วาฬโต้คลื่น 5 หนูไม่ชอบสนามแข่งรถ
วาฬโต้คลื่น 5 หนูไม่ชอบสนามแข่งรถ
"ไม่ใช่ เจอกลางคืน"
"อีเหี้ยวาฬ มึงไปทำอะไรที่สระกับเฮียคลื่นตอนกลางคืนวะ!!! "
เมื่อได้ยินคำตอบจากฉัน ทั้งโน่และจิ๊บก็แหกปากถามดังลั่นจนคนที่นั่งข้าง ๆ หันมามองแรงใส่อีกครั้ง และเดาว่าคนเขาคงรู้กันหมดแล้วว่าพวกเราคุยกันถึงเรื่องอะไรอยู่
ความลงความลับอะไร วาฬไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักเลยตั้งแต่สนิทสนมกับเพื่อนที่มีกระบอกเสียงราวกับหอกระจายข่าว
"ก็รู้ตัวว่าสร้อยหายตอนกลางคืนไง เลยรีบกลับไปที่สระ แอบลุงยามแทบตายกว่าจะเข้าไปในสระได้แต่แม่งไปเจอกับหัวเขียวกำลังว่ายน้ำอยู่พอดี เขาคงเจอสร้อยกูตกอยู่ใต้สระก่อนหน้านั้นเลยจิ๊กมาเป็นของตัวเองหน้าด้าน ๆ "
"มึงจะใช้คำว่าหน้าด้านกับเฮียคลื่นไม่ได้อีวาฬ เฮียเขาแค่ไม่รู้ว่าสร้อยนั่นสำคัญกับมึงยังไงก็เท่านั้น"
จิ๊บออกโรงปกป้องเฮียคลื่นของมันอีกครั้ง ทำเอาฉันต้องหันไปมองบนใส่อย่างนึกหมั่นไส้ จนถึงวินาทีสุดท้ายมันก็ยังเลือกปกป้องผู้ชายอะคิดดู
เพื่อนเนรคุณ
"ไม่รู้แหละ ยังไงกูก็ต้องเอาสร้อยฉลามกลับคืนมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็ต้องเอาคืนมาให้ได้!!! "
สนามแข่งรถ
เสียงดังของเครื่องยนต์จากรถคันหรูนับสิบคันในสนามแข่งดังแทรกเข้ามาในหูอีกครั้งเมื่อ ณ เวลานี้วาฬถูกลากมาที่สนามแข่งรถด้วยฝีมือของเพื่อนรักทั้งสองคน
โน่กับจิ๊บมันไปตามตารางแข่งของหัวเขียวมา แล้วก็เจอว่าวันนี้หัวเขียวมีแข่งรถที่สนามนี้พอดี
ในเวลา 6 โมงครึ่ง วาฬจึงต้องแบกสังขารที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นักมาเพื่อต่อกรขอเจรจาทำสัญญาคืนสร้อย
อ่า
จริง ๆ มันไม่ควรจะเป็นการสัญญงสัญญาอะไรด้วยซ้ำ เพราะสร้อยก็สร้อยของวาฬ แต่เพื่อนทั้งสองน่ะมันบอกว่าเฮียคลื่นหรือไอ้หัวเขียวคนนี้ไม่เคยให้อะไรใครฟรี ๆ ถ้าอยากได้ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนตลอด
โหย
นิสัยโคตรเสียเลยว่าปะ ไม่ควรมีคนนิสัยแย่ ๆ แบบนี้อยู่ในวงโคจรเดียวกับวาฬเลย ไม่เคยเจอกันตั้งเกือบสามปีแล้วทำไมถึงต้องให้มาเจอกันในปีนี้ด้วยวะ ไม่เข้าใจ
ไม่อยากรู้จักด้วย
"มึ้งงง เฮียเช็กรถอยู่ตรงนู้นโว้ย ผมเขียว ๆ อะ มึงรีบเข้าไปเร็วอีวาฬ"
กะเทยส่งเสียงเรียกเสียงดัง ก่อนจะหันมาดึงแขนฉันให้รีบเดินไปข้างหน้าแล้วชี้ไม้ชี้มือให้ดูคนหัวเขียวที่อยู่ตรงข้างสนามไม่ไกลเท่าไหร่นัก
เขากำลังนอนบนเบาะอะไรสักอย่างที่*คล้าย ๆ สเก็ตบอร์ดแต่กว้างกว่านิดหน่อย จากนั้นก็เลื่อนตัวเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถเดาว่าคงกำลังเช็กเครื่องยนต์อยู่
เห็นฉลามเคยทำที่บ้านบ่อย ๆ ตอนยังไม่ตายน่ะ แต่วาฬไม่ชอบเลยไม่ค่อยเข้าไปยุ่งด้วย
บ่นจนปากแทบฉีกว่าขับรถเร็วมันไม่ดี ก็ไม่เคยฟังกันบ้าง
สุดท้ายเป็นไง...
แม่งทิ้งวาฬไปอยู่ที่ดาวมฤตยูเลยเห็นปะ
ใจร้าย...
"ให้พวกกูเข้าไปด้วยปะมึง"
จิ๊บเอ่ยถามในขณะที่สายตามันยังไม่ละไปจากเป้าหมายของพวกเรา
หึ...มองจากสายตาเพื่อนแวบเดียวแม่งก็รู้แล้วว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ได้อยากจะไปส่งฉันหรอก อยากไปแอ๊วหัวเขียวให้ติดกับความสวยของมันมากกว่า
แต่ฝันเหอะ หัวเขียวมันนิสัยไม่ดี
ไม่ผ่าน!
"ไม่ต้องเลย ขืนมึงไปกูไม่ได้ทวงสร้อยคืนพอดีอยู่ตรงนี้แหละรอ ถ้ากูส่งสัญญาณบอกไม่โอเค กูไม่ไหวแล้ว พวกมึงค่อยเข้าไปช่วยนะ เคปะ? "
ว่าแล้วก็ทำมือเชือดคอตัวเองแทนสัญลักษณ์ของความช่วยเหลือให้เพื่อนดู ซึ่งพวกมันก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอมแม้จะมีบ่นออด ๆ แอด ๆ ตามมานิดหน่อยก็ตาม
"จ้า ๆ มึงดักกูทุกทางเลยอีวาฬ อย่าให้รู้เชียวนะว่าแอบตกเฮียมาเป็นของตัวเองอะ"
"โหย คิดได้ไงวะจิ๊บ คนเขียวอื๋อเหมือนใบตองแบบนั้นใครมันจะไปอยากได้วะ แถมข้าวสารสิบถังกับทองคำอีกสิบแท่งกูยังไม่เอาเลยเหอะ"
"อย่ากลืนน้ำลายตัวเองแล้วกันอีวาฬ มึงจำคำมึงไว้นะ"
"กูจะจำขึ้นใจ เขียนติดผนังห้องไว้ด้วยเอ้า! "
"โอ๊ย! ชะนีพวกมึงหยุดเถียงกันสักทีได้ไหม จะรอให้เฮียแกขับรถชนริบบิ้นก่อนรึไงถึงจะเข้าไปหาสักทีเนี่ยยย! "
กะเทยเริ่มเดือดปุด ๆ ยืนเท้าเอวด่ากราดพวกเราในวินาทีต่อมา สุดท้ายเลยต้องยอมสงบปากสงบคำลงเพื่อมุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่แท้จริงของฉันในวันนี้
ไอ้หัวเขียว!!!
เมื่อเดินเข้ามาในเขตสนามแข่งด้านใน ก็รับรู้ได้ถึงสายตาของผู้คนบนแสแตนได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่ต้องหันไปมองเลยด้วยซ้ำ แต่วาฬก็ทำเป็นใจแกร่งแล้วรีบเชิดหน้าวิ่งสับเท้าเข้าไปหาคนหัวเขียวที่กำลังเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ
"น้อง เข้ามาในนี้ไม่ได้นะ"
ทว่าก่อนจะทันได้วิ่งเข้าไปจู่โจมหัวเขียวกลับถูกเบรกไว้ด้วยผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เขาใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำด้านนอกและมีเสื้อยืดคอกลมสีขาวอยู่ด้านใน สวมใส่กางเกงยีนสีซีดธรรมดาแต่กลับมองแล้วดูแพงแบบน่าเหลือเชื่อ
อืม...
คนนี้หล่อ แต่นิสัยเสียเพราะมาขัดจังหวะคนจะทวงสร้อยคืน
"ขอเข้าแป๊บเดียว หนูมีธุระกับหัวเขียว"
มองแล้วเขาน่าจะผู้ใหญ่กว่าเลยเลือกจะแทนตัวเองว่าหนูแล้วชี้มือไปยังคนหัวเขียวที่กำลังหันหลังให้
"เฮียคลื่นเหรอ"
"ค่ะ"
พยักหน้ารับ แต่แอบสงสัยนิดหน่อยว่าหัวเขียวนี่มันเป็นเฮียของทุกคนเลยรึไงกัน
"ธุระอะไรน้อง เฮียจะลงแข่งอีกห้านาทีนะ"
"แป๊บเดียวพี่ ธุระหนูสำคัญจริง ๆ ถ้าหมดเวลาหนูจะรีบวิ่งออกสนามเลย"
ฉันเอ่ยต่อรอง จนสุดท้ายพี่เสื้อแจ็คเก็ตดำก็ยอมพยักหน้าให้ในที่สุด พอได้รับการอนุญาตฉันก็รีบวิ่งเข้าไปประชิดตัวหัวเขียวทันที แต่ก็ยังรักษาระยะห่างไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
"นาย! "
เลือกจะเอ่ยทักทายเขาด้วยคำว่านาย แทนการเรียกชื่อเหมือนที่คนอื่น ๆ เรียก
"ไง"
หัวเขียวหมุนตัวกลับมาพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้น เขาไม่ได้ทำหน้าตาแปลกราวกับรู้อยู่แล้วว่าฉันจะมาหา
"ไม่ต้องมาไง เอาสร้อยฉลามคืนมา"
ฉันชี้มือไปที่คอของเขา เพื่อทวงสร้อยฉลามคืน แต่หัวเขียวหน้าด้านมากเลยนะถือวิสาสะใส่สร้อยของคนอื่นได้ยังไง
"ไม่คืน ทำไมต้องคืน มันเป็นของฉันแล้ว"
"จะเอาอะไรก็บอกมาดิวะ มันเป็นสร้อยของฉันอะ อยากได้คืนเข้าใจปะ"
เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเพราะการเจรจาต่อรองไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เขาเลิกคิ้วข้างเดียวแล้วเริ่มใช้ดวงตาคู่คมสำรวจมองใบหน้าฉันด้วยสายตาแปลก ๆ
"มองไรวะ เอาสร้อยคืนมา"
เมื่อพูดดีแล้วไม่ให้ฉันเลยพยายามจะเขย่งตัวให้สูงเพื่อจะกระชากสร้อยฉลามออกมาจากคอของเขา รู้แหละว่าทำแบบนี้สร้อยอาจจะขาดได้ แต่วาฬยอมเสียเงินซ่อมสร้อยดีกว่าปล่อยให้อยู่บนคอของผู้ชายหัวเขียวคนนี้ต่อ
"อ้ะ! "
ทว่าในชั่วเสี้ยววินาทีถัดมากลับถูกเขารวบข้อมือทั้งสองของฉันไว้พร้อมกับดึงเข้าหาตัวจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงมาใกล้กับผิวแก้ม
กลิ่นเหมือนหมากฝรั่งรสมิ้นต์แตะอยู่ที่ปลายจมูก แต่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นตัวเขาหรือว่ากลิ่นอะไร
ไอ้คนที่ใส่ชุดนักแข่งอย่างเท่แต่สันดานเหี้ยจัดอะ...
ทำให้โมโหอีกแล้ว
"อยากได้คืนมาก? "
"เออดิ ไม่อยากได้จะถ่อมาหาถึงนี่ไหมล่ะ"
ฉันโต้กลับเสียงเบา ในขณะที่พยายามจะขืนตัวออกจากพันธนาการของเขา
"วิ้ดวิ้ววว คนของเฮียเหรอคร้าบบบ"
"น้องน่ารักนะเฮียยย เดี๋ยวนี้หัดมีสาวเหรอวะ"
"กรี๊ดดดดดดดด"
สัดเอ๊ย!
นั่นไงโดนจนได้ นี่แหละสิ่งที่วาฬไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
"ปล่อยนะเว้ย จะจับไว้ทำไม"
ฉันโวยวายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคนที่กำลังจับแขนฉันรวบไว้สองข้างไม่คิดจะสนใจเสียงเอ่ยแซวของคนทั้งสนามเลย ตรงกันข้ามเขาเลือกจะยิ้มมุมปากราวกับกำลังสนุกที่ได้แกล้งฉันแทนด้วยซ้ำ
"เธอบอกว่าอยากได้คืนมากใช่ไหม สร้อยฉลาม..."
"ใช่ อยากได้"
ตอบกลับไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาคมของเขาตรง ๆ แม้จะรู้ว่าไม่ควรสบตากับเขาใกล้ ๆ แบบนี้แต่เพื่อสร้อยฉลามวาฬยอมทำทุกอย่าง
"งั้นก็ขึ้นมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ฉันหนึ่งวัน ถ้าวันนี้ฉันแข่งชนะเธอก็ได้สร้อยคืนไป"
"แล้วถ้าไม่ชนะ? "
เอาจริงก็ไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายกับหัวเขียวหรอกนะ แต่ทั้งหมดมันก็เพื่อสร้อยฉลามจริง ๆ
"ก็ไม่ได้คืนไง"
"เอ้า! เกี่ยวไรวะ ถ้าไม่ชนะมันก็เป็นเพราะนายเองปะที่แม่งไม่เก่ง แค่ขึ้นไปนั่งด้วยแค่นี้ก็ควรจะได้คืนแล้วปะ"
"ไม่ ถ้าฉันไม่ชนะก็ไม่ได้คืน"
เอ้า! ไอ้ห่านี่
จะเอาเปรียบกันไปถึงไหนวะ
"จะเอาไม่เอา ถ้าไม่เอาก็กลับบ้านไปกินนมซะ"
เขายอมปล่อยแขนฉันหลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบ ก่อนทำท่าจะหันหลังให้เมื่อถูกผู้ชายอีกคนตะโกนบอกว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 1 นาทีก่อนลงแข่งจริง
"เฮีย อีกหนึ่งนาทีลงสนาม"
"ไม่ไปโว้ยยยยยย! "
ไม่น่าเลย....
คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วย
สาธุ
ฉันยกมือพนมขึ้นก่อนจะสาธุเหนือหัวเมื่อสุดท้ายแล้วก็ต้องมานั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับในรถสีดำเหลืองคันหรูนี่จริง ๆ ไม่รู้หรอกนะว่ายี่ห้อรถชื่ออะไรเพราะไม่เคยสนใจกับเรื่องอะไรแบบนี้เลยจริงๆ แม้แต่ก่อนฉลามจะเคยเอามาพูดให้ฟังบ่อย ๆ ก็ตามว่ารถคนนู้นคันนี้สวย
แต่วาฬก็ไม่สนใจ และไม่เคยจดจำอะไรเลย
การแข่งขันในครั้งนี้ดูเหมือนจะมีแค่หัวเขียวกับคนที่อยู่บนรถคันสีแดงข้าง ๆ เพียงหนึ่งคันเท่านั้น จากที่ได้ฟังก่อนขึ้นรถเมื่อกี้พวกเขาเหมือนจะคุยกันว่าไม่เน้นกติกา...
สนแค่แพ้หรือชนะ
อ่า
ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ที่แน่ ๆ คือไม่เห็นแววตาที่แสดงถึงความเกรงกลัวของคนหัวเขียวเลย
และก็หวังว่าเขาจะทำได้ดีเหมือนที่แสดงออกเพราะวันนี้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับเขา
ถ้ารอดก็คงรอด และถ้าตายก็คง....
ไม่ดิวะ!
ไม่ควรคิดอะไรพล่อย ๆ แบบนี้ ถ้าฉันเป็นอะไรไปอีกคนป๊ากับม๊าจะอยู่กันยังไง ไม่ได้หรอกวันนี้ยังไงวาฬก็ต้องรอดพร้อมกับสร้อยฉลามที่จะกลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง
"บรื้นนนนน! "
"กรี๊ดดดดดดด! "
ฉันตกใจจนกรี๊ดลั่นเมื่อจู่ ๆ หลังจากธงสีดำถูกโบกลงรถทั้งสองคันก็ทะยานตัวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันที และมันแทบจะพร้อม ๆ กันเลยด้วยซ้ำ
"....."
มือสองข้างของฉันกุมกันไว้แน่น ในขณะที่สายตามุ่งตรงไปที่ด้านหน้าซึ่งดูเหมือนว่ารถคันนี้พร้อมจะพุ่งชนไปที่ขอบรั้วสนามอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเขาก็สามารถหักรถเข้ารัศมีโค้งได้อย่างทันท่วงที
เฉียดตายชั่วเสี้ยววินาทีจริง ๆ นะ
เปล่าโม้เลย
"บรื้นนนนน! "
หัวเขียวยังเป็นฝ่ายขับนำอยู่และเมื่อมองลงไปที่เท้าฉันก็ได้เห็นว่าเขาเหยียบคันเร่งจนมิดในชนิดที่ว่าแทบจะไม่แตะเบรก
ไอ้ห่า!
อยากตายรึไงวะ
ตอนขับรถเขาไม่สอนเหรอว่ารถมีเบรกกกกกก
"บรื้นนนนนน! เอี๊ยดดดด! "
ตายห่าอยู่ในใจไม่ทันไร เสียงเบรกจากรถก็ดังลั่นจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหูอัตโนมัติ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก
เสียงล้อรถเสียดกับถนนจนแสบแก้วหู ใจเต้นโครมคราราวกับจะทะลุทะลวงออกมาจากอก
รถคันสีแดงที่ขับตามข้างหลังอยู่ดี ๆ ก็ขับขึ้นไหล่ทางแล้วปาดแซงตัดหน้ารถจนหัวเขียวแทบเบรกไม่ทัน
โชคดีที่เขาสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้ไวฉันเลยยังรอดตาย แต่บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ไม่โอเค
เกือบคว่ำแล้วแม่งเอ๊ย!
"สัด!!! มึงเจอกู! "
เสียงสบถหยาบดังออกมาจากปากของหัวเขียว
หลังจากนั้นเขาก็รีบเหยียบคันเร่งไล่จี้ตูรรถคันสีแดงด้านหน้าอย่างไม่คิดจะอ่อนข้อให้
และสุดท้ายเขาก็สามารถกลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ด้วยการขับข้นไหล่ทางแล้วปาดรถตัดหน้าเหมือนที่คันสีแดงได้ทำเมื้อกี้
แต่มันใช่เรื่องน่าลอกเลียนแบบไหมวะ
แข่งรถ...
ข้อห้ามที่สำคัญมันคือการห้ามขับแซงตรงไหล่ทางไม่ใช่เหรอ
"ฮึก..."
ส่วนฉัน...
ได้แต่กำสายคาดเบลท์หรือที่ภาษาไทยเขาเรียกกันว่าเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นเมื่อรถคันหรูทยานออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วกว่าเดิมเป็นสามเท่า
เสียงเครื่องยนต์ดังอื้ออึงตีกันอยู่ในหัวจนแทบอยากอาเจียนออกมาซะตรงนั้น
เอาให้เปื้อนรถหรูของหัวเขียวแม่งไปเลย จะได้ไม่ต้องขับรถคันนี้อีกสักเจ็ดวันเจ็ดคืน
รถของเขาปาดไปซ้ายทีขวาทีตั้งแต่เริ่มต้นโดยมีรถของคู่แข่งคอยขับเบียดไล่ตามอย่างหวาดเสียว
"ฮือ...นะ หนูไม่ชอบ..."
ฉันเอ่ยบอกคนข้างตัวเสียงสั่นเทาผ่านหมวกกันน็อคที่ถูกสวมใส่ไว้ที่หัว และมันใหญ่มากพอที่จะปกปิดยาวไปจนถึงลำคอ น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคออย่างยากลำบากในขณะที่มือเริ่มสั่นขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่สามารถควบคุมไว้ได้
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองกับเขาไป
"มะ...ไม่ชอบแบบนี้เลย"
เขาจะได้ยินในสิ่งที่บอกหรือเปล่า....
แต่ก็ภาวนาขอให้ได้ยินเถอะ แล้วก็ช่วยรีบ ๆ ชนะการแข่งขันนี้สักทีหรือไม่งั้นก็ช่วยจอดรถก่อน...
วาฬจะลง!!!
แงงงงง
เฮียคลื่นไม่อ่อนโยนเลย วาฬอยากลงรถแล้วเด้อ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 302
แสดงความคิดเห็น