ยักษ์ผู้รักความสงบ
เช้ามืดวันจันทร์ ในขณะที่ทุกคนกำลังหลับฝันหวาน มีอยู่ส่วนน้อยที่ตื่นอยู่และรับรู้กับความจริงที่น่าประหลาด รถม้าหยุดวิ่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ลงมาได้แล้วครับ!” เสียงตะโกนของนิโคลัสปลุกซาคาเรียสก่อนเป็นคนแรก ก่อนที่ตัวเขาจะกลายเป็นระเบิดลูกโซ่ที่ไหลไปหาสมาชิกอีก 2 คนที่ยังคงหลับใหลอยู่ ประตูรถม้าที่เปิดออกแต่กลับไม่อยากจะเชื่อว่าภายนอกชั่งดำมืด มองเห็นเพียงการเคลื่อนไหวภายนอกที่มืดสนิทกับกลิ่นหญ้า น้ำและไอหนาวทั่วบริเวณ
แสงจากเปลวไฟอันริบหรี่และเป็นหย่อมๆ ทั่วบริเวณไม่อาจสาดแสงพอให้เห็นสิ่งรอบข้างอันหม่นหมอง เสียงตะโกนที่ดังขึ้นเพียงชั่วขณะทำให้เปลวไฟทั้งหมดดับหายไปในทันใด เหมือนกับว่านิโคลัสไม่อยากให้มีแสงโดยรอบยังไงยังงั้นและมันน่าสงสัยสำหรับโทมัสก่อนที่ไม่นานจะได้ยินคำสั่งใหม่จากตัวอาจารย์พลันทุกคนต่างนั่งลงโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังนั่งทับอะไรหรือใคร
ไม่มีคำสั่งใดเพิ่มเติมจนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้แต่ที่ทราบคือเปลือกตาที่คุ้มกันดวงตาของโทมัสเริ่มสัมผัสเข้ากับแสงสว่างที่กระทบขอบตา เมื่อลืมตาขึ้น แสบตากับแสงที่กระทบเข้าใส่อย่างฉับพลันจนต้องปิดตาลงอีกครั้ง เสียงโดยรอบดังอย่างชัดเจนว่าตกใจ ประหลาดใจและสงสัย โทมัสลืมตาขึ้นบ้าง วินาทีนั้นเขาเกือบจะอุทานออกมากับความกว้างใหญ่ไพศาลของผืนหญ้าที่ครอบคลุมทุกสิ่งโดยรอบ แสงจากดวงอาทิตย์ที่เริ่มส่งพลังมากขึ้นยิ่งทำให้มันชัดเจนขึ้น สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เด่นสะดุดตา
“โอ้-มิคา-เอล” เสียงอุทานของวิลเลี่ยมเสมือนระเบิดลูกโซ่ที่ทำให้คนอื่นต้องเบนมองตาม “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ผมขอแนะนำให้พวกคุณรู้จักกับความภาคภูมิใจของประเทศที่พวกเราอาศัย วอลล์ ออฟ พีซ พระคุณของพระเจ้า” นิโคลัสประกาศเสียงดังก่อนจะพานักเรียนเดินชมกำแพงที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ความประณีตของผนังทำให้รู้ว่าเป็นศิลปะการสร้างชั้นสูง ความสูงของมันเมื่อมองจากด้านล่าง ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม
“กำแพงแห่งความยุติธรรม สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ จ้าวแห่งการปกป้อง ผู้คุ้มครองแห่งอินเพอริโอ พระคุณของพระเจ้า” นัยน์ตาของรูบี้จ้องผิวกำแพงราวกับมันคือของรัก มือเรียวเล็กเอื้อมไปสัมผัสและลูบไล้ไปมาราวกับถูกสะกด
ทั้งหมดเดินมาถึงที่ประตูกำแพงซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารขนาดใหญ่ มุมขวาของบานประตูหินที่เปิดอ้าเป็นจุดเชื่อมต่อโลกภายนอก แคปิตอล คอปประจำตำแหน่ง 20 กว่านายและมีชาวบ้านแต่งตัวหลากหลายฐานะยืนต่อแถวที่หน้าโต๊ะไม้ 5 ตัวซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารขนาดใหญ่ที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกับที่ปรากฏที่ส่วนบนของประตูประเทศ
“อาคารแห่งนี้คือสำนักงานแคปิตอล คอป แผนกรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ สังกัดทิศใต้ครับ” นิโคลัสอธิบายก่อนจะมีแคปิตอล คอปจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามา เรียงแถวตอนลึกพร้อมโค้งตัวทำความเคารพนิโคลัสอย่างพร้อมเพรียง “ขอต้อนรับสู่แผนกรักษาความปลอดภัยภายในประเทศครับ ท่านผู้บัญชาการกองกำลังแคปิตอล คอป สังกัดทิศใต้ เซอร์โบนกิน นิโคลัส ผมรองผู้กำกับการแผนก ลำดับที่ 2 แผนกรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ สังกัดทิศใต้ สเวนเซน แพทริคครับ” แพทริคเดินตรงมา น้ำเสียงที่ชายคนนี้ใช้กับนิโคลัสแสดงถึงความยำเกรงในตัวอีกฝ่าย ชุดของเขาไม่ได้ต่างจากแคปิตอล คอปคนอื่นยกเว้นแผ่นทองสลักสัญลักษณ์ดาบหนึ่งเล่มหัวทิ่มพื้นสามเหลี่ยมที่มีพู่งอกออกมา 2 ช่อ ติดอยู่ที่มุมซ้าย ที่มุมขวาติดป้ายชื่อ กระเป๋าเสื้อทั้ง 2 ฝั่งมีสัญลักษณ์คล้ายเป้ายิงปืนซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่ปรากฏบนบานประตูหินและโครงสร้างอาคารนั้น “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณสเวนเซนส์ ผมขออนุญาตให้นักเรียนของผมเดินชมโดยรอบได้ไหมครับ?” นิโคลัสเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ “ได้ครับ คุณโบนกิน!!” แพทริคตอบรับขันแข็ง
นักเรียนส่วนใหญ่แตกกลุ่มเดินสำรวจโดยรอบบริเวณเช่นเดียวกับกลุ่มของโทมัสแต่ไม่มีรูบี้ผู้กำลังหลงใหลอยู่กับตัวกำแพงอย่างไม่อาจถอนตัวได้ โต๊ะ 5 ตัวนั้นมีลักษณะธุรกรรมสอดคล้องกับที่ศาลากลางเมืองเดดวอร์ซเช่นโต๊ะตรวจสอบเอกสารของนักเรียน ชาวบ้าน นักเดินทางพเนจรและอื่นๆ ผู้มีความประสงค์จะออกไปนอกกำแพงประเทศจำเป็นต้องมีเอกสารรับรองที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ที่ศาลากลางเมืองโดยต้องนำมันมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าทางเข้าออกประเทศตรวจสอบจึงได้รับการอนุญาต
โทมัสมองดูภาพของผู้คนที่เดินสัญจรออกประตูประเทศ บ้างก็ลากเกวียนพร้อมสัมภาระ บ้างก็ถืออาวุธหนัก คนที่กลับมาถ้าไม่แบกผลไม้มาด้วยก็จะมีพวกซากสิ่งมีชีวิตหรือจับใส่กรงและพวกเขาต้องติดต่อกับโต๊ะทะเบียนเช่นกัน
เมื่อเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมวอลล์ ออฟ พีซก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยังเมืองถัดไปซึ่งเวลาในขณะนั้นก็ปาไปช่วงบ่ายแล้วและกว่าจะเข้าสู่เขตเมืองถัดไปก็เป็นช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันแล้ว ที่นี่เป็นเมืองที่มีความใหญ่เป็นลำดับ 3 ของเขตโนซาล์บ สถานที่สำคัญของเมืองคือโรงตีเหล็กขนาดยักษ์อันเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเขตโนซาล์บเพราะมันคือสถานที่สร้างอาวุธ ชุดเกราะและสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ตระกูลโฮเวิร์ดเป็นผู้ดูแลกิจการ
รถม้าเคลื่อนมาจอดด้านหน้ารั้วสีน้ำตาล โอบอุ้มด้วยผืนป่าขนาดใหญ่ ลู่ลมอยู่เบื้องหลังอันดำมืดของอาคารขนาดใหญ่ 2 แห่ง แสงสว่างท่ามกลางรัตติกาลเบิกเส้นทางข้างหน้าที่รถม้าเคลื่อนผ่านบนถนนหินเรืองแสง “วันนี้พวกคุณจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของเอิร์ล โฮเวิร์ด บาร์เกนซีนะครับ!!” นักเรียนส่วนใหญ่ที่ได้ยินต่างแสดงอาการตื่นเต้นและเตรียมตัวอย่างชุลมุนทว่า ในขณะที่คนอื่นรู้สึกยินดีกับการต้อนรับอันแสนยิ่งใหญ่ของตระกูลมหาอำนาจผู้มีบทบาททางการเมืองเสมือนเส้นเลือดใหญ่ เป็นโทมัสและมือที่กุมกำปั้นเท่านั้นที่กำลังสั่นไหวอยู่ภายใต้ผ้าคลุม ‘กลัว?’ มันเป็นสิ่งแรกที่เขาคิดอยู่ในใจ
ณ ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ถูกเนรมิตให้เป็นห้องรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สำหรับการนั้น พวกมันล้วนแต่ทำมาจากทองคำ ด้านหลังของนักเรียนที่นั่งรอรับประทานอาหารแต่ละโต๊ะมีข้ารับใช้ชายหรือหญิงรอการถูกเรียกใช้งาน ตัวสถานที่ประดับด้วยกระถางต้นไม้หลากสี คบเพลิง ธงประจำตระกูลและโคมไฟระย้าที่เกิดจากการแต่งเติมของอัญมณีขาวบริสุทธิ์ ด้านหน้าห้องโถงตั้งโพเดียมไม้กับสัญลักษณ์ประจำตระกูล เบื้องหลังของมันคือกลุ่มข้ารับใช้
“หรูหรามากเลยนะครับ” วิลเลี่ยมกล่าว “ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ในพระราชวังเลยล่ะครับ” ซาคาเรียสแสดงสีหน้าตกตะลึง ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่อยู่นอกเหนือจากอาณาเขตที่เขาคุ้นเคย โทมัสมองสำรวจความเคลื่อนไหวของสมาชิกร่วมโต๊ะ เห็นว่ารูบี้กำลังอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ เขาชำเลืองมองไปที่ผ้าคลุมตัวเองที่กำลังสั่นจากภายใน ‘แขนของเรายังสั่นไม่หยุด’ โทมัสกุมแขนแต่ก็ไม่ยอมหยุดสั่นสักที
เสียงเป่าแตรที่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงดึงความสนใจของนักเรียนที่มีต่ออาหารเบื้องหน้า ประตูห้องโถงเมื่อถูกเปิดออก ปรากฏบุรุษปริศนา เดินไปหยุดที่ด้านหลังโพเดียม เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดหนังสัตว์สีน้ำตาลหรู ส่วนสูงน่าจะไม่ถึง 160 แต่ไม่ได้ทำให้แผ่นไหล่กว้างหมดราศีและความน่าเกรงขามแต่อย่างใด
“สวัสดียามดึก นักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ทุกท่าน ผมเอิร์ล โฮเวิร์ด บาร์เกนซีครับ” บาร์เกนซีเผยรอยยิ้ม “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับพวกคุณในฐานะแขกของผมและถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของวงศ์ตระกูลที่ได้ต้อนรับเจ้าชายฟรานซิสโก้ ไวเวิร์น อเล็กซิน โทมัสขอรับฝ่าบาท!!” บาร์เกนซีเน้นเสียงด้วยความภาคภูมิใจ ชื่อที่ถูกขานขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียกเสียงปรบมือด้วยความยินดีของนักเรียนเป็นหย่อมๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจและฉงนใจกับความยิ่งใหญ่ที่ควรถูกสรรเสริญของเจ้าชายแห่งเงา “วันนี้!! พวกเรามาร่วมรับประทานอาหารกันให้เต็มที่เลยนะครับ!! ส่วนพรุ่งนี้ พวกคุณคนไหนที่สนใจจะเดินชมโรงตีเหล็กของตระกูลโฮเวิร์ด ผมจะเป็นผู้นำทางด้วยตัวเองครับ!!” เสียงปรบมือครั้งนี้ดังกว่าครั้งแรกอย่างชัดเจน
“หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมให้บอกข้ารับใช้ประจำโต๊ะได้เลยนะครับ” ตั้งแต่ที่บาร์เกนซีเดินลงจากเวทีพร้อมขบวนข้ารับใช้ที่เดินตามเป็นกระพรวน เขาไล่ทักทายนักเรียนตามโต๊ะไปเรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบการเดินของเขามันชัดเจนว่ากำลังตรงมาที่โต๊ะที่พวกโทมัสนั่งอยู่เป็นแน่ ที่สุดแล้ว “ฝ่าบาท” ซาคาเรียสหันมองตามเสียงเรียก เส้นผมสีส้มสว่าง ดวงตาสีน้ำผึ้งเรียบนิ่งจ้องเข้ามาในตาของซาคาเรียส มองเห็นกลุ่มก้อนอคติและความหวาดระแวงที่ก่อตัวแน่น “สวัสดีครับคุณ....” บาร์เกนซีคุกเข่าลงกับพื้น หน้าผากแนบชิดติดกับพื้นห้องโถง ซาคาเรียสรู้สึกตกใจกับการกระทำอันแสนไร้เหตุผลและเริ่มได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากนักเรียนผู้กำลังชะเง้อมองโต๊ะของเขา “ฝ่าบาท!! ได้โปรดพระราชทานอภัยโทษแก่บุตรชายของกระผมผู้บังอาจจาบจ้วงพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท!!!” น้ำเสียงของบาร์เกนซีเหมือนจะร้องไห้แต่ซาคาเรียสกลับเพียงแค่มองด้วยแววตาที่กำลังฉายประกายแห่งความสงสัย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 388
แสดงความคิดเห็น