บทที่ 175: คนร้ายที่ทางการต้องการตัว
สิ้นเสียงของหัวหน้า มีดก็ถูกดึงออกจากคอหลัวเซียวเซียว ก่อนที่นางจะค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นางก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังมาจากข้างหลัง ตามด้วยลมอุ่น ๆ ที่พัดผ่านหน้า
“มีนักฆ่า!”
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความตกใจ ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน
ไม่นานก็มีลูกธนูพุ่งออกมาจากความมืด ลูกธนูเหล่านั้นแม่นยำมาก ซึ่งมันจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายเสมอ
ภายในเพียงไม่กี่อึดใจ มู่ไป๋ไป่ก็เห็นคนหลายคนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
เธอนั่งนิ่งด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่ามีคนมาช่วยตน!
ต้องเป็นท่านพี่รัชทายาทแน่!
จากนั้นคนตัวเล็กก็เริ่มดิ้นรนอย่างตื่นเต้นทันที
เนื่องจากความวุ่นวาย ผู้ชายที่จับตัวเธอเอาไว้ก็เผลอคลายมือออก เธอจึงอาศัยจังหวะนั้นหนีไปจากอีกฝ่าย
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจว่ามือของตัวเองจะยังคงถูกมัดไว้อยู่หรือไม่ เธอพยายามดิ้นรนคลานเข้าไปหาหลัวเซียวเซียวอย่างเต็มกำลัง
แล้วมันก็เป็นไปตามที่เธอคาด ลูกธนูทั้งหมดที่ถูกยิงออกมานั้นหลบเลี่ยงตัวเธอ โดยที่พวกมันช่วยกำจัดคนที่จะพุ่งเข้ามาจับตัวเธอเป็นครั้งคราว
“เราจะปล่อยเด็กคนนั้นหนีไปไม่ได้!” ชายที่สวมหน้ากากเองก็ถูกธนูยิงทะลุแขนขวา และบาดแผลของเขาก็ดูรุนแรงมาก “ไปเอาตัวนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เดิมทีกลุ่มโจรมุ่งความสนใจไปยังลูกธนูที่พุ่งออกมาจากความมืด แต่หลังจากได้ยินคำสั่งของคนที่เป็นหัวหน้า พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องรีบมุ่งเป้าไปที่มู่ไป๋ไป่แทน
ทว่าลูกธนูที่ถูกยิงออกมาก่อนหน้านี้กลับหยุดลงกะทันหัน
มันทำให้ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ชายในชุดสีม่วงก็กระโดดออกมาจากความมืด
ชายคนนั้นถือหอกสีเงินซึ่งเรืองแสงอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นผลให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวยามที่ได้เห็นมัน
“เจ้าเป็นใคร!” ชายสวมหน้ากากมองไปยังคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา “เมื่อกี้เจ้าเป็นคนก่อปัญหาใช่หรือไม่?!”
บุคคลดังกล่าวก็คือมู่จวินเซิ่งนั่นเอง บัดนี้เขามายืนขวางมู่ไป๋ไป่กับหลัวเซียวเซียวที่กำลังตกตะลึง “ข้าเป็นบิดาของเจ้าอย่างไรเล่า! ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตายก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ”
“แต่ถ้าอยากตายก็เข้ามา!”
“ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่บิดาไม่ได้บั่นคอมนุษย์มานานแล้ว”
ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่เคยพบเจอคนที่หยิ่งผยองเช่นนี้มาก่อน เขาจึงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
ในตอนที่เขากำลังจะสั่งให้ลูกน้องไปจัดการศัตรู เหล่าซื่อที่ซ่อนตัวมานานก็เข้ามากระซิบว่า “หัวหน้า คนผู้นี้คือสหายของนายน้อยจิน...”
“ตอนนี้เขาตามมาทันแล้ว นั่นหมายความว่าตระกูลจิน…”
สีหน้าของชายสวมหน้ากากเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนทุกอย่างอย่างรัดกุมแล้ว ตามแผนของเขา ในตอนนี้ตระกูลจินจะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
แต่ถ้าตระกูลจินกำลังอยู่ในความโกลาหล เหตุใดคนผู้นี้ถึงตามพวกเขามาทันล่ะ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าแผนการของเขาล้มเหลว?
“หึ ใช่แล้ว คนของตระกูลจินกำลังตามมา” มู่จวินเซิ่งยิ้มเยาะ
ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังหลอกตนหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเม้มปากและในที่สุดก็ทิ้งสายตามองมู่ไป๋ไป่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าแล้วพูดว่า “ไปเถอะ!”
คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวได้เร็วมาก เพียงครู่เดียว พวกเขาก็หายตัวไปท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน
หลังจากที่มู่จวินเซิ่งแน่ใจว่าไม่มีเสียงกีบม้าในบริเวณใกล้เคียงอีกต่อไป เขาจึงลดหอกลงแล้วหันกลับไปมองเด็กน้อยทั้ง 2
ขณะนี้หลัวเซียวเซียวได้ช่วยแก้เชือกที่มัดมือองค์หญิงหกเอาไว้แล้ว จากนั้นก็คลายก้อนผ้าออกจากปากของเธอ
ถัดมา มู่ไป๋ไป่หันไปจ้องเด็กหนุ่มที่ถือหอกตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณเขา “ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ”
มู่จวินเซิ่งมองคนตัวเล็กด้วยสายตาซับซ้อน ในขณะที่กล่าวว่า “ไม่เป็นไร… มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ”
เนื่องจากมู่จวินฝานเรียกเด็กคนนี้ว่าน้องสาว นางจึงเป็นน้องสาวของเขาเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาย่อมต้องช่วยคนในครอบครัวของตัวเอง
“ผู้มีพระคุณ ท่านมาจากจวนตระกูลจินหรือเจ้าคะ?” มู่ไป๋ไป่พยายามสงบสติอารมณ์ลงก่อนจะถามว่า “แล้วท่านรู้จักพี่ชายของข้าหรือไม่ พี่ชายของข้าแซ่เซียว เซียวจวินฝาน เขาตัวสูงพอ ๆ กับท่าน ท่าทางเขาคล้ายกับบัณฑิต และมีชายที่สวมหน้ากากสีเงินอยู่ข้าง ๆ”
“เขารู้หรือไม่ว่าข้าหายตัวไป เขาเป็นคนส่งท่านมาที่นี่หรือ?”
“ข้ารู้จักพี่ชายของเจ้า” เด็กหนุ่มลูบปลายจมูกตัวเองอย่างรู้สึกผิด “แต่ข้าไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่ว่าเจ้าหายตัวไป”
“ข้าเพียงแค่บังเอิญผ่านมา…”
ใช่แล้ว ตอนที่เขากลัวว่าจะถูกมู่จวินฝานพบตัวเข้า ในระหว่างทางเขากลับเห็นมู่ไป๋ไป่ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับมัดไว้ ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งออกมาช่วยนางโดยไม่ทันได้คิดอะไร
“นั่นสินะ” มู่ไป๋ไป่ลุกขึ้นโดยมีหลัวเซียวเซียวช่วยพยุง “พี่ใหญ่ ท่านช่วยส่งเรา 2 คนกลับเมืองได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เด็ก 2 คนจะเดินทางในป่าที่ทั้งมืดและเปลี่ยวเช่นนี้เพียงลำพังได้อย่างไร?
“...” มู่จวินเซิ่งที่ได้ยินดังนี้ก็นิ่งอึ้งไป
คำขอนี้ตัดสินใจได้ลำบากมากสำหรับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้
เขาหนีออกมาจากจวนเพื่อซ่อนตัวไม่ให้มู่จวินฝานเห็น หากเขาต้องกลับไปตอนนี้ มันไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?
พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ เธอก็คิดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือ เธอจึงล้วงกระเป๋าหยิบตั๋วแลกเงินออกมายัดใส่มือเขา
“พี่ใหญ่ นี่คือเงินทั้งหมดของข้า ขอเพียงท่านไปส่งข้ากับเซียวเซียวกลับเมืองชิงหยางได้อย่างปลอดภัย ข้าสามารถขอให้พี่ชายของข้าจ่ายเงินเพิ่มให้ท่านได้”
“...” นี่ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
เขาดูเหมือนคนขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ?
แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงได้โง่เขลาขนาดนี้ นางไม่รู้หรืออย่างไรว่าการออกไปข้างนอกนั้นไม่ควรพกเงินติดตัวมากมายเช่นนี้?
“พี่ใหญ่?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกกังวลว่ากลุ่มโจรที่เพิ่งหนีไปจะกลับมาอีกครั้ง
และเธอต้องกลับไปบอกมู่จวินฝานโดยเร็วว่าคนกลุ่มนั้นเป็นคนวางยาพิษคนในจวนตระกูลจิน
“ไม่ได้” มู่จวินเซิ่งคิดอยู่นานแล้วตัดสินใจส่ายหัวปฏิเสธอย่างเคร่งขรึม “ข้ากำลังรีบมุ่งหน้ากลับไปที่ชายแดน”
“แต่จากตรงนี้กลับไปยังเมืองชิงหยางใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม!” หลัวเซียวเซียวอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะขึ้นมา “หากผู้มีพระคุณพาเราไปส่ง ท่านจะใช้เวลาไปกลับเพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น”
เพียงแค่ 1 ชั่วยามเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเร่งรีบมากเพียงใด แต่สถานการณ์เช่นนี้มันไม่น่าจะเป็นการเสียเวลาสักเท่าไหร่
ทว่าเด็กหนุ่มส่ายหัวอีกครั้ง “ข้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น หากพวกเจ้ายินดี ข้าจะมอบม้าของข้าให้เจ้า”
“ตรงนี้มีถนนสายเดียวเท่านั้น หากเจ้าเดินทางกลับไปตามทาง เจ้าก็จะไปถึงเมืองชิงหยางได้โดยไม่หลงทาง”
มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วกับคำพูดของเขา เธอรู้สึกว่าคนผู้นี้แปลกมาก เขาบอกว่าจะมอบม้าให้กับพวกเธอทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ากำลังรีบ
2 สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกันเลยใช่หรือไม่?
ดังนั้นสายตาที่เธอมองเขาจึงเปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้น เธอมองอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเท่าไหร่เพราะว่าบริเวณนี้มืดมาก แต่เธอก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูดีมากเช่นกัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า… ชายคนนี้จะเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัว?
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ต้องการเสี่ยงส่งพวกเธอกลับไปที่เมืองชิงหยาง
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ มู่ไป๋ไป่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น
เธอจึงตัดสินใจดึงหลัวเซียวเซียวให้ถอยหลังไป 2-3 ก้าวทันทีเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างพวกเธอกับชายแปลกหน้าให้กว้างขึ้น
ท่าทางนั้นทำให้มู่จวินเซิ่งรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “...”
“ในเมื่อผู้มีพระคุณกำลังรีบ พวกเราก็อย่าได้บังคับเขาเลย” มู่ไป๋ไป่ยิ้มและยกมือขึ้นคำนับให้อีกฝ่าย “ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือเราเมื่อครู่นี้ ผู้มีพระคุณ เงินพวกนั้นถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่พวกเรามอบให้ท่าน”
“ในอนาคต หากมีวาสนาเราคงได้พบกันใหม่”
หลังจากพูดจบเธอก็ดึงสหายตัวน้อยวิ่งหนีไปอีกทาง
“นี่คุณหนู เราก็อยากได้ม้าเหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” หลัวเซียวเซียวมองย้อนกลับไปยังเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น “เราควรเอาม้าไปด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ อย่างไรก็ตาม เขาก็เอ่ยปากแล้วว่าจะมอบมันให้กับเรา เราก็คิดเสียว่าเราซื้อมันมาก็ได้”
“เจ้ายังจะสนใจม้าอยู่อีก!” มู่ไป๋ไป่ลดเสียงลง “ชายคนนั้นอาจจะเป็นโจรที่ทางการต้องการตัว ดังนั้นรีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเจ้าที่เพิ่งก้าวออกจากถ้ำหมาป่าจะหลุดเข้าไปในปากเสือแทน”
“อะไรนะเจ้าคะ?” หลัวเซียวเซียวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ผู้ชายคนนั้นเป็นโจรที่ทางการต้องการตัวจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ? ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน!” คนตัวเล็กอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง “เจ้าลองคิดดูสิ ทำไมเขาถึงกล้ามอบม้าให้เราทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ากำลังรีบล่ะ?”
“เขาคงมีความผิดติดตัว จึงไม่ต้องการกลับไปที่เมืองชิงหยาง”
“ถ้าเขาไม่ใช่โจรตามหมายจับ แล้วเขาจะเป็นอะไรได้อีก?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พี่รองมา! การพบกันของพี่รองกับน้องหกก็คือล่กทั้งคู่ เอ็นดู 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 50
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น