บทที่ 163 เดิมพัน
บทที่ 163 เดิมพัน
ซิลเวอร์แฮนด์คือกองกำลังรักษาพระองค์แห่งราชวังเมืองเซนต์กอลล์ ซึ่งในชาติก่อนลู่หยางไม่เคยได้รับฉายานี้แม้กระทั่งเขาได้เสียชีวิตลง ในเวลานั้นมันได้มีข่าวลือว่าผู้เล่นทุกคนที่ได้รับฉายานี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้รับผลประโยชน์กลับมาอย่างมหาศาล
ลู่หยางรีบกล่าวคำขอบคุณและวิ่งไปยังฝ่ายของกองกำลังรักษาพระองค์ที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปพบเจ้าหน้าที่คลังแสงภายในในอาคารหลังสีเขียว
เจ้าหน้าที่คลังแสงเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้าและมีแววตาที่ดุดัน
“นี่คือคลังแสงของวัง ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นอันขาด” แอบบริดผู้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คลังแสงพูดพร้อมขมวดคิ้ว
ในชาติก่อนมีผู้เล่นหลายคนไม่ฟังคำเตือนของแอบบริดทำให้ในตอนสุดท้ายพวกเขาถูกทหารยามลากออกไปและไม่สามารถกลับเข้ามาภายในวังได้หลายวัน
“ผมได้สังหารพิกก์ค้อนทองและได้ประทานรางวัลให้สามารถมาซื้อของจากคุณได้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ลู่หยางกล่าว
“หือ!? นายเนี่ยนะ? ไหนเล่าให้ฟังซิว่าเรื่องมันไปมายังไง” แอบบริดถามด้วยสีหน้าอันประหลาดใจ
ลู่หยางเล่าเรื่องราวให้ชายตรงหน้าฟังอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แอบบริดจึงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าอันตื่นเต้น
“เก่งมากเจ้าหนุ่ม! ประตูคลังแสงแห่งนี้ยินดีต้อนรับตลอดเวลาว่าแต่นายอยากจะซื้ออะไรล่ะ?”
ทันทีที่พูดจบหน้าต่างซื้อขายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของลู่หยาง ซึ่งในหน้าแรกมันเป็นหมวดของสูตรน้ำยาที่มีสูตรน้ำยาชนิดต่าง ๆ อยู่มากกว่า 20 ชนิด
ลู่หยางสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างตื่นเต้นและพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองให้สงบลง เพราะถึงแม้สูตรน้ำยาพวกนี้จะเป็นเพียงแค่สูตรน้ำยาระดับต้น แต่น้ำยาแต่ละชนิดต่างก็ล้วนแล้วแต่สามารถเพิ่มพลังให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น สูตรน้ำยาโจมตีที่จะช่วยเพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพได้ 20 หน่วย หรือมันก็เทียบเท่ากับการถือดาบสองมือระดับหินเลเวล 15 เลยทีเดียว
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังมีเลเวลน้อย การใช้น้ำยาพวกนี้ก็จะทำให้พวกเขาสามารถสังหารมอนสเตอร์ได้เร็วกว่าปกติเป็นเท่าตัว ลู่หยางจึงมีความมั่นใจว่าหากเขาปรุงน้ำยาพวกนี้ไปขายพวกมันจะต้องขายดิบขายดีอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นสูตรยาแต่ละชนิดยังมีราคาเพียงแค่ 10 เหรียญเงิน เขาจึงทำการซื้อสูตรยาทุกสูตรอย่างละ 2 ชุดทำให้เหลือเงินก้อนสุดท้ายติดตัวอยู่เพียงแค่ 1 เหรียญทอง
หลังบอกลาแอบบริด ลู่หยางก็เดินไปที่จุดวาร์ปพร้อมกับเทเลพอร์ตไปยังเมืองไวท์ไลท์ซึ่งเป็นแผนที่เลเวล 20
ตอนนี้มันถึงเวลาที่ไทแรนท์สเกเลตัลจะเกิดใหม่แล้วชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับมาสังหารมันอีกครั้งเพื่อตามล่าคทาดีวายไฟร์สตาฟ แต่การจะไปสังหารไทแรนท์สเกเลตัลมันก็จำเป็นจะต้องมีผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เสียก่อน
ช่วงเวลาที่มีผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์อยู่ด้วยเป็นช่วงเวลาที่ลู่หยางคิดถึงมาก เขาจึงออกจากเมืองวิ่งเข้าไปยังป่าบาปนิรันดร์ ซึ่งหลังจากค้นหาอยู่ 20 นาที ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นเงาสีเงินวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ
นักเวทหนุ่มรีบวิ่งไล่ตามเงานั้นไปก่อนที่เขาจะได้พบผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาจึงสวมใส่แหวนแห่งความฝันและใช้สกิลความฝันหลอกหลอนกับมันอย่างรวดเร็ว
ชื่อของผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เปลี่ยนเป็นสีเหลืองก่อนที่ในอีก 1 นาทีต่อมามันจะกลับมาเป็นสีขาวพร้อมกับชื่อของลู่หยางที่ปรากฏในวงเล็บทางด้านหลัง
ลู่หยางวิ่งออกจากป่าไปทางเมืองเซนต์กอลล์ เพราะเนื่องจากผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ไม่สามารถเข้าเมืองได้เขาจึงจำเป็นจะต้องทำแบบนี้
“อาจารย์ วันนี้คุณว่างหรือเปล่า?” ไป๋ฉือส่งข้อความเข้ามาถามอย่างกะทันหัน
ลู่หยาง: ฉันอยู่นอกเมือง มีอะไรหรือเปล่า?
ไป๋ฉือ: พวกเราอยากจะท้าทายคุณอีกครั้ง
ลู่หยาง: ถ้าอย่างนั้นอีก 4 ชั่วโมงเดี๋ยวเราไปเจอกันที่หุบเขางูพิษ ตอนนี้ฉันอยู่ที่แผนที่เลเวล 20 และมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีวิ่งกลับ
ไป๋ฉือ: ได้ครับ ไม่มีปัญหา
“เป็นไงบ้าง เขาตกลงไหม?” ไป๋เหลิงถามอย่างร้อนใจ
“ใจเย็น ๆ ฟังพี่ใหญ่พูดก่อน” ไป๋หูกล่าว
“เขาตกลงแล้วแต่เขาอยู่ในแผนที่เลเวล 20 แล้วมีเหตุจำเป็นจะต้องวิ่งกลับมา เขาเลยให้เราไปรอที่หุบเขางูพิษในอีก 4 ชั่วโมง” ไป๋ฉือกล่าว
ไป๋เหลิงนิ่งอึ้งไปอย่างตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่คิดว่าลู่หยางจะไปเก็บเลเวลในแผนที่เลเวลสูงขนาดนั้น
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงเก็บเลเวลได้เร็วมาก ที่แท้เขาก็เก็บเลเวลในแผนที่เลเวลสูง ๆ มาตลอดนี่เอง”
“ไม่เป็นไร ถ้าพวกเราสามพี่น้องร่วมมือกันครั้งนี้เราจะต้องชนะเขาได้แน่นอน” ไป๋หูกล่าว
—
ลู่หยางเปิดใช้งานสกิลสคอร์ชิ่งสปีดวิ่งกลับอย่างสุดกำลัง ซึ่งในครั้งก่อนเขาต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง แต่ในครั้งนี้เขามั่นใจว่าจะสามารถเดินทางไปถึงหุบเขางูพิษได้ภายใน 4 ชั่วโมง
สาเหตุหลักที่ทำให้เขามั่นใจขนาดนี้นั้นก็คือเขามีมีดเอสเคพเดจเจอร์เพิ่มขึ้นมาแล้ว ด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้ายผ่านมิติของมีดเอสเคพเดจเจอร์ มันจึงทำให้เขาสามารถกระโดดข้ามเนินเขาและหน้าผาได้อย่างมากมาย ซึ่งมันก็จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้มากกว่าครึ่ง
โดยเฉพาะหุบเขาแห่งหนึ่งที่สะพานเชื่อมระหว่างภูเขาพังลงมาเหลือเพียงหน้าผาที่มีความกว้างกว่า 60 เมตร หากผู้เล่นต้องการจะวิ่งไปยังภูเขาอีกลูกพวกเขาก็จำเป็นจะต้องวิ่งอ้อมไปเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่หากเขาใช้มีดเอสเคพเดจเจอร์พร้อมกับใช้สกิลแฟลช มันก็จะทำให้เขาสามารถกระโดดไปยังอีกฝั่งของหน้าผาได้อย่างง่ายดาย
หลังเดินทางมาถึงหุบเขางูพิษเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมงพอดี แล้วในวันนี้ลู่หยางก็ได้พบว่าหุบเขางูพิษดูเงียบเหงามากเป็นพิเศษ เพราะมันแทบไม่มีผู้เล่นเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เลย
ลู่หยาง: ฉันมาถึงแล้ว
ไป๋ฉือ: พวกเรารออยู่ที่ทางเข้า
ลู่หยาง: ช่วยมาหาฉันที่นี่ที
หลังส่งข้อความจบลู่หยางก็ส่งตำแหน่งให้ไป๋ฉือ
ไป๋ฉือ: แป๊บหนึ่งครับ เดี๋ยวไป
ไป๋ฉือตอบกลับพร้อมกับพาพี่น้องวิ่งมาหาลู่หยาง
เมื่อสามฝาแฝดปรากฏตัวลู่หยางก็ได้พบว่าอุปกรณ์ของทั้งสามได้ถูกเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ระดับเหล็กที่ดรอปลงมาจากหุบเขางูพิษ
“อุปกรณ์ใหม่ไม่เลวเลยนี่” ลู่หยางกล่าว
ระหว่างนั้นสามฝาแฝดก็สำรวจลู่หยางอยู่เช่นกัน ซึ่งในครั้งก่อนที่พวกเขาเผชิญหน้ากันอีกฝ่ายไม่สวมอุปกรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ในวันนี้ลู่หยางได้ทำการสวมใส่อุปกรณ์อยู่ครบทั้งชุด
ตอนแรกสามฝาแฝดคิดว่าเมื่อตัวเองมีอุปกรณ์จากหุบเขางูพิษแล้วพวกเขาจะสามารถเอาชนะลู่หยางได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อได้เห็นคทาสีแดงเพลิงภายในมือของอีกฝ่าย มันก็ทำให้ทั้งสามเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“อาวุธของคุณมันเป็นอาวุธระดับไหน?” ไป๋หูถาม
ลู่หยางเผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะทำการแชร์ค่าสถานะของคทาไปให้ฝาแฝดทั้งสามคน
“มันชื่อคทาดีวายไฟร์สตาฟ ฉันได้มันมาจากการเอาชนะบอสเลเวล 30 แบบตัวต่อตัว”
หลังจากฝาแฝดเห็นคุณสมบัติของคทา พวกเขาก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงพร้อมกัน
“พลังโจมตีโคตรสูง!” ไป๋หูอุทาน
“ว่าไง ยังอยากจะสู้อยู่ไหม?” ลู่หยางถาม
“สู้สิ ถึงแม้อุปกรณ์ของคุณจะเหนือความคาดหมายของพวกเราอยู่บ้าง แต่พวกเราก็ได้คิดค้นกลยุทธ์สำหรับการต่อต้านคุณมาโดยเฉพาะ คราวนี้พวกเราจะต้องชนะคุณได้แน่นอน” ไป๋เหลิงกล่าว
“ถ้าคุณชนะการต่อสู้ในครั้งนี้พวกเราก็ยินดีจะเซ็นสัญญาเข้าร่วมกิลด์ของคุณ” ไป๋ฉือกล่าว
“อย่าพึ่งดูถูกพวกเราเชียวล่ะ คราวนี้พวกเราก็มีสกิลระดับกลางแล้วเหมือนกัน” ไป๋หูกล่าวเพราะเขาได้เรียนรู้สกิลใหม่มาหลายอย่าง เช่น เฟลมสแลช, ธันเดอร์สไตรค์ เป็นต้น
“เพื่อความยุติธรรม เราจะแสดงสกิลให้คุณได้เห็นก่อนและพวกเราก็ขอให้คุณแสดงสกิลของคุณให้พวกเราได้ดูบ้าง” ไป๋ฉือกล่าวพลางแสดงสกิลของเขาให้ลู่หยางดู
“อีกอย่างคือตอนนี้พวกเรามีเลเวล 13 แล้วนะ” ไป๋เหลิงกล่าว
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ลู่หยางตกใจอยู่บ้าง ซึ่งถ้าหากเขาจำไม่ผิดเมื่อชาติก่อนสามพี่น้องก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากเกมเปิดมาใหม่ ๆ พวกเขาก็ได้รับภารกิจพิเศษจากราชามาโดยบังเอิญ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าตอนนี้พวกเขาคงจะกำลังทำภารกิจนั้นอยู่
ท้ายที่สุดมันก็มีเพียงสกิลพิเศษของราชาเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาซื้อหนังสือสกิลระดับกลางจากเจ้าหน้าที่คลังแสงได้ แล้วมันก็คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงเก็บเลเวลได้รวดเร็วขนาดนี้
“ไม่เลวเลยนี่ ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามาเลย” เลือดในกายของลู่หยางเริ่มเดือดพล่าน เพราะในตอนนี้สามฝาแฝดตระกูลไป๋ก็พร้อมจะสู้กับเขามากกว่าเมื่อก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะมีข้อได้เปรียบจากคทาดีวายไฟร์สตาฟและหัวใจแห่งเทพอสูร แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทั้งสามคนพร้อม ๆ กัน ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก ตอนนี้มันจึงขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะมีทักษะที่สูงกว่ากันแล้ว
ระบบ: สามพี่น้องตระกูลไป๋ท้าทายคุณ คุณยอมรับหรือไม่?
ลู่หยางตอบตกลงขณะที่ทั้งสองฝ่ายยืนห่างกันในระยะ 30 เมตร
ปูมาขนาดนี้แล้ว ไม่รอดแน่ ๆ 5555555555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 67
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น