บทที่ 479: แม่นางคนนี้ยังไม่แต่งงาน
“แถมยังฝากข้อความให้เจ้าส้มมาบอกข้า” มู่ไป๋ไป่กล่าวพลางรินชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นมาจิบ
ชาที่ร้านเกี๊ยวใช้นั้นเทียบไม่ได้กับชาในวังหลวง แต่ก็นับว่ามีรสชาติดีทีเดียว มันมีความหวานอ่อน ๆ ที่ค่อย ๆ ซึมซาบเข้าสู่หัวใจ
“ข้าเห็นเจ้ากำลังนอนหลับสบาย” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏในดวงตาของเซียวถังอี้ “ข้าก็เลยไม่อยากรบกวนเจ้า นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร”
“ไม่เร่งด่วนหรือ?” หญิงสาวเลิกคิ้วแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “ถ้าไม่ด่วน ทำไมท่านถึงเรียกข้ามาพบที่นี่ ท่านไม่ทราบหรือว่าสถานการณ์ในวังหลวงช่วงนี้เป็นอย่างไร การวิ่งเพ่นพ่านออกมาแบบนี้มันจะไม่อันตรายหรืออย่างไร แล้วถ้าข้าถูกราชองครักษ์จับได้แล้วคิดว่าข้าเป็นคนคิดลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทจะเป็นอย่างไร?”
มู่ไป๋ไป่มีองครักษ์เงาขององค์รัชทายาทคอยติดตามไปไหนมาไหนด้วย ดังนั้นเธอไม่มีทางถูกจับได้แน่นอน
แต่ที่เธอพูดไปแบบนั้นแท้จริงแล้วเพียงอยากจะเอาชนะชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น
เซียวถังอี้มองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว คืนนี้เป็นค่ำคืนที่เมืองหลวงคึกคักมากเป็นพิเศษ แสงเทียนอ่อน ๆ ได้ส่องลงมาใบหน้าของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศดูชวนฝันอยู่ชั่วขณะ
ในขณะที่มู่ไป๋ไป่ไม่อาจทนต่อสายตาของอีกฝ่ายได้ เธอจึงคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายยอมจำนนและกำลังจะบอกเขาว่าเธอแค่ล้อเล่น แต่เธอได้ยินเสียงทุ้มลึกกระซิบขึ้นมาก่อนว่า “เป็นข้าที่ประมาทไปเอง ข้าเห็นว่าเมื่อวานเจ้าชอบเกี๊ยวของที่นี่มาก เลยนัดหมายเจ้าให้มาพบกันที่นี่อีกครั้งโดยไม่ได้คิดอะไร คราวหน้าข้าจะไปพบเจ้าในวังหลวงเอง”
หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มหายใจติดขัด เธอรู้สึกว่าหัวใจที่เคยเต้นแรงก่อนหน้านี้จู่ ๆ ก็สงบลง และเธอก็กำมือแน่น
หากพิจารณาจากอายุจริงของเธอแล้ว เธอมีอายุไม่ห่างจากเซียวถังอี้มากนัก ซึ่งเธอก็ผ่านช่วงวัยรักใส ๆ ของสาวน้อยมานานมากแล้ว
หลังจากเข้าใจความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อตน เธอก็เลิกคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่จำเป็นจะต้องได้รับสิ่งที่ตัวเองชอบเสมอไป สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาของเธอ
อย่างไรก็ตาม… เซียวถังอี้ ผู้ชายคนนี้มักจะส่งสัญญาณบางอย่างให้เธอเสมอ
หากมันเกิดเพียงแค่ 1 หรือ 2 ครั้ง เธอยังคิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิดและตัวเธออาจคิดมากเกินไปเอง แต่พอเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เธอก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซียวถังอี้ไม่ได้สนใจเธอสักนิด
ในขณะนั้นเกี๊ยวเสร็จพอดี เจ้าของร้านจึงได้นำเกี๊ยว 2 ชามมาวางบนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับแจกเครื่องเคียงให้กับลูกค้าด้วย “นี่คือเครื่องเคียงแบบใหม่ของข้า คุณชายกับฮูหยินลองชิมดูก่อน”
จังหวะที่มู่ไป๋ไป่กำลังจะกล่าวขอบคุณเถ้าแก่ เธอก็ต้องตกใจที่อีกฝ่ายเรียกเธอว่า ‘ฮูหยิน’
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว” เซียวถังอี้เหลือบมองหญิงสาวเพียงเสี้ยวอึดใจแล้วอธิบายให้เถ้าแก่ฟังว่า “แม่นางคนนี้ยังไม่แต่งงาน”
เถ้าแก่ร้านเกี๊ยวตกใจแล้วรีบหันไปขอโทษมู่ไป๋ไป่ “ต้องขออภัยด้วย ข้าเห็นว่าคุณหนูกับคุณชายมาที่นี่ติดต่อกันเป็นเวลา 2 วันแล้ว พวกท่านทั้ง 2 ดูเหมาะสมกันมาก ดังนั้น…”
“ข้านี่โง่เสียจริง คุณหนูคนนี้อย่าโกรธข้าเลย”
เนื่องจากมู่ไป๋ไป่กับเซียวถังอี้แต่งตัวด้วยผ้าเนื้อดี เถ้าแก่ร้านจึงไม่อยากทำให้พวกเขาต้องโกรธเคือง
ถึงอย่างไรในสถานที่อย่างเช่นเมืองหลวงก็มีผู้มีอิทธิพลอาศัยอยู่มากเกินไป หากเขามีเรื่องกับคนพวกนี้มันจะส่งผลร้ายต่อเขาแน่นอน
“ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องคิดมาก” มู่ไป๋ไป่รีบโบกมือเพื่อบอกว่าเธอไม่ได้โกรธเขา ขณะที่ในใจของเธอมีประโยคที่เซียวถังอี้พูดก่อนหน้านี้วนซ้ำอยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่ชายหนุ่มพูดเมื่อกี้นี้ฟังดูผิวเผินแล้วอาจจะไม่มีอะไร แต่เขาไม่ได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอ เขาเพียงแค่บอกว่าเธอยังไม่ได้แต่งงาน
นั่นทำให้มู่ไป๋ไป่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“เจ้าหัวเราะอะไร?” ทันทีที่เถ้าแก่เดินออกไป เซียวถังอี้ก็หันกลับมาเห็นหญิงสาวกินเกี๊ยวไปด้วยหัวเราะไปด้วย เขาจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“หืม?” มู่ไป๋ไป่ที่ถูกอีกฝ่ายจับได้ก็วางช้อนลงแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมุมปากพยายามรักษาท่าทีให้นิ่งที่สุด “ข้าหัวเราะหรือ ท่านมองผิดไปหรือไม่ ข้าไม่ได้หัวเราะสักหน่อย!”
เซียวถังอี้เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
จากนั้นชายหญิงทั้ง 2 ก็กินเกี๊ยวในส่วนของตัวเองเงียบ ๆ ไปจนหมดแล้วจึงพูดคุยธุระกัน ที่แท้ในช่วงบ่ายชายหนุ่มไปที่ตำหนักอวี๋ชิงเพราะคนของเขาพบบางอย่างในตำหนักตี้เฉิน
ถัดมา เซียวถังอี้วางถุงผ้าไว้บนโต๊ะพร้อมกับกล่าวว่า “คนของข้าพบของสิ่งนี้ในสวนด้านหลังตำหนักตี้เฉิน”
มู่ไป๋ไป่มองไปที่ถุงผ้าและได้กลิ่นฉุนจมูกโชยออกมาจากห่อผ้านั้น
เธอขมวดคิ้วทันทีแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่านี่คือกลิ่นประหลาดที่เธอได้กลิ่นตอนที่เธอกับเซียวถังอี้พาอาเค่อเข้าไปในตำหนักตี้เฉิน
มู่ไป๋ไป่มองชายสวมหน้ากากสีเงินตรงหน้าที่ยังคงมีท่าทางปกติ จากนั้นเธอก็หันไปมองผู้คนที่สัญจรอยู่รอบตัว ซึ่งคนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับห่อผ้า นั่นทำให้เธอแน่ใจการคาดเดาของตัวเองมากขึ้น
มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถได้กลิ่นนี้
“มีอะไรหรือ?” เซียวถังอี้สังเกตสีหน้าของมู่ไป๋ไป่อยู่ตลอดเวลา เขาจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ “มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
หญิงสาวส่ายหัวก่อนจะพยักหน้า หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็บอกเขาเรื่องกลิ่นอีกครั้ง
แววตาของเซียวถังอี้หม่นแสงลงทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ “ดูเหมือนว่ากลิ่นนี้จะเกี่ยวข้องกับอาคม ตอนที่คนของข้าพบของสิ่งนี้ นางกำนัลคนนั้นกำลังฝังมันเอาไว้ในสวน เจ้าอยากลองเดาดูหรือไม่ว่านางกำนัลคนนั้นเป็นใคร?”
มู่ไป๋ไป่คิดตามคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่จะมีใบหน้าของคนผู้หนึ่งลอยเข้ามาในใจ “อาจจะเป็นนางกำนัลที่เราพบเมื่อคืนนี้หรือไม่?”
นางกำนัลข้างกายลี่เฟย!
“เจ้าฉลาดมาก” เซียวถังอี้มองหญิงสาวด้วยสายตาชื่นชม “ลองเปิดดูสิ เจ้าอาจจะสนใจว่าข้างในมีอะไร”
มู่ไป๋ไป่เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เธอก็ยังตกใจมากในตอนที่เปิดผ้าออก ข้างในนั้นเป็นกล่องที่ถูกไฟไหม้จนกลายเป็นสีดำ และด้านในก็มีกองวัตถุที่ถูกเผาซึ่งไม่สามารถมองออกได้ว่าเป็นอะไร อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากวัตถุนั้น
“นี่คืออะไร?” หญิงสาวถามพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“มันน่าจะเป็นเสื้อผ้าของเสด็จพ่อเจ้า” เซียวถังอี้ตอบพลางใช้ปลายนิ้วเคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะแบบที่เคยทำ “เสื้อผ้าที่เสด็จพ่อเจ้าสวมใส่ทำมาจากวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หลังจากถูกเผาแล้วมันจะกลายเป็นอย่างที่เห็น”
ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกายขึ้นมาทันที “ดังนั้นนี่คืออาคมที่ลี่เฟยใช้กับท่านพ่อผ่านเสื้อผ้าของเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ช้าก่อน!”
“ท่านพูดตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าขอเพียงเราพบคนร่ายอาคม เราจะสามารถถอนอาคมได้ ถ้าสิ่งนี้คือ… แล้วทำไมลี่เฟยถึงเผามันทิ้งเสียล่ะ?”
ยิ่งมู่ไป๋ไป่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะได้เบาะแสมาบ้าง แต่มันก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
“เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป” เซียวถังอี้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผันผวนของหญิงสาว เขาจึงยื่นมือไปลูบหัวอีกคนเบา ๆ “ค่อยเป็นค่อยไป”
“ท่านอย่ามาเล่นหัวข้านะ!” มู่ไป๋ไป่จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาคมดุ “ข้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
เดิมทีเซียวถังอี้อยากจะบอกว่านางเป็นเพียงเจ้าตัวเล็กในสายตาของเขา แต่หลังจากที่สบเข้ากับดวงตากลมโตของสตรีตรงหน้า คำพูดที่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากก็ดูเหมือนจะติดอยู่ตรงนั้น
ในขณะเดียวกัน ไกลออกไปในจุดที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็น เซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านกำลังซ่อนตัวอยู่ในตรอกและจ้องชายหญิงทั้ง 2 ที่กำลังนั่งคุยกันในร้านเกี๊ยว
“ฮึ ข้าบอกแล้วว่าท่านพี่แปลกไป ดึกขนาดนี้แล้วไม่ยอมอยู่บ้านแต่ออกมาวิ่งเพ่นพ่านอยู่ข้างนอก แถมยังเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ด้วยนะ ที่แท้ก็มาพบไป๋ไป่นี่เอง!” หญิงสาวกัดฟันพูดอย่างขุ่นเคืองใจ
“ศิษย์พี่รอง เรากลับไปนอนกันเถอะเจ้าค่ะ” อวี้หวานหว่านพูดพลางอ้าปากหาว ก่อนจะขยี้ตาเพราะนางรู้สึกง่วงมาก “ศิษย์พี่ใหญ่กับท่านอ๋องคงกำลังพูดคุยเรื่องสำคัญกันอยู่”
“เจ้าดูสิ พวกเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังคุยเรื่องสำคัญกันเลยสักนิด!” ยามนี้เซียวถังถังรู้สึกทั้งโมโหและมีความสุขปนเปกันไป “ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นห่วงพวกเขามาก แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็แอบมาพูดคุยกันลับหลังข้า!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 156
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น