า ถ้าพวกเราสามารถออกไปจากที่ได้เองอาจารย์ไอยราก็จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก แต่ถ้าพวกเราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อาจารย์ก็อาจจะต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยก็คือการลาออกจากโรงเรียนเวทมนต์ อย่างมากก็อาจจะต้องไปคุยกับทางเรื่องบ่นอาจจะโดนทำโทษอื่น ๆ ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน”

“แล้วจากที่นายคาดการณ์ นายคิดว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่ต่างมิติ หรือในดันเจี้ยน”

“ไม่รู้ เรื่องนี้ต่อให้คิดแทบหัวจะระเบิดก็ไม่มีทางรู้ได้ อย่างแรกฉันไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์เยอะขนาดนั้น ไม่เข้าใจวงเวทย์ในการเคลื่อนย้าย แต่ที่ฉันรู้ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในมิติเดิมเพราะจากที่ฉันลองใช้โทรศัพท์มือถือ ฉันพบว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณ ถ้ำมองในมุมอื่นอาจจะคิดว่าพวกเราอยู่ในที่ที่ปราศจากสัญญาณ แต่ว่าถ้าเป็นที่ที่ไม่ใช่ต่างมิติ มันคงไม่มีสัตว์อสูรแบบนี้อย่างแน่นอน พวกผีดิบที่เธอได้สู้ภัยรวมไปถึงสัตว์อสูรงูยักษ์ที่ฉันได้ปะทะเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี”

“แสดงว่าวิธีที่ดีที่สุดของพวกเราในตอนนี้ ก็คือการรวบรวมข้อมูลให้ได้เยอะที่สุด ถ้าพวกเราสามารถหาข้อมูลได้เยอะมันก็จะเป็นเครื่องประกอบกับการตัดสินใจว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่แห่งไหน แต่ว่าถ้าเป็นต่างมิติมันต้องมีมนุษย์ แต่ถ้าเป็นในดันเจี้ยนมันก็จะมีแต่สัตว์อสูรเท่านั้น
“รูรุละสายตาจากอาสึนะ เขาก้มหน้าก้มตาตัดสินใจมุ่งมั่นกับอาวุธในมือ แต่ปากของชายหนุ่มกับกล่าวตอบ 

“เรื่องที่พวกเรารู้มามันก็เป็นภาคทฤษฎีเท่านั้น การที่จะได้มาต่างมิติหรือว่าในดันเจี้ยนมันไม่มีใครได้เจอบ่อยๆหรอก แล้วเรื่องที่เล่ามาในโรงเรียนเวทมนต์มันก็เป็นเรื่องพื้นฐานเท่านั้น ตอนนี้พวกเราเหมือนกับมืดแปดด้าน พวกเราน่ะถ้าจะพูดให้ถูกคงไม่สามารถกลับไปได้ง่าย ๆ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันมีวิธีทำให้พวกเราสามารถกลับไปได้แล้ว” 

คำกล่าวเช่นนั้นทำให้ทั้งสองคนหันไปมองอย่างเสียงที่ดังด้วยความมั่นใจ สีหน้าท่าทางที่แสดงถึงความมั่นใจประกอบกับแววตาที่มุ่งมั่น เส้นผมสีเขียวเงางามที่ปลิวไสวไปตามแรงลม ในมือของหญิงสาวมีผลไม้รากไม้ที่ดูสวยสดงดงาม หญิงสาวยิ้มก่อนที่จะอธิบายออกมา

“ถ้าพวกเราสามารถหาเครื่องที่ส่งพวกเรามาในที่แห่งนี้พวกเราก็จะสามารถกลับไปได้ ต่อให้พวกเราจะไม่สามารถใช้เวทเคลื่อนย้ายได้ก็ตาม เวทย้ายมิติเป็นเวทมนตร์ต้องห้ามสำหรับอาณาจักรของพวกเธอ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของทวีปของพวกฉัน การใช้เวทย์มนต์บทนี้ถูกสั่งสอนกันมาบ้าง”

คาเสะนำผลไม้เดินมาให้ทั้งสองคน หลังจากนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจกินผลไม้ในมือของตนเอง เมื่อรูรุเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงละสายตาออกจากอาวุธในมือ ชายหนุ่มตัดสินใจนำผลไม้มากินบ้าง แต่ทว่าอาสึนะกลับยังนิ้งอยู่ เด็กสาวมองผลไม้ในมืออย่างช่างใจ

“เด็กสาวละสายตาออกจากผลไม้ก่อนที่จะไปมองยัง 1 หนุ่มกับ 1 สาว ทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความ

“แสดงว่าเธอก็สามารถใช้เวทย์ย้ายมิติเพื่อพาพวกเรากลับได้ใช่ไหม”

คาเสะหยุดกินผลไม้ในมือ ก่อนที่จะสั่นหัวปฏิเสธ การกระทำดังกล่าวทำให้เด็กสาวผมน้ำตาลหรือก็คืออาสึนะรู้สึกไม่เข้าใจว่าหญิงสาวจะกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร เธอจ้องมองผลไม้ตรงหน้าก่อนที่จะตัดสินใจกัดมันคำใหญ่

“ฝาดขมไม่เห็นอร่อยเลย “ อาสึนะสบด 

“ลูกคุณหนูอย่างเธอคงไม่ชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติสินะ ฉันจะสอนอะไรให้เอาบุญผลไม้นี่แหละเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ร่างกายมนุษย์สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เราต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่รู้ไหม” คาเสะสั่งสอน

“ฉันรู้อยู่แล้วนะ ว่าแต่อาหารให้ครบ 5 หมู่เนี่ยมันต้องมีครบสิอันนี้มันผลไม้อย่างเดียวนี่ อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาสั่งสอนฉันจะดีกว่า ถึงแม้ว่าทวีปของเธอจะเป็นทวีปที่คนแข็งแกร่งอยู่แต่ว่าวิวัฒนาการควรจะห่างชั้นกับที่ฉันอยู่เรื่องแบบนี้ฉันเรียนตั้งแต่เด็กแล้ว”

“อย่างนั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะสงบปากสงบคำก็แล้วกัน” คาเสะละสายตาจากอาสึนะ 

หลังจากที่หญิงสาวกินผลไม้เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกถึงบางสิ่ง 

“นี่มันอะไร ผลไม้นี่มีอะไรแปลก ๆ” 

ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะได้รู้ตัวว่าพวกเขาโดนวางยา หนึ่งหญิงสาวหนึ่งชายหนุ่มก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น เด็กสาวผมน้ำตาลเบิกตากว้างก่อนที่จะล้มลงตามไปติด ๆ 

ทางฝั่งของไบรท์

ความเจ็บปวดที่ประเดประดังเข้ามาสู่ร่างกายทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้ตามที่จิตใจต้องการ เหมือนกับว่าตอนนี้มันเกิดบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ เขาหกระพริบตาแล้วพบว่าตอนนี้ตนเองได้อยู่บนหลังนกยักษ์ ข้างๆของเขามีชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังนั่งเฝ้าเขาอยู่ไม่ห่าง ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีความรู้สึกชาเหมือนกับโดนวางยา 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.