สักวันของเรา 7: สักวันคงไม่ห่างไกล
มือเรียวจิ้มสลัดผักในชามเข้าปากเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน เวลานี้ทั้งบ้านมีเพียงเสียงจิ้งหรีดและเสียงซีรีย์เกาหลีในสมาร์ทโฟนอยู่เป็นเพื่อน นอกจากพี่ชายของพราวจรัส ตายายก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ส่วนพ่อแม่แยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ที่อื่น พอพี่ชายป่วยนอนโรงพยาบาลทำให้เธอต้องอยู่บ้านลำพังอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ชินนานแล้ว เพราะช่วงวัยรุ่นที่พี่ชายเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวเป็นประจำจนไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ทว่าขณะสายตาจดจ่ออยู่ที่หน้าจอสมาร์ทโฟนแทบไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคล้ายได้ยินเสียงเด็กหัวเราะคิกคักแว่วมา พร้อมกับสัมผัสที่รู้สึกว่าเหมือนมีร่างเล็กๆ สองร่างวิ่งเล่นวนอยู่รอบโต๊ะซึ่งกำลังนั่งอยู่ ทำให้เธออดเหลือบมองไปรอบบริเวณไม่ได้ และทันใดความรู้สึกและเสียงนั้นก็หายไปราวสายลม มองเห็นแต่ข้าวของภายในครัวที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดอยู่นอกจากเธอ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วกระมังที่หูได้ยินเสียงแปลกๆ ภายในบ้าน ในหัวพลันนึกถึงตุ๊กตากุมารกุมารีสองตนในห้องพระ หรือนี่จะเป็นเสียงกุมารที่เห็น พี่ชายเธอเลี้ยงกุมารงั้นหรือ ปกติเขาไม่นิยมอะไรพวกนี้ แต่เมื่อกลางวันตอนเข้าไปหมายจะไปไหว้รูปตายายสายตาก็เหลือบไปเห็นด้านหนึ่งของห้องมีโต๊ะเล็กตั้งตุ๊กตากุมารกุมารีสองตนและขวดน้ำแดงเสียบหลอดสองขวดวางอยู่ด้านหน้าก็ชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่คิดจะสนใจนักเพราะไม่ได้คิดว่าเพียงตุ๊กตาแค่นั้นมันจะมีอะไรมากมาย ส่วนตัวเธอไม่ใช่คนกลัวผี มีสัมผัสพิเศษเล็กน้อยเท่านั้นผิดจากคนเป็นพี่ชาย
“พี่ดล สวัสดีค่ะ มาหาหมอหรือคะ” ร่างเพลียวสมส่วนเดินเข้ามายกมือไหว้ด้วยน้ำเสียงสดใส คนถูกทักเงยหน้ามองแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นใครถึงกระนั้นก็ยังไหว้รับอีกฝ่ายไปเช่นกัน
“สวัสดีครับ”
“พราวเองค่ะ” เธอสังเกตออกว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรจึงแนะนำตัว แต่ใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากากอนามัยก็ทำให้เขาจำไม่ได้ทันทีว่าเจ้าของชื่อนั้นคือคนไหน ส่วนที่เธอจำได้เป็นเพราะเขาปลดหน้ากากดื่มน้ำพอดีนั่นเอง
“ผมมาบริจาคเลือดครับ คุณพราวมาทำธุระหรือครับ” หรรษดลเนียนเรียกไปตามน้ำ
“หนูก็มาบริจาคเลือดให้พี่ชาย พยาบาลบอกว่าพี่พลต้องการเลือดเพิ่ม พี่คงกำลังรอพบหมอก่อนกลับบ้านใช่ไหมคะ” เธอสังเกตแขนข้างหนึ่งของเขามีพาสเตอร์ปิดไว้จึงคาดได้ว่าอีกฝ่ายคงบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว
“ครับ”
“จริงสิ เมื่อเช้าหนูโทรหาพี่แต่พี่ไม่รับสาย พอดีจะแจ้งว่าตอนนี้เจอพัสดุของพี่แล้ว ไม่รู้มาได้ยังไงเหมือนกันค่ะ ไปเจออีกทีตอนไปเปิดเอาจดหมายที่กล่องไปรษณีย์หน้าบ้านค่ะ” คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที
“เจอพัสดุแล้วหรือครับ” เขานึกออกแล้วว่าเธอเป็นใคร
“ค่ะ ยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแกะเลย แต่ตอนนี้หนูเอาไว้ที่บ้าน เดี๋ยวเย็นๆ กลับไปจะแวะเอาไปให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ ยังไงโทรหาผมอีกทีก็ได้ครับ”
“งั้นหนูขอไปติดต่อพยาบาลก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะพี่”
ขณะที่พราวจรัสกำลังเดินไปติดต่อพยาบาลเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่แพทย์เรียกหรรษดลเข้าพบทันที ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าวหูก็แว่วได้ยินเสียงพราวจรัสตามหลังมา
“มาบริจาคเลือดให้นายพลพัชร์...พี่ชายค่ะ”
นั่นเป็นชื่อ-นามสกุลเดียวกันกับคนป่วยที่เขาเห็นประกาศหาเลือดจากแฟนเพจอาสากู้ภัยจังหวัดและเพิ่งบริจาคเลือดให้ไป นี่คงเป็นความบังเอิญครั้งที่สองระหว่างเธอกับเขาแล้วกระมัง
รถสีเขียวมะนาวคันโตแล่นมาจอดหน้าบ้านแสนร่มรื่นก่อนคนบนรถจะเปิดประตูลงมา ไม่นานนักคนในบ้านก็ออกมาเปิดประตูรั้วต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส ความจริงพราวจรัสตั้งใจจะเอาของไปให้เขาที่บ้าน ทว่าหรรษดลเพิ่งกลับจากงานจึงถือโอกาสแวะมาที่บ้านเธอก่อน ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวเจ้าของบ้านเพื่อเจรจารับของ อีกฝ่ายจึงแนะนำให้แกะกล่องพัสดุเช็กภายในดูก่อนเพื่อความสบายใจ มือหนาใช้กรรไกรงัดกล่องใบน้อยอยู่ครู่หนึ่งก็สำเร็จ ภายในมีเพียงพระเครื่องลายสวยตลับหนึ่งที่สลักหน้ากล่องว่า ‘ที่ระลึกวันเกิดพระอาจารย์... พ.ศ.xxxx’ ซึ่งสำหรับเขาถือว่าเป็นของชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่ง
“ของอยู่ครบไหมคะ?” พราวจรัสถามด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นว่าในกล่องพัสดุมีเพียงพระเครื่องตลับเดียวเท่านั้น
“ครับ” หรรษดลรับคำง่ายๆ พลางพินิจพระเครื่องในมืออย่างละเอียด
“โล่งอก” เธอพูดตามที่รู้สึกและกล่าวต่อมา
“ดีใจที่พี่ได้ของคืนนะคะ”
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ขอบคุณคุณพราวด้วยนะครับที่หาจนเจอ” พูดจบประโยคเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างจะลา
“ยินดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ล่ำลากันเรียบร้อยหรรษดลก็หันหลังเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะมาพบว่าเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดขึ้นมาดื้อๆ เป็นที่น่าแปลกใจ เขาพยายามติดเครื่องอยู่หลายรอบจนต้องยอมแพ้ และต่อสายหาช่างที่ไว้ใจให้มาดู พราวจรัสที่กำลังเดินกลับเข้าบ้านได้ยินเสียงผิดปกติก็หันมามอง ก่อนเดินออกมาถามไถ่อย่างคนมีน้ำใจ
“รถเป็นอะไรคะ?”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ จู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ติดขึ้นมา”
“ให้หนูเรียกช่างให้ไหมคะ”
“ผมเรียกมาแล้วครับ สักพักคงมาถึง”
“ช่างอยู่ที่ไหนหรือคะ”
ชายหนุ่มตอบชื่อหมู่บ้านที่ช่างอยู่ให้เธอทราบ ก่อนจะชวนเข้าไปนั่งรอช่างในบ้าน และหาอะไรมาให้เขากินรองท้องฆ่าเวลา ระหว่างนั้นเธอก็ชวนคุยอยู่เรื่อยๆ อย่างคนคุยเก่ง กระทั่งช่างมาดูสองหนุ่มสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อช่างบอกว่าทุกอย่างปกติดี แถมยังสตาร์ทติดหน้าตาเฉย
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนและสำหรับขนมวันนี้ครับ” เขาบอกหญิงสาว และใส่เกียร์เหยียบคันเร่งเดินหน้า แต่แล้วรถก็กระตุกๆ สองสามครั้งแล้วเงียบไปเสียดื้อๆ
“อ้าว!” เป็นเจ้าของบ้านสาวที่อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เธอเห็นคนบนรถพยายามสตาร์ทเครื่องอีกครั้งและอีกครั้งก่อนเปิดประตูลงมา
“รถดับอีกแล้วหรือคะ”
“ครับ เมื่อกี้ก็ยังเครื่องติดดีๆ อยู่เลย”
“โทรตามช่างกลับมาดูดีไหมคะ หรือจะฝากรถไว้ที่บ้านก่อนก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมา ตอนนี้ก็ค่ำแล้วด้วย”
“อย่างนั้นผมรบกวนคุณพราวคืนหนึ่งนะครับ” เขาตัดสินใจหลังจากหยุดคิดไปนิดหนึ่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ หลังช่วยกันดันรถเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวหนูขับรถไปส่งพี่ที่บ้านนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เสียงรถจักรยานยนต์แล่นออกจากหน้าบ้านไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบเบื้องหลังและบ้านที่ล็อกกุญแจอย่างดี ไฟชั้นสองของบ้านมืดสนิท ส่วนด้านล่างเปิดสว่างไว้รอคอยการกลับมาของเจ้าของบ้าน ทว่าชั้นที่ไม่น่ามีคนอยู่ที่สุดกลับมีความเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างเงียบๆ
“แผนของเราเป็นไปด้วยดีเลยนะนะโม” กุมารีน้อยในชุดเด็กไทยโบราณซึ่งนั่งห้อยขาอยู่ริมหน้าต่างเอ่ยขึ้นตัดกับเสียงจิ้งหรีดรอบบ้าน ข้างกันมีกุมารน้อยอีกตนยืนเกาะหน้าต่างทอดสายตามองตามแสงไฟท้ายรถจักรยานยนต์ไป
“น้ำมนต์อยากเกิดเดือนไหนวางแผนไว้เลย” กุมารน้อยกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“เกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้ได้เกิดเถอะ เกิดกับแม่พราวหรือพ่อพลก็ใจดีทั้งคู่ แต่ก็เสียดายที่พ่อพลยังไม่มีคู่นะ”
“นะโมอยากเกิดหน้าหนาว มันเย็นดี”
“น้ำมนต์อยากเกิดมาสวยใจดีเหมือนแม่พราว”
“งั้นนะโมจะหล่อเหมือนพ่อพล”
“เป็นลูกแม่พราวก็ต้องเหมือนแม่พราวสิ”
“ก็นะโมเป็นผู้ชายจะเหมือนแม่พราวได้ยังไง”
“งั้นนะโมก็ต้องเหมือนผู้ชายคนนั้น”
“พ่อดลหรือ พ่อดลหล่อใจดี นะโมจะขอของเล่นกับขนมเยอะๆ”
“น้ำมนต์ก็จะเอาตุ๊กตา”
สี่เดือนกับที่ทำงานใหม่ และที่ทำงานแรกที่ได้เข้าทำงานจริงจังหลังเรียนจบ นับว่าหลายอย่างเป็นไปด้วยดี แม้งานหนักไปหน่อยก็ตาม แต่สำหรับพราวจรัสถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง และค่าตอบแทนที่ได้ก็สมน้ำสมเนื้อ ผลงานของเธอโดดเด่นจนหัวหน้ามักให้ช่วยงานสำคัญสองสามงาน กระทั่งโปรเจคล่าสุดมีโอกาสได้ร่วมเสนอไอเดีย และต้องเดินทางไปดูแลงานพร้อมฝ่ายบริหารที่ต่างประเทศเกือบหนึ่งเดือน
“เฮีย รถฉันเสียอยู่ปากทาง โทรบอกช่างแล้ว แต่ที่เหลือฝากเฮียดูให้หน่อยนะ”
วันนี้เป็นวันที่เธอต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องพร้อมทีม แต่ระหว่างขับรถพ้นปากซอยมาได้ไม่เท่าไหร่จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับลงเสียดื้อๆ ใจอยากให้พี่ชายเอารถมาเปลี่ยนให้ก็เกรงใจเพราะอีกฝ่ายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้แค่สองเดือน ถึงจะแข็งแรงพอควรแล้วแต่ก็ไม่อยากให้ลำบาก จากบ้านไปถึงสนามบินไม่ไกลมากนัก เรียกแท็กซี่ไปก็ได้อยู่
ใบหน้าสวยเหลียวสายแลขวามองหาแท็กซี่สักคันที่ผ่านทางมา แดดจ้าและอากาศร้อนทำให้เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพราย ใครใช้ให้เธอลบแอพเรียกแท็กซี่ทิ้งทันทีที่ถอยรถให้ตนเองได้ แต่ก็นั่นแหละ มีรถแล้วจึงคิดว่ามันไม่จำเป็นแถมเปลืองพื้นที่ในโทรศัพท์ด้วย มาตอนนี้คงต้องกลับไปคิดใหม่ เก่งทุกเรื่องต้องมาตายด้วยอะไรแบบนี้หรือ มือเรียวรีบกดติดตั้งแอพใหม่ทันที แต่เสียงรถที่แล่นเข้ามาหยุดตรงหน้าทำให้ต้องเหลือบตาจากโทรศัพท์ขึ้นมอง
“รถเสียหรือเปล่า” เป็นเขา เจ้าของรถสีเขียวมะนาวคันนั้น
“ค่ะคุณหรรษดล” พราวจรัสตอบกลับด้วยความสุภาพ ตั้งแต่รู้ว่าหนึ่งในทีมผู้บริหารในบริษัทที่เธอทำงานมีชายหนุ่มรวมอยู่ด้วยก็ไม่กล้าจะเรียกสนิทชิดเชื้อเหมือนเดิมอีก เหตุผลสำคัญคือไม่อยากให้ใครมองว่าเธอพยามตีสนิทกับเหล่าทีมหัวหน้าให้เป็นขี้ปาก
“เรียกช่างมาดูหรือยัง”
“ค่ะ”
“ฝากช่างไว้ก่อนแล้วกันนะ น้องต้องรีบไปขึ้นเครื่องใช่ไหม ไปด้วยกันได้นะ” ทีมผู้บริหารที่เดินทางไปครั้งนี้มีเขาอยู่ด้วย แม้จะเป็นถึงระดับผู้บริหารแต่ก็ไม่เคยถือตัวกับเธอเลยสักครั้ง และรถสีเขียวมะนาวคันนั้นก็ไม่เคยชี้ชัดว่าตัวตนของเขาภูมิฐานแค่ไหนถ้าไม่มีโอกาสทำงานด้วยกัน หนำซ้ำยิ่งได้ทำโปรเจคใหญ่ก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดเขาขึ้นเรื่อยๆ
“ขอบคุณค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
หน้าตาชายหนุ่มอาจไม่โดดเด่นทว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัว การได้ร่วมงานกันบ่อยครั้งทำให้พราวจรัสได้เห็นหลายแง่มุมน่าสนใจ อกซ้ายชักคันยุบยิบทุกครั้งเมื่อใกล้ชิดเขา และในเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนี้ที่จะได้เจอกันทุกวันเธอก็แอบลุ้นว่ามันจะเป็นอย่างไร?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 11
แสดงความคิดเห็น