บทที่ 160: จินซือซือ

-A A +A

บทที่ 160: จินซือซือ

 “ข้าได้ยินพ่อของท่านพูดเมื่อวานนี้ว่าหลังจากฉลองงานวันเกิด เขาจะหาสตรีที่เหมาะสมมาให้ท่านแต่งงาน” 

 “คราวหน้าถ้าข้ามา ข้าอาจจะได้ดื่มสุรามงคลของท่าน” มู่จวินเซิ่งกล่าวอย่างอารมณ์ดี

 “ใช่แล้วขอรับ คุณชายของเราถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว” จินหยวนเป่าที่อยู่ด้านข้างพูดสำทับขึ้นมา

จินซือหยางรู้สึกกระดากอายกับสิ่งที่ทั้ง 2 คนพูด เขาจึงทำได้เพียงหันไปถามอวี้ฉีที่อยู่อีกฝั่งว่า “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านไม่ช่วยข้า!” 

 “ใครเป็นอาจารย์เจ้า?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม ขณะนี้ผมเขายาวจนปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้

แม้ว่าจะมองเห็นหน้าตาเขาได้ไม่ชัดเจน แต่เพียงโครงหน้าก็ยังบอกได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง

 “นี่ท่าน!” จินซือหยางหันไปหาอวี้ฉีแล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า “ท่านสอนวรยุทธให้ข้า ท่านจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่อาจารย์ของข้า” 

 “เฮอะ เจ้าเด็กเหลือขอ” ชายหนุ่มเยาะเย้ยและเลิกสนใจที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่ายต่อไป

ขณะเดียวกัน มีกลุ่มสาวใช้ 2-3 คนกำลังซุบซิบพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่บริเวณข้างลานฝึก

เมื่อพวกเขาหันไปเห็นเหล่าสาวใช้ พวกนางก็รีบเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ มู่จวินเซิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเตือนจินซือหยาง 2-3 คำ

 “ข้าจะไปสอบถามดูสักหน่อย” จินซือหยางไม่สามารถทนนิ่งเฉยยามที่เห็นภาพนี้ เขาจึงพาจินหยวนเป่าออกไปข้างนอกเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ทันที

 “ท่านพร้อมที่จะออกจากตระกูลจินแล้วหรือยัง?” มู่จวินเซิ่งพูดขึ้นเบา ๆ “ท่านจะไม่บอกจินซือหยางหน่อยหรือ? ถึงอย่างไรเขาก็มองว่าท่านเป็นอาจารย์ของเขามาตลอด” 

 “อาจารย์อะไร?” อวี้ฉีหรี่ตาลง “ข้าแค่สอนเคล็ดลับบางอย่างให้กับเขาในตอนที่ไม่มีอะไรทำก็เท่านั้น” 

 “ข้ากินดื่มอยู่ที่จวนตระกูลจินมาปีกว่า ถึงเวลาต้องย้ายที่แล้ว” 

 “ท่านต่อสู้เก่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ท่านเคยทำอะไรมาก่อนหรือ?” มู่จวินเซิ่งเลิกคิ้วถาม “ถ้าท่านไม่มีที่ไป ทำไมท่านไม่กลับค่ายทหารกับข้าล่ะ? จะได้ใช้วิชาของตัวเองให้เกิดประโยชน์” 

 “ขอบคุณท่านมาก” อวี้ฉียกมือคำนับให้อีกฝ่าย “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น” 

เด็กหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ดังมาจากข้างนอก

 “หลีก! ข้าจะไปหาพี่จวินเซิ่ง” 

 “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาขวางข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้ท่านพ่อโบยเจ้าจนหลังแตก!” 

ใบหน้าของมู่จวินเซิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงนั้น และเขาก็ได้แต่ทอดถอนหายใจกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคาพร้อมพูดกับอวี้ฉีที่กำลังยืนดูความสนุกอยู่ที่ทางเดินว่า “ท่านควรพิจารณาข้อเสนอของข้า ข้าคิดว่าคนแบบท่านเหมาะสำหรับค่ายทหารมากกว่าที่อื่นใด” 

เด็กหนุ่มกล่าวจบแล้วก็ดีดตัวกระโดดออกจากจวนตระกูลจิน

เวลาผ่านไปไม่นาน หญิงงามวัยเหมาะสมที่จะแต่งงานก็ปรากฏตัวในบริเวณลานฝึก

เด็กสาวดูเหมือนจะถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมตั้งแต่เกิด ด้านหลังของนางจึงมีสาวใช้กลุ่มหนึ่งเดินตามเข้ามาในลานฝึกและเริ่มกวาดตามองไปรอบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ

หลังจากค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วไม่พบคนที่นางกำลังตามหา นางก็หันไปหาอวี้ฉีที่กำลังจิบชาอยู่เพียงลำพังอยู่ตรงบริเวณทางเดิน

 “พี่จวินเซิ่งอยู่ที่ไหน เขาไปไหนแล้ว?!” ‘จินซือซือ’ เชิดคางขึ้นมองชายหนุ่มด้วยท่าทางรังเกียจ

นางรู้สึกไม่พอใจมากที่คนผู้นี้มากินดื่มอยู่ที่จวนของนางเปล่า ๆ อยู่เป็นปี

หากท่านพ่อกับพี่ชายของนางไม่ดุนางหลายครั้งและให้ความเคารพชายคนนี้มาก นางคงจะแอบขับไล่เขาออกจากจวนตระกูลจินไปนานแล้ว

นางรู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังมากเพียงใด รวมถึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้รับความเคารพจากท่านพ่อและท่านพี่ของนาง

จินซือซืออาจจะไม่ชอบอวี้ฉี ในเวลาเดียวกัน อวี้ฉีก็ไม่ชอบจินซือซือเท่าไหร่นัก หรือต้องบอกว่าเขาไม่ชอบเด็กสักเท่าไหร่

 “ข้าไม่รู้” ชายหนุ่มรู้สึกว่าเด็กสาวตรงหน้าเสียงดังน่ารำคาญ ดังนั้นเขาจึงวางถ้วยชาลงแล้วเตรียมจะลุกเดินออกไป

 “หยุดตรงนั้น!” จินซือซือเรียกเขาเอาไว้ “ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไร ข้าได้ยินเต็มสองหูว่าท่านคุยอยู่กับพี่จวินเซิ่งตอนที่ข้าอยู่ข้างนอก!” 

 “รีบบอกข้ามาเร็วเข้าว่าพี่จวินเซิ่งซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” 

 “ขอเพียงแค่ท่านยอมบอกข้า หลังจากนี้ข้าจะไม่ยุ่งกับท่านอีก แล้วจะยอมให้ท่านอาศัยอยู่ในจวนของเราต่อไป” 

อวี้ฉีมองท่าทางของจินซือซือที่ทำเหมือนตนสูงส่งกว่าคนอื่นแล้วทำหน้าเยาะเย้ย “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณคุณหนูรองเอาไว้ ณ ที่นี้” 

สิ้นเสียงพูด เขาก็ไม่คิดจะรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาเองก็กระโดดข้ามกำแพงออกจากจวนตระกูลจินไปเหมือนกับมู่จวินเซิ่ง

 จินซือซือไม่มีวรยุทธจึงไม่สามารถไล่ตามทัน นางเลยทำได้เพียงกระทืบเท้าอยู่ที่เดิม “อวี้ฉีคนนี้ช่างบังอาจยิ่งนัก หลังจากนี้ข้าจะไม่มีวันปล่อยเขาไปอีกแน่!” 

 “พวกเจ้าทุกคนจะยืนมองหน้ากันหาพระแสงอะไร! ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ช่วยข้าขวางพี่จวินเซิ่งเอาไว้หากเจอเขา แล้วก็รีบมาแจ้งข้าทันที” 

 “แล้วผลลัพธ์เป็นเช่นไร! จากเมื่อวานจนถึงตอนนี้ ข้าพบหน้าพี่จวินเซิ่งเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!” 

จินซือซือเป็นน้องสาวของจินซือหยาง นางตกหลุมรักมู่จวินเซิ่งตั้งแต่แรกเห็นเมื่อปีที่แล้วและสาบานว่าจะแต่งงานกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มมาที่จวนตระกูลจิน นางก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าใกล้อีกฝ่าย

 แต่มู่จวินเซิ่งไม่สนใจนางเลยสักนิด เขาทำเหมือนว่านางเป็นเพียงน้องสาวของเขามาโดยตลอด และปฏิเสธนางทันทีที่นางเอ่ยปาก

ถึงกระนั้น เด็กสาวก็ยังไม่ยอมแพ้ ทำให้เขาไม่อาจทนรับความวุ่นวายนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่หลบซ่อนตัวจากนางเท่านั้น

 “ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้วว่า ถ้าคราวหน้าเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะไล่พวกเจ้าออกจากจวนให้หมด!” 

 “ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” 

จินซือซือที่ระบายอารมณ์กับคนใช้จนพอใจแล้วก็กระทืบเท้าตึงตังกลับไปที่เรือนของตัวเอง 

ในอีกด้านหนึ่ง มู่จวินเซิ่งซึ่งหนีออกจากจวนตระกูลจินก็ไม่มีที่ให้ไป ขณะที่เดินเตร่ไปตามถนน ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ มันทำให้ท้องของเขาร้องประท้วงขึ้นมาทันที

เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมองดูร้านอาหารที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาตลอดเวลา 

 “ร้านอาหารผิงชาง?” แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเดินทางมาที่เมืองชิงหยางอยู่บ่อยครั้ง ทว่าในแต่ละครั้งเขาก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องร้านอาหารในท้องถิ่นมากนัก อย่างไรก็ตาม เขาเองก็มีนิสัยแปลก ๆ ติดตัวนั่นก็คือ เขาติดกินรสหวาน

เขาชอบอาหารที่มีรสหวานทั้งหมด

แม้ว่าวันนั้นอาหารจะเป็นแตงขมโรยด้วยน้ำตาล แต่เขาก็ยังสามารถกินมันเข้าไปได้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า หลังจากกินเสร็จแล้วเขาก็ยังขอเพิ่มได้อีก 

มู่จวินเซิ่งขยับจมูกเบา ๆ แล้วก็ได้กลิ่นของอาหารรสหวานแต่เปรี้ยว คนที่ได้ลิ้มลองคงต้องเติมข้าวเพิ่มหลายชามแน่ 

 “คุณชายผู้นี้ ร้านอาหารของเรายังไม่เปิดจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้” ลุงจางที่อยู่หน้าประตูมองดูเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าร้านอาหาร เขาเดาว่าอีกฝ่ายคงจะถูกใจกลิ่นของอาหารจานใหม่ที่คุณหนูตัวน้อยเป็นคนทำเหมือนกับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในวันนี้ เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่ร้านกำลังเรียนรู้อาหารจานใหม่ซึ่งจะนำขึ้นโต๊ะในวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านอยากลิ้มรสชาติก็สามารถมาลิ้มลองในวันพรุ่งนี้ได้” 

 “พรุ่งนี้หรือ?” มู่จวินเซิ่งขมวดคิ้ว พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของนักดาบหิรัณย์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามาทานอาหารที่นี่

แล้วหลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของนักดาบหิรัณย์ เขาก็ต้องควบม้าเร็วรีบกลับค่ายทหาร

แต่กลิ่นหอมหวานนั้นทำให้เขาอยากจะลิ้มลองอาหารจานนี้มาก เด็กหนุ่มคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามอีกฝ่ายว่า “ท่านลุง ในเมื่อเถ้าแก่กำลังทดลองอาหารจานใหม่ ที่ร้านคงจะมีของเหลือทิ้งมากมาย ข้าไม่ขอให้เขาทำอาหารให้ข้ากิน ข้าแค่อยากขอชิมอาหารรสหวานนั้นได้หรือไม่?” 

 “พรุ่งนี้ข้าต้องออกจากเมืองแล้ว ข้าไม่รู้ว่าคราวหน้าข้าจะได้มาที่เมืองชิงหยางอีกเมื่อไหร่” 

 “เอ่อ…” ลุงจางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อเห็นท่าทางสง่างามและความเที่ยงตรงของอีกฝ่าย เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไปถามให้ท่านดู คุณชายรออยู่ตรงนี้สักครู่” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พี่จวินเซิ่งจะออกจากเมืองแล้วเหรอ แบบนี้ก็ไม่ทันได้เจอพวกไป๋ไป่น่ะสิ ; - ;

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.