ตอนที่ 38 .. “ เมื่อไหร่ใจก็เจ็บ ”
ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ
เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. วีณา
พันธุ์เดียวกัน - แช่ม แช่มรัมย์
https://www.youtube.com/watch?v=G9TdR_L24rw
ขอขอบคุณ คุณ แช่ม แช่มรัมย์ จาก ค่าย แกรมมี่ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
ตอนที่ 38 .. “ เมื่อไหร่ใจก็เจ็บ ”
“หนูโรสเชื่ออานะ อย่าเข้าไปเลยมันเป็นพื้นที่เสี่ยง ในเมื่อคุณกุ้งเขาสั่งห้าม เราก็อย่าขัดคำสั่งเขาเลย ทำตามที่คุณกวางบอกเถอะ”
“ไม่ ถ้าพี่กุ้งเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะทำยังไง คราวที่แล้วก็เกือบตายมาครั้งนึงแล้ว ทุกคนจำไม่ได้เหรอ นอนสลบไสลไปตั้ง 3 วัน 3 คืนหนะ จำกันไม่ได้รึไง ใครไม่ไป แต่ฉันจะไป” กวางพยายามโน้มน้าวใจโรสจนวินาทีสุดท้าย
“ทำไมจะไม่คุ้ม คุณไม่รู้หรอกที่นายพยายามทำอยู่ ไม่ได้ทำเพื่อตัวนายคนเดียว แต่ทำเพื่อส่วนรวม นายพยายามปกป้องชีวิตของคนในปากช่องนี้นับร้อยนับพัน ถ้าบ่อนการพนันมาตั้งตรงนี้ได้จริงเมื่อไหร่ ชีวิตของคนที่นี่อีกเท่าไหร่ต้องมาฉิบหายกับบ่อนนี้”
“แล้วทำไมต้องเป็นผัวฉันเสียสละอยู่คนเดียวด้วยหละ ขายให้คนอื่นไปซะ มันก็จบแล้ว จะเก็บไว้ทำไม ในเมื่อมันใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้หนะ” ห้ามเท่าไหร่ก็ห้ามไม่อยู่เลย กวางอธิบายยังไงโรสก็ไม่ฟัง
โรสทนรอไม่ไหวกับการรอการกลับมาหรือให้เสียงปืนสงบลง จึงวิ่งเปิดประตูออกไป คว้ามอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่คันหนึ่ง ขับเข้าไปในฟาร์มคนเดียว “เอ้า พวกเราจะยืนทำอะไรกันอยู่ หนูโรสไปโน่นแล้ว ไม่มีใครคิดจะทำอะไรกันบ้างเลยเหรอ”
แพรไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ก็เลยวิ่งตามออกไป แต่จะไปทางไหนหละ โรสไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ ตัวเองก็ไม่เคยมา กวางเหนื่อยใจกับโรสจริงๆ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา กุ้งเอาตาย ถ้ารู้ว่าโรสมาถึงนี่ เลยให้ทิพย์กับติ๋มรีบไปพาตัวกลับออกมาให้ได้
“ติ๋ม ทิพย์ รีบไปเอาตัวคุณโรสกลับมาเลยทันทีโดยด่วน อย่าให้เข้าไปถึงด้านในพื้นที่อันตรายได้เลยเชียว ถ้านายรู้ว่าเมียมาและเป็นอะไรไป พวกเราหัวขาดแน่ ไปเร็วรีบไป” ทั้งสองคนรับคำ “ค่ะ” แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“ทางนี้คะ ถ้าอยากจะเข้าไป” ทิพย์เรียกแพร ส่วนติ๋มรีบเอารถจิ๊บออกและรีบขับตามเข้าไป
----- ^^^^^ -----
เสียงปะทะยังคงดังไม่ขาดสาย กุ้งบอกเด่นให้อ้อมไปอีกทาง ถ้าเก็บหรือจับไอ้เบิ้มหัวหน้าไม่ได้ เกมส์นี้คงจบยาก
“คุณเด่นผมจะไปจับไอ้เบิ้มหัวหน้ามันให้ได้ คุณคุ้มกันให้ผมด้วย นั่นมันหลบอยู่ตรงนั้น ผมฝ่าเข้าไปไม่ได้”
“มันอันตรายนะคุณกุ้ง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า หรือไม่ก็พวกทหารตำรวจที่เขาชำนาญมากกว่าเรา”
“ไม่มีเวลาแล้ว กระสุนพวกเรามีไม่มากแล้ว หลายคนกำลังเพลีย ไอ้เบิ้มมันอยู่ใกล้เราสองคนมากที่สุด และผมมั่นใจว่า ผมเอาอยู่ นะเชื่อใจผม ผมยังเหลือส้มเกลี้ยงอีก 2 และน้อยหน่าอีก 1 กระสุนเต็มแม็กซ์ชุดสุดท้าย ถ้าใช้อย่างประหยัด ผมจับมันได้แน่”
“เครครับ งั้นเริ่มเลย ระวังนะครับ เดี๋ยวผมจะโยนส้มเกลี้ยงลูกนี้เปิดทางให้ แล้วคุณกุ้งรีบวิ่งฝ่าไปตรงต้นไม้นั้นเลยนะครับผมจะเปิดทางให้ อ้อ ถ้าคุณเก็บบังเกอร์ตรงนั้นได้ ทางก็จะโล่ง ไหวไหม” กุ้งพยักหน้า
“1-2-3” พอเด่นนับจบก็โยนส้มเกลี้ยงทันที
<บึ้ม> กุ้งรีบวิ่งฝาดงกระสุนไปทันที หลบกระสุนที่พวกนั้นสาดมาทันและหลบไปยังต้นไม้ตามที่ต้องการได้ โรสขับมอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าบ้านและวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังฟาร์มที่เคยไปทันที นวลเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงรถของโรสเข้ามาจอด
“นายหญิง จะไปไหน นายไม่ให้เข้าไป อย่าค่ะ” นวลวิ่งเข้าไปฉุดแขนโรสเอาไว้
“ไม่ได้ นายสั่งเอาไว้ให้ทุกคนออกจากบริเวณนี้ นวลแค่กลับมาเอาเสื้อผ้านายไปซัก นวลขอร้องหละ ถ้านายรู้นวลหัวหลุดแน่”
ติ๋มขับรถมาถึงต้องจอดแค่ตรงนั้นเพียงตีนทางขึ้น เพราะขับขึ้นไปไม่ได้ แล้วรีบตะโกนบอกนวล
“จับนายหญิงเอาไว้นวล อย่าปล่อยให้เข้าไป” นวลหันไปดูว่าเสียงใคร
จังหวะนั้นโรสรีบแกะมือของนวลออกทันทีและรีบวิ่งเข้าไปยังทางเข้าที่อยู่ด้านหลังทันที
“นายหญิง” ไม่ทันแล้วนวลหันไปอีกที โรสวิ่งไปไกลแล้ว ติ๋ม ทิพย์และแพรวิ่งขึ้นมาถึงพอดี
“จะมัวรออะไรหละนวลไปซิ รีบไปตามนายหญิงกัน อยากตกงานรึไง” ทิพย์ตะโกนใส่หน้า
ทุกคนจึงต้องวิ่งตามโรสเข้าไปในเขตอันตรายนั้นทันที ส่วนกุ้งพยายามจะหาทางเก็บบังเกอร์เจ้าปัญหานั้นให้ได้ เพราะเบิ้มอยู่ในบริเวณนั้นแต่เข้าไม่ถึง กุ้งพยายามมองดูรอบๆว่าจะไปทางไหนดี พวกคุมบ่อนล้อมกันอยู่เต็มไปหมดทั้ง 4 ด้านขืนออกไปตายฟรีแน่
พวกที่คุมบ้านก็สู้ไม่ถอย ถึงแม้ว่าตัวของบ่อนแจะพังไฟไหม้ไปแล้วบางส่วนก็ตาม แต่พวกนั้นก็ยังคงคุ้มกันไว้ได้อย่างแน่นหนา พวกทหารบางส่วนวิ่งมาถึงเด่น
“เอาไงต่อครับ กระสุนที่พวกเราเตรียมมา ใกล้หมดแล้ว บางคนก็บาดเจ็บ”
“แล้วเหลือที่มีแรงจริงๆกี่คน” เด่นถาม จ่าคนนั้นจึงบอก
“ไม่ถึง 10 คนแล้วหละ” เด่นมองดูรอบๆ
“แล้วพวกตำรวจหละ เป็นยังไงกันบ้าง” เท่าที่จ่ามองเห็น
“อยู่ทางโน้น แต่ก็กำลังเสียเปรียบ โดนล้อมอยู่ เพราะพวกมันมีมากจริงๆ”
เด่นจึงตะโกนไปบอกกุ้ง “คุณกุ้ง ผมว่าพวกเราถอยก่อนเถอะ ตชด.อีกกลุ่มที่เราขอความช่วยเหลือไป ยังมาไม่ถึงเลย”
“ไม่ ถ้าวันนี้ผมไม่ได้ตัวไอ้เบิ้มผมไม่กลับ คุณพาพวกเราฝ่าวงล้อมออกไปก่อนเถอะ ทางสันเขาตรงทิศตะวันตกปลอดภัย ผมเห็นแล้วไม่มีพวกมันทางนั้น อ้อมนิดหน่อยพาพวกเรากลับได้ ไปไม่ต้องห่วงผม นั่นไอ้เบิ้มมันหนีไปทางโน้นแล้ว ผมจะตามมันไป”
“คุณกุ้ง..จ่า พยายามวอร์ติดต่อ ตชด.ให้ได้ บอกพิกัดและตำแหน่งให้เขาอย่างชัดเจนอีกที ผมจะไปช่วยคุณกุ้ง พยายามให้ได้”
“ครับคุณเด่น” แล้วจ่าก็พยายามวอร์หาศูนย์ของตชด.เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างไม่หยุด
กุ้งวิ่งตามเบิ้มมาติดติด ยิงบ้างโยนระเบิดบ้าง จนเบิ้มหลบแทบไม่ทันต้องหาต้นไม้หลบเป็นระยะๆเพราะกุ้งใส่ไม่ยั้งจนระเบิดหมด
“ไอ้เบิ้ม แกมอบตัวเถอะ กระสุนแกใกล้หมดแล้ว ฉันรู้” เบิ้มดึงแมกซ์ออกมาดู ประมาณ 5 นัด
“ไอ้กุ้ง ทำไมวะ ถึงกัดกูไม่ปล่อยเลยวะ ครั้งที่แล้วกูไม่น่ายิงมึงพลาดเลย มึงจะได้ไม่ต้องมาคอยเป็นหนามยอกอกกูอยู่แบบนี้เนี่ย”
“มึงโง่เองช่วยไม่ได้ ลูกน้องมึงตายเกือบหมดแล้ว” สักพักเสียงฮอร์ของตชด. ก็ดังขึ้น เสียงปืนค่อยๆสงบและเบาลง
“นั่นมาแล้ว ตชด. มาช่วยกูแล้ว มึงหนีไม่รอดแล้ว มอบตัวซะเถอะ เห็นไหมเสียงปืนสงบแล้ว พวกนั้น โดนกวาดเรียบเรียบ เหลือมึงคนเดียวแล้ว อย่าหนีเลย” กุ้งไม่รู้หรอกว่าเหลือใครบ้างต้องใช้จิตวิทยาในการหลอกไอ้เบิ้มนิดหน่อย
“มึงอย่ามาหลอกกูเลยไอ้กุ้ง กูรู้นิสัยมึงดี มึงหลอกคนอย่างกูไม่ได้หรอก ลูกน้องกูยังเหลืออีกเยอะ นั่นมึงหันไปดู วิ่งกันให้เกลื่อนป่า หลอกกูไม่สำเร็จหรอก” ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น กุ้งก็พยามจะเข้าไปประชิดตัวเบิ้มให้มากที่สุด ยิงสวนออกไปอีกและขยับตัวไปอีก
เพราะต่างคนต่างหลบอยู่ที่ต้นไม้คนละต้น กุ้งดึงแมกซ์ออกมาดู เหลือไม่ถึง 3 นัด และมีดสั้นอีก 1 อัน ระเบิดหมดเกลี้ยงแล้ว เด่นวิ่งหลบมาอีกทางเพื่อดูว่าทางที่จะกลับเข้าฟาร์มด้านหลังปลอดภัยไหม ก็เห็นว่า โรสกำลังวิ่งมาทางนี้ เพราะโรสวิ่งตามเสียงปืนมา สักพักก็เห็นพวกสาวๆอีก 4 คนวิ่งตามเข้ามา ตะโกนเรียกโรสเป็นระยะๆ
“คุณโรส กลับมา อย่าเข้าไป มันอันตราย” ติ๋มพยายามเรียก เด่นวิ่งเข้ามาและกางมือกันเอาไว้
“คุณเด่น” โรสหลุดปากออกมา “หลีกคะ ถอยไป คุณมาขวางโรสทำไม โรสจะเข้าไปหาพี่กุ้ง”
“ไม่ได้ครับ คุณกุ้งห้ามให้ใครเข้าไป แล้วนี่คุณกับพวกนั้นเข้ามาได้ยังไง ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งนะครับ ถ้าคุณกุ้งรู้เข้ารับรองไม่พอใจแน่”
“เดี๋ยว” โรสเอะใจ “ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้คนเดียว แล้วพี่กุ้งหละ ทำไมคุณไม่อยู่กับพี่กุ้ง ไม่อยู่ช่วยพี่กุ้ง หนีมานี่คนเดียวได้ยังไง”
“ผมไม่ได้หนีมาคนเดียว นั่นอีกเพียบนั่งพักอยู่ตรงนั้น อีกอย่างคุณกุ้งให้พาพวกที่เหลือหลบออกมาก่อน ส่วนตัวเขายังอยู่ด้านใน”
อีก 4 สาววิ่งมาถึงพอดี “นายหญิงกลับเถอะค่ะ นวลขอร้องหละ ถ้านายรู้ว่านายหญิงเข้ามา พวกเรา 3 คนหัวขาดแน่”
“ผู้จัดการค่ะช่วยกล่อมคุณโรสทีเถอะ ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะก็ไม่รู้” ติ๋มพูดแบบเหนื่อยๆ
“กระสุนมึงหมดแล้วใช่ไหมไอ้กุ้ง กูรู้เพราะกูนับอยู่” กุ้งถึงตัวเบิ้มพอดี ใช้ท่อนไม้ฟาดลงไปที่แขนขวาที่ถือปืนอยู่ จนหล่นลงพื้น
ทั้งสองปะทะกันแบบประชิดตัว ทั้งเตะทั้งต่อยกันพัลวันล้มกลิ้งไปมากับพื้นลาดของภูเขา ผลัดกันแพ้ผลัดกับชนะแบบลูกผู้ชาย โรสมองไปที่พวกตำรวจทหารที่บาดเจ็บ จึงทนไม่ได้ที่เห็นสภาพนั้น รีบวิ่งแหวกพวกนั้นเข้าไปด้านในทันทีขณะที่เด่นเผลอ เพราะยังเหนื่อยอยู่ เด่นและ4 สาวจึงต้องวิ่งตามเข้าไปอีกจนได้ เพราะความดื้อลั้นของโรส จึงทำให้กุ้งเกิดความเพลี่ยงพล้ำในเวลาต่อมา
กุ้งกับเบิ้มดึงมีดสั้นของตัวเองขึ้นต่อสู้กันแบบมือเปล่า เหวี่ยงกันไปมา จนได้แผลกันคนละแผลสองแผล แขนบ้าง ลำตัวบ้าง แล้วก็วิ่งเข้าประจัญบานกันจนล้มลงคลุกฝุ่นอีกครั้ง เนื่องจากเบิ้มเป็นคนตัวใหญ่กว่ากุ้งพอสมควร จึงได้เปรียบในด้านสรีระ กุ้งกำลังเสียเปรียบอยู่ด้านล่าง เบิ้มใช้มือขวากดแขนกุ้งอยู่พยายามจะเอามืดจิ้มไปที่ตาและลำคอกุ้งให้ได้ ส่วนมือขวากุ้งก็พยายามจะแทงลำตัวเบิ้มให้ได้ กุ้งได้จังหวะใช้เท้าซ้ายยันตัวเบิ้มจนลอยข้ามหัวไป แล้วพลิกตัวกลับขึ้นมายืน เบิ้มลุกขึ้นมาประจัญหน้ากันอีกครั้ง
โรสวิ่งไปก็ตะโกนเรียกชื่อกุ้งไปด้วย ทั้งสองคนวิ่งเข้ามาประชิดตัวกันอีก ต่างคนต่างถือมีด กำลังสู้แรงกันอยู่ โรสวิ่งมาเห็นพอดีด้วยความรักและเป็นห่วงกุ้งไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ จึงตะโกนเรียกไปอย่างดัง
“พี่กุ้ง” กุ้งหันไปดูตามเสียง เบิ้มได้โอกาสสบัดมือออกทันทีมีดโดนแขนขวากุ้งด้านบนจนได้แผลยาวมีดหล่นจากมือ เบิ้มรีบก้มลงไปหยิบปืนที่พื้นแล้วเล็งไปที่โรส และยิงออกไป กุ้งรีบวิ่งไปบังวิถีกระสุนทันที <เปรี้ยง>
“อร๊าย พี่กุ้ง” โรสตะโกนออกมาดังลั่นป่าสุดเสียง กุ้งกระโดดบังตัวโรสไว้ได้ทันจนล้มลงที่พื้น
ตชด.กลุ่มหนึ่งวิ่งมาทันวินาทีนั้นพอดี จึงยิงกระหน่ำใส่ร่างของเบิ้มแบบไม่นับ จนตายสนิทไม่มีสิทธิ์ร้องสักแอ๊ะ กุ้งใช้ร่างตัวเองกอดโรสเอาไว้บังกระสุนได้ทันหมุนกลิ้งลงมากับพื้นหลายรอบทีเดียว เมื่อหยุดสนิทมือทั้งสองของกุ้งแผ่ออกอยู่กับพื้นดิน หมดสติทันที โรสลุกขึ้นมาเขย่าตัวกุ้งร้องไห้ไม่หยุด ทุบตัวกุ้งเป็นการใหญ่ เด่นกับ 4 สาววิ่งเข้ามาประคองกุ้งและตกใจกับเหตุการณ์ที่เห็น
หลังจากนั้นไม่นานพวก ตชด.ก็ Clear พื้นที่จนสงบ ฮอร์มารับร่างของกุ้งไปส่งยังโรงพยาบาลในเมือง โดยมีโรสเฝ้าอยู่ข้างกายสามีไม่ห่างกายเลย แพรทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าที่จะโทรบอกลูกสาวว่าผู้มีพระคุณกำลังอยู่ในวิกฤตอันตราย เป็นตายเท่ากัน ต้องได้รับการผ่าตัดเอากระสุนที่โดนยิงข้างหลังออกโดยด่วน ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร เพราะใกล้จุดสำคัญเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโดนไขสันหลังหรือไม่
โรสทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งทำร้ายและโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าทำให้กุ้งได้รับอันตรายในครั้งนี้ เป็นต้นเหตุให้กุ้งเจ็บ แพรต้องคอยห้ามและปลอบใจอยู่ตลอดอย่างใกล้ชิด กวางและพวกที่เหลือเมื่อรู้ข่าวจึงรีบมาที่โรงพยาบาลทันที โดยเฉพาะลูกแก้ว เมื่อรู้ว่าพ่อกุ้งบาดเจ็บอีกแล้ว และครั้งนี้เกิดจากความดื้อรั้น ความประมาทอย่างไม่น่าให้อภัยของโรส ลูกแก้วจึงโกรธและโมโหมาก เดินตรงมาที่โรส พอโรสเงยหน้าขึ้นมาลูกแก้วจึงตบหน้าโรสอย่างแรง จนทุกคนตกใจไม่คิดว่าลูกแก้วจะกล้าทำแบบนั้น กวางรีบดึงลูกแก้วออกมาทันที
“ลูกแก้วทำอะไรหนะลูก ไปตบหน้าพี่โรสทำไม” ลูกแก้วชี้หน้าและด่าโรสแบบไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
“ถ้าพ่อกุ้งเป็นอะไรขึ้นมาเพราะความงี่เง้าและดื้อรั้นของแก ฉันจะไม่ให้อภัยแกไปตลอดชีวิตเลยอีโรส คอยดู”
พวกสาวๆทุกคนต้องตกใจอีกครั้งที่ได้ยินลูกแก้วประกาศออกมาแบบนั้น เด่นรีบเดินไปห้ามลูกแก้วและเอามือปิดปากทันที
“ลูกแก้วพูดอะไรออกมา ทำไมถึงพูดกับพี่โรสแบบนั้น มันเป็นเหตุสุดวิสัย พี่โรสไม่ได้เป็นคนทำให้พ่อกุ้งเป็นแบบนั้น ไปขอโทษพี่โรสเดี๋ยวนี้ พ่อสั่ง ไปเดี๋ยวนี้ลูกแก้ว” ลูกแก้วไม่สนใจ สบัดตัวออกจากมือของเด่นและวิ่งหนีออกไปทันที
“นวลตามน้องไป” กวางรีบบอก นวลจึงรีบวิ่งตามออกไปทันที โรสมองตามหลังและไม่โกรธที่ลูกแก้วทำอย่างนั้น
!!!!! &&&&& !!!!!
1 ชั่วโมงผ่านไป ไฟห้องผ่าตัดดับลง หมอที่ผ่าตัดเดินออกมาทำหน้าไม่ค่อยดี โรสวิ่งเข้าไปหาหมอเป็นคนแรก
“หมอค่ะ สามีหนูเป็นยังไงบ้าง” หมอหันไปบอกโรสด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ต้องทำใจหน่อยนะครับ เนื่องจากคนเจ็บเสียเลือดมาก ประกอบกับร่างกายอิดโรยอ่อนแอมากอีกด้วย เหมือนว่าไม่ได้พักเลยมาหลายชั่วโมง ถึงเราจะโชคดีที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญคือไขสันหลัง แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะคนเจ็บหายใจอ่อนแรงมาก น่าเป็นห่วงครับ ต้องดูอาการกันนาทีต่อนาที ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ก็นับว่าโชคดี แต่ถ้าคืนนี้คนไข้สู้ไม่ไหวกับสภาพร่างกายที่บอบช้ำมากขนาดนั้น หมอก็ต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าด้วยนะครับ ขอให้ทำใจไว้ด้วย ตอนนี้หมอคงบอกได้เพียงเท่านี้ ต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวค่ะคุณหมอ” หมอหยุดและหันมา “มีอะไรครับ” โรสยกมือไหว้หมอเพื่อขอความเห็นใจ
“ดิฉันเป็นภรรยาคนเจ็บ ไม่ทราบว่าคืนนี้ ดิฉันขอเฝ้าสามีอย่างใกล้ชิดได้ไหมคะ” หมอส่ายหน้า
“คงจะไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้เราได้ย้ายคนเจ็บไปไว้ที่ห้อง ICU แล้ว ถ้าคุณจะเฝ้า ก็อยู่ได้แค่เพียงหน้าห้องเท่านั้น เราไม่สามารถให้คุณเข้าไปด้านในได้ เพราะคนเจ็บยังไม่พ้นขีดอันตราย ก็อย่างที่หมอบอกหละครับ ต้องให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้ง นี่ก็เที่ยงวันแล้ว หมอว่าพวกคุณกลับกันไปก่อน ถึงอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลับไปพักผ่อนกันเถอะ ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดี”
โรสรีบวิ่งไปดูสามีที่ห้อง ICU ทันที เกาะประตูดูด้วยน้ำตาที่นองหน้า มองเข้าไปเห็นกุ้งนอนคว่ำหน้ามีท่อสายยางอยู่ที่ปาก มีสายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด น่าสงสารมาก โรสได้แต่คิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าเธอไม่หลุดปากตะโกนออกไปในตอนนั้น กุ้งะก็คงจะไม่ต้องเป็นแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แพรไหมเดินเข้ามาปลอบใจอีกครั้ง ตบไหล่โรสเบาๆ
ยิ่งคิดเมื่อไหร่ใจก็เจ็บ โรสคิดอย่างนั้น แพรมองเข้าไปในห้องนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา แต่ทำไงได้ คงต้องรอปาฏิหาริย์เท่านั้น
“อาว่าเรากลับไปพักผ่อน อาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่านะ ค่ำๆแล้วเราค่อยมากันใหม่ก็ได้ เรายังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงนะ อาเชื่อว่าคนดีอย่างคุณกุ้งต้องปลอดภัย นะ เชื่ออาคนดี เรากลับกันก่อน แล้วมาใหม่ก็ยังไม่สาย” โรสพยักหน้า ตายังคงจ้องข้างในโดยไม่ละสายตา
โรสค่อยๆเอามือปาดกระจกและไม่อยากละสายตาจากกระจกนั้นเลย แต่ก็ต้องไป เพราะถึงอยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ เด่นพาโรสและแพรไหมกลับไปยังบ้านของกุ้ง จากนั้นทุกคนก็กลับไปยังออฟฟิตอีกครั้งในเวลาประมาณ 14.00 น. แต่ทุกคนเหมือนไม่มีกระจิตกระใจทำงานกันเลย เด่นเดินกลับเข้ามาหลังจากที่ไปส่งโรสกับแพรที่บ้าน ตบมือบอกทุกคนให้ยิ้มแย้มกันหน่อย สู้ๆการ์ดอย่าตก
“ทำงานๆเลิกคิดซะกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก็คิดซะว่าตอนนี้นายทำงานอยู่ที่ กทม.ไง ที่ผ่านมา ทำไมพวกเรายังอยู่กันได้หละ”
“ก็มันต่างกันนี่ค่ะคุณเด่น” ทิพย์พูดขึ้นมาทันที
“นี่เราเห็นเหตุการณ์กันจะๆเต็มสองตากันทุกคน บอกตามตรง ทิพย์ทำใจไม่ได้ คุณทำได้เหรอคะ ถือว่าเก่งจริงๆ นายมาเจ็บแบบนี้ แล้วพวกเราจะมีกระจิตกระใจทำงานได้ยังไง เรารักและเป็นห่วงนายกันทุกคนนะ”
“ฉันรู้ว่าพวกเธอคิดกันยังไง อีกอย่าง แล้วเธอรู้ได้ยังไงทิพย์ ว่าฉันไม่ห่วงและไม่มีความคิดเหมือนพวกเธอ แต่จะให้ทำยังไงหละ ถ้าพวกเราไม่ทำงาน มัวแต่มานั่งหมดอาลัยตายอยากแล้วมันจะช่วยให้นายหายเร็วขึ้นไหม สู้พวกเราตั้งใจทำงานและส่งแรงใจไปช่วยนายเพื่อให้หายไวๆ จะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้านายรู้ว่าเขาเจ็บแล้วพวกเราไม่ทำงาน นายจะเสียใจมากกว่านะ คิดดูให้ดีๆว่าผมพูดถูกไหม ถ้าเราทำตัวปกติทำงานไป งานก็ไม่เสียกำลังใจก็ไม่หายด้วย จริงไหม เลิกงานแล้วใครอยากจะไปเยี่ยมนาย ก็ตามสบายกันเลย”
ทุกคนเมื่อได้ฟังแบบนั้น ก็เข้าใจกับสิ่งที่เด่นพูดทันที
“เอ้าๆน้องๆทำงานๆ อย่าอู้ไปๆ แยกย้าย หน้าที่ใครหน้าที่มัน” ติ๋มเจ๊ใหญ่ตบมือและตะโกนบอก ทุกคนจึงแยกย้ายไปทำงานกันได้ ส่วนลูกแก้วเด่นให้กวางพาไปไว้ที่บ้านทันที และไม่ได้ทำโทษอะไร
xxxxx ===== xxxxx
เป็นเพราะสื่อใจระหว่างกุ้งกับดาวที่ยังมีต่อกันอยู่ตลอดเวลาเพราะตัดกันไม่ขาด ขณะที่ดาวกำลังนอนคิดอะไรเพลินๆอยู่ในห้อง อยู่ดีๆรูปของกุ้งที่วางอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอข้างเตียง ก็หล่นลงมาจนกระจกแตกละเอียด ทั้งๆลมที่พัดเข้ามาก็ไม่แรง และเปิดวิทยุฟังเพลงไปด้วย สักพักก็มีข่าวด่วนตัดแทรกเข้ามา โดยข่าวนั้นได้รายงานถึงเหตุการณ์การปะทะกันอย่างรุนแรงที่ปากช่อง
“ข่าวด่วนๆ เนื่องจากวันนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ 8 นาฬิกาเศษได้เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างตำรวจ ทหารพรานและตชด.กับพวกที่มาลักลอบเปิดบ่อนเถื่อนหลังฟาร์มโคนมชื่อดังแสงตะวัน” ดาวรีบขยับตัวฟังอย่างตั้งใจและก้มลงไปเก็บแล้วหงายขึ้นมาดูหน้ากุ้ง
ใจเธอสั่นยังไงก็ไม่รู้ “พี่กุ้ง” ครั้งแรกที่เห็นกรอบรูปก็ยังไม่ค่อยเอะใจสักเท่าใด จึงตั้งใจฟังต่อ โดยถือกรอบรูปนั้นไว้อยู่ในมือ
“การปะทะยืดเยื้ออยู่นานร่วม 2 ชั่วโมงเต็มเหตุการณ์จึงสงบลง ตำรวจและทหารพราน บาดเจ็บบ้างเล็กน้อย โดยได้ความช่วยเหลือจาก ตชด.ได้ทันท่วงที ส่วนหัวหน้าที่คุมการเปิดบ่อนในครั้งนี้ได้เสียชีวิตลงทันทีเพราะฝ่าฝืนการจับกุม และในการปะทะกันครั้งใหญ่นี้ จึงมีผลทำให้นายนรากร ธิติพันธ์พงษ์หรือกุ้ง ซึ่งเป็นหัวหน้าและผู้นำทีมในครั้งนี้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสกลางหลัง อาการเป็นตายเท่ากัน” มือของดาวหมดแรงไปทันที จึงทำให้กรอบรูปที่ถืออยู่นั้นหล่นลงพื้นอีกทีเป็นครั้งที่ 2 จนแตกละเอียดเลยคราวนี้
“พี่กุ้ง” ดาวนิ่งไปพักใหญ่ “ขณะนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนแล้ว และปลอดภัยในเบื้องต้น
เพราะความห่วงใยสามี ดาวเลยรีบโทรเข้าหากุ้งด้วยเบอร์ใหม่ที่โกร๋นให้มา <ติ๊ดๆๆๆ> เด่นรับสายแทนเพราะกุ้งฝากโทรศัพท์ไว้กับเด่นตั้งแต่ออกไปลุยกับพวกนั้น “สวัสดีครับ” ดาวรีบพูดออกไปก่อน โดยไม่ทันฟังให้ดีว่าเสียงใคร
“พี่กุ้งเป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ หนูได้ข่าวว่าพี่ถูกยิง”
“เดี๋ยวครับ ไม่ทราบว่าจากที่ไหนครับ ผมไม่ใช่คุณกุ้ง”
“อ้าว แล้วทำไมถึงมารับได้ นี่มันเครื่องพี่กุ้งไม่ใช่เหรอ ฉันชื่อดาวเป็นเมียพี่กุ้งนะ”
“อีกคนแล้วเหรอ” เด่นบ่นในใจ “ใช่ครับ เครื่องคุณกุ้ง แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่ นอนพักรักษาตัวอยู่ ตามข่าวที่คุณได้ยินมานั่นแหละ”
“แล้วผัวฉันเป็นไงบ้าง ฉันจะไปเยี่ยมบอกชื่อโรงพยาบาลมา ที่ไหน”
“ไม่ต้องมาหรอกครับ ถึงมาคุณดาวก็ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมแพทย์แล้วกัน แค่นี้นะครับ พอดีผมมีธุระ ต้องขอเสียมารยาทด้วย แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะครับ เพราะอีกนานกว่าคุณกุ้งจะรักษาตัวหาย ให้เค้าหายดีก่อนแล้วผมจะบอกให้ว่าคุณโทรมา”
แล้วเด่นก็วางสายทันที ดาวไม่รู้จะทำยังไง จึงรีบโทรหาโกร๋นทันที เพื่อวิงวอนไปรับตัวกุ้งมาจากโรงพยาบาลที่ปากช่องมาไว้ที่ กทม.ให้ได้ เพราะดาวต้องการที่จะเฝ้าเอง <ติ๊ดๆๆๆ> โกร๋นกำลังนั่งทำงานเขียนแบบเพื่อตกแต่งสำนักงานของนุ่นอยู่
ครั้งแรกยังไม่ว่างเพราะติดพันเสียงก็เงียบไป <ติ๊ดๆๆๆ> มาอีกติดๆกัน จึงเอื้อมมือไปรับได้คราวนี้
“โหล โกร๋นครับ จากที่ไหนเอ่ย” ดาวรีบบอกข่าวของกุ้งทันที แบบไม่มีการเกริ่นนำเลย
“พี่โกร๋นพี่กุ้งถูกยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลที่ปากช่อง พี่โกร๋นช่วยไปรับผัวหนูมาที่ กรุงเทพฯด้วยนะพี่ หนูอยากดูแลพี่เค้า”
“อะไรนะ ไอ้กุ้งถูกยิง” โกร๋นต้องหยุดงานเลยทันที “ดาวอย่าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกับพี่น่า”
“โธ่พี่หนูจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นทำไมชีวิตผัวหนูทั้งคน นะพี่นะ ถือว่าช่วยลูกนกตาดำๆที หนูโทรไปแล้วคนชื่อเด่นบอกมา”
“เออๆ แล้วพี่จะติดต่อกลับไปแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ” โกร๋นต้องเชื่อ เพราะถ้าดาวอ้างชื่อเด่น คงไม่ได้หลอก
หลังจากวางสายดาว เพื่อความแน่ใจโกร๋นจึงโทรเข้าไปหาเครื่องของกุ้งทันที แต่โชคไม่ดีที่เด่นไม่อยู่ออกไปแล้ว จึงโทรเข้าไปที่แสงตะวันทันที ติ๋มซึ่งเป็นโอปาเรเตอร์จึงบอกความจริงให้ฟังจากปาก
“คุณโกร๋นเหรอคะ ค่ะเป็นความจริง นายถูกยิง ตอนนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอปากช่อง ยังไม่ฟื้นค่ะหมอให้รอดูอาการ ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ก็รอด แต่ถ้าไม่ไหว เราก็คงต้องเสียนายไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย”
“ขอบคุณมากนะครับ” จากนั้นโกร๋นก็รีบโทรหาทั้งสองหนุ่มทันที ตอนนี้ 15.00 น. ประมาณ 1 ทุ่มทั้งสามคนก็ถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดปากช่อง โดยนั่งเครื่องมากับเที่ยวบินที่เร็วที่สุด และหลังจากลงมาจากเครื่องก็พบกับวันทนีย์ที่สนามบินด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าเห็นโรสกับแพรนั่งเฝ้ากุ้งอยู่ที่หน้าห้อง ICU แพรจำวันทนีย์ได้จึงรีบตรงเข้าไปหา
“คุณนี คุณกุ้ง” วันทนีย์งงมากที่เห็นแพรกับโรสอยู่ที่นี่ด้วยกัน อยากจะรู้ที่มาที่ไป แต่ยังไม่มีเวลา ที่มาเนี่ยเพื่อดูอาการกุ้งเท่านั้น
“คุณแพรมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเป็นไงมาไงถึงมากับคุณโรสได้” แพรพยายามจะอธิบาย แต่วันทนีย์ ยังไม่อยากรู้ จึงหันไปหาโรส
ทั้งสามหนุ่มตรงไปดูเพื่อนที่กระจก กุ้งยังคงนอนหลับไม่ได้สติ “น้องโรสตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้ ถ้าติ๋มไม่โทรไปบอก พี่ก็ไม่รู้หรอก พี่หลงไว้ใจให้น้องดูแลนาย ทำไมถึงไม่ดูแลให้ดี ทำอย่างนี้กับพี่ได้ยังไง คอยดูนะ ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะไม่ยกโทษให้คุณเลย” พูดจบก็เดินไปที่กระจก แหวกทั้งสามหนุ่มแบบไม่เกรงใจ “หลีก”
“นาย อย่าเป็นอะไรไปนะ ถ้านายเป็นอะไรไปแล้วนีจะอยู่ยังไง นีอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายนะ ฟื้นสักทีซินี่มันหลายชั่วโมงแล้วนะคนดี”
นียืนบ่นอยู่ในใจคนเดียวขณะที่เอามือเกาะกระจกดูกุ้ง โกร๋นเดินไปถามโรสอีกคน เมฆยังไม่เห็นว่าโรสอยู่ที่นี่ เพราะเดินไปหาที่นั่งกับมอญเสียก่อน
“คุณโรสคุณมาที่นี่ทำไม ไอ้กุ้งมันบอกว่าจะแอบมาทำงานคนเดียว สะสางงานที่นี่แค่ 2-3 วันก็จะกลับเพราะมีงานรออยู่ที่ กทม.แต่นี่คุณดื้อแอบตามมันมาใช่ไหม มาจับผิดมันเรื่องอะไรอีก มาจนได้เรื่อง ทำให้มันห่วงหน้าพะวงหลังแบบนี้ ถามจริงๆเถอะคุณ ว่าเมื่อไหร่จะเลิกนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเองเสียที เกิดเรื่องขึ้นมาทีไร ไอ้กุ้งก็ซวยเพราะคุณทุกที พับผ่าเถอะ”
“คุณโกร๋น โรสไม่ได้ตั้งใจ รู้ตัวว่าผิด แล้วจะให้โรสทำยังไง ใครมันจะไปรู้หละ ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้โรสก็จะไม่ทำหรอก”
โรสก้มหน้านั่งร้องไห้ เมฆกับมอญเดินเข้ามาหาโกร๋น เอามือตบไหล่ “ว่าไงวะ คุยอะไรกับใครอยู่” เมฆถาม
“ก็คุยกับตัวต้นเหตุอยู่ไง นี่แหละที่ทำให้ไอ้กุ้งต้องเข้าไปนอนในนั้น โรสเงยหน้าขึ้นมา เห็นเมฆยืนอยู่ตรงหน้าจึงตกใจมาก
“เมฆ” อย่าว่าแต่โรสเลย เมฆก็เช่นกัน เมื่อทั้งสองสายตาประสานกัน
“โรส..คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แล้วทำไมไอ้โกร๋นมันบอกว่าคุณคือตัวต้นเหตุ ผมงงไปหมดแล้ว”
“กูพอจะสรุปได้ง่ายๆชัดๆเลยนะ ก็คุณโรสเนี่ยเป็นคนทำให้กุ้งเพื่อนเราต้องลงไปนอนอยู่ในห้องนั้น เพราะความดื้อและรั้นไง”
มอญพูดออกมาตรงๆและชัดเจนที่สุด
“แล้วคุณกับกุ้งเป็นอะไรกัน ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้” เมฆข้องใจมาก เลยยิงคำถามสำคัญไป
“พี่กุ้งเป็นสามีดิฉันค่ะ ได้ยินชัดไหมคะคุณเมฆ คราวนี้รู้หรือยังค่ะว่าทำไมดิฉันถึงได้หายไป และไม่ติดต่อคุณ”
ทั้งสามหนุ่มตกใจมากที่โรสบอกออกมาอย่างนั้น วันทนีย์เดินกลับมาหาโรส
“นีจะเอานายกลับไปรักษาตัวที่ กทม. นีมีโรงพยาบาลเอกชนที่เก่งๆ นายต้องหายและฟื้นเร็วกว่าอยู่ที่นี่ มีใครเห็นด้วยกับนีไหม”
สามหนุ่มเห็นด้วย แต่โรสขอคัดค้าน เพราะหมอแจ้งมาแล้วว่าห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าจะผ่านคืนนี้
“ไม่ได้นะคะ ตอนนี้หมอแจ้งมาแล้ว ว่าห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าจะผ่านคืนนี้ ไม่งั้นคนไข้จะเสียชีวิตทันที เพราะพี่กุ้งหายใจอ่อนมาก”
“โอ๊ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้เนี่ย” นีโมโหมาก แพรเดินเข้ามาหานี และพยายามพูดให้ใจเย็นๆ
“ใจเย็นๆนะคะคุณนี ดิฉันว่าเชื่อหมอก่อนดีกว่า ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ เราค่อยว่ากันใหม่”
“นั่นนะซิคุณนี เชื่อผมเถอะ รอดูอาการกันก่อน นี่ก็ดึกแล้ว ผมว่าเราไปหาที่พักกันก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่แต่เช้า”
เมฆพูดขึ้นมาเพื่อเตือนสติ นีหันไปมองหน้าโรสแบบไม่พอใจ ชี้หน้าด้วย “จำไว้นะโรส” แล้วก็หงุดหงิด เดินกลับไปดูกุ้งอีกครั้ง
“หนูแพรอาว่าเรากลับไปนอนเอาแรงกันก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาใหม่ ตอนนี้ถึงเราอยู่ไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นะเชื่ออา”
“อาแพร กลับไปคนเดียวเถอะค่ะ หนูจะนั่งเฝ้าดูอาการพี่กุ้งอยู่ตรงนี้ เผื่อหมอต้องการอะไร หนูจะได้บอกเขาได้ นะอากลับไปก่อน”
ยังไงโรสก็ยังดื้อ “เอาไงพวกมึง ใครจะไปหาที่นอนพักเอาแรงกับกูบ้าง” วันทนีย์เดินกลับมาอีกครั้ง จึงบอกเรื่องที่พัก
“คุณเมฆไม่ต้องไปหาเช่าห้องพักที่ไหนหรอกค่ะ ไปพักที่แสงตะวันได้เลย นีโทรบอกนวลให้จัดที่ให้พวกคุณหมดแล้ว”
“ขอบคุณมากเลยครับ” มอญขอบคุณแทนเพื่อนๆ “งั้นพวกเรารีบไปเถอะ กูง่วงแล้ว พรุ่งนี้จะได้มาหาไอ้กุ้งมันแต่เช้า” มอญบอก
“ไปค่ะ นีบอกให้คนที่ฟาร์มมารับแล้ว ปาดนี้คงมาถึงแล้วหละ ใครจะกลับก็ตามนีมา ไม่งั้นก็หาทางกลับกันเองแล้วกัน”
โรสดันให้แพรกลับไป เพราะเธออยากอยู่คนเดียว แพรจึงกลับ เมฆเดินไปได้สักพัก ก็เปลี่ยนใจ
“เห๊ย พวกมึงสองคนไปก่อนได้เลย กูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโรสเอง เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว กูดูแล้วน่าเป็นห่วงหวะ”
“เออ ตามใจ มีอะไรคืบหน้าก็บอกกูด้วยแล้วกัน” มอญบอก ทั้งสามคนเอากำปั้นชนกัน “เออ กูไปแหละ” โกร๋นตบไหล่เมฆเบาๆ
ที่จริงนีก็อยากจะอยู่ แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่อยากจะแสดงอาการมากเกินไปจนออกนอกหน้าว่าชอบและมีใจให้กับนายตัวเอง ทั้งๆที่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น ก่อนออกจากโรงพยาบาลนีได้แวะที่เคาน์เตอร์และแจ้งความประสงค์จองห้องพิเศษไว้ให้กุ้ง หากฟื้นแล้ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจน 5 ทุ่มโรสเผลอนั่งหลับที่เก้าอี้ เมฆเห็นว่าโรสหนาว เพราะตัวสั่นๆเอามือขึ้นมากอดอกตัวเองไว้ จึงถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่ใส่มา มาคลุมให้ สักพักโรสเหมือนจะอุ่นขึ้นอาการสั่นจึงหายไป
เมฆได้แต่ยืนดูโรสอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ ตั้งแต่รู้ว่าโรสเป็นใคร คงได้แต่ยืนบ่นเสียดายที่เจอโรสช้ากว่ากุ้ง
“ทำไมนะ เราถึงไม่โชคดีเหมือนไอ้กุ้งมัน เจอคนที่ใช่ ก็ดันมากลายเป็นเมียเพื่อนซะอย่างนั้น ทำไมวะ พระเจ้าถึงไม่เมตตาคนจนๆอย่างไอ้เมฆบ้างเลย” แล้วเมฆก็เดินออกไปหากาแฟและพวกแยมโรลมาทานระหว่างรอ และเอาแยมโรลพร้อมชาเขียว 1 ขวดไปวางไว้ให้โรสขณะที่หลับอยู่ จากนั้นก็มานั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ฝั่งตรงข้าม เมฆนั่งจ้องมองโรสจนเผลอหลับไปเช่นกัน
xxxxx ===== xxxxx
ประมาณตี 1 ของวันใหม่ วันที่ 27 เมษายน กุ้งดีขึ้นสัญญานชีพดีขึ้นตามลำดับ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ผ่านวิฤกตไปได้ หมอจึงให้พยาบาลพากุ้งออกจากห้อง ICU ไปยังห้องพิเศษที่วันทนีย์ได้ทำการจองเอาไว้ ก่อนที่จะกลับไปยังแสงตะวันและให้ทางโรงพยาบาลแจ้งเธอด้วย เมื่อกุ้งดีขึ้น หลังจากที่ได้ย้ายกุ้งไปที่ห้องพิเศษเรียบร้อย จึงได้โทรแจ้งวันทนีย์ตามที่ได้ตกลงกันไว้
“คุณวันทนีย์ใช่ไหมค่ะ” วันทนีย์ รีบรับสายเพราะนอนไม่หลับ นอนกระสับกระส่ายไปมาตลอดคืน
“ใช่ค่ะ” นียังตาปรือๆ “จากโรงพยาบาลนะคะ” เท่านั้นแหละตาสว่างทันที “โรงพยาบาล” นีรีบลุกขึ้นมานั่งฟัง
“ค่ะ ตอนนี้คุณนรากร พ้นขีดอันตรายแล้ว เราได้ย้ายไปยังห้องพิเศษ 604 ที่คุณจองไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ สบายใจได้ พรุ่งนี้สายๆสามารถเข้าเยี่ยมได้แล้วค่ะ แค่นี้นะคะ ราตรีสวัดิ์ค่ะ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณพยาบาล” หลังจากวางสาย นีดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหัวแล้วร้องกรี๊ดออกมาจนสุดเสียงเพราะดีใจที่กุ้งไม่เป็นอะไร
“คุณกุ้งของนี ปลอดภัยแล้ว เย้ๆ” เมื่อวันทนีย์ได้รับข่าวดีจึงนอนหลับแบบมีความสุข
----- ***** -----
ประมาณตี 2 โรสสะดุ้งตื่นเพราะฝันถึงกุ้งตอนที่วิ่งมาช่วยเธอและโดนยิง จนเหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด เมื่อตื่นขึ้นมาต้องพบว่ามีเสื้อแจ็กเก็ตห่มอยู่ที่ตัวเธอและหันไปเห็นเสบียงที่เมฆซื้อวางไว้ให้ โรสหันไป มองฝั่งตรงข้าม เห็นเมฆนั่งหลับกอดอกอยู่เช่นกัน จึงเอาเสื้อไปคลุมคืนไว้ให้และเดินกลับมานั่งทานขนมที่เมฆเอามาให้เล็กน้อย สักพักก็เดินไปดูกุ้งที่ห้อง แต่ต้องตกใจที่กุ้งไม่อยู่แล้ว
จึงรีบวิ่งไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ “ขอโทษนะคะ คนไข้ที่ห้อง ICU 5 ไปไหนแล้วค่ะ ทำไมไม่มีใครแจ้งดิฉันหละค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” พยาบาลรีบบอกให้โรสใจเย็นๆ เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครว่างในช่วงนั้น
“ใจเย็นๆค่ะ ถ้าห้องนั้น ทางเราได้ย้ายคนไข้ขึ้นไปไว้ที่ห้องพิเศษชั้น 6 แล้วค่ะ เพราะคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“แล้วทำไมไม่มีใครไปบอกดิฉันหละค่ะ ทำไมต้องให้มาถามเอง บริการแย่มากๆเลยที่นี่”
“เราก็อยากจะบอกข่าวดีกับคุณนะ แต่ทางเราเห็นคุณหลับอยู่จึงไม่กล้าปลุกกลัวเสียมารยาท เพราะรู้ว่าเดี๋ยวถ้าคุณตื่น คุณก็จะมาถามหาเองเหมือนตอนนี้ไงค่ะ หวังว่าคงจะเข้าใจพวกเรานะคะ เราทำดีที่สุดแล้ว”
“แล้วย้ายไปอยู่ที่ตึกไหนห้องอะไรหละรีบบอกมาเลย” โรสใจร้อน
“คุณนรากร ห้อง ICU 5 ย้ายไปอยู่ที่ห้องพิเศษชั้น 6 ตึกนี้หละค่ะ ห้อง 604”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อมีข่าวดี โรสรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ไปเก็บของที่เก้าอี้และปลุกเมฆ
“เมฆๆๆ” เมฆสะดุ้งตื่น “อะไรครับ” เมฆเห็นโรสยิ้มออกมาจึงแปลกใจ
“พี่กุ้งฟื้นแล้ว พี่กุ้งปลอดภัยแล้ว เย้ๆ ตอนนี้อยู่ที่ห้อง 604” โรสลืมตัวเผลอกอดเมฆโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานก็รีบจูงมือเมฆแล้ววิ่งไปที่ลิฟท์ทันที พอถึงห้องที่ต้องการ โรสค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เห็นกุ้งนอนคว่ำหน้าอยู่ มือซ้ายมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ จึงเดินไปนั่งข้างๆและจับมือซ้ายกุ้งเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงไปหอมที่หลังมือ น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เมฆเห็นภาพแล้วก็อดอิจฉาเพื่อนไม่ได้ ที่โชคดีมีสาวน้อยหน้าใสมานั่งเฝ้าและเป็นห่วง
เมฆนั่งลงที่โซฟา แล้วได้แต่จ้องมองโรสขณะที่กุมมือกุ้งเอาไว้อยู่ตลอดเวลา จึงไม่อยากที่จะเห็นภาพบาดตา เลยเอียงตัวหันแล้วนอนดีกว่าที่โซฟานี้แหละง่ายดี อย่างน้อยเพื่อนก็พ้นขีดอันตรายแล้ว จากนั้นก็พล๋อยหลับไปอีกครั้งตอนไหนไม่รู้จนเช้า
+++++ ***** +++++
วัฒน์โทรหาวันทนีย์แต่เช้าเรื่องของกุ้ง เพราะอยากทราบเรื่องว่ากุ้งเป็นเช่นไรบ้าง 7.00 น. โดยประมาณ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วันทนีย์ค่อยๆลืมตามารับโทรศัพท์ “ขา จากที่ไหนคะ”
“ฉันเองวัฒน์ ตกลงเจ้ากุ้งลูกชายฉันเป็นยังไงบ้าง”
“อ๋อ ท่านประธาน พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ เดี๋ยวสักพักนีกำลังจะไป พอดีเจอพวกเพื่อนๆนายที่นี่พอดี ก็คงจะไปเยี่ยมด้วยกันเลยต้องรอๆกันหนะค่ะ บอกน้องเอียดด้วยแล้วกัน ว่านายปลอดภัยแล้วและเรื่องโรงพยาบาลที่กทม.ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ นีได้ประสานเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไร นายแข็งแรงพอที่จะเคลื่อนย้ายได้ นีจะย้ายตัวนายไปให้เร็วที่สุด เพราะทางโรงบาลที่รับช่วงต่อนี้เขาเตรียมฮอร์ไว้ให้แล้วค่ะ ย้ายเมื่อไหร่ฮอร์ขึ้นได้ทันที สแตนบายไว้แล้ว สบายใจได้ งั้นนีขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ จะรีบไปดูนาย”
“ไปเถอะ แหมเรื่องของนายเธอเนี่ย รีบเชียวนะ ทีเรื่องอื่นไม่เห็นเธอจะรีบแบบนี้เลยนะวันทนีย์”
“แหมท่านประธานอย่าจับผิดนีนักซิคะ นายมีบุญคุณกับนีมาก เมื่อนายเจ็บป่วยไม่สบาย นีก็ต้องช่วยเหลือเต็มที่ ถ้าไม่มีนาย นีอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านประธานก็น่าจะรู้ แค่นี้นะคะบาย แล้วเจอกันเร็วๆนี้ที่ กทม.”
พูดจบนีก็รีบไปอาบน้ำและแจ้งข่าวดีให้กับทุกคนในแสงตะวันได้รู้ ทุกคนจึงสบายใจหายห่วง มีแรงใจทำงานเสียที
>>>>> @@@@@ <<<<<
ประมาณ 8 โมงเช้า ทุกคนเตรียมตัวแห่จะมาเยี่ยมกุ้ง เด่นสั่งห้ามทันที
“หยุด หยุดเลย พวกเธอจะไปไหนกันมิทราบ”
“ไปเยี่ยมนาย” ขิมพูดขึ้นมาคนแรก
“ใช่ค่ะคุณเด่น พวกเราทั้งหมดจะไปเยี่ยมนาย” หนิงพูดต่อขณะที่ถือดอกไม้ช่อเบ้อเร่อ
“ไปหมดสำนักงานแล้วใครจะทำงานมิทราบ ไป ไปเลย เลิกงานแล้วค่อยไปกัน กลับไปเลย กลับไปทำหน้าที่ของใครของมันเดี๋ยวนี้ ฉันเองก็ยังไม่ไปเลย แค่รู้ว่านายปลอดภัยแค่นี้ก็พอแล้ว ให้พวกนั้นเขาไปก็พอ เพราะเดี๋ยวเขาก็จะกลับกันแล้ว ไม่อยู่นานหรอก”
“ก็ได้ๆ” เจี๊ยบบ่นอุบแล้วทำท่าไม่ค่อยพอใจ เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ได้แต่มองรถที่นีขับออกไปพร้อมพวกสองหนุ่มและแพร
นีถึงโรงพยาบาลประมาณ 8.30 น. เดินตรงขึ้นไปยังห้อง 604 ทันที เปิดประตูห้องเข้าไปอย่างช้าๆ เห็นโรสนั่งฟุบอยู่ข้างตัวกุ้ง มือซ้ายเธอยังคงกุมมือซ้ายกุ้งเอาไว้แน่นไม่ปล่อย เมฆหันไปทำปากจุ๊ๆกับทุกคน แล้วให้นั่งลงที่โซฟา นีนั่งรอได้ไม่นานก็ลุกขึ้นและเดินไปดูกุ้งทางขวา มองดูสภาพคนที่เธอรักแล้วน้ำตาซึมออกมา เอามือซ้ายปิดปากปิดหน้าเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นน้ำตา ค่อยๆเอามือขวาไปลูบแขนขวาของกุ้งเบาๆ “ทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้นะนาย นีใจไม่ดีเลย ฟื้นขึ้นมาให้นีได้ยินเสียงใสๆเร็วๆนะคนดี”
นียืนบ่นในใจอีกครั้ง จนเมฆสงสัยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แอบจ้องมองวันทนีย์ได้พักใหญ่ โรสรู้สึกตัวขึ้นมา ขยับตัวขึ้นมาจากเตียง
“พี่นี มานานรึยังค่ะ แล้วร้องไห้ทำไม” นีเช็ดน้ำตาแล้วแก้ตัวกับโรส
“เปล่า ฝุ่นมันเข้าตาหนะ ขยี้ตาแล้วน้ำตามันก็เลยไหลออกมาเอง พี่ขอตัวก่อนนะ ขอไปคุยกับหมอก่อน”
แล้วนีก็รีบเดินออกจากห้องไปเลย อย่าว่าแต่เมฆเลย มอญกับโกร๋นก็สังเกตุเห็นเช่นกัน แต่ไม่อยากจะฝันธงลงไปว่านีเป็นอะไรในตอนนี้ จนเวลาผ่านไปช่วงบ่าย กวางพานวลและลูกแก้วมาเยี่ยมกุ้ง แต่กุ้งยังไม่ฟื้น จึงได้แต่นั่งดูอาการกันเท่านั้น ลูกแก้วมองหน้าโรสและเหมือนจะบอกว่าให้ลุกออกไปจากเก้าอี้ตัวนี้ฉันจะนั่ง โรสพอจะเอาออก จึงปล่อยมือกุ้งและลุกออกไป ลูกแก้วจึงขึ้นมานั่งแทน โรสจึงมานั่งที่โซฟาแทน แพรเข้ามานั่งใกล้ๆและพูดคุยด้วยตามปกติ เอามือเธอแตะเบาๆไปที่มือโรสให้ใจเย็นๆ
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปประมาณ 18.00 น. พวกสาวๆออฟฟิตก็มาถึง คราวนี้ห้องแออัดเต็มไปหมด โรสจึงขอตัวเดินออกมา ไม่อยากอยู่ในนั้น สามหนุ่มก็เช่นกันนั่งๆนอนๆรอกุ้งมาทั้งวันแล้วก็เบื่อเหมือนกัน จึงเดินออกมาและลงไปนั่งที่สวนของโรงพยาบาล
ทิพย์เมื่อรู้ว่าเมฆมาปรากฏตัวที่นี่ จึงมาดักรอเพื่อที่จะขอคุยกับเมฆทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงเย็นวันศุกร์แล้ว เมฆแยกตัวออกมาจากมอญและโกร๋น มาที่สวนดอกไม้ใกล้ๆบ่อปลา ทิพย์เดินตามลงมา
“คุณเมฆ” เมฆหันมา “ทิพย์ มีอะไรกับผมเหรอ”
“มีค่ะ ถ้าพูดออกไปแล้ว คุณเมฆอย่าว่าทิพย์นะคะ ที่ทิพย์ต้องทำแบบนี้ เพราะทิพย์ไม่อยากที่จะเก็บมันเอาไว้อีกแล้ว”
“ได้ครับ ผมจะรับฟัง ขอแค่ให้คุณสบายใจก็แล้วกัน ผมยินดีเสมอ” แล้วทิพย์ก็ร้องเพลงเพื่อบอกความรู้สึกและความในใจ ให้เมฆฟัง
< พูดยาก – คาซาม่า > https://youtu.be/fVIy1uH0nSQ
หลังจากที่จบเพลง เมฆก็เดินเข้ามาหาทิพย์และจับมือทั้งสองของทิพย์ไว้ มองหน้าแล้วยิ้มให้ด้วยความจริงใจ
“ผมขอบคุณมากนะครับที่คุณมีความรู้สึกดีๆให้ แต่ผมไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น ผมชอบและเอ็นดูคุณเหมือนน้องสาวคนนึงเท่านั้น”
ทิพย์เหมือนโดนมีดปักลงมากลางหัวใจ ที่โดนเมฆปฏิเสธแบบนิ่มๆ จึงสลัดมืออกจากมือของเมฆและวิ่งหายไปเลย ตั้งแต่นั้นมาจึงทำให้ทิพย์ Hurt อยู่พักใหญ่กับการอกหักในตอนนี้ ยิ่งทิพย์คิดถึงเมฆเมื่อไหร่ใจก็เจ็บทุกที เพื่อนๆก็ไม่รู้จะช่วยทิพย์ยังไงเช่นกัน
ประมาณ 19.00 น.กุ้งรู้สึกตัวขยับนิ้วเล็กน้อยลูกแก้วรู้สึกได้ จึงส่งเสียงออกมา “พ่อกุ้งฟื้นแล้ว” ทุกคนหันมาดูพร้อมๆกัน ไม่นานกุ้งก็ขยับตัวจริงๆ ติ๋มจึงรีบวิ่งออกไปบอกพยาบาลด้านนอก วันทนีย์เดินกลับเข้ามาพอดีหลังจากที่ได้ไปคุยเรื่องเคลื่อนย้ายกุ้งหากกุ้งฟื้นและแข็งแรงพอ เธอเห็นพยาบาลรีบวิ่งเข้าไป นึกว่าเกิดเรื่องกับกุ้ง จึงรีบวิ่งตามเข้าไป พยาบาลขอให้ทุกคนออกไปก่อน ทุกคนจึงเดินออกมาจากห้องและมาออรอดูอาการที่หน้าประตูกันเต็มไปหมด วันทนีย์เดินมาถึงก็เข้าไปข้างในไม่ได้ เพราะพยายาบาลห้ามไว้
ไม่นานหลังจากที่พยาบาล ตรวจเช็คอาการของกุ้งจนเป็นที่เรียบร้อย ก็ลองให้กุ้งขยับตัวมานอนหงายตามปกติ ว่าแผลจะกดทับแล้วเจ็บไหม กุ้งเลยขอหมอนมารองไว้ด้านล่าง เมื่อไม่มีปัญหาอะไร จึงย้ายสายน้ำเกลือมาไว้อีกทาง และเอาผ้าห่มๆให้กุ้งดังเดิมและเดินออกมาบอกพวกด้านนอก “เรียบร้อยนะคะ ถึงตอนนี้จะนอนหงายแล้วก็จริง ต้องระวังแผลกดทับด้วยนะคะ เพราะเราได้เอาหมอนรองไว้ให้ เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องระวังกันนิดนึงนะคะ จำไว้ว่ายังอาบน้ำไม่ได้ ต้องเช็ดตัวเท่านั้น”
วันทนีย์รับฟังอย่างตั้งใจ แพรรีบเดินหาว่าโรสไปนั่งหรือยืนหลบอยู่ตรงไหน เมื่อเดินหาไม่เจอจึงโทรหา โรสหนีขึ้นไปยืนหลบอยู่บนดาดฟ้า
“ว่าไงค่ะคุณอา โทรหาหนูมีอะไรเหรอ” หลังจากที่ได้รู้ว่ากุ้งฟื้น โรสจึงรีบวิ่งกลับลงไปทันที ด้วยสีหน้าที่ยิ้มไม่หุบ
โรสเปิดประตูเข้าไปและต้องหยุดยืนอยู่ห่างๆเพราะคนเยอะมาก ไม่สามารถแหวกคนเข้าไปได้เลย ไม่นานพวกสาวๆของแสงตะวันก็ค่อยๆเอียงตัวหลบเปิดทางให้กับโรส จนมองเห็นกุ้งอย่างชัดเจน กุ้งยิ้มให้และยื่นมืออ้าแขนรอโรสอยู่ โรสรีบวิ่งเข้าไปกอดกุ้งแบบไม่อายสายตาใครเลยทั้งสิ้น
“พี่กุ้ง” กุ้งกอดโรสด้วยความรัก ไม่มีแม้ความโกรธ จะมีก็แต่ความเป็นห่วงเท่านั้นจริงๆ
“โรสไม่เป็นอะไรนะ” กุ้งดันตัวโรสขึ้นมา โรสส่ายหน้า น้ำตาไหลไม่หยุด กลายเป็นเด็กขี้แยในสายตากุ้งและทุกๆคนไปเลย
กุ้งเอามือปาดเช็ดน้ำตาให้ แล้วเอามือเสยผมเมียและจูบไปที่หน้าผาก
“หนูขอโทษ” โรสพนมมือไหว้ขอโทษกุ้งที่อก
“ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ หนูไม่ได้ผิดอะไร แค่หนูปลอดภัยไม่เป็นอะไร พี่ก็ดีใจแล้ว ไม่เอาเลิกร้องและเลิกโทษตัวเองซะที พี่ปลอดภัยแล้วเห็นไหม นะคนดี” กุ้งดึงโรสมาซบที่อก โรสหันไปหอมแก้มกุ้งทั้งสองข้าง แล้วสะอื้นเบาๆ กุ้งหันไปหาทุกคนและพูดไม่ดังนัก
“ฉันขอขอบใจทุกๆคนมากนะที่อุตส่าห์เสียสละเวลามาเยี่ยมและเฝ้าฉัน ตอนนี้ก็สบายใจกันได้แล้วนะที่ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
แพรไหมอยากเจอ พูดคุยและขอบคุณกุ้งมานานแล้วจึงขอใช้โอกาสนี้แนะนำตัวเสียเลย จึงขอตัวแหวกผู้คนเข้ามา
“คุณนรากรค่ะ ดิฉันแพรไหม เป็นแม่ของสร้อยทองที่คุณเคยช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อครั้งที่แล้ว ที่คุณนรากรให้คุณวันทนีย์ไปดำเนินการให้จำได้ไหมคะ” กุ้งจำไม่ได้ เพราะช่วยคนไว้เยอะมาก วันทนีย์จึงเอียงตัวไปกระซิบที่หูซ้าย กุ้งจึงจำได้ทันที
“ครับผมจำได้แล้ว แล้วเป็นไงมาไงถึงมาอยู่ตรงนี้ได้หละครับ”
“ดิฉันเป็นอาแท้ๆของหนูโรสและเป็นน้องสาวของคุณชัชวาลย์ค่ะ”
“จริงเหรอครับเนี่ย แหม ไม่น่าเชื่อเลย ไปๆมา ก็คนกันเองทั้งนั้น”
แล้ววันทนีย์ก็เอียงตัวมากระซิบที่หูอีกจนโรสแปลกใจว่าสองคนนี้มีความลับอะไรกัน ทำไมไม่พูดออกมาให้ทุกคนได้ยิน
“พี่กุ้ง มีอะไรทำไมถึงไม่พูดออกมา กระซิบกระซาบกันอยู่ได้ หนูหึงนะ เมียก็นั่งอยู่ตรงนี้ ถึงจะเป็นเลขาหนูก็ไม่ชอบ”
ทุกคนทำหน้าไม่ถูกเลยเมื่อเห็นโรสหึงโหดอะไรขนาดนั้น “ไม่มีอะไรหรอกโรส ที่ต้องกระซิบหนะ เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญ”
“สำคัญอะไร เรื่องของพี่ มันก็คือเรื่องของหนู ว่ามากระซิบอะไรกัน ไม่บอกมีเรื่องแน่ ป่วยก็ป่วยเถอะ หนูไม่ไว้หน้าทั้งนั้น”
กุ้งเลยตัดสินใจให้โรสเสียเลย กะว่าจะให้กันแค่สองคน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จึงบอกให้นีเอาของมา นีหันไปหยิบกล่องขนาดกลางบางๆมาส่งให้กับกุ้ง ทุกคนอยากรู้ว่ามันคืออะไร โรสมองหน้ากุ้ง
“อะไรค่ะ หนูอยากจะรู้เรื่องที่พี่กระซิบกันเมื่อกี้ แล้วนี่อะไร”
“ก็นี่แหละ เรื่องที่พี่กระซิบกันเมื่อกี้” กุ้งเริ่มเจ็บแผลขึ้นมาแล้ว เพราะพึ่งฟื้นไข้ได้ไม่เท่าไหร่ มือที่ถือกล่องอยู่จึงล่วงลงบนที่นอน
โรสตกใจมากเอื้อมมือมาประคองมือกุ้งกล่องจึงไม่ตกลงถึงพื้น
“พี่กุ้งหนูขอโทษ หนูไม่อยากรู้แล้ว พี่นอนเถอะ” กุ้งยังพอไหว
“ก็หนูอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่กระซิบอะไรกันกับนี” โรสส่ายหน้าไม่อยากรู้ กุ้งส่งกล่องนั้นให้กับโรสและพยักหน้าบอกให้โรสรับ
i โรสค่อยๆเอื้อมมือไปรับกล่องนั้นและค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ภาพที่เธอเห็นนั้นก็คือ สร้อยคอฝังเพชร เป็นชื่อ โชติรสรูปหัวใจนรากร (โชติรส นรากร) โรสเอามือปิดปากกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาทันที วางกล่องแล้วโผเข้ากอดกุ้งทันที
ทุกคนฮู้และว๊าวกันใหญ่เพราะมันสวยมาก โรสพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่หอมแก้มทั้งสองข้างของกุ้ง กุ้งดึงสร้อยมาใส่ให้โรสต่อหน้าทุกคนและพูดเล็กน้อย
“หนูเป็นเมียพี่ ต้องมีสิ่งสวยๆดีๆติดตัว ใส่เอาไว้นะ อย่าถอดจนกว่าหนูจะหมดรัก/ไม่ต้องการพี่แล้ว”
กุ้งไม่ไหวแล้วทรุดตัวลงทันที หมดสติไปอีกครั้ง โรสยังไม่ทันขอบคุณกุ้งเลย วันทนีย์รีบกดสายขอความช่วยเหลือโดยด่วน พยาบาล 2 คนรีบวิ่งเข้ามา
“พวคุณกลับไปก่อนนะคะ คนไข้ ยังฟื้นตัวไม่เท่าไหร่พวกคุณก็มามุงมารุมกันขนาดนี้ อยากให้คนไข้ตายรึไง กลับกันไปก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้งดเยี่ยม 1 วัน จนกว่าคนไข้จะรู้สึกตัวนะคะ ขอความกรุณาด้วย เชิญค่ะ”
“คุณพยาบาลค่ะแล้วอย่างนี้ใครจะอยู่เฝ้าใครพี่กุ้งหละคะ”
“ดิฉันให้อยู่ได้แค่เพียง 2 คนเท่านั้นค่ะ ถึงจะเป็นห้องพิเศษก็ตาม เพราะนี่เป็นเคสพิเศษ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะอยู่กี่คนก็ได้ แต่ถ้าไม่สะดวกจะจ้างพยาบาลพิเศษให้มาดูแลก็ได้ ตอนนี้ขอเชิญกลับกันได้แล้ว ใกล้จะสองทุ่มแล้วด้วย ขอให้คนไข้ได้พักผ่อนให้เต็มที่ก่อน ไม่งั้นพวกคุณจะไม่ได้พูดคุยกับคนไข้อีกเลยไปตลอดชีวิต” เจอประโยคนี้เข้า ทุกคนขยาดเลย
ทุกคนเริ่มทยอยเดินกลับออกไปจนหมดเหลือโรสกับวันทนีย์เพียงสองคนที่ยังคงอยู่ ก่อนวันทนีย์จะกลับออกไปได้ฝากประโยคปริศนาไว้ให้โรสคิด
“นายรักคุณมากนะคุณโรส ไม่งั้นคงไม่สั่งให้พี่ทำสร้อยคอเส้นนี้ให้กับคุณหรอก กรุณาอย่าทำแบบนี้อีก เพราะมันไม่น่ารักเอาซะเลย ขออย่าให้มีแบบนี้อีกในคราวต่อไป พี่ถือว่าได้บอกและเตือนคุณแล้วนะ ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดจากความดื้อ รั้น และ ดันทุรังของคุณ ถ้าพี่รู้ว่าคุณยังทำนิสัยแบบนี้จนนายเจ็บตัวอีก อย่าหาว่าพี่ไม่เกรงใจ ไม่งั้นพี่จะขอเสียมารยาท เอานายกลับคืนมาดูแลเอง แล้วเมื่อถึงวันนั้นเมื่อไหร่ คุณจะเสียใจ แบบไม่มีวันได้นายกลับไปครอบครองอีกเลยตลอดชีวิต”
พอพูดจบวันทนีย์ก็เดินออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้โรสยืนคิดถึงประโยคทุกคำที่วันทนีย์พูดออกมา ว่ามันหมายถึงอะไรกัน
“ไปพวกเรา ใครไม่ได้เอารถมา เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้านเอง ดึกแล้ว จะได้นอนหลับพักผ่อนกัน”
เมฆยังคงเป็นห่วงโรสไม่อยากให้อยู่คนเดียว จึงเดินไปกระซิบที่หูแพร
“คุณแพรอยู่เป็นเพื่อนกับคุณโรสเถอะ ผมไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว” แพรพยักหน้า จึงเดินกลับไปที่ห้อง
เห็นโรสยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะกำลังคิดถึงคำพูดของวันทนีย์ แพรเดินมาพาโรสไปนั่งที่โซฟา
“เป็นอะไรไปอีกคนดีของอา ทำไมถึงนิ่งเงียบแบบนี้หละ มานอนพักผ่อนตรงนี้ก่อน”
โรสไม่รู้จะตอบอะไรแพรดี เพราะมันเหมือนกับมีการกดดันอยู่ภายใต้คำพูดของวันทนีย์ ที่ต้องทำให้โรสตีความหมายนั้นออกมาให้ได้ ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ ตอนนี้โรสคิดไปต่างๆนา คิดถึงคำพูดของวันทนีย์เมื่อไหร่ใจก็เจ็บทุกครั้ง แต่ก็ยังตีความไม่ออกสักที จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แพรหาเวลาโทรศัพท์กลับไปบอกสร้อยได้เมื่อโรสหลับสนิทไปแล้ว สร้อยจึงสบายใจในเบื้องต้น
***** >>><<< *****
2 วันต่อมา หลังจากที่กุ้งค่อยยังชั่ว เพราะได้พักผ่อนเต็มที่ วันทนีย์ขออนุญาตหมอเคลื่อนย้ายกุ้งกลับ กทม. หมอมาตรวจดูอาการอีกครั้งเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงเซ็นต์อนุญาต เย็นวันพฤหัสที่ 29 เมษายน ฮอร์ของโรงพยาบาลเอกชนที่วันทนีย์ดิวกันไว้ก็มารับกุ้งทันที โดยให้โรสและแพรกลับไปด้วยกันเลย เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วจะทำอะไรยังไงก็ไปจัดการกันเอาเอง เพราะเธอติดสัมนา
จากนั้นวันทนีย์ก็ขับรถกุ้งกลับ กทม.โดยเอาตัวทิพย์กลับไปด้วยเลยเพราะต้องไปสัมนาด้วยกัน โดยมีสามหนุ่มติดกลับไปด้วย
<<<<< ===== >>>>>
ไม่ถึงชั่วโมง ประมาณ 6 โมงเย็น ฮอร์ก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่ดิวกันไว้ คณะแพทย์รีบพากุ้งไปยังห้องพิเศษที่เตรียมไว้ให้แล้ว โดยทำการเช็คร่างกายและทำความสะอาดแผลอีกครั้ง ระหว่างที่โรสกำลังรอผลการตรวจเช็คชัชโทรเข้ามา เพราะหายตัวไปหลายวันแล้ว โรสมองหน้าแพร โรสคิดว่ายังไงพ่อต้องรู้ข่าวกุ้งแน่ ถ้าขืนพ่อรู้ว่าเธอกับแพรไม่ได้อยู่ที่กระบี่ซวยแน่ จึงให้แพรรับแทน
“พี่โตโทรหายัยโรสมีอะไรเหรอ พอดีหลานเข้าห้องน้ำอยู่”
“ฉันจะถามว่า เมื่อไหร่แกสองคนจะกลับนี่มันจะอาทิตย์นึงแล้วนะ ไหนบอกว่าไปไม่กี่วันไง ยังไงกันเนี่ย”
“กลับแล้วนี่ไงน้องกับยัยโรสกำลังเดินทางกลับ ตอนนี้อยู่ กทม.แล้ว แวะทานอาหารเย็นที่ห้างอยู่ ไม่เกิน 3 ทุ่มคงถึงบ้านหละพี่”
“เหรอ เออๆ ถ้างั้นก็รีบๆด้วยหละ แล้วนี่แกได้ข่าวที่ปากช่องบ้างไหม”
“ทำไมเหรอพี่ ที่นั่นมีอะไร” แพรทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“พอดีมันเรื่องเกี่ยวกับคนรักของมัน ซึ่งฉันไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่”
“แล้ว..” แพรตีบทแตกไปเลย
“ก็ถ้ายังไม่รู้เรื่องอะไร ก็อย่าให้ยัยโรสมันรู้แล้วกันนะ เข้าใจไหม มีอะไรแล้วค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”
“ได้ๆพี่ แล้วเจอกัน” อย่างน้อยโรสก็สบายใจไปอีก 1 เปราะที่พ่อยังจับไม่ได้เรื่องนี้
คราวนี้ก็เป็นเรื่องต่อไปหละ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วคราวนี้ใครจะอยู่เฝ้าพี่กุ้งหละ ขณะที่สองคนกำลังนั่งคิดอยู่นั้น ไม่น่าเชื่อว่า ดาวได้ปรากฏตัวต่อหน้าโรสและแพร โรสตกใจมากที่อยู่ดีๆดาวมาปรากฏร่างที่นี่ได้เช่นไร เพราะเธอไม่ได้ข่าวคราวดาวมานานหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ไล่ดาวออกจากไซด์งานไปคราวนั้น ที่ดาวมาปรากฏตัวที่นี้ได้ก็เพราะโกร๋นบอกรายละเอียดให้ดาวตามที่วันทนีย์ให้มา
***** ----- *****
ระหว่างทางที่วันทนีย์ขับรถเข้า กทม.ก็ได้ต่อสายเข้าหาวัฒน์และแจ้งความคืบหน้าทั้งหมดให้วัฒน์ได้ทราบ เมื่อวัฒน์ทราบแล้วจึงหายห่วงและสบายใจ อย่างน้อยโรสก็อยู่กับกุ้ง ทุกคนคิดแบบนั้น แต่หารู้ไม่ว่า ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เพราะคนที่อยู่เฝ้าไม่ใช่โรส
----- ***** -----
“ดาว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดาวยิ้มให้โรสเหมือนผู้ชนะในครั้งนี้ เพราะรู้ว่าโรสไม่สามารถอยู่เฝ้าได้ จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“เรื่องนั้นเธออย่ารู้เลยโรส ว่าฉันรู้ได้ยังไง เอาเป็นอันว่าผัวฉัน ฉันดูแลได้ เธอรีบกลับบ้านก่อนเถอะ ก่อนที่พ่อของเธอจะรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้ไปกระบี่ แล้วจะหาว่าอีดาวไม่เตือน นี่หวังดีหรอกนา ไม่งั้นไม่บอกร๊อก ขอให้โชคดี อย่าให้พ่อเธอจับได้ก็แล้วกัน แสดงละครต่อให้จบหละ บาย ฉันไม่ส่งนะ ถ้าไม่อยากลำบากใจ ก็จงรีบไป นี่พึ่ง 6 โมงเศษๆ Taxi ยังพอมี ฉันยังจำได้ อ้อมใหญ่ สาย 5”
โรสแค้นใจมากที่ดาวมันรู้ลึกและละเอียดแบบนี้ได้ยังไง แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบใจที่อย่างน้อยก็มีคนดูแลกุ้งแทนเธอแล้วในช่วงนี้
“รีบกลับเถอะ ถ้าดึกมากกว่านี้ จะไม่มีรถไป ที่ที่เราอยู่มันไกลจากตรงนี้มากนะ เชื่ออา มีอะไรเรากลับไปตั้งหลักปรึกษากันที่บ้าน”
โรสรีบคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วรีบเดินออกไปจากโรงพยาบาลทันที แพรไหมรีบเดินตามออกไปเช่นกันเพราะกลัวไม่ทันโรส ไม่นานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เรียกหาญาติของกุ้ง เพราะได้ทำการตรวจร่างกายเสร็จหมดแล้ว
“ประกาศๆญาติของนายนรากร ธิติพันธ์พงษ์ กรุณามาติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ด้วย” โรสได้ยินเสียงแล้วก็ร้องไห้ออกมาทันที มือกำกระเป๋าแน่นรีบโบก Taxi ทันที แล้วรีบขึ้น ไม่อยากที่จะได้ยินอะไรอีกแล้ว และรีบให้ Taxi ออกรถเลยทันที
ดาวรีบวิ่งมาหาและรายงานตัว “ดิฉันค่ะ ญาติคุณนรากร ธิติพันธ์พงษ์ เป็นภรรยาค่ะ” ดาวยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกว่าใครเป็นผู้ดูแลและเฝ้าไข้ในครั้งนี้ เมื่อเสร็จก็คืนบัตรให้ และบอกว่ากุ้งตอนนี้อยู่ที่ไหน
“คุณนรากร ธิติพันธ์พงษ์ ตอนนี้อยู่ที่ตึก นวมินทร์ ชั้น 8 ห้อง 8014 ออกจากประตูนี้แล้วเลี้ยวขวาจะเจอลิฟท์ใช้ตัวนั้นได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” แล้วดาวก็รีบเดินไปที่นั่นทันที ดาวเปิดประตูห้องเข้าไป ครั้งแรกก็ต้องตะลึงและประทับใจกับห้องมาก เพราะสวยถูกใจ ห้องพิเศษราคาแพง มันก็ดีแบบนี้แหละ พยาบาลกำลังดูแลจัดทำแผลให้กุ้งอยู่ พอเสร็จหันกลับมา ก็เจอดาวยืนรออยู่พอดี
“น้องใช่ไหมคะที่เป็นคนเฝ้าคนไข้” ดาวพยักหน้าแบบยิ้มๆ
“ขอโทษนะคะ เป็นอะไรกับคนไข้เอ่ย พี่จะได้อธิบายวิธีการดูแลได้ถูกต้อง เพราะถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดจริงๆอาจจะดูแลลำบากนิดนึง”
“หนูเป็นภรรยาพี่กุ้งค่ะ” พยาบาลมองดูแล้ว ยังเด็กอยู่เลย แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
“ดีค่ะ ถ้างั้นฟังนะคะ เพราะบางอย่างพวกพี่จะทำให้ไม่ได้ เช่น เช็ดตัว พาเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะ อุจจาระ..”
พยาบาลอธิบายละเอียดยิบจนดาวเข้าใจหมดแล้ว ไม่นานพยาบาลก็กลับออกไป ตั้งแต่วินาทีนั้น ก็เป็นหน้าที่ของดาวที่ต้องดูแลกุ้ง ดาวมีความสุขมากที่ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้คนที่เธอรักมาตลอดชีวิต ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยยังไง ดาวก็ไม่เคยบ่น กลับมีความสุข
ตลอด 3 วัน กุ้งเองก็มีความสุขมากที่ดาวมาอยู่ดูแล จนทำให้กุ้งหวนกลับไปคิดถึงวันเวลาเก่าๆเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงโรสเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะตอนนี้เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่า โลกใบเก่าของเขากับดาวย้อนกลับมาอีกแล้ว จึงไม่ต้องการใครอีกเลย
***** ..... *****
โรสอยากจะมาหาแต่ก็ไม่สามารถหลบพ่อออกมาได้อีก เพราะคราวนี้ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไร ส่วนบรรดาเพื่อนๆทั้งสามหนุ่ม ช่วงเย็นพอมีเวลาก็มาเยี่ยมตามปกติ ดาวกับมอญ ต่างก็ไม่สนใจซึ่งกันและกัน มอญเองก็ตัดใจจากดาวได้แล้ว จึงมองเป็นเพียงแค่คนรู้จักคนหนึ่งเท่านั้น เอียดมาเยี่ยมเป็นตัวแทนวัฒน์ ครั้งเดียวเองมั้ง เพราะไม่อยากที่จะเจอกับดาวเลยตัดปัญหาไปเลย คือไม่ไปดีกว่า
>>>>> @@@@@ <<<<<
เอียดกลับมาถึงบ้านก็เลยคุยกับพ่อเรื่องไปเที่ยว “จะเอายังไงพ่อเรื่องไปเที่ยวเหนือหนะ พี่กุ้งดันมาเจ็บแบบนี้ จะเลื่อนไหม หนูจะได้จัดโปรแกรมถูก และหนูก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครไปบ้าง จะได้โทรไปคอนเฟิร์มเขาถูก”
“ไปซิ ล้มไม่ได้ อุตส่าห์ Clear งานเสร็จหมดแล้ว ได้ข่าวว่าเจ้ากุ้งอาการมันดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ เจ้าโกร๋นมันโทรมาบอกพ่อเมื่อวานว่าวันจันทร์นี้หมอก็อนุญาตให้ออกแล้ว เราเลื่อนการเดินทางช้าไปวันนึงไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพ่อจะบอกนะ คืนนี้ขอดูรายชื่อก่อนว่ากี่คน” เอียดพยักหน้าแล้วก็เดินกลับเข้าห้องไปเลย
$$$$$ ----- $$$$$
เช้าวันเสาร์ วัฒน์โทรมาหาเพื่อนแต่เช้า เพราะพึ่ง Clear งานเสร็จ เลยรีบโทรเพื่อจะชวนเพื่อนไปเที่ยวเหนือ
>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 39 .. “ ลืมไปไม่รักกัน ”
ตอนที่ 38 .. “ เมื่อไหร่ใจก็เจ็บ ”
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 358
แสดงความคิดเห็น