ตอนที่24:เจอกันอีกครั้ง
บ้านของซูเดะอยู่ในเขตชุมชน ซีคและลูเบลล่าต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังจากเขตสลัมของเมืองเพื่อไปที่นั่น แต่ด้วยความยอดเยี่ยมด้านรับรู้และตรวจจับของซีค ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ยาก
บ้านตรงหน้าไม่ได้มีความพิเศษอะไรลักษณะคล้ายหลังอื่นโดยรอบ ทำจากไม้สูงสองชั้นมีรั้วล้อมสนามหญ้าเล็กๆ แต่เหมือนไม่มีคนอยู่เพราะไม่มีแสงไฟใดๆให้เห็น
“ เข้าไปรอข้างในก่อน”
ซีคเดินนำไปถึงประตูที่ถูกล็อคแน่น การทำลายประตูนั้นไม่ยากแต่ถ้าซูเดะกลับมาแล้วเห็นประตูที่พังคงได้วิ่งหนีจนเรื่องบานปลายแน่ ซีคจึงงัดทักษะเหมือนตอนแอบเข้าคฤหาสน์เจ้าเมืองออกมาใช้อีกครั้ง
สภาพในบ้านรก เจ้าของบ้านคงไม่ทำความสะอาดมาสักระยะ ฝุ่นบางๆปกคลุมพื้น และกองเสื้อผ้ากระจัดกระจาย
“ ดูเหมือนเขาจะ ไม่ค่อยชอบทำความสะอาดบ้าน ”
“ ไม่ มันไม่ใช่เหตุผลแบบนั้นหรอก ” ซีคมองไปรอบๆห้องอย่างระมัดระวัง
‘ แทนที่จะบอกว่าไม่ได้จัดบ้านให้เป็นระเบียบเพราะขี้เกียจ ดูเหมือนว่าเพราะไม่จำเป็นมากกว่า เพื่อให้ตัวเองหลบหนีได้ตลอดเวลา ’
ดวงตาของซีคเป็นประกาย
‘ เขากำลังเตรียมตัวหลบหนี อ่อเหตุผลนี้งั้นหรอ ’
ซีคยังคงค้นหาไปทั่วห้องก่อนที่จะยิ้มอย่างเลศนัยเพราะเจอบางอย่างเข้าแล้ว
" นายเจออะไรแล้วหรอ "
“ ตรงที่เราเหยียบตรงนี่ ด่านล่างพวกเรา เธอไม่คิดว่าแปลกกว่าตรงอื่นงั้นหรอ ”
ซีคชี้ไปที่พื้นแล้วเหยียบเน้นตรงตำแหน่งนั้นเป็นพิเศษ
ตึก! ตึก!
เมื่อได้ยินเสียงคราวนี้แววตาลูเบลล่าก็เปล่งประกายเช่นกัน
“ ด้านล่างเรามีพื้นที่ว่าง”
" ใช่ "
ซีคนั่งชันเข่าข้างหนึ่งแล้ววางมือลงบนพื้น
‘ ขอนึกก่อนนะ มีห้องใต้ดินไม่ผิดแน่ จากที่สำรวจไปเมื่อกี้ไม่เจอกลไกพิเศษอะไรนอกจากบ้านที่รก นั่นหมายความว่าที่จับก็ต้องอยู่ใกล้ๆนี่แหละ ’
หลังจากนั้นไม่นานซีคก็พบหลุมสองรูที่อยู่ติดกัน
' อยู่นี่เอง! '
ซีคสอดนิ้วของเข้าไปในรูแล้วออกแรงดึง แผ่นที่กั้นทางเข้าถูกแง้มเปิดจนเห็นบันไดทางลง
“ มันมีกลิ่นที่น่าสงสัย ”
ซีคปิดกั้นจมูกตัวเองด้วยท่าทางตลกๆ
“ มีแต่ต้องลงไปดูถึงจะรู้สินะ ”
“ ข้าจะเป็นคนเดินนำเอง ”
ซีคเหยียดเท้าตัวเองไปที่บันไดแล้วไต่ลงไปข้างล่างอย่างมั่นใจ ลูเบลล่าจึงค่อยตามลงมาซึ่งมันก็ไม่ได้ยาวมากแค่ประมาณชั้นครึ่ง ทั้งสองก็มาถึงปลายบันไดทีี่มีประตูอยู่หนึ่งบานก่อนที่ซีคก็เปิดมันอย่างระมัดระวัง
พวกเขาเห็นห้องขนาดกลางที่เกือบจะว่างเปล่า มันไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดใด สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับห้องคือแอ่งน้ำสกปรกเป็นแอ่งอยู่บนพื้น แต่แค่นี้ซีคพอใจ
" ฮาฮา รุกฆาต "
ที่กลางห้อง รูปปั้นหัวปลาน่าเกลียดตั้งลอยอยู่บนแอ่งน้ำสกปรก
“ รูปปั้นเบลลู ” ลูเบลล่าอุทานและจับไม้คฑาที่เธอถืออยู่ เธอต้องการทำลายรูปปั้นในทันที
รูปปั้นนี้ดูไม่สมบูรณ์ต่างจากอันที่เห็นในคฤหาสน์เจ้าเมือง ราวกับช่างฝีมือกับคนพึ่งหัดปั้น
“ ไม่ผิดแล้วละ รูปปั้นที่อยู่คฤหาสน์เจ้าเมืองเป็นแกนกลางของพิธีกรรม ” ซีคกล่าวขึ้นอย่างพึ่งพอใจ ยิ่งมีหลักฐานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ตอนนั้นเองซีคก็หันศีรษะไปที่ทางเข้าบ้าน
“ ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาแล้ว ”
ซีคเดินนำลูเบลล่าออกจากห้องใต้ดินกลับไปที่ชั้นหนึ่ง มีแสงเล็กๆส่องเข้ามาจากด้านนอกและซีควางนิ้วชี้ไว้ที่ปาก ส่งสัญญาณให้ลูเบลล่าเงียบ
ลูเบลล่าพยักหน้าแล้วเดินเงียบๆไปอยู่ที่มุมห้อง เธอหลบออกมาเพื่อไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม ตอนนี้ซีคอยู่ที่ทางเข้าไม่ต่างจากนักล่าที่กำลังเข้าใกล้เหยื่อที่หมายตา
กรึก! กรึก! แกร๊ก!
ล็อคที่ประตูถูกเปิดออก ไม่ผิดจากที่คาดหวังชายคนที่เดินเข้ามาในบ้านคือซูเดะ เขาวางตะเกียงที่ถือไว้ข้างประตูจากนั้นก็พยายามจุดเทียนที่ใกล้ที่สุด
“ เฮ้ ไม่เจอนายมานานเลยนะ เป็นไงบ้างละ ”
“ !!! ”
ซูเดะตกตะลึงเมื่อมีคนกระโดดออกมา พอเห็นว่าคนคนนั้นคือซีคสีเลือดบนหน้าซูเดะก็หายไปกลายเป็นขาวซีด โดยไม่ทันตั้งสติซีคก็เข้าล็อคตัวและปิดปากเพื่อไม่ให้เขากรีดร้อง
“ โว้ว ข้าก็ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอกันอีกแต่ขอความเงียบก่อนนะ ไม่ต้องอยากทักทายกันมากขนาดนั้น ”
“ อื้มมพ! อั-อื้มพ ”
“ ข้ารู้ๆเจ้าคงดีใจเหมือนข้าแหละ หลังจากตอนนั้นบางคืนข้ายังฝันถึงตอนที่ทุบตีเจ้าอยู่เลยนะ เราต้องสนิทกันได้แน่ๆเจ้าก็คิดเหมือนข้าใช่มั้ย ”
“ อื้มม! ”
ซูเดะดิ้นรนและพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก แต่เขาไม่สามารถหลุดจากกำมืออันแข็งแกร่งของซีคได้
“ อ่อเรื่องแบบคราวที่แล้วหรอ อย่ากังวลเราไม่ถูกขัดจังหวะสนุกแบบคราวที่แล้วแน่นอน เห็นเธอไหม ”
ซีคเพิ่มแรงมือที่กำคอซูเดะแล้วกระชากมันอย่างแรง ที่ซีคต้องการคือให้เขาไปเห็นบางอย่างที่ทำให้ซูเดะต้องสิ้นหวัง
“ เห็นแล้วหรือยัง เทวดาผู้พิทักษ์ที่เข้าปกป้องนายเมื่อครั้งก่อน ถึงตอนนี้เธอผันตัวมาเป็นนางฟ้าจากนรก ”
ที่มุมนั่น ซูเดะเห็นลูเบลล่าเหมือนกำลังถือตะเกียงสีแดงและคอยพิพากษาตัดสินความตาย ยิ่งท่าทางแข็งกร้าวของเธอที่แสดงออกมา ความกลัวของซูเดะก็เพิ่มมากขึ้น
* * *
ซีคลากคอซูเดะเข้าไปในห้องใต้ดิน
พุกก!
" อีกก! "
ซูเดะถลาเซไปหลายก้าวแล้วดิ้นอย่างเจ็บปวดหลังถูกเตะ และโดนซ้ำอีกครั้งจนตัวเขาไปชนรูปปั้นเบลลูก่อนจะล้มลง เนื้อตัวเขาเปียกปอนไปด้วยน้ำสกปรก
“ ทำไม! เจ้าทำแบบนี้กับข้าทำไม! ” ซูเดะตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่ซีคก็ไร้ความสงสารเขาเดินตามเข้าไปที่ห้องใต้ดิน พร้อมในมือถือตะเกียงส่องแสงให้เห็นภายในห้อง แล้ววางมันไว้ที่มุมมุมหนึ่ง
“ แกถามว่าอะไรนะ? ทำแบบนี้ทำไม? ถ้าแกหันไปถามรูปปั้นหัวปลาตัวนั้นมันน่าจะหันมาตอบแกได้ ”
ซูเดะหันหลังไปมองที่รูปปั้นเบลลูก่อน แล้วกลับมามองซีค ตามด้วยมองไปทางลูเบลล่าที่ยืนอยู่ในท่าทีเยือกเย็น แล้วพูดทำเป็นใส่ซื่อขึ้น “ เพราะพวกท่านคิดว่าข้าเป็นสาวกเบลลิดงั้นหรอ ? ”
“ ข้าจะพูดแบบนั้นที่ไหนละ ไม่ได้คิดอยู่แล้วว่าแกเป็นพวกสาวกของเบลลิด ”
“ ต-แล้ว…!”
“ แต่ข้ามองว่าแกเหมือนแมลงสาบที่อยู่รอบตัวพวกมัน รอคอยกินเศษขนมปังที่พวกมันทิ้งไว้ ”
“ อะ-อะไรนะ ”
“ ข้าพูดว่า เจ้าเหมือนแมลงสาบของไอ้พวกไม่มีสมองไง! ”
ปึกก!
“ อีกก! ”
เมื่อถูกเตะ ซูเดะนั่งหงายหลังอยู่ตรงแอ่งอยู่แล้ว ยิ่งทำให้น้ำสกปรกกระเซ็นสาดทั้งหน้าและหัว
เหยียบ!
ซีคกระทืบซ้ำตรงเข้าที่หลัง จนซูเดะต้องนอนขดอยู่ที่แอ่งสกปรกนั่นไม่ต่างจากแมลง เมื่อเห็นแบบนั้นซีคก็พอใจ
“ พวกเราจะจัดการเขายังไง ”
ลูเบลล่ารู้สึกประหลาดใจในคำพูดตัวเอง แม้อีกฝ่ายจะทำเรื่องชั่วให้พวกเบลลิด แต่นี้ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางเยือกเย็นใส่คนอื่น ถึงเธอจะยังไม่ชินแต่ก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก
“ จะว่าไปเราก็เจอรูปปั้นเบลลูแล้ว เขาก็ไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป "
ซีคหยิบบางอย่างออกมาจากเอว วัตถุนั้นสะท้อนกับแสงสลัวของตะเกียง มันเป็นดาบสั้น
“ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ ”
มันเป็นถ้อยคำที่เยือกเย็นไร้ความอบอุ่น ลูเบลล่าที่เป็นพวกเดียวกันยังรู้สึกหนาวสั่น กลิ่นอายของซีคตอนนี้เธอไม่เห็นความขี้เล่น หรือ ท่าทีสบายๆที่ปกติจะแสดงออกให้เธอเห็นเสมอเลย
ซูเดะก็ตัวสั่น ปกคลุมไปด้วยความกลัวทำได้เพียงกลอกตา และกลืนน้ำลาย
“ ข้-ข้าไม่รู้อะไรเลย! ข้าพูดจริงๆ! "
ซูเดะพยายามจะพูดว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรูปปั้นนี้มาก แต่แววตาที่เฉียบคมและฉายแววรู้ทันของซีคเหมือนจะไม่เชื่อ
“ งั้นหรอ เจ้าไม่รู้อะไรเลยสินะ ช่วยไม่ได้นอกจากฆ่าทิ้งเพราะแกไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ”
ซีคกำดาบสั้นในมือให้คว่ำคมลงแล้วยกสูงขึ้น เหมือนเขี้ยวของสัตว์ร้ายกำลังจะกัดเหยื่อ
“ ท่-ท่านหญิง ลูเบลล่า! ได้โปรดช่วยหยุดชายคนนี้ด้วยครับ! ”
ซูเดะรู้เลยว่าเขาขอความเมตตาจากซีคไม่ได้แน่ จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากลูเบลล่าแทน
“ เฮ้ ไม่มีประโยชน์ เพราะเรื่องไร้สาระที่นายสร้างไว้ยัยนี่ต้องผ่านอะไรมามากมายจนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ”" ถ้าแกยังหวังความช่วยเหลือเหมือนในอดีต ก็เสียใจด้วย แกควรจะรู้อีกเรื่องคนของคารุวิมานจะไม่มีทางปราณีกับคนที่ร่วมมือกับพวกเบลลิดหรอก "
ขณะที่ซีคพูด ดวงตาของลูเบลล่าที่มองลงมา มันเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ ต-นั่น…!”
“ เอาละพูดจบแล้วใช่มั้ย ที่ให้เวลาแกมากขนาดนี้เพราะตั้งใจมีความเมตตามากขึ้นเท่านั้นเอง ต่อไปถึงเวลาจะเอื้อเฟือให้แกหลับไปตลอดกาลแล้ว ”
หัวของซูเดะหันไปมาทั้งซีคและลูเบลล่า ดูเหมือนว่าต่อให้แก้ตัวไปยังไงทั้งสองก็ไม่มีทางเชื่อ
“ เดี๋ยวก่อน! ที่เจ้าบอกว่าเจอรูปปั้นนี่แล้วข้าก็ไม่มีความสำคัญอีก…? ”
เมื่อซูเดะนึกถึงคำพูดซีคออก เขามั่นใจว่าพูดเกี่ยวกับรูปปั้นหัวปลา จึงเริ่มมีความหวังขึ้น
“ รู-รูปปั้นอื่นๆ! ข้ารู้ว่ารูปปั้นอื่นอยู่ที่ไหน”
มีดสั้นที่อีกนิดเดียวก็เป็นกิโยตินร่วงมาตัดคอเขาแล้วได้หยุดลง มันได้ผล ซูเดะรู้สึกเหมือนวิญญาณเกือบออกจากร่าง จนตอนนี้รู้สึกโล่งขึ้นจนมีเวลาหายใจ
“ หืม พูดตามตรงพวกเราสนใจเรื่องนั้น”
ซีคผ่อนแรงที่กำมีดสั้นลง
" แล้วมันอยู่ที่ไหนบ้างละ? "
เสียงเย็นชาของซีคพุ่งแทงหัวใจของซูเดะ ความรู้สึกน่ากลัวของมันพอจะข่มให้เขาสารภาพทุกอย่างออกมา แต่เขาต้องรีบกลืนมันลงคอไว้ก่อน
“ ค-คิดว่าข้าจะบอกโดยไม่มีเงืื่อนไขรึไง ”
“ ก็จริง แมลงสาปอย่างพวกแก มันต้องดึงผลประโยชน์ให้ตัวเองมากที่สุดเสมอ ”
ซีคมองลงไปที่ซูเดะด้วยแววตาที่เหมือนลูกแก้วของเขา ความเหยียดหยามที่ส่งมาเหมือนไม่มองมนุษย์ เขามองซูเดะเหมือนเนื้อเน่าของสัตว์ที่ตายแล้ว แววตาของซีคเย็นชา แต่ต่อให้ถูกเหยียดหยามซูเดะก็ได้กลิ่นของโอกาสที่จะมีชีวิตรอดจึงไม่ถอยกลับ
‘ มันสายเกินไปที่จะปฎิเสธว่าไม่ได้ร่วมมือกับพวกเบลลิต ปฎิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้างั้นเราก็ใช้ข้อมูลที่มีเพื่อความปลอดภัยดีของตัวเราดีกว่า ’
หลังคิดด้วยความกังวลสักพัก ซูเดะก็ตะโกนออกมา “ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าอยากพูดอะไร! แต่พวกเจ้าห้ามทำร้ายข้า! ไม่งั้นข้าจะไม่ยอมบอกตำแหน่งรูปปั้นที่ข้ารู้และพวกเจ้าหามันได้ยากแน่ๆ ”
“ อ่าเอ่อ รบกวนหน่อยนะครับ” ซีคเกาหลังศีรษะของเขา
ข้อมูลที่ซูเดะมีสามารถนำมาต่อรองได้และด้วยความคิดนั้น เขาก็กล้าแสดงออกมากขึ้น
“ ไอ้เวร! มาทำร้ายกันแบบนี้ทุกครั้งได้ยังไง! ตรอกซอยนั้นก็ทีนึงแล้ว! เหตุผลนี่แหละพวกอันธพาลและไอ้พวกคนขยะมีกลิ่นเหม็นถึงไม่ควรมีในเมือง! "
หลังพูดจบ ดูเหมือนซูเดะจะคิดว่าตัวเองล้ำเส้นไปจึงเหลือบมองซีค แต่ท่าทางชายหนุ่มแค่ขมวดคิ้วทำท่าทางเหมือนรำคาญโดยไม่มีทีท่าอื่นอีก
ซูเดะยิ่งรู้สึกว่าข้อมูลที่ตัวเองมีนั้นสำคัญ ซีคคงยังไม่แตะต้องเขาจนรู้สึกโล่งใจ แล้วหันไปทางลูเบลล่า
." สาวกคารุวิมาณผู้ยิ่งใหญ๋ตกต่ำลงแล้ว! ตัวติดไปกับอันธพาลที่ชอบใช้ความรุนแรง! ไม่ ไม่ใช่ธิดาศักดิ์ิสิทธิ์อะไรนัั่นอีกต่อไป แต่เป็นแม่มดแล้วใช่ไหมครับตอนนี้? "
เขาไม่ต้องกังวลความคิดทั้งคู่อีกต่อไป เวลานี้ซูเดะรู้สึกพอใจมากที่หยาบคายหรือวางตัวยังไงต่อหน้าว่าที่นักบุญคนนี้ก็ได้ ถ้าในเวลาปกติแค่สบตาเขาก็ไม่ค่อยกล้าแล้ว
“…นี่คือตัวตนที่แท้จริงของคุณหรือเปล่า”
ซูเดะที่ลูเบลล่ารู้จักคือคนที่ให้อภัยคนอื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวแม้คนนั้นจะทำสิ่งที่รุนแรงใส่เขา เป็นชาวบ้านหนึ่งคนที่รักและปกป้องร้านค้าของครอบครัวอย่างอบอุ่น ชายตรงหน้านี้แตกต่างกับคนที่เธอเคยพบจนสงสัยว่าเป็นคนเดียวกันรึไม่
“ ตัวตนที่แท้จริง!? ฮา! คนไร้เดียงสาที่เธอเคยเห็นกับไอ้หน้าซื่อใจคดที่ยืนตรงนี้ไม่เหมือนกันสินะ พ่อค้าอย่างข้าก็ต้องมีหน้ากาก คนที่ถูกหลอกนั้นแหละที่ปัญญาอ่อน "
ลูเบลล่าเหลือบมองไปทางรูปปั้นด้านหลังซูเดะแล้วถามว่า “ เข้าใจแล้วค่ะ แล้วคุณทำมันเพราะอะไรในเมื่อบอกว่าตัวเองไม่ใช่สาวกเบลลู คุณช่วยเบลลิดแล้วมันได้ประโยชน์อะไร? ”
“ แล้วเหตุผลสำคัญอะไรที่พ่อค้าต้องทำงาน? แน่นอนว่ามันคือเงิน ”
" เงิน? "
“ ใช่ เงิน! มากจนต่อไปข้าไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มรับลูกค้าในร้านเส็งเคร็งอีกต่อไป! "
“ แล้วที่คุณบอกว่าห่วงแหนร้าน และพยายามปกป้องมันมาตลอด ”
“ รัก? หวงแหน? ปกป้อง? บ้าอะไรละ สักครั้งเดียวข้าก็ไม่เคยคิด! ” ซูเดตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดต่อ
“ อาคารที่ทรุดโทรม ทั้งอายุข้าที่มากมันก็เป็นแค่โซ่ตรวน! เจ้าคงไม่เข้าใจร้านนั้นก็แค่สัญลักษณ์ความพ้ายแพ้ที่ถูกส่งต่อมาโดยพ่อและปู่ที่ไร้ความสามารถในการทำธุรกิจ”
ดวงตาของซูเดะปรากฎแวว แล้วจ้องไปที่ลูเบลล่าอย่างเคียดแค้น
“ ยิ่งที่เธอพูดก่อนหน้า ร้านที่น่าประทับใจเรอะ? รู้ไหมข้าโกรธแค่ไหนที่ได้ยินมัน ”" คนที่เติบโตมาอย่างเพรียบพร้อม กินอาหารดีๆ สวมเสื้อผ้าดีๆ อยู่แต่ในที่กำบังตัวเองแล้วดูถูกคนอย่างพวกเรา พวกแกจะพูดดียังไงก็ได้ทั้งนั้นมันไร้สาระชิบหาย! "
คำส่อเสียดมุ่งร้ายรวมด้วยความโลภและเห็นแก่ตัว ถึงบางคำจะมีความจริงที่ปะปนแต่นี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ ความเห็นและมุมมองสาดเข้าใส่ลูเบลล่าจนใบหน้าซีดเผือก แต่ก็ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อ ไม่ได้หยุดซูเดะจากสิ่งที่เขากำลังพูดออกมา รับฟังทั้งหมดที่เขาพูดและเหยียดหยาม
“ เอาหน่าก็ควรจะมีคนแบบผู้ชายคนนี้ ในเมื่อท่านหญิงกำลังเดินทางเพื่อรับฟังผู้คน มันเป็นตัวช่วยให้เธอเข้าใจโลกมากขึ้น ”
หลังจากปลอบลูเบลล่าแล้วซีคก็เข้าหาซูเดะ
“ พูดพอหรือยัง ”
“ ไม่ แต่ข้าจะหยุดไว้แค่นี้เพราะข้าไม่ค่อยว่างมาก เจ้าก็ปล่อยข้าไปแล้วข้าจะบอกตำแหน่งของรูปปั้นอื่นๆว่าอยู่ไหน ”
ซูเดะเรียกร้องสิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยน เพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง
‘ ถึงเวลาที่เราต้องถอยจากเรื่องนี้ แค่หลุดจากตรงนี้ไปเราก็รวยแล้ว! ’
ซูเดะได้รับเงินก้อนโตจากการนำพลังชีวิตมาถวายแก่รูปปั้นเบลลูแล้ว ที่เหลือก็แค่นำเงินและตัวเองออกไปจากเมืองนี้ พร้อมจะได้ใช้ชีวิตที่วาดฝันไว้
‘ ดูเหมือนเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังเกิดที่เมือง แต่ไม่ใช่ปัญหาข้า ตราบที่ได้ใช้ชีวิตที่ดีใครจะสนล่ะ ’
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่น แต่สำหรับซูเดะความสุขของตัวเองสำคัญที่สุด
“ เจ้าจะยืดดึงเวลาข้าไว้เพื่ออะไร! หลีกทางแล้วจบการแลกเปลี่ยนของพวกเรา! ”
“ อ่า ถ้าเจ้ารู้ละนะ” ซีคยิ้มกว้างให้ซูเดะที่พูดด้วยท่าทางมีชัย “ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ”
" แกพูดอะไร? "
กลายเป็นเรื่องตลก ที่ตอนนี้ซูเดะอ้าปากค้างคล้ายปลางี่เง่า
“ ข้าบอกว่าข้าเปลี่ยนใจ เราจะฆ่าแกที่นี่ ”
“ แ-แกพูดพล่ามอะไร ถ้าแกมาแตะตัวข้าแม้แต่นิด ตำแหน่งรูปปั้นแกไม่มีทา… ”
“ แต่เจ้าไม่รู้ตำแหน่งของรูปปั้นนิ ”
“…!”
“ นอกจากนี้ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะรู้มันหรือไม่รู้มัน "
“…!”
ซีคกระซิบเบาๆกับซูเดะที่หน้าซีด
" เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงเวลาแห่งความหวังของเจ้า มันช่างหอมหวานมากจริงมั้ย ? ”
.
.
.
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 379
แสดงความคิดเห็น