ภาคโซมายา บทที่ 13 ปะทะกับคนแปลกหน้า
ชายร่างยักยืนจังก้าอยู่กลางร้าน รอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนใบหน้าซีกซ้ายสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้พบเห็น ดวงตาดุดันยามกวาดมองสร้างความอึดอัด ยิ่งยามเจ้าของมือยักษ์ยกกระบองใหญ่ในมือขึ้นมากวัดแกว่งด้วยอาการอยากมีเรื่องสุดๆ ในยามนี้ยิ่งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
"กระผมเป็นเจ้าของร้าน ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งใดขอรับ" เจ้าของร้านตรงเข้าไปต้อนรับผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม
"นายท่านของข้าต้องการน้ำผึ้งของคฤหาสน์เบรย์เดน เอามาทั้งหมดที่อยู่ในร้านของเจ้า" ชายร่างยักษ์พูดพร้อมกับควงกระบองในมืออย่างข่มขู่ แต่กระนั้นชายเจ้าของร้านก็ไม่ได้มีสีหน้าหวาดวิตกแม้แต่นิด เพียงตอบกลับอย่างสงบ
"ต้องขอโทษท่านผู้กล้าจริงๆ ขอรับ เนื่องจากราคาน้ำผึ้งของเบรย์เดนแพงมากกระผมจึงไม่ได้รับมาขายขอรับ" เขาค้อมกายพลางอธิบายเหตุผล แต่เหมือนว่าชายร่างยักษ์จะไม่ฟังเหตุผลเสียแล้ว
"ก่อนหน้านั้นที่ร้านนี้ยังมีอยู่เลย อย่ามาโกหก แกอยากเก็บไว้โก่งราคาใช่ไหม" พูดจบเขาก็ฟาดกระบองลงบนโต๊ะ กระดานและตัวหมากรุกกระเด็นกระดอนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น แต่ยังไม่พอแค่นั้น ชายร่างยักษ์ยังเหวี่ยงกระบองใส่กรอบประตูร้านจนตะเกียงเจ้าพายุที่แควนให้แสงสว่างยามพลบค่ำหล่นตกแตกพร้อมๆ กับบานประตูหักพังลงมา
"ก่อนหน้านั้นราคาน้ำผึ้งยังไม่สูงมากขนาดนี้ กระผมจึงสามารถนำน้ำผึ้งมาขายได้ แต่ตอนนี้ร้านกระผมไม่มีเงินมากพอที่จะรับซื้อจากคฤหาสน์เบรย์เดนแล้วขอรับ ท่านผู้กล้าโปรดเชื่อกระผมเถิดขอรับ ถ้าท่านต้องการน้ำผึ้งจริงๆ กระผมแนะนำให้ท่านไปซื้อที่ร้านของคฤหาสน์เบรย์เดน เพียงเดินไปอีกสองถนนก็จะพบแล้วล่ะขอรับ"
"ถ้าอย่างนั้นก็เอาน้ำหวานจากร้านของแกออกมาให้หมด" ชายร่างยักษ์ลดกระบองแนบลำตัวพร้อมๆ กับเดินสำรวจโหลน้ำหวานที่อยู่ในร้าน
"ท่านผู้กล้าจะรับซื้อทั้งหมดเลยหรือขอรับ" เขายังคงยืนนิ่ง ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะนำเสนอสินค้าให้ชายร่างยักษ์เหมือนยามกลุ่มของเอลลานีนเข้ามาแม้แต่นิด
"ในเมื่อร้านของแกไม่มีน้ำผึ้งของเบรย์เดน ดังนั้นสิ่งที่ต้องจ่ายคือสินค้าของแกทั้งหมด ข้าไม่คิดว่าแกจะไม่รู้กฎของตลาดหรอกนะ" ชายร่างยักษ์แสยะยิ้ม
"กฎที่ตั้งขึ้นโดยเบรย์เดน ตั้งขึ้นเพื่อผูกขาดชาวเมืองให้ซื้อน้ำผึ้งของเบรย์เดนเพียงอย่างเดียวนั่นเหรอขอรับ เรื่องนี้ราชาแม็คโรริกยังไม่ออกประกาศ ดังนั้นกระผมไม่ขอปฏิบัติตาม"
"ก็ในเมื่อกฎบอกว่าถ้าร้านขายน้ำหวานจากดอกไม้ร้านใด ไม่มีน้ำผึ้งของเบรย์เดนเป็นหนึ่งในสินค้าในร้าน ก็ไม่สามารถขายน้ำหวานจากดอกไม้ได้อีกต่อไป หรือแกจะขัดพระราชประสงค์ของเจ้าหญิงโรเซร่ากันล่ะ"
"กระผมไม่กล้า เพียงแค่ต้องการจะเห็นว่าประกาศที่เจ้าหญิงออกมานั้นมีตราประทับของราชาแม็คโรริกประทับรับรองอย่างเป็นทางการก็เท่านั้น อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าประกาศที่ออกมานั้นไม่ได้เป็นเพียงพระราชประสงค์ของเจ้าหญิงเพื่อต้องการผูกขาดการขายน้ำหวานจากดอกไม้เพียงผู้เดียวอย่างที่ลือกั้น" ชายเจ้าของร้านโต้ด้วยเหตุผล แต่เหมือนว่าหนุ่มร่างยักษ์จะไม่ฟัง
"ร้านของแกไม่ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ ไม่มีน้ำผึ้งของเบรย์เดนเป็นหนึ่งในสินค้า ซึ่งนั่นหมายความว่าร้านของแกทำผิดกฎของโซมายา จำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ดังนั้นร้านของแกก็จะถูกกวาดล้างโดยชอบธรรม ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้" จบคำมือใหญ่ของชายร่างยักษ์ก็เหวี่ยงกระบองฟาดใส่ร่างของเจ้าของร้านทันที
"เฮ้ย! " เอลลานีนอุทานอย่างตกใจ
เด็กสาวปรี่เข้าไปขวางระหว่างเจ้าของร้านกับชายร่างยักษ์ เธอใช้มือคว้ากระบองจากมือหนุ่มร่างยักษ์ก่อนจะออกแรงกระชากหลุดจากมือของเขาได้ทันท่วงที ทำให้หนุ่มร่างยักษ์เสียหลักเสถลาจนเกือบจะล้ม ทั้งเชลีและกาบี้จ้องเด็กสาวอย่างตกใจ ภูติน้อยถอนใจอย่างกังวล เธอเพิ่งเตือนเรื่องพลังมหาศาลของเจ้าตัวไปไม่นานนี้เอง แต่วันนี้กลับไปมีเรื่องเสียแล้ว
"แกเป็นใคร คืนกระบองของข้ามาเดี๋ยวนี้"
ชายร่างยักษ์จ้องเด็กสาวอย่างเดือดดาล ก่อนจะโผนเข้าหาเอลลานีนเพื่อจะแย่งกระบองของตัวเองคืนมา แต่เด็กสาวก็ไวทายาด เธอหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว และฉวยจังหวะหวดกระบองใส่ร่างของเขาจนฝ่ายนั้นฟกช้ำดำเขียวไปหลายจุด ชายเจ้าของร้านผุดรอยยิ้มพึงใจก่อนที่เขาจะถอยห่างจากวงต่อสู้ ดวงตาแหลมคมจ้องมองท่วงท่าของเด็กสาวยามหลบหลีกการโจมตีจากชายร่างยักษ์อย่างคล่องแคล่วด้วยความสนใจ
เชลีตื่นตระหนกเมื่อสังเกตเห็นสัญลักษณ์ประจำคฤหาสน์บนข้อมือและอาวุธของชายร่างยักษ์ แต่เมื่อเอลลานีนกำลังถูกรังแก ภูติน้อยก็ไม่สนใจอะไรอีก ร่างเล็กๆ กางปีกทะยานเข้าพัวพันฝ่ายนั้น โดยหวังใจให้เขาเสียสมาธิเพื่อจะได้ไม่พลาดทำให้เอลลานีนบาดเจ็บ อีกทางก็ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากกาบี้ แต่ภูติจิ้งจอกกลับนั่งกระดิกหางชมการต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาช่วยพวกเธอสักนิด นั่นทำให้เชลีรู้สึกโมโห
"ช่วยกันหน่อยสิกาบี้" เชลีแผดเสียงลั่น แต่เจ้าภูติจิ้งจอกกลับเมินเฉยใส่ แถมยังทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงของเธอเสียด้วย เชลีจึงจะอ้าปากเรียกอีก แต่เสียงคำรามของชายร่างยักษ์ทำให้ภูติน้อยหุบปากฉับ
"คืนกระบองข้ามา ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ"
"ถ้าคืนนายรับปากได้ไหมว่าจะไม่รังแกพวกเราและคุณลุงเจ้าของร้าน" เอลลานีนต่อรอง เด็กสาวพิงร่างเข้ากับชั้นวางของ รอยฟกช้ำตามต้นแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาทำให้เชลีตื่นตกใจ
"คนอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง" ดวงตาดุร้ายจ้องเด็กสาวเขม็ง
"นั่นไงล่ะ ทำไมคนที่แข็งแรงกว่าถึงมีอำนาจต่อรองได้เพียงผู้เดียวกันเล่า" เธอว่าพร้อมจ้องกลับไม่เลี่ยงหลบ
"ต่อให้เจ้าจะคืนหรือไม่คืนข้าก็จะฆ่าเจ้าอยู่ดี ถ้าไม่อยากตายอย่างทรมานก็คืนมาเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะปราณีไม่ให้ร่างของพวกเจ้ายับเยินจนเกินไป" ชายร่างยักษ์ยิ้มเหี้ยม
"คืนก็ถูกฆ่า ไม่คืนก็ถูกฆ่าอยู่ดี สรุปว่าไม่คืนดีกว่า อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกฆ่าตายเร็วนัก ว่าไหมล่ะ" เอลานีนถามกลับพร้อมกับกำกระบองอาวุธชิ้นเดียวในมือของเธอไว้แน่น
อาการดื้อแพร่งของเธอส่งผลให้ชายร่างยักษ์เดือดดาลเป็นกำลัง จึงเงื้อกำปั้นพร้อมกับโถมร่างเข้าหาเด็กสาวหมายจะเอาชีวิต เอลลานีนเพียงยกกระบองต้านแรงปะทะจากกำปั้นมหึมาที่จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว แรงปะทะทำให้เด็กสาวเสียหลักล้มไปพร้อมๆ กับชั้นวางของที่เธอพิงอยู่อย่างไม่เป็นท่า
"โอ๊ย! เด็กสาวครางแล้วรีบกลิ้งตัวออกห่างวิถีของชั้นวางของอีกฝั่งที่กำลังเอนตัวล้มลงมาทางเธอ
"เป็นมนุษย์ชั้นต่ำ ริอาจจะมาต่อสู้กับข้า ช่างไม่ประมาณตนเสียบ้างเลย" ชายร่างยักษ์เยาะหยัน พร้อมๆ กับเตะชั้นวางของที่ทำท่าจะล้มใส่เด็กสาว เอลลานีนได้แต่หลบหลีก แต่เนื่องจากภายในร้านค่อนข้างแคบเด็กสาวจึงถูกชั้นวางของกระแทกใส่แผ่นหลังเต้มแรง แรงกระแทกทำให้เด็กสาวถูกอัดใส่ผนังร้าน ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เลย
"เป็นมนุษย์แล้วยังไงล่ะ อย่างน้อยฉันก็ไม่มีนิสัยรังแกคนอ่อนแอกว่าอย่างนายในตอนนี้หรอกน่า" เด็กสาวถลึงตาใส่อย่างโกรธกรุ่น รู้สึกไม่ชอบใจเจ้าคนตัวใหญ่จอมกร่างขึ้นมาตะหงิดๆ
"ปากดีอย่างนี้ก็เตรียมตัวตายซะเถอะ" จบคำชายร่างยักษ์ก็ใช้พลังเวทเคลื่อนชั้นวางสินค้าที่เหลือให้โอบเข้าหาร่างของเด็กสาว หมายใจให้เธอถูกทับจนตาย
'โคร่ม!' ชายร่างยักษ์ถึงกับเบิกตาอย่างตระหนกเมื่อเห็นเด็กสาวชาวลูน่าที่ตนคิดว่าอ่อนแอใช้มือผลักชั้นวางสินค้าล้มไปอีกฝั่งด้วยท่าทางสบายๆ เธอค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจนยืนได้สำเร็จยังชั้นสูงสุด ดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องคู่กรณีอย่างมาดร้าย กระบองในมือชี้ตรงมายังเขา
"ทำไมถึงชอบรังแกคนที่อ่อนแอกันจัง มันสนุกมากรึไงฮะ" เอลลานีนตวาดอย่างโมโห ตั้งใจจะทำให้ชายร่างยักษ์ละอายเพื่อจะได้เลิกโจมตีเธอเสียที เพราะร่างกายของเธอตอนนี้มันระบมไปทั้งตัวแล้ว
แทนที่คู่กรณีของเอลลานีนจะสทบสะท้าน เขากลับคว้าเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือเหวี่ยงใส่เธอเต็มแรง แววตระหนกพาดผ่านดวงตาสีนิลก่อนที่เด็กสาวจะพยายามหลบให้พ้นวิถีเก้าอี้ที่กำลังลอยมาด้วยความเร็วสูง แต่ก็พลาดถูกขาเก้าอี้ฟาดเข้ากับแขนข้างซ้ายอย่างจังจนต้องซูดปากด้วยความเจ็บปวด
"หา!" คราวนี้เอลลานีนตกใจจริงๆ เมื่อชายร่างยักษ์ควงอาวุธชิ้นใหม่ในมือ
"อะไรน่ะเชลี" เอลลานีนกระโดดลงจากชั้นวางพร้อมกับหันไปถามภูติน้อยที่บินอยู่ข้างๆ ด้วยอาการแตกตื่น
"ลูกตุ้มหนามเจ้าค่ะท่านเอลล่า" เสียงตื่นๆ ของเชลียิ่งทำให้เอลลานีนหวาดวิตก ชายร่างยักษ์เห็นสีหน้าซีดๆ ของเด็กสาวชาวลูน่าก็แสยะยิ้ม พร้อมกับหมุนโซ่ในมือช้าๆ ก่อนจะทวีความเร็วขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ตุ้มหนามที่อยู่ปลายโซ่ขยับเคลื่อนไหวตามแรงเหวี่ยงของมันแต่ที่น่าหวาดหวั่น เมื่อยามหนามแหลมของลูกตุ้มยักษ์สัมผัสถูกสิ่งใดก็จะถูกทำลายผิดรูปผิดร่างไปนั้นทำเอาเอลลานีนได้แต่ภาวนาให้ตัวเองรอดอยู่ในใจ
"หลบเจ้าค่ะ" เสียงร้องเตือนของเชลีดังมาพร้อมกับการเงื้อเหวี่ยงโซ่ในมือของชายร่างยักษ์ ตุ้มหนามขนาดใหญ่ลอยแหวกอากาศปะทะหลังคาร้านจนพังยับ ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างหาที่หลบกันอุตลุด
เด็กสาวตัดสินใจเพียงเสี้ยวนาทีโยนกระบองในมือเข้าปะทะตุ้มหนามที่ลอยเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง อย่างน้อยก็น่าจะช่วยผ่อนแรงได้บ้าง จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวล้มกลิ้งให้พ้นวิถีของตุ้มหนาม เป้าหมายคือใต้โต๊ะที่ชายเจ้าของร้านใช้เล่นหมากรุกในตอนแรก บัดนี้ได้กลายเป็นที่หลบภัยชั้นดีของเขา และเป็นจุดเดียวที่ไม่ถูกพลังเวทย์ทำลาย
"ตูม!" กระบองปะทะเข้ากับตุ้มหนาม แรงปะทะทำให้ตัวกระบองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชั้นวางของที่อยู่ในวิถีที่ตุ้มหนามกระแทกใส่พังราบ โหลน้ำหวานจากดอกไม้ที่เป็นสินค้าของร้านแตกกระจายระเนระนาด กลิ่นหอมหวานลอยคละคลุ้งในอากาศ เด็กสาวรู้สึกหายใจติดขัด ซึ่งสภาพในยามนี้ไม่ต่างจากการอยู่ในบริเวณที่มีสารเคมีรั่วอย่างในโลกก่อนของเธอ
จู่ๆ ก็มีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากกองขวดโหลที่แตกกระจัดกระจาย เอลลานีนมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นกลุ่มควันจากส่วนผสมของเครื่องดื่มเพิ่มพลังแน่ๆ เพราะลักษณะ สี และกลิ่นนั้นมีความคล้ายคลึงกันแทบจะทุกส่วน กาบี้ที่ปลีกวิเวกในโลกของตัวเองกลับพ่นลูกไฟใส่กลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ฝั่งเอลลานีนเองเมื่อกลิ้งเข้ามาอยู่กับชายเจ้าของร้านแล้ว จู่ๆ รอบๆ ตัวก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้น มันทวีความแรงจนโต๊ะที่พวกเธออาศัยหลบภัยสั่นกึกกัก เจ้าของร้านมองเธออย่างฉงน เอลลานีนยิ้มเจื่อนก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อึดใจลำแสงสีฟ้าก็สว่างวาบออกมาจากโลหะที่อยู่บนลำคอของเด็กสาว แสงที่ปรากฏขึ้นอย่างปัจจุบันส่องสว่างจ้า ทั้งเธอและชายเจ้าของร้านทนความสว่างของมันไม่ไหวจึงรีบหลับตาลง
"เกราะของเทซนิม แม่หนูเป็นคนของท่านเซเฟอร์หรอกหรือ"
เอลลานีนลืมตาขึ้น แสงสว่างบาดตาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเกราะผลึกสีฟ้าใสครอบเธอกับชายเจ้าของร้านเอาไว้ เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เบนสายตาไปยังจุดที่เชลีและกาบี้อยู่ พลัน...ต้องตระหนกเมื่อเห็นตุ้มหนามถูกเหวี่ยงเข้าหากาบี้และเชลีด้วยความเร็วสูง
"ระวัง!" เธอตะโกนสุดเสียง รู้ดีว่ามันคงไม่ได้ผล เธอได้แต่จ้องตุ้มหนามพุ่งเข้าหาทั้งคู่อย่างหวาดหวั่น พยายามที่จะพุ่งตัวออกไป แต่ผลึกใสแข็งแกร่งเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะพาตัวออกไปได้ จึงได้แต่ยกมือทุบเกราะป้องกันอย่างสิ้นหวัง
"ตูม!" เสียงปะทะทำให้เอลลานีนหยุดโวยวาย เปลี่ยนมาจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาแทน จากกลุ่มควันหนาที่พวยพุ่งออกมาจากบรรดาโหลน้ำหวานกอรปกับที่กาบี้พ่นลูกไฟใส่กลุ่มควันพวกนั้นลูกแล้วลูกเล่า กลายเป็นเกราะป้องกันชั้นดี แน่ล่ะว่าโหลน้ำหวานดังกล่าวเป็นน้ำหวานกักเก็บพลังและทนทานต่อความร้อน และกาบี้ก็รู้เรื่องนี้ดี มันเลยอาศัยควันจากน้ำหวานกักลูกไฟเอาไว้ เพียงอดใจรอให้ฝ่ายตรงข้ามประมาท
และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อฝ่ายตรงข้ามเหวี่ยงตุ้มหนามหมายใจเอาชีวิตพวกตน แต่พอตุ้มหนามปะทะเข้ากับกำแพงไฟที่ห่อหุ้มด้วยกลุ่มควัน จึงก่อให้เกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรงทันที พลังทำลายของเกราะที่กาบี้สร้างขึ้นทำให้ตุ้มหนามถูกความร้อนหลอมละลายกลายเป็นหยดน้ำแล้วละเหิดกลายเป็นไอล่องลอยไปในอากาศ ชายร่างยักษ์มองอาวุธที่ถูกทำลายลงอย่างตลึงก่อนจะรีบปล่อยมือจากโซ่ของตุ้มหนามเมื่อสัมผัสถึงความร้อนที่ไล่ลามสู่ฝ่ามือของเขา
"พวกแกเป็นใคร" ชายร่างยักษ์จ้องมองกาบี้ที่นั่งกระดิกหางอย่างสบายใจอยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธสุดขีด
"โฮ่ง! ฮ่ง!" เสียงเห่าของกาบี้สลายผลึกที่ห่อหุ้มชายเจ้าของร้านและเด็กสาวที่หลบภัยอยู่ใต้โต๊ะ
เอลลานีนคลานออกจากใต้โต๊ะอย่างทุลักทุเล ตอนนั้นความตกใจทำให้เด็กสาวหนีตายยัดตัวเองเข้ามาหลบใต้โต๊ะได้ไม่ลำบากเลย แต่พอทุกอย่างจบลง ความตื่นตระหนกหายไปช่องระหว่างขาโต๊ะกลับเล็กแคบจนเด็กสาวไม่สามารถลอดออกมาได้
เอลลานีนได้แต่จ้องมองช่องเล็กแคบอย่างจนปัญญา มือจับขาโต๊ะช่างใจว่าจะใช้กำลังพิสดาลที่ตัวเองมีหักขาโต๊ะเลยดีไหม แต่เด็กสาวก็ต้องแหกปากร้องอย่างตกใจ
"โอ๊ย!" จู่ๆ ขาโต๊ะที่จับอยู่ก็ร้อนจี๋ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน เอลลานีนปล่อยมืออย่างรวดเร็วแล้วถอยกรูด ยึดพื้นที่ตรงกลางของใต้โต๊ะอย่างเหนียวแน่น ขณะที่ชายเจ้าของร้านลอดออกไปได้อย่างง่ายดาย
"เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย" เอลลานีนบ่น แต่ลูกไฟจากปากกาบี้ที่กำลังหลอมขาโต๊ะอยู่นั้นทำเอาเด็กสาวถึงกับหน้าซีด แล้วสาบานในใจว่าจะไม่ทำให้เจ้าภูติจิ้งจอกโกรธเป็นอันขาด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 108
แสดงความคิดเห็น