บทที่ 161: เสร็จกิจแล้วก็ถอนตัว
มู่จวินเซิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าลุงจางเต็มใจจะช่วยเข้าไปถามเถ้าแก่แทนตน เขาจึงเข้าไปนั่งอยู่ในห้องโถงและกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมกับสูดกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวนั้น
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเด็กดังมาจากทางห้องครัวเบา ๆ
“ท่านลุงจาง เถ้าแก่พ่างยังเรียนรู้วิธีการทำอาหารได้ไม่ดีนัก ดังนั้นหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานจานนี้จึงยังไม่เข้าที่เข้าทาง ถ้าแขกที่ท่านพูดถึงนั้นไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ท่านก็มอบให้เขาเถอะ”
“แต่ท่านต้องจับตาดูด้วยว่าเขาจะไม่ออกไปพูดเรื่องไร้สาระหลังจากกินเสร็จ”
“ตกลง คุณหนูเป็นอาจารย์ของเสี่ยวพ่าง แล้วเราทุกคนต่างเชื่อฟังคุณหนู” ชายสูงวัยตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงรับหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานเดินมาหาลูกค้าและได้ถ่ายทอดคำพูดดังกล่าวให้เขาฟัง
มู่จวินเซิ่งรู้สึกเต็มใจที่จะลิ้มรสอาหารที่ยังอยู่ในระหว่างการเรียนรู้นี้ และเขาก็หมายความเช่นนั้นจริง ๆ เขาเพียงแค่อยากรู้ว่ามันมีรสชาติเป็นเช่นไรเท่านั้น
ในไม่ช้าอาหารที่มีสีทองอร่ามก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
“นี่คืออาหารจานใหม่ของทางร้าน หมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวาน” เถ้าแก่พ่างได้นำอาหารจานนี้มาให้แก่ลูกค้าด้วยตัวเอง แล้วเขาก็อธิบายให้อีกฝ่ายฟังด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ข้ากำลังเรียนทำอาหารจานนี้อยู่ ตอนนี้ฝีมือข้ายังไม่ดีพอ เดิมทีข้าคิดเอาไว้ว่าจะนำมันขึ้นป้ายให้ทุกคนได้ซื้อกลับบ้านในวันพรุ่งนี้”
“แต่ลุงจางบอกว่าพรุ่งนี้น้องชายก็จะต้องออกจากเมืองแล้ว ข้าก็เลยหยวน ๆ ให้ก่อน”
“นอกจากหน้าตาของมันจะขี้ริ้วขี้เหร่ไปสักหน่อย หมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานจานนี้ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ ถ้าท่านกินเข้าไปแล้วไม่ถูกปากก็ต้องขออภัยด้วย อาหารจานนี้ข้าไม่คิดเงินท่าน ขอเพียงแค่กินเสร็จแล้วอย่าได้เอาไปพูดลับหลังข้างนอกก็เพียงพอ”
ร้านอาหารของเขาเพิ่งจะกลับมามีชีวิตชีวาเพราะมู่ไป๋ไป่ ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะปล่อยให้ร้านถูกวิพากษ์วิจารณ์อีก
“เถ้าแก่ ท่านไม่ต้องกังวล” มู่จวินเซิ่งมองชายตรงหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเป็นคนเอ่ยปากขอพวกท่านเอง ดังนั้นข้าจะไม่หักหลังท่าน แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังต้องจ่ายเงินให้ท่านอยู่ดี”
เดิมทีเขาไม่ชอบรับของใครมาเปล่า ๆ
เถ้าแก่พ่างเห็นว่าลูกค้าท่านนี้เป็นคนดีคนหนึ่ง แถมใบหน้ายังหล่อเหลา เขาจึงพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้อีกคนได้ทานอาหารบนโต๊ะ
ทางด้านมู่จวินเซิ่งที่อยากลิ้มรสหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานมานานแล้ว ในที่สุดเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาตั้งท่าพร้อมกิน
ตัวเนื้อหมูที่ถูกทอดจนเหลืองกรอบเคลือบด้วยน้ำแกงเปรี้ยวหวานชุ่มฉ่ำ หลังจากกัดเข้าไปคำแรกก็สัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มใน พอเริ่มเคี้ยวก็จะได้ยินเสียงกรุบกรอบและเนื้อที่อยู่ด้านใน
เถ้าแก่พ่างที่กำลังรออยู่ไม่ไกลรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เขาทำมาหลายจานแล้ว แต่เขาก็ยังควบคุมไฟได้ไม่ดีนัก เมื่อคุณหนูได้ชิมเรียบร้อยแล้ว นางก็บอกว่ารสชาติยังไม่ถูกต้อง
“อร่อย…” มู่จวินเซิ่งตัวแข็งทื่อหลังจากกินเข้าไปคำแรก เขาเงยหน้าขึ้นเบิกตากว้างมองเถ้าแก่ร้านผิงชาง “เถ้าแก่ ท่านคิดค้นอาหารจานนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?”
เมื่อชายร่างท้วมเห็นว่าเด็กหนุ่มดูไม่ได้เสแสร้ง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่คุณหนูท่านนั้นสอนข้ามา”
“น้องชาย อาหารจานนี้เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่? ท่านมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่?”
มู่จวินเซิ่งพยักหน้าซ้ำ ๆ ในขณะที่กล่าวว่า “ยอดเยี่ยมมาก ข้าไม่เคยกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน เถ้าแก่ เรามาตกลงกันหน่อยดีหรือไม่ ข้าจะจ่ายให้ท่าน 3 เท่า ไม่สิ 5 เท่าไปเลย แล้วท่านช่วยทำอาหารจานนี้ให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากจะเอามันไปกินระหว่างทางพรุ่งนี้”
อาหารที่อร่อยเช่นนี้ ถ้าเขาไม่กินให้มาก ๆ หน่อย ยามที่กลับไปอยู่ที่ชายแดน เขาจะต้องคิดถึงมันทุกวันแน่
เถ้าแก่พ่างรู้สึกขบขันกับท่าทีของลูกค้าและพยักหน้าด้วยความยินดี “ตกลง น้องชาย ในเมื่อสวรรค์ลิขิตให้พบพานกันแล้ว ข้าจะไปทำให้ท่านเพิ่มอีก”
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่ที่กำลังนั่งแกะเมล็ดแตงโมอยู่บนม้านั่งในห้องครัว เมื่อเธอเห็นชายร่างใหญ่เดินยิ้มกว้างเข้ามา เธอก็รู้ว่าเขาจะต้องได้รับคำชมแน่
ที่จริงแล้วเถ้าแก่พ่างทำอาหารออกมาไม่แย่เลย เธอรู้สึกว่าอาหารจานนี้จะต้องขายดีมากแน่ ๆ ดังนั้นเธอจึงตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงมาก
“คุณหนู คุณชายข้างนอกชื่นชมหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวาน” เถ้าแก่ร้านผิงชางยิ้มกว้าง “อีกทั้งเขายังบอกว่าจะจ่ายค่าอาหารแพงกว่าเดิมหลายเท่า และขอให้ข้าทำให้เขาเก็บไปกินระหว่างทางด้วย”
นับตั้งแต่ที่ร้านอาหารผิงชางเกิดเรื่อง มันก็ผ่านมานานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินคำชมจากลูกค้าเช่นนี้
ขณะนี้ใบหน้าของเถ้าแก่พ่างกลับมาสดใสยิ่งขึ้นเพราะความตื่นเต้น
“ยอดไปเลย” มู่ไป๋ไป่ก็หัวเราะร่าเช่นกัน “ข้าขอยินดีกับท่านด้วย จำเอาไว้ให้ดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดของอาหารจานนี้ก็คือการควบคุมความร้อน”
“ขอเพียงความร้อนเหมาะสม เนื้อด้านนอกก็จะกรอบ ส่วนด้านในก็ยังคงนุ่มชุ่มฉ่ำ”
“เอาล่ะ วันนี้ข้าทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ข้าคงอยู่ที่นี่ต่อได้อีกไม่นาน เราไปกันเถอะ!”
“คุณหนู ช้าก่อน!” จู่ ๆ ลุงจางก็ปรากฏตัวออกมาโดยถือตะกร้าใบเล็ก ๆ เอาไว้ในมือ “เมื่อวานข้าเห็นคุณหนูชอบขนมที่ข้าทำ เมื่อคืนข้าก็เลยทำให้ท่านเพิ่ม”
“ถ้าท่านไม่ว่าอะไร คุณหนูเอามันติดมือไปกินด้วยเถอะ”
ดวงตาของคนตัวเล็กสว่างขึ้นทันที เธอชอบขนมที่ลุงจางทำมาก เมื่อวานส่วนที่เธอแอบเก็บเอาไว้กินก็ถูกเจ้าส้มแย่งไปหมดแล้ว แต่นั่นก็เพื่อสันติภาพระหว่างพวกเธอทั้ง 2
“ขนม?” แมวอ้วนที่กำลังหลับอยู่ที่มุมห้องกระดิกหูและกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของมู่ไป๋ไป่อย่างเกียจคร้าน “ขนมที่เจ้าให้ข้ากินเมื่อคืนนี้เป็นของตาแก่คนนี้หรือ?”
เด็กหญิงทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเจ้าส้มแล้วรับตะกร้าที่ลุงจางส่งมาให้พร้อมกับขอบคุณเขา
ตะกร้าใบนี้หนักมากจนเธอแทบจะถือไม่ไหว แต่โชคดีที่หลัวเซียวเซียวหูตาไว นางรีบยื่นมือเข้ามาช่วยอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ตะกร้านั้นไม่ล้มคว่ำไปพร้อมกับเจ้าตัว
“ลุงจาง ท่านทำมากี่ชิ้นกันเนี่ย?” มู่ไป๋ไป่เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าเอาไว้และเห็นว่ามีขนมถูกบรรจุเอาไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ภายใน
“ไม่มากหรอก” ชายสูงวัยยิ้มจริงใจ “ขนมพวกนี้ไม่ได้มีค่ามากมายนัก แต่ข้าอยากจะตอบแทนคุณหนูที่ช่วยเสี่ยวพ่างเอาไว้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ข้าก็ไม่รู้ว่าร้านผิงชางแห่งนี้จะสามารถฟื้นคืนได้เมื่อไหร่”
“ใช่!” เถ้าแก่พ่างก็รีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเข้ามา “คุณหนูจะพักอยู่ที่เมืองชิงหยางอีกสักพักใช่หรือไม่? ในช่วงที่ท่านอยู่ที่นี่ ถ้าท่านอยากกินอะไรก็ส่งคนมาแจ้งข้าได้เลย ข้าจะจัดการและส่งไปให้ท่านด้วยตัวเอง”
มู่ไป๋ไป่คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าอาหารในโรงเตี๊ยมที่ตนพักนั้นไม่อร่อยเท่ากับอาหารของร้านผิงชางจริง ๆ เธอจึงตอบตกลงพร้อมกับยกตะกร้าขนมกลับโรงเตี๊ยมไปอย่างมีความสุข
ในห้องโถง หลังจากที่มู่จวินเซิ่งกินหมูทอดราดน้ำแกงเปรี้ยวหวานเสร็จ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าต้องถามเถ้าแก่ว่าเขาจะได้พบหน้าคนที่สอนทำอาหารจานนี้ให้อีกฝ่ายหรือไม่
“เอ่อ…” เถ้าแก่พ่างรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เถ้าแก่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้คิดจะขอเรียนรู้จากคนผู้นั้น” เด็กหนุ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจตนผิดจึงรีบอธิบายว่า “ข้าแค่อยากรู้ว่าคนผู้นั้นคิดค้นอาหารจานนี้ขึ้นมาได้อย่างไรแค่นั้น”
“น้องชาย ข้าขอบอกตามตรงนะว่าข้าไม่กลัวท่านจะไปขอเรียนรู้จากนางหรอก” เถ้าแก่พ่างยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เขารู้จักนิสัยของคุณหนู เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไปขอร้องให้นางสอน นางย่อมไม่มีทางรับปากแน่นอน
พอชายร่างท้วมคิดได้ดังนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจ
เขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของคุณหนู!
“นางเป็นเพียงคุณหนูที่ไม่อยากออกหน้ามากนัก นางจึงบอกข้าว่าอย่าได้เปิดเผยตัวตนของนาง”
มู่ไป๋ไป่กล่าวเช่นนี้กับเถ้าแก่พ่างจริง ๆ
ตอนนี้เธอและมู่จวินฝานมาที่นี่เพื่อสืบสวนเรื่องของแคว้นหนานซวน โดยธรรมชาติแล้ว ยิ่งพวกเขาทำตัวเด่นน้อยลงเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นผลดีกับตัวเองมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ในตอนที่เธอตกลงที่จะสอนสูตรอาหารให้เถ้าแก่พ่าง เธอก็ได้กำชับเรื่องดังกล่าวกับอีกฝ่ายไว้เป็นพิเศษ
“เป็นเช่นนั้นหรือ?” มู่จวินเซิ่งไม่ใช่คนที่ชอบเซ้าซี้คนอื่นจนทำให้เกิดความลำบากใจ พอได้ยินสิ่งที่เถ้าแก่ร้านผิงชางพูด เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 90
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น