ไม่ใช่ความฝันที่ทำร้ายเจ้าแต่เป็นหัวใจของเจ้า

-A A +A

ไม่ใช่ความฝันที่ทำร้ายเจ้าแต่เป็นหัวใจของเจ้า

          มาร์เวทย์ตั้งฉากมือข้างหนึ่งไปที่ด้านหน้าของเซเลียและหญิงไร้นาม   วินาทีนั้นเซเลียเบิกตาเล็กน้อยด้วยความงุนงง   “ฝ่าบาทจะทำสิ่งใดหรือเพคะฝ่าบาท?”   “ถอยไป   เซเลีย!!!”   ไม่ทันให้สัญญาณใด   คลื่นมรณะสีฟ้าสว่างพุ่งออกจากฝ่ามือที่กางออก   เผาผลาญทุกสิ่งตรงหน้าทันใด   “ฝ่าบาท!!”   องครักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ   เปลวไฟยังคงลุกท่วมห้องขังภายใน   ไม่มีรั้วเหล็กที่เคยทำหน้าที่แบ่งอาณาเขตออกเป็นสองส่วน   “ฝ่าบาท   ทรงคิดจะฆ่าข้าไปด้วยรึเพคะฝ่าบาท?”   เสียงที่ดังลอดออกจากกองไฟขนาดใหญ่คือของเซเลียไม่ผิด   ก่อนที่เปลวไฟทั้งหมดจะลอยไปรวมตัวกันที่จุดจุดเดียวราวกับเกลียวคลื่นที่กำลังหายเข้าไปในฝ่ามือสีดำของเซเลีย   เบื้องหลังคือมาราอานที่ยังคงมีอาการหวาดกลัวไม่หาย   แถมเชิงเทียนที่เธอถืออยู่ก็ยังไม่ดับลงแต่อย่างใด      

          “เหตุใดจึงอยากจะฆ่าข้าขึ้นมารึเพคะฝ่าบาท?”   เซเลียยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย   “หากเจ้ายังยืนยันที่จะไม่ถอยไป   คราวนี้จะไม่มีความเมตตาจากข้าให้เจ้าได้สัมผัสอีก”   เปลวไฟสีดำ   มีสีแดงเข้มสถิตอยู่ภายใน   กำลังลุกไหม้บนฝ่ามือที่กางออก   “ข้าพอเข้าใจว่าฝ่าบาทมิทรงต้องการให้นางมีชีวิตอยู่   เพียงแต่ข้านั้นยังมีความสนใจในตัวแม่หญิงผู้นี้   และอยากรู้ถึงพลังที่สามารถทำให้ฝ่าบาทปางตายได้เพียงนั้น”   คลื่นไฟขนาดมหึมาถูกปล่อยออกเข้าใส่คนทั้งสองอย่างจัง   คราวนี้เซเลียต้องใช้ถึงสองมือที่ยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อสร้างโล่บาเรียป้องกันตัว   แม้จะใช้ต้านทานพลังธาตุไว้ได้   แต่ก็ทำให้แขนชาไปหมด   “มิทรงอยากรู้หรือเพคะฝ่าบาทว่าพลังอะไรที่สามารถทำให้พระองค์ไม่อาจกลับมามีสติได้ถึงสามสิบวัน?”   เซเลียกล่าว   “จะรู้ไปเพื่อสิ่งใดในเมื่อหากข้ากำจัดนางทิ้งไป   ทุกอย่างก็จบ”   มาร์เวทยังคงยืนกรานคำเดิม    “ดูเหมือนข้าคงต้องขอขัดคำสั่งของพระองค์เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเพคะฝ่าบาท”    มาร์เวทที่ได้ยินแบบนั้นค่อยๆปิดตาลง   “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าทำให้ข้ามาโดยตลอด   เซเลีย   ลาก่อน”   มือที่กางนิ้วทั้งห้างอข้อนิ้วลงจนเป็นกำปั้น   ทำให้เปลวไฟระรอกแรกหายไปทันที   ก่อนจะกางมันออกอีกครั้งพร้อมมืออีกข้างที่ยกขึ้น   ส่งคลื่นไฟสีขาวน้ำเงินที่อยู่บนมืออีกข้าง   หมุนเกลียวเป็นไฟสองสีที่ไม่อาจกลืนเป็นหนึ่ง   คุกสีขาวอันสวยงามเมื่อมองจากภายนอกระเบิดออกจากทิศตะวันออกพร้อมเปลวไฟสองสีที่ทะลุขึ้นฟ้าและดับหายไปตามธรรมชาติ

          องครักษ์หนุ่มหยุดยืนที่จุดที่เคยเป็นผนังกำแพงคริสทัลอันแข็งกล้า   ปรากฏรูโบ๋ขนาดใหญ่   พื้นมีแต่สีดำเต็มไปหมด   “ฝ่าบาท   ท่านเซเลียไม่อยู่แล้วแบบนี้   ฝ่าบาทจะไม่แย่หรือขอรับฝ่าบาท?”   มาร์เวทไม่ตอบและเดินจากไปอย่างเงียบๆ  

 

          ค่ำคืนนั้น   เหล่าองรักษ์ที่ต่างยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องสำคัญ   และสถานที่ต่างๆภายในล้วนแต่ได้ยินเสียงร้องอันดังลั่นและเจ็บปวด   จากภายในของห้องบรรทมของพระจักรพรรดิ   องครักษ์หนุ่ม   สวมชุดเครื่องแบบเบาเดินมาแต่ไกล   เขามองหน้าองครักษ์สองคนที่ยืนเฝ้าประตูห้อง   ต่างฝ่ายต่างพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูห้องให้   เสียงร้องที่ดังอย่างต่อเนื่องบัดนี้ยิ่งดังมากขึ้นจนเกิดบรรยากาศไม่พึงประสงค์ต่อหูที่กำลังสดับฟัง   แต่เหมือนเสียงต่อเนื่องจะเงียบไปแล้วราวกับเจ้าของห้องรับรู้ถึงการมาของเขา   องครักษ์หนุ่มเดินมาหยุดที่ข้างเตียงหิน   มองเห็นร่างที่กำลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียงหิน   มือลูบที่หน้าอกไปมาอย่างรวดเร็ว   มืออีกข้างดันผิวเตียงและมีอาการสั่น   “ฝ่าบาท   กระผมควรทำเช่นใดเพื่อให้พระองค์สามารถหลับได้อย่างเป็นสุขขอรับฝ่าบาท”   เขาเอ่ยถาม   “ไปหาจอมเวทย์ดำมา...เอาคนที่มีพลังเวทย์สูง...ข้าจะรอ...”   เสียงหอบหายใจนั้นชัดเจนมากว่ามาร์เวทไม่อาจหลับได้อีกต่อไปในคืนนี้   “กระผมจะรีบไปนำตัวจอมเวทย์ดำมาเดี๋ยวนี้ขอรับฝ่าบาท”   เขาแสดงความเคารพ   ไม่ได้เดินกลับเหมือนครั้งที่เดินเข้ามา   แต่กำลังออกวิ่งไปด้วยความเร็วที่บ่งบอกถึงความต้องการที่จะทำตามคำสั่งของมาร์เวทให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด

 

          คำสั่งของจักรวรรดิแห่งไฟ   หากถูกประกาศครั้งหนึ่งจะมิอาจมีผู้ใด   ตระกูลใดที่อยู่ใต้อาณัติของจักรวรรดิแห่งไฟจะริอาจขัดขืนมิได้   คำสั่งเรียกรวมตัวจอมเวทย์ดำ   ทั้งที่เป็นสมาชิกของสมาคมสีดำและจอมเวทย์นอกสังกัดที่มีข่าวลือถึงพลังเวทย์อันมหาศาลทั้งขาวและดำ   ต่างถูกเชื้อเชิญ   ตามล่า   หรือบังคับให้ได้มาซึ่งความยินยอม   ชายวัยกลางคน   แขนถูกมัดด้วยเชือกสีดำ   ใบหน้าและดวงตาจ้องมองชายผู้ประทับบัลลังก์ด้วยความแค้น   “คุกเข่าลง”   องครักษ์   เมื่อเห็นว่าชายผู้นี้ไม่ยอมทำตามแต่โดยดีจึงเตะขาอย่างจังจนร่างนั้นทรุดตัวลงกับพื้น   หน้าเกือบกระแทกหากไม่ใช่เพราะสันดาบที่กำลังค้ำยันระหว่างคาง   เจ้าของดาบก็เป็นคนเดียวกับที่นั่งอยู่บนบัลลังก์   เขาลุกขึ้นและเดินลงจากขั้นบันไดของบัลลังก์อย่างช้าๆ   “ดูไปแล้ว   เจ้ามิได้แตกต่างจากจอมเวทย์ขาวอื่นใด”   มาร์เวทย่อตัวลงจนเข่าแตะพื้น   ใช้มือข้างเดียวเกยคางของอีกฝ่ายขึ้นอย่างอ่อนโยน   มองเข้าไปในดวงตาอันดุดันของอีกฝ่าย   “ดี”   มาร์เวทลุกขึ้น   เดินกลับไปนั่งที่บัลลังก์ตามเดิม   “นำมันมาที่ห้องนอนข้าคืนนี้”   ความสุขุมบนใบหน้าไม่กลับมาอีกต่อไป   มือเกยคาง   ตั้งศอกกับที่วางมือ   จ้องมองการจากไปของจอมเวทย์ที่แม้แต่นามก็ยังไม่รู้   ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด   

 

          ค่ำคืนที่มาถึง   มาร์เวทไม่อาจหลับตาลงอย่างสนิทใจแม้จะกำลังหนุนหมอนอยู่ในขณะนี้   “กระผมขออนุญาตเข้าไปขอรับฝ่าบาท”   องครักษ์คนสนิทเดินเข้ามาพร้อมจอมเวทย์ขาวคนเมื่อเช้า   เมื่อส่งถึงห้องแล้วตัวเขาก็ออกจากห้องไป   ปล่อยให้ชายสองคนอยู่กันตามลำพังโดยที่หนึ่งในนั้นปราศจากพันธนาการสีดำ   “หากจะฆ่าข้า   ก็มีเพียงตอนนี้เท่านั้น   เจ้าไม่คิดเช่นนั้นรึ?”   เสียงของมาร์เวทสะดุ้งชายวัยกลางคนอย่างจัง   เมื่อหันมองไปที่เตียงนั้น   ก็ยังเห็นว่านอนอยู่ในท่าเดิม   ราวกับกำลังจะเชิญชวนให้เข้าไปจัดการได้ตามสบาย   เขากำหมัดแน่น   เมื่อคลายออกจึงเห็นว่าที่มือปรากฏมีดที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่า   ง้างมันขึ้นในขณะที่มือเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ   “ข้าได้ยินมาว่าคนของข้าเกือบพลั้งมือสังหารบุตรสาวของเจ้า   เรื่องนั้นข้าต้องขออภัย”   เขาชะงักไปทันที   “ข้ามิเคยมีเจตนาจะสังหารเด็ก   หากมิจำเป็นจริงๆ”   มาร์เวทกล่าวต่อไป   จิตใจเริ่มสับสนว่าแท้จริงแล้วมาร์เวทที่เขาได้ยินสมญานามกับตัวตนที่กำลังเผชิญนั้นคือสิ่งเดียวกันรึไม่   “เพราะงั้นข้าจึงได้ลงโทษมันผู้บังอาจขัดคำสั่งข้าด้วยความตาย”   มือที่ยกขึ้นลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดง   เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกจนเป็นเหมือนหัวมังกรบินขึ้นไปเหนือหัวของจอมเวทย์ขาวผู้สร้างบาเรียน้ำคุ้มกันตัวเอง   กลิ่นเนื้อไหม้ลอยคลุ้งทั่วห้องก่อนวัตถุปริศนาติดไฟจะร่วงลงจากด้านบน   กองอยู่ตรงหน้าของจอมเวทย์ขาวผู้มีดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ   มันคือหัวมนุษย์ที่ไม่อาจระบุสภาพเพราะเกรียมแล้ว  

          “เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเรียกเจ้ามาจากที่ที่ไกลแสนไกลนั้นเพื่อสิ่งใด?”   โทนเสียงที่เย็นชากว่าเดิมทำให้รู้สึกขนลุก   “ข้าต้องการให้เจ้าช่วย   ช่วยให้ข้าผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้ได้   เจ้าคิดว่ายังไง?”   จอมเวทย์ขาวยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ   “....หากข้าทำตามที่พระองค์ประสงค์   พระองค์จะทรงปล่อยข้าไปรึไม่?”   จอมเวทย์ขาวกล่าว   “ถึงเจ้าไม่ขอ   ข้าก็ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี   เพราะคนที่จะตายมักเป็นพวกหัวรั้นเสมอ”   มาร์เวทกล่าวก่อนจะเริ่มอธิบายถึงสิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนั้น

          แม้ว่าจอมเวทย์ขาวจะพยายามสุดความสามารถ   แต่ก็ไม่อาจช่วยมาร์เวทจากฝันร้ายชั่วนิรันดร์   แต่ถึงอย่างนั้น   เขากลับกลายเป็นคนสนิทของมาร์เวทเพียงชั่วข้ามวันจนขนาดที่ขากลับ   เขาได้รับของฝากมากมายจากมาร์เวท   บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาก็เป็นอีกคนที่เข้าใจในตัวของมาร์เวทได้อย่างรวดเร็ว   ยอมที่จะเปิดใจรับฟังศัตรูของโลกอย่างเขา   และสัมผัสถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ทำให้เขากลายมาเป็นจอมปีศาจอย่างเช่นทุกวันนี้

 

          “เอเฟเฟีย   เจ้าคิดว่าข้าควรหายไปจากโลกนี้ได้สักทีรึยัง?”   มาร์เวทกล่าวขึ้นลอยๆ   ดวงตาจ้องมองชั้นหินท้องพระโรงอย่างคนไร้วิญญาณ   เอเฟเฟีย   ชายหนุ่มองครักษ์คนโปรดอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะผ่อนสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง   “กระผมเชื่อว่าคำถามนี้พระองค์มีคำตอบอยู่ในใจแล้วขอรับฝ่าบาท”   “งั้นหรือ”   มาร์เวทตอบกลับเพียงสั้นๆ   เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความเงียบแล้วต่างฝ่ายต่างก็มิมีสิ่งใดจะกล่าวต่อ   “ฝ่าบาท   เรื่องของการประชุมในวันนี้   กระผมเห็นว่ามิควรไปขอรับฝ่าบาท”   เอเฟเฟียเริ่มกล่าวต่อ   “งั้นรึ?   หากเป็นห่วงรูปลักษณ์ที่อ่อนแอบนใบหน้านี้ก็จงตัดมันทิ้งไปเสีย   ถึงแม้ใบหน้าของข้าจะเป็นเช่นไร   แต่ข้าก็คือพระจักรพรรดิของโลก   หากมันผู้ใดคิดว่าจะโค่นข้าได้เพียงเพราะเห็นข้าในตอนนี้   คงถือเป็นโชคร้ายสำหรับมันผู้นั้นเป็นแน่”   กล่าวจบก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเอเฟเฟียที่เดินตามหลัง   จุดหมายของวันนี้คือรัฐสภาแห่งไฟ   สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่   ลักษณะไม่ต่างจากฝ่ามือที่แหงนชี้ฟ้า   นิ้วทั้งห้าลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีส้ม   และบนฝ่ามือที่ดูขรุขระไม่ต่างจากมือมนุษย์จริงๆ   คือที่วางแท่นที่นั่งที่ทำจากหิน   ตั้งอยู่ทั่วบริเวณอย่างไม่มีรูปแบบ   แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ   ที่นั่งพวกนี้หันหน้าเข้าไปหาบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียว   ในตอนนี้แท่นนั่งแต่ละจุดล้วนมีสมาชิกนั่งจนครบดี   ยกเว้นก็แต่บัลลังก์มังกร   และแท่นหินอีกสามแท่น  

          ในสถานที่ที่มีคนนั่งอยู่เกินสิบกลับไร้ซึ่งเสียงพูดคุยที่จะทำลายความเงียบอันน่าเหี่ยวเฉานี้   ไม่มีใครกล้ากระซิบ   ได้แต่มองตากันและกัน   เสมือนกำลังใช้โทรจิตไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ   แสงอาทิตย์ยามใกล้สายเริ่มจะแรงขึ้นทุกขณะจนกระทั่งเงามืดบดบังมันแต่เพียงชั่วขณะเท่านั้น   ทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่ก้อนเมฆที่บังแสง   แต่เป็นร่างสีดำทะมึนที่กำลังบินโฉบลงมา   ลมกระโชกอย่างฉับพลันหายไปเพียงชั่วพริบตา   ปรากฏขาสีดำนั้นที่เหยียบลงพื้น   ปลายหัวเบนลงถึงปลายขั้นบันไดของบัลลังก์สีหม่น   ขาคู่หนึ่งเหยียบตามคอจนไปนั่งที่บัลลังก์   ไม่แม้แต่จะฟังเสียงหรือหันมองผู้คนที่ต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพและเสียงร้องสรรเสริญ   ขณะเดียวกันมังกรดำแปรสภาพเป็นมนุษย์ผู้เดินตรงไปนั่งที่แท่นหินใกล้กับบัลลังก์อย่างเงียบสงบ   “พวกเจ้าคงทราบดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าที่กเมาก์กิเนต”   “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!!”   ทั้งหมดต่างพร้อมใจตอบคำถามของมาร์เวทอย่างชัดถ้อยชัดคำแม้จะยังมีอาการเกร็งอยู่มากก็ตาม   “เช่นนั้นแล้วจงทำตามคำสั่งของข้า   ตามหาพวกกบฏให้เจอ   จับตายหากจำเป็นโดยเฉพาะหญิงผู้มีผมสีน้ำตาลเข้ม”   มาร์เวทกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว   ผิดแปลกไปจากชั่วโมงการประชุมโดยทั่วไป   “หากพวกเจ้าคนใดไม่มีสิ่งใดจะรายงานโดยตรงกับข้าก็จงกลับไปยังประเทศของพวกเจ้าเสีย   กระจายสาส์นให้ทั่วทวีปว่าข้าต้องการหัวของกลุ่มกบฏทุกคน!!”   มือที่กำลังสั่นเกร็งของมาร์เวทสั่นด้วยความโมโหอย่างสุดขีด   แต่สักพักความโมโหนั้นก็คลายตัวลงไปเอง   “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท   พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์อย่างเคร่งครัด   และจะทำให้พระองค์สมหวังให้ได้โดยเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ!!!”   หนึ่งในผู้ร่วมประชุม   ชายหนุ่มวัยเลือดร้อนกล่าวขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ   เขาคนนั้นคือราชาของประเทศเลดนิโกวี   แม้จะดูหนุ่มแต่มีความสามารถอันน่าทึ่งในการคุมชนเผ่าในประเทศให้สวามิภักดิ์ต่อจักรวรรดิได้เป็นอย่างดี  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.