แผ่นดินนี้ข้าจอง ตอนที่ 18 คดีแรก ผีดูดเลือด 4
ผีดูดเลือดได้แปลงร่างเป็นนกสีดำหลายตัวบินไปในอากาศพร้อมร่างของหลินอวิ้นที่นอนสยบไสยอยู่บินออกจากเรือนคนใช้ของจวนจวิ้นอ๋องไป ตันก๋งได้จุดพุส่งสัญยานให้เหล่าหน่วยลาดตระเวนได้รู้ว่าผีดูดเลือดนั้นบินอยู่บนฟ้าและเมื่อทุกกคนเห็นเหตุการณ์จึงได้ไล่ตามไปในทันที ดีที่เรือนคนใช้นอกจากหลินอวิ้นที่โดนลักพาตัวไปแล้วนั้นคนอื่นล้วนไม่เป็นอะไรแค่โดนมนต์สะกดของผีดูดเลือดเข้าไปเท่านั้น เนื่องจากว่าในเมืองเต็มด้วยแสงไฟทำให้ผู้คนมองเห็นนกสีดำที่บินอยู่ไม่สูงได้อย่างชัดเจนมันมุ่งตรงไปทางตะวันออกซึ่งก็คือทางท่าเรือของเมืองซิวซันเมื่อทุกคนเห็นดังนั้นจึงได้รีบตามไป คนจำนวนมากต่างพากันไปที่ท่าเรือ แต่ปรากฏว่ามันได้บินหนีไปทางทะเลแล้ว เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นจึงได้ประชุมปรึกษากันที่ท่าเรือและตอนนี้มือปราบก็อยู่ครบพอดี ทุกคนต่างพากันมองไปที่ร่างของหลินอวิ้นลอยออกไปยังทะเลทุกคนต่างพากันมองไปด้วยความสับสนว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี จนกระทั่งอู๋กังพูดขึ้นต่อข้าคนนับร้อยที่มาอยู่ที่ท่าเรือ
“เอาล่ะข้ารู้ดีข้าพวกเจ้าคิดอะไรอยู่” ชูยงที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็คิดอยู่ในใจ ว่าสายตาของแต่ละคนแม้ว่าจะไม่มีพลังทุกคนแต่สายตาของแต่ละคนก็เต็มไปด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
“คนที่ถูกลักพาตัวไป ข้าทราบมาว่าคนที่โดนลักพาตัวไปนั้นคือหลินอวิ้นคนใช้ในจวนจวิ้นอ๋องถึงนางจะเป็นแค่คนใช้แต่ก็เป็นคนเมืองซิวซัน และอีกอย่างถ้าหากว่าเราไม่ตามไปก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันได้ว่าปีศาจตนนั้นจะไม่กลับมา เพราะฉะนั้นแล้วรอให้คนที่อาสาตามมากับพวกเรามือปราบด้วย ส่วนเรื่องเรือนั้นผู้เราจะรอยืมเหล่าชาวบ้านก่อนตามนี้นะ”
ปรากฏมีคนอาสามากถึงเก้าในสิบส่วนแต่ว่าเรือที่มีนั้นไม่พอทำให้ต้องคัดคนออกมีคนประมาณสี่สิบคนลงเรือสามลำซึ่งเป็นเรือพายและอาศัยลมช่วยทั้งหมดมุ่งหน้าไล่ตามไปโดยที่มือปราบทั้งเจ็ดคนนั้นไม่ได้ไปแค่คนเดียว คณะที่คนไม่ได้ไปนั้นก็ได้กลับไปรายงานจวิ้นอ่อง ซึ่งในขณะที่เหล่าผู้กล้าได้ออกเรือไปนั้นเรือที่นำทางคือเรือของพวกชูยงที่มีอู๋กังกับมือปราบอีกคนชื่อเฟยกว๋างเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสูงมากนักเพื่อเทียบกับชูยงแล้วถ้าชูยงอายุเท่าเขาต้องสูงกว่าเขาแน่นอนและรูปร่างค่อนข้างผอมหน้าตาธรรมดาเขาน่าจะรุ่นรุ่นราวคราวเดียวกับอู๋กังและลู่หลี่ แต่ที่สะดุดตาคือเขามีดวงตาที่คมเหมือนเหยี่ยวและนั่นก็ไขข้อสงสัยของใครหลายคนว่ายามวิกาลเช่นนี้จะไปตามนกสีดำสนิทตัวเล็กที่ลอยบนฟ้าได้อย่างไร และเฟยกว๋างก็สามารถอบโจทย์นั้นได้เนื่องจากว่าเขานั้นมีวิชาเวทย์มนต์สายพลังที่สืบทอดมาประจำตระกูลคือสามารถมองได้ไกลและมองในที่มืดได้ว่ากันว่าถ้าหากฝึกถึงระดับ 10 สามารถมองเห็นได้ไกลรอบโลกและมองทะลุสิ่งกรีดขว้างทุกชนิดได้ แต่ ณ ปัจจุบันเขาอยู่แค่ระดับ 2 เท่านั้นแต่ก็มากพอที่จะเห็นศัตรูได้
“แน่ใจนะว่าทางนี้” อู๋กังที่ยืนอยู่บนหัวเรือถามเฟยกว๋างที่ยืนอยู่ข้างๆโดยที่ชูยงนั้นยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ซึ่งเรือของพวกเขาทำหน้าที่นำทาง
"อ่า มันกำลังบินไปที่หนึ่งเหมือนจะเป็นเกาะ" เฟยกว๋างตอบ
"เกาะหรอ" อู๋กังถามต่อด้วยความสงสัย
"ใช่มันเป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มากแต่ชั้นเห็นเรือลำหนึงเหมือนเป็นซากเรือ"
"ซากเรือ?"
"ใช่น่าจะอยู่ประมานานเหมือนกับเป็นซากเรือเก่ามากและสำคัญที่สำคัญกว่านั้น" พอเห็นเฟยกว๋างเงียบไปอู๋กังก็ได้หันไปมองเฟยกว๋างที่กำลังยืนด้วยท่าทีที่หวาดกลัว อู๋กังที่เห็นเฟยกว๋างมีท่าทีที่หวาดกลัวตัวเขาเองก็อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ ตัวชูยงเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับอู๋กัง
"มีเรื่องอะไรหรอ" อู๋กังถามด้วยเสียงที่สั่นสะพรึง
"เออ ที่เรือนั่นมีคนอีกสองคน"
"นี่นายสามารถใช้พลังได้ถึงขนาดมองทะลุได้แล้วหรอ"
"เปล่าหรอระดับ 2 มันมองแค่ได้แค่ระยะไกลไม่เท่าไรกับมองในที่มืดได้ แต่พอมองไปในซากเรือนั่นเหมือนกับมีพลังบางอย่างที่ชั้นสัมผัสได้ด้วยตาและหนึ่งในนั้นแข็งแกร่งมากน่าจะแข็งแกร่งกว่าผีดูดเลือด" เฟยกว๋างหันมามองอู๋กัง
"เราไงต่อเรากลับตอนนี้ยังทันนะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง อู๋กังก็รับรู้ความรู้สึกนั่นได้ เขาก้มหน้ามองทะเล
"ไปต่อเถอะ ถ้าหากเราไม่จบเรื่องนี้เดี๋ยวจะมีผู้รับเคราะห์สำหรับชั้นนะถ้าตายเพื่อปกป้องชาวบ้านแล้วชั้นก็ยินดี"
"ฮึ" สีหน้าของเฟยกว๋างเต็มไปด้วยสีหน้ามีกำลังใจ
"นึกแล้วว่านายต้องอย่างงั้น" แล้วอู๋กังก็ยิ้มเล็กๆเช่นกัน
"เออขอโทษครับ" ชูยงพูดขัดขึ้น
"พวกรุ่นพี่สงสัยไหมว่าทำไม ผีดูดเลือดนั่นถึงนำตัวหลินอวิ้นไป และการที่รุ่นพี่เฟยกว๋างบอกว่าที่เกาะนั่นมีอีกสองคน ก็หมายความว่าผีตนนั้นจะต้องนำหลินอวิ้นไปให้พวกที่เหลือดูดเลือด แปลว่า ณ พวกนี้พวกนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอ"
"มันก็จริงนะ" อู๋กังสนับสนุน แต่เฟยกว๋างกลับค้าน
"แต่ว่าชั้นรู้สึกว่าคนที่อยู่ที่นั่นเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่านะ" ชูยงนึกอยู่แล้วว่าเฟยกว๋างจะต้องถามแบบนี้
"เรื่องนี้ผมก็คิดไว้แล้วเหมือนกัน บางที่สองคนที่อยู่ในเหลืออาจจะไม่ใช่พวกเดียวกัน เพราะว่าคนที่แข็งแกร่งจะต้องมาหาอาหาร และแน่นอนจะตัดเรื่องเป็นการทดสอบการล่าของผีดูดเลือดไปไม่ได้ แต่เขานำตัวหลินหวิ้นไปแค่คนเดียวแปลว่าอีกคนเขาไม่ต้องการหรอ" เมื่อคำพูดชูยงกล่าวออกไปพวกรุ่นพี่เองก็อดคิดตามไม่ได้ ถ้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือคนที่อยู่ในเรือเขาก็ต้องทดสอบความสามารถของพวกเดียวกันจึงให้คนที่ออกกว่าล่าอาหารแทนแต่ทำไมจะต้องนำไปแค่คนเดียวถ้าพูดแล้วละก็มันไม่น่าจะพอกับความต้องการ หรือว่าอีกคนเขาไม่กินเลือด ซึ่งแต่ละต่างก็นั่งคิดถึงเหตุการณ์ผลที่แท้จริง
ณ ซากเรือที่เกาะแห่งหนึ่ง
ผีดูดเลือดแปลงร่างเป็นชายหน้าขาวเหมือนเดิมเดินเข้ามาในใต้ท้องเรือที่มีหูโว่พร้อมกับมอบหลินอวิ้นที่นอนหมดสติไว้บนไหล่ ผีตนนั้นมองไปยังร่างของหญิงแก่ผอมแห้งคนหนึ่งก่อนพูดขึ้น
"น้องหญิงข้าได้อาหารมาเจ้ารีบกินซ่ะ" เขาวางร่างของหลินอวิ้นลงบนพื้นไว้ของเรือ
"ท่านพี่ลำบากท่านแล้ว" ผีดูดเลือดหญิงแก่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหอบ
"เจ้ารีบกินซ่ะ แล้วจะกลับเป็นเหมือนเดิมและเจ้าจะได้ใช้พลังล้วงเอาวิชาเขาได้" เขาพูดจบพร้อมกับมองไปยังห้องขังของเรือที่อยู่ข้างพวกเขาภายในนั่นผมร่างไร้สติของชายชุดดำตัดผมสั้นกำลังถูกโซ่ตรึงพันธนาการเขาไว้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 487
แสดงความคิดเห็น