ตอนที่ 40 อุบัติเหตุ

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 40 อุบัติเหตุ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 40 อุบัติเหตุ

 

เขาเคลื่อนตัวราวกำลังโบยบิน ในม่านความมืดมีเงาร่างสีขาววาบผ่าน หลังจากมื้อค่ำ หวังเวิ่นชูดึงตัวเขาไปเที่ยวชมรอบคฤหาสน์ตระกูลเย่ เขาสำรวจจุดสังเกตตรงที่เป็นแสงสว่าง และลอบจดจำจุดต่างๆไว้ในใจ ในเวลานี้เอง เขาทะยานร่างผ่านเส้นทางอับสายตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เพียงเขากระโดดเบาๆ แรงเฉื่อยก็พาร่างเขาผ่านระยะทางเป็นสิบๆเมตร เขาแตะเท้าลงบนหลังคา ราวกับเม็ดทรายร่วงลงสู่พื้น ปราศจากสุ้มเสียงใดๆ เขาแผ่จิตสัมผัสสำรวจบริเวณโดยรอบ โน้มกายลงและแนบหูฟัง ก่อนที่จะค่อยๆดึงแผ่นกระเบื้องชิ้นหนึ่งออก มีแสงลอดออกมาจากรอยแยกเล็กๆ เผยให้เห็นร่างบุคคลผู้หนึ่งกำลังก้มอยู่บนโต๊ะซึ่งก็คือเย่หวูหยุน

 

หากนั่นเป็นยอดฝีมือคนอื่น เขาจะไม่เลือกใช้วิธีแอบส่องแบบนี้ เนื่องจากยิ่งพลังของพวกเขาสูงเท่าไหร่ ความเฉียบคมของจิตสัมผัสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่เขาทำให้แน่ใจแล้วในระหว่างวัน ว่าคนผุ้นี้ไม่ได้ฝึกฝนทักษะใดๆ เนื่องเพราะกิจการรัดตัวของตระกูลเย่ ทำให้เขาไม่มีเวลาฝึกฝนสิ่งใด

 

ในเวลานี้เอง เย่หวูหยุนถือหนังสือเล่มหนา จับปากกาไว้ในมือขวา และเขียนสิ่งต่างๆลงไป แม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้า แต่ก็พอเดาได้ว่าเขากำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่

 

เนื่องจากเย่หวูหยุนมีความสามารถเป็นที่เชื่อถือ การเงินของตระกูลเย่จึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่ในมือเขาอย่างวางใจ และเขาไม่เคยทำให้ตระกูลเย่ผิดหวังเพียงสักคราตลอดหลายปี ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ตระกูลเย่เกิดความเชื่อมั่น เย่หวูเฉินแอบคิด ว่าเป็นไม่เป็นการดีเลย ที่ตระกูลเย่วางใจในตัวเขามากเกินไป

 

“ก๊อก ก๊อก” หลังจากเสียงเคาะประตู ชายผู้แต่งกายเหมือนกับคนใช้เข้ามาพร้อมถ้วยน้ำชาในมือ เขาวางมันลงบนโต๊ะของเย่หวูหยุน “นายน้อย พักดื่มน้ำชาก่อน”

 

“ขอบคุณมากเสี่ยวหวู่ นี่ก็ดึกบ้างแล้ว ดังนั้นข้าคงคุยกับเจ้าได้ไม่นาน หลังจากนี้เจ้าไปพักก่อนก็ได้”

 

“ไม่ นายน้อยควรเป็นคนที่ต้องพักก่อน นายน้อยทำงานอย่างหนักทุกวันไม่หยุดหย่อนอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ แม้ว่าท่านจะไม่ห่วงร่างกายของตัวเอง แต่พวกเราเป็นห่วงท่านมาก!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าชินกับมันแล้ว หากข้าหยุดตอนนี้กลับจะรู้สึกไม่สบายใจแทน ดังนั้นเจ้าออกไปก่อนเถอะ”

 

“เช่นนั้น.... เสี่ยวหวู่ขอตัว” เมื่อรู้ว่านายน้อยจะไม่ฟังคำแนะนำใดๆ เย่หวู่ทำได้เพียงส่ายศีรษะและจากไปเงียบๆ

 

ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง

 

ดันกระเบื้องกลับเข้าที่เดิม เย่หวูเฉินยืนขึ้นแล้วจากไป เขารู้ว่าคืนนี้อาจจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลใดๆได้ แต่แน่นอน แม้ว่าเขาไม่คาดหวังว่าจะได้สิ่งใด เขาแค่เพียงลองเสี่ยงโชคดูเท่านั้น เพราะบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจรู้ข่าวแล้ว ว่าเขาได้รับแหวนเทพกระบี่ แม้ว่าพวกมันจะมองข้ามตัวเขาไป แต่พวกมันย่อมไม่อาจเสี่ยงกระตุ้นโทสะของเทพกระบี่ได้เลย

 

หลังจากก้าวทะยานอีกครั้ง เขากระโดดข้ามผ่านหลังคาไปอีกหลัง กลับไปตามเส้นทางเดิมที่ลัดเลาะมา เงาของเขาวาบขาวราววิญญาณ

 

ไม่น่าแปลกใจ ที่ย่องราตรีหนนี้ไร้ผล แต่อุบัติเหตุก็ยังคงเกิดขึ้นได้....

 

หลังจากหักเลี้ยวไปมาหลายอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเย่หวูเฉินก็เห็นสวนน้อยของตนจากเบื้องบน เพียงแค่เขาไปถึงหลังคาห้องของเย่ฉุ่ยเหยาอีกครั้ง ก็จะถึงเวลาลงเดิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังของ ‘มนต์หวูเฉิน’ ในการเพิ่มความเร็วของการเคลื่อนที่ เขาจึงรู้สึกสบายอย่างมาก กระทั่งอยากให้ความรู้สึกเช่นนี้คงอยู่ต่อไป ดังนั้นเขาจึงลองทดสอบขีดจำกัดความเร็ว หลังจากย่ำเท้าลงอย่างหนัก ร่างของเขาก็พุ่งเป็นวงโค้งขาวอย่างสวยงาม ดิ่งลงตรงหลังคาห้องของเย่ฉุ่ยเหยา.... หากแต่ก้าวกระโดดหนนี้ ข้ามระยะทางมาถึง 30 เมตร และเขากำลังตกตรงไปที่ห้องนอนของเย่ฉุ่ยเหยา

 

บนหลังคาห้องนอนของเย่ฉุ่ยเหยามี ‘ช่องแสงฟ้า’ ขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเปิดปิดได้ นี่คือสิ่งที่สร้างพิเศษเฉพาะสำหรับนาง ส่วนมันมีไว้เพื่ออะไรไม่มีผู้ใดทราบ ผู้คนส่วนใหญ่ในตระกูลต่างรู้ถึงการมีอยู่ของหน้าต่าง ‘ช่องแสงฟ้า’ นี้ ซึ่งแน่นอนว่ายกเว้นเย่หวูเฉิน

 

เขากำลังหลับตาปิดสนิทเพื่อสัมผัสรับความรู้สึกสบาย จากสายลมบนฟ้าสูง แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าบางอย่างชักไม่ถูกต้อง เขาสมควรเหินเหยียบลงถึงหลังคาแล้ว แต่เท้าของเขากลับยังไม่แตะสัมผัสถูกสิ่งใด..... เพราะว่าตอนนี้ จุดลงของเขาดันตรงกับ ‘ช่องแสงฟ้า’ บนหลังคาห้องนอนของเย่ฉุ่ยเหยาอย่างพอดิบพอดี

 

ระยะเวลาที่เย่หวูเฉินสามารถคงสภาพตัวเบาได้ก็มีอยู่อย่างจำกัดเช่นกัน บวกกับการที่เขาทดสอบความเร็วจึงใส่แรงลงไปไม่ยั้ง การกระโดดจึงกลับกลายเป็นการร่วงลงมาอย่างอิสระเสรี เขาตกลงไปในน้ำเสียงดัง ‘จ๋อม’ ศีรษะลงจอดที่สองสถานีกลมกลึง ราวกับว่าเขาจมลงไปในก้อนเนยเนียนนุ่มคุณภาพเยี่ยม ผิวสัมผัสลื่นละมุนอย่างสุดยอด ทั้งอบอุ่นทั้งนุ่มนวลดันแก้มตึง เขารู้สึกถึงรูปทรงกลมขนาดใหญ่สองลูกได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันมีกลิ่นหอมของกล้วยไม้น้ำซึมซ่านเข้ามาในจมูกตน

 

ทำไมมีน้ำอยู่ที่นี่!?

 

เขาดันมือไปเบื้องหน้าอย่างไม่ทันรู้ตัวเพื่อพยุงร่างขึ้น ฝ่ามือเขารู้สึกถึงบางอย่างที่นุ่มและเปียกลื่น เมื่อเขายกศีรษะออกมา สิ่งที่ปรากฎในสายตาคือใบหน้าที่สวยงามไร้ที่เปรียบอันไม่มีบุรุษคนใดสามารถต้านทาน แต่เจ้าของดวงหน้างดงามกำลังมีดวงตาเบิกกว้าง แววตะหนกแตกตื่นพาดผ่านทั่วใบหน้านาง

 

ตะเกียงเวทย์เปล่งแสงขาวอย่างอ่อนโยน สะท้อนต้องเรือนร่างไร้ภูษา ร่างของนางนุ่มนวลละเอียดละออ ราวกับแสงลามไล้บนผิวและไหล่นาง ไหปลาร้าชุ่มชื้นเป็นเส้นโค้งบางเฉียบ ลำแขนก้านบัวมองละมุนราวจันทร์ฉาย แขนที่ประสานกันอยู่นั้น ละเมียดละไมจนหยดน้ำไม่อาจเกาะตาม

 

น้ำค่อนข้างอุ่นมาก ความร้อนของน้ำทำให้ผิวพวกนั้นกลายเป็นสีชมพูอ่อน แสงสะท้อนลงบนเส้นผมดำขลับของนาง ร่างงดงามอีกครึ่งอยู่ใต้น้ำ ดวงหน้าพราวเสน่ห์ดั่งหยกบริสุทธิ์ เท้าของนางแตะขอบอ่างอีกฝั่ง เรียวขาของนางแวววับเป็นมัน เท้าอันปราณีตของนางดั่งขนมอบ หน้าอกแวววาว-ราวหยกเงา ทั้งยังนุ่มเหมือนผ้าแพร.... แต่บนอกนาง สองก้อนอวบอิ่มถูกจับโดยสองฝ่ามือ มันใหญ่โตมากจนกระทั่งสองฝ่ามือยังกุมได้เพียงแค่ครึ่งเดียว

 

คนทั้งสองมองหน้ากันเป็นเวลาเต็มสองอึดใจ เหมือนเวลาถูกแช่แข็งหยุดเอาไว้ ในที่สุด เย่หวูเฉินจึงเริ่มตอบสนองดึงมือกลับราวสายฟ้า จากนั้นลุกออกจากอ่างอาบน้ำ หันร่างออกไปและกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พี่หญิง เป็นความผิดท่าน ทำไมท่านถึงเปิดช่องหน้าต่างทิ้งเอาไว้แบบนั้น... ยิ่งกว่านั้น น้ำยังค่อนข้างเย็นเกินไปด้วย”

 

พอพูดจบเขาก็พาร่างโชกน้ำก้าวเนิบนาบเปิดประตูแล้วเดินออกไป

 

สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านมา ร่างโชกน้ำของเย่หวูเฉินสั่นในทันที เขาเคลื่อนพลังในร่างอีกครั้งแล้วหายวับในฉับพลัน ไม่อาจอยู่รับมือต่อได้แล้ว เขาเผ่น

 

หากว่าเป็นห้องของหญิงสาวปกติธรรมดา เสียงกรีดร้องคงดังเสียดทะลุม่านราตรีไปแล้ว.... อย่างไรก็ตาม สวนของเย่ฉุ่ยเหยาก็ยังคงเงียบสนิท มีเพียงตะเกียงเวทย์ในห้องของนางดับลงหลังจากที่เย่หวูเฉินออกไปแล้ว

 

หลังจากกลับมาถึงที่ประตูห้องนอน เย่หวูเฉินทำเสื้อผ้าและร่างกายให้แห้งด้วยความเร็วสูงสุด เขาก้าวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู เขาใช้แหวนเล็กจ้อยดับแสงตะเกียงเวทย์ทำให้ห้องมืดสนิทลงทันที เขาถอดเสื้อนอกออกแล้วแทรกร่างเข้าไปใต้ผ้าห่ม หัวใจเขายังคงเต้นหนักหน่วงอยู่เช่นเดิม

 

แม้ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพยิ่งใหญ่ในฉับพลัน เขาก็ยังไม่มีอาการกระสับกระส่ายถึงเพียงนี้ เพราะว่านอกจากร่างน้อยๆของหนิงเสวี่ยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเรือนร่างของอิสสตรี สถานการณ์ทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งสตรีนางนั้นยังเป็นพี่สาวในนาม ยิ่งกว่านั้น.... เขาไม่ได้เพียงแค่มองแต่ยังจับ....

 

“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? ข้าได้ยินเสียงหัวใจท่านเต้นเร็วมากเลย” หนิงเสวี่ยดันร่างเบียดเข้ามา และวางมือน้อยๆของนางไว้บนอกเขา

 

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า ข้าเลยประหม่าเล็กน้อย” เย่หวูเฉินตอบ เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อสงบระงับคลื่นปั่นป่วนในหัวใจ

 

เขาจำได้เลือนรางว่าโลกใบนี้ต่างจากหัวเซี่ยในความทรงจำ หากระดับของสิ่งที่ต้องระมัดระวังกลับเท่าเทียมกัน นั่นคือการที่หญิงสาวถูกผู้ชายมองเห็นเรือนร่าง เท่ากับการสูญเสียความบริสุทธิ์....

 

“มองในมุมที่พวกเราเป็นพี่น้องกัน..... เพียงมองและต้องตัวคงไม่นับเป็นสิ่งใด” เย่หวูเฉินยืนยันกับตัวเอง แต่เขาไม่อาจละความคิดเกี่ยวกับเรือนร่างที่งดงามและสัมผัสอันอ่อนนุ่ม เป็นเวลาอยู่พักหนึ่งในใจเขาจึงเริ่มกระวนกระวาย

 

“ขะ....ข้าก็ยังคงเป็นบุรุษผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้ต่างไปจากคนปกติทั่วไป” เขากล่าวกับตัวเองเงียบๆ เขาถอนหายใจบางเบาและหลับตาลง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.