รู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องใช้กี่ CC ฟิลเลอร์ปากมีกี่ทรง
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในการเพิ่มความสวยงามให้กับริมฝีปาก การทำให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม ดูมีมิติและสุขภาพดี โดยไม่ต้องใช้เวลานานหรือมีการฟื้นฟูที่ยุ่งยาก แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ว่าต้องใช้ฟิลเลอร์ปากกี่ CC และฟิลเลอร์ปากมีกี่ทรง รวมถึงข้อควรระวังในการฉีดที่ผู้ที่สนใจควรทราบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร
ฟิลเลอร์ปาก คือการใช้สารเติมเต็มที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ เพื่อช่วยเพิ่มความอิ่มและขนาดของริมฝีปาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์ลงไปที่ริมฝีปากแล้ว กรดไฮยาลูโรนิกจะดึงดูดน้ำไว้ที่จุดนั้น ทำให้ริมฝีปากดูเต็มขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ
การฉีด ฟิลเลอร์ปาก นั้นเป็นการเสริมความสวยงามที่สามารถปรับทรงและขนาดของริมฝีปากได้ตามที่ผู้รับบริการต้องการ ซึ่งจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและสวยงามขึ้นโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด
ฟิลเลอร์ปากต้องใช้กี่ CC
คำถามที่หลายคนมักจะสงสัยเมื่อคิดจะฉีดฟิลเลอร์ปากคือ ฟิลเลอร์ปากต้องใช้กี่ CC ซึ่งจริงๆ แล้วปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและสภาพริมฝีปากเดิมของแต่ละคน โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ 1 - 2 CC ต่อครั้ง
ฟิลเลอร์ปากมีกี่ทรง
ฟิลเลอร์ปากสามารถปรับทรงและรูปแบบต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งแต่ละทรงก็มีลักษณะเฉพาะที่ช่วยตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไป นี่คือลักษณะทรงต่างๆ ที่สามารถทำได้จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก:
ทรงอวบอิ่มธรรมชาติ
ทรงนี้จะเป็นการเพิ่มความอิ่มให้กับริมฝีปากโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะเดิมมากนัก มักจะเป็นทรงที่ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความสวยงามในแบบที่ไม่รู้สึกว่าแปลกตา
ทรงเซ็กซี่
การปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูเต็มและมีมิติ โดยจะเน้นให้ริมฝีปากด้านบนและด้านล่างดูหนาและอวบอิ่มมากขึ้น ให้ลุคที่เซ็กซี่และมีเสน่ห์
ทรงสไตล์เกาหลี
ทรงนี้จะเน้นการเพิ่มความอวบอิ่มที่ริมฝีปากบนโดยเฉพาะ โดยจะไม่เน้นความหนาของริมฝีปากล่าง ทำให้ได้ลุคที่น่ารักและดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทรงริมฝีปากที่ดูเรียบร้อย
การเลือกเนื้อที่เหมาะกับฟิลเลอร์ปาก
เนื้อฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ปากควรเป็นเนื้อที่ขึ้นทรงได้ดี กลืนกับผิวได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ทำให้ริมฝีปากดูแข็งเกินไปหรือไม่สม่ำเสมอ ฟิลเลอร์ที่ดีจะสามารถช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มสามารถปรับทรงได้ตามต้องการ
ข้อดีและข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อดีฟิลเลอร์ปาก
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด
- ไม่ต้องพักฟื้นสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้
- ปลอดภัยสูง แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- สามารถปรับแต่งริมฝีปากได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความอิ่มหรือปรับรูปทรง
ข้อเสียฟิลเลอร์ปาก
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ฟิลเลอร์จะสลายไปเองตามเวลาประมาณ 6-12 เดือน
- ราคาการฉีดฟิลเลอร์อาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- อาจมีอาการบวม ช้ำได้เล็กน้อย
ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้, ปริมาณที่ฉีด, การดูแลหลังการฉีด, และลักษณะการเผาผลาญของร่างกายแต่ละบุคคล บางคนอาจจะเห็นผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่าหนึ่งปี ขณะที่บางคนอาจต้องเติมฟิลเลอร์อีกครั้งภายในระยะเวลาสั้นๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น กิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือการเผาผลาญสารในร่างกาย
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการออกมาดี และไม่เกิดอันตรายระหว่างฉีดควรเตรียมตัวก่อนฉีดดังนี้
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ควรเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์
- ปรึกษากับแพทย์ บอกให้แพทย์ทราบถึงความต้องการและปัญหาที่มี เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- หลีกเลี่ยงการทานยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลทำให้เลือดไหลง่าย เช่น แอสไพริน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการช้ำ
วิธีดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก การดูแลตนเองอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัย โดยมีวิธีการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ควรปฏิบัติ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการดูดหรือใช้หลอด หลีกเลี่ยงการดูดหลอดหรือดูดสิ่งของใดๆ ด้วยริมฝีปากในช่วง 1-2 วันหลังการฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือความตึงของฟิลเลอร์ที่อาจทำให้ฟิลเลอร์ยุบตัวหรือเบี้ยวได้
- อย่ากดหรือเม้มปากมากเกินไป การเม้มปากหรือใช้แรงกดในบริเวณริมฝีปากอาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ หรือทำให้เกิดอาการบวมและฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
- ระมัดระวังในการแปรงฟัน ควรแปรงฟันอย่างเบามือโดยไม่ให้แปรงฟันโดนบริเวณริมฝีปากโดยตรงในช่วง 1-2 วันหลังการฉีด เพื่อไม่ให้ทรงปากที่ฉีดมาเปลี่ยนไป
- หลีกเลี่ยงโดนความร้อน หลีกเลี่ยงการไปที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า อาบน้ำร้อน กินชาบูอาหารร้อนๆในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากในช่วง 48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมและฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
- หากมีอาการบวมหรือฟกช้ำ ควรใช้ประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยลดอาการบวม
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายและเพิ่มอาการบวมได้
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นวิธีที่ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและสวยงามโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด การเลือกใช้ฟิลเลอร์ปากกี่ CC และทรงไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพริมฝีปากของแต่ละคน หากเลือกทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้ริมฝีปากดูสวยขึ้นอย่างปลอดภัย ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรทำความเข้าใจและปรึกษากับแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
- 👁️ ยอดวิว 13
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น