ภูพิง-อิงธารา บทที่ 7 nc
อิงธาราส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง แววปรารถนาจากตาคู่นั้นยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว หญิงสาวตัดสินใจเฮือกสุดท้ายรวบรวมความกล้าสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของเขาเต็มแรง เสียงเพี้ยะดังก้องสะท้อนกลับไปกลับมา ดั่งจะตอกย้ำถึงสิ่งที่เธอพึ่งกระทำ แววปรารถนาจากตาคู่คมเมื่อครู่แทนที่ด้วยไฟโทษะ ภูพิงจ้องหญิงสาวอย่างเดือดดาล ก่อนที่เขาจะทำสิ่งใด ร่างบางก็ฉวยจังหวะนั้นกระโจนไปยังประตู แต่ทว่าก็ถูกลำแขนแข็งแรงคว้าร่างแล้วกักไว้กับผนังห้อง
"เธอกล้ามากอิงธารา" มือใหญ่เชยคางเล็กแหลมขึ้น แรงบีบจากเจ้าของมือไม่เบาทำเอาหญิงสาวถึงกับครางด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย! เจ็บนะ" หญิงสาวอุทานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ก่อนจะออกแรงใช้มือดันอกของชายหนุ่มสุดแรง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
"นายมันก็เก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ" อิงธาราเถียง พยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันทนาการ แต่ก็ไร้ผล
"แล้วเธอจะเสียใจที่ทำให้ฉันโกรธอิงธารา"
จบคำก็ก้มลงประกบริมฝีปากอุ่นร้อนกับปากอิ่มด้วยอารมณ์โกรธ เรียวลิ้นดุนดันกลีบปากที่เม้นสนิทให้เปิดออก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายเลยเมื่อหญิงสาวต่อต้านสุดชีวิต ลำแขนแข็งแรงรวบร่างบางไว้แน่นดังพันทนาการชั้นเอก และมันปิดทางรอดของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
สองมือบางทุบตีรัวๆ เข้ากับไหล่กว้างเท่าที่มีแรง พลางพยายามเบือนหน้าหนีให้หลุดพ้นจากริมฝีปากที่บดขยี้เรียวปากเธออย่างเร่าร้อน แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง มือหนากระชับท้ายทอยบังคับให้แหงนเงยรับบทลงโทษจากเขาได้อย่างถนัดถนี่ ยิ่งร่างบางขัดขืนมากเท่าไร ริมฝีปากร้อนจัดก็ยิ่งบทเคล้าคลึงเค้นอย่างหนักหน่วง ครอบครองกลีบปากแนบแน่นจนไม่มีช่องว่างให้เธอหายใจ
เขาเลาะปลายลิ้นกับกลีบปากนุ่มกระทั่งริมฝีปากที่เม้มแน่นของเธอเผยอออกรับการรุกล้ำ ภูพิงเหมือนจะสำลักลมหายใจในตอนที่ลิ้นอุ่นชื้นกวาดต้อนรุกเร้าอยู่ในโพรงปากเล็ก แต่หากก็หวานฉ่ำชื่นใจ
"ไม่นะ...หยุดนะ...อือ...อือ" เสียงหวานครางประท้วงในลำคอ
เขาจูบเธออย่างร้อนแรงชนิดดูดกลืนทุกลมหายใจ ร่างบางกระตุกไหว เสียววาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจดศีรษะ ก่อนจะแล่นย้อนกลับลงไปยังปลายเท้าอีกที หูอื้อตาลาย หายใจไม่ทัน สมองว่างเปล่าขาวโพลนไปหมด ยังดีที่เขาปราณียอมถอนริมฝีปากออกก่อนที่เธอจะขาดอากาศหายใจตายไปจริงๆ
"เฮือก..." อิงธาราอ้าปากหอบหายใจ สูดอากาศเข้าทางปากแทน ใบหน้าแดงซ่าน หัวใจเต้นระส่ำ แต่ถึงอย่างนั้นสติดที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็สั่งให้เธอพยายามดิ้นรนหาโอกาสหนีอีกครั้ง
"นี่สำหรับที่เธอตบฉัน" ทว่าภูพิงไม่เปิดโอกาศให้เธอได้โต้แย้งใดๆ เขายอมให้หญิงสาวพักหายใจเพียงอึดใจเดียว ก็ก้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง ประทับจูบอย่างกระหาย คล้ายกับคนขาดน้ำมาหลายวัน พอได้ลิ้มรสสักครั้งก็ตะกระตะกรามเฝ้าดูดดื่มอย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
ร่างบางเพียรดิ้นรนอย่างหนัก ใช้สองมือประทุษร้ายเขาเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ถูกรวบพันธนาการตรึงเอาไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง ไหนจะยังร่างกายที่ถูกคนตัวใหญ่กดทับให้ติดอยู่กับผนังห้องด้วยร่างใหญ่โตแข็งแกร่งดั่งหินผาอีกเล่า เป็นเหตุให้เธอไร้อำนาจต่อกรเพราะถูกเขาจองจำจนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่นิด
"ปล่อย...ฉัน" แต่ละคำช่างหลุดออกจากปากอย่างยากเย็น
"ทำเป็นดีดดิ้นเหมือนไม่เคย ช่างแสดงเก่งเสียจริงแม่คุณ มารยาแค่นี้ตบตาฉันไม่ได้หรอก อยากรู้นักว่าจะเสแสร้งไปได้กี่น้ำกัน เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอรู้สึกดีกับมันเอง" ภูพิงกระซิบข้างหูเสียงพร่า
"ไม่..." เธอส่ายหน้า ไม่ยอมรับกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้น ความรู้สึกที่ว่าร่างกายกำลังทรยศเธอ มันร้อนวูบวาบ ตื่นตัวขึ้นมาฉับพลัน เนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับมีไฟอันรุ่มร้อนสุมอยู่ ชายหนุ่มมองใบหน้าแดงปลั่งแล้วกระตุกมุมปากคล้ายยิ้มเยาะ
"ต่อไปเป็นบทลงโทษสำหรับพวกที่ชอบฝ่าฝืนกฎ อยากจะรู้นักว่าเธอจะขัดขืนได้สักกี่น้ำกัน" แล้วเขาก็เริ่มบทลงโทษโดยการก้มหน้าขบริมฝีปากและฟันฝังลงบนลำคอนวลผ่อง
"อ๊า..." หญิงสาวครางกระเส่า ไม่ทันตั้งรับกับความเสียวซ่านที่เกิดจากประสบการณ์แปลกใหม่ซึ่งเธอไม่เคยพานพบ
"ยะ...อย่า...ปะ...ปล่อยฉัน..."
ชายหนุ่มไม่ใส่ใจเสียงอ้อนวอนของเธอ แต่กลับเคลื่อนริมฝีปากมาทาบลงบนกลีบปากอิ่มอีกครั้ง คราวนี้เขาเปลี่ยนจังหวะจูบเสียใหม่ จากรุนแรงรุกเร้าในจูบแรก กลายเป็นเคลื่อนคล้อยคลอเคลียอย่างอ้อยอิ่ง ขบเม้มริมฝีปากล่างเบาๆ สลับกับนวดคลึงอย่างยั่วยวน
รสสัมผัสที่อิงธาราเพิ่งเคยได้รับรู้เป็นครั้งแรกช่างแตกต่างจากจูบเมื่อครู่เหลือเกิน หัวใจสั่นสะท้านซ่านสยิวแล่นพล่านไปทั่วกายสาว หูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม จนต้องใช้สองมือขยุ่มไหล่หนาของคนตัวโตไว้แน่น เพื่อลดอาการวาบหวิวจากการกระทำของเขา แต่ก็เผลอหลุดครางออกมาอย่างยากเกินระงับ นั่นยิ่งทำให้เขารุกล้ำเข้ามาอย่างย่ามใจ
ปลายลิ้นสากไล้เลียแทรกตัวเข้าไปในโพรงปากนุ่มชื้น ตรงเข้าสะกิดปลายลิ้นเล็กๆ หยอกเอินให้เธอรับการรุกเร้า กระทั่งหญิงสาวลืมตัวเผลอเผยอกลีบปากขึ้น เขาก็โจนจ้วงเข้าไปควานหาความหอมหวานภายในอย่างลึกล้ำ กวาดลิ้มชิมรสหวานปานน้ำผึ้งพระจันทร์ไปทั่วกระพุ้งแก้ม
จนเมื่อหนำใจจึงชักปลายลิ้นเข้าออก จงใจกระตุ้นเร้าเลือดในกายสาวให้เดือดพล่าน หลอกล่อให้เธอกระวนกระวายจนต้องส่งลิ้นตามติดเข้ามาในปากเขาอย่างไม่ประสา ตอบสนองเขา จูบเขาอย่างไม่รู้ตัว และให้เขาจูบเธอได้อย่างลึกซึ้งดื่มด่ำยิ่งขึ้น ความรู้สึกหวานล้ำจากโพลงปากนุ่มของหญิงสาว ช่างปลุกเรียกอารมณ์หนุ่มให้พุ่งพร่านตื่นตัวจนอยากจะกลืนกินแม่เจ้าพระคุณเสียเดี๋ยวนี้
'อา...เธอช่างหอมหวานจนยากจะห้ามใจเสียเหลือเกิน มันช่างแตกต่างจากรสสัมผัสในวันนั้นลิบลับ'
จากที่มือทั้งสองกอดกระชับร่างบางแนบกายแกร่ง กลับเคลื่อนคล้อยซุกซนไปตามส่วนโค้งเว้าด้านหลังของร่างบางที่อิงแอบอย่างหมดเรี่ยวแรง และแทรกหายเข้าไปใต้เสื้อตัวโคร่งที่หญิงสาวสวมใส่เพื่อช่วยพลางรูปร่างเย้ายวนนั้น ผิวเนื้อเนียนนุ่มลมุนมือยามสัมผัสแตะต้อง ยิ่งทำให้อารมณ์ที่พยายามกักเก็บปะทุจนยากจะควบคุม
"อืม!...ดื้อกับฉันบ่อยๆซิ" น้ำเสียงหยอกเย้ากระซิบชิดกลีบปากอิ่ม ทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่ หญิงสาวกระพริบตาเพื่อรวบรวมสมาธิก่อนจะผลักชายหนุ่มเต็มแรง จนอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซถอยหลัง
"ไปตายซะ" ร่างบางบริภาษก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
อิงธาราวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างไม่คิดชีวิต น้ำตาแห่งความอัดอั้นพรั่งพรูไม่ขาดสาย ทั้งโกรธทั้งเกลียดการกระทำต่ำช้าของชายหนุ่ม หญิงสาววิ่งรวดเดียวจนมาถึงหน้าห้องพักของตัวเองก่อนจะผลักประตูเข้าไปแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา เธอทรุดร่างลงบนพื้นก่อนจะสะอึกสะอื้นจนตัวโยนให้กับความหยาบช้าที่ได้รับ รสสัมผัสจากปากอุ่นยามนาบลงบนกลีบปากและผิวเนื้อ ทั้งยังฝ่ามือร้อนร้ายที่ลูบไล้แผ่นหลังนั่น ยังคงติดตรึงในความรู้สึกในยามนี้
"เกลียด...เกลียด...เกลียดนายที่สุด" เธอกู่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเดินโซเซไปห้องน้ำ หมายใจจะใช้น้ำชำระล้างร่องรอยความอัปยศอดสูที่ได้รับจากคนชั่วให้หมดไป
ภูพิงทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องอาหาร ยกมือลูบไล้ริมฝีปากอย่างเลื่อนลอย กลิ่นกรุ่นสาวจากร่างบางยังติดปลายจมูก เขายอมรับว่าจูบเมื่อครู่ทำให้เขาพึงใจ อันที่จริงเขาไม่ตั้งใจจะให้มันเลยเถิดไปถึงจูบสองจูบสามหรอก แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ใกล้หญิงสาวความยับยั้งที่เคยมีก็ปลิดปลิวไปกับรสชาตหอมหวานของเธอไปจนหมด
'ไม่ได้สิ จะไปเคิบเคิ้มกับเสน่ห์จอมปลอมของลูกสาวศัตรูไม่ได้'
ชายหนุ่มดึงความแค้นจากการกระทำของพ่อเธอกลบความรู้สึกพึงใจที่มีมาก่อนหน้านี้ ส่วนอาการจูบไม่ประสีประสาและกายสั่นสะท้านยามสัมผัสแตะต้อง มันก็แค่มารยาที่เจ้าหล่อนจงใจสร้างขึ้นมาหลอกล่อก็เท่านั้น นี่เธอคงคิดว่าเขาเดาทางไม่ออกหรืออย่างไรกัน บทบาทไร้เดียงสาที่เธอจงใจสร้างเพื่อเรียกร้องคุณค่าของตัวเองนั้น เขาเจอมานักต่อนักแล้ว
"'ลูกสาวศัตรู...ต่อให้จะดียังไงสันดารก็ไม่ต่างจากพ่อมากนักหรอก'
ภูพิงพลูลมหายใจหนักๆ ออกมา เขาไม่ได้กังวลกับแผนของตัวเอง แต่เขากังวลกับเวลามากกว่า เพราะเวลาของเขามีเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ดังนั้นภายในหนึ่งเดือนต่อจากนี้ นายปองพลจะต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเอง และแน่นอนว่าทุกอย่างจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือที่ดังลอดออกมาจากห้องทำงาน ก็ขัดความคิดของชายหนุ่มไปจนหมด
"แย่แล้ว! ลืมโทรหาลุง" ภูพิงอุทานอย่างตกใจก่อนจะผลุนผลันตรงไปยังห้องทำงานที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโถงรับแขกของตัวบ้านอย่างหน้าตาตื่น จากภาพลักษณ์ของชายหนุ่มดุร้ายกลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังกลัวผู้ปกครองจับได้ว่ากำลังทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 579
ความคิดเห็น
ขอบคุณค่า ตอนนี้สุดมาก^^
แสดงความคิดเห็น