the end of world Chapter 1

the end of world (หายนะพลิกโลก)
คุณกำลังอ่าน: the end of world (หายนะพลิกโลก)

-A A +A

the end of world Chapter 1

เปิดขาย

                   Chapter 1 จุดสิ้นสุดคือจุดเริ่มต้น (ตอนแรก)

          ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางเมือง

ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังจากทุกมุมโลกอัดแน่นไว้ในที่เดียว

ไม่ว่าใครต้องการสิ่งใดหากมาสถานที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่ไม่เคยผิดหวัง

แต่ยกเว้นไว้คนหนึ่ง

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงราคาถูกกำลังนั่งเล่นรับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศราคาแพงอยู่ในร้านไก่ทอดชื่อดังแบรนด์หนึ่งของโลก

โดยสั่งเมนูที่ราคาต่ำที่สุดมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับน้ำอัดลมฟรีแก้วใหญ่

ดูจากองค์ประกอบของเขาแล้วคงไม่มีทางหาซื้ออะไรจากห้างดังแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

หากอยากจะถามว่าแล้วเขามาทำอะไรที่นี่กันล่ะ?

คำตอบของคำถามนั้นก็คือทำงาน

ไม่ใช่ว่าเขามาเป็นเด็กเสิร์ฟหรือว่าพนักงานทอดไก่แต่อย่างใด

ชายหนุ่มเพียงอาศัยสถานที่แห่งนี้เป็นห้องทำงานของเขาก็เท่านั้น

อาชูร่า โนเวล คือชื่อของเขา

ชายหนุ่มใช้เงินเก็บทั้งหมดไม่กี่พันบาทตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนเพื่อมาทำตามความฝัน

นั่นก็คือการเขียนนิยาย และสถานที่โปรดที่เขาชอบนั่งเป็นประจำก็คือร้านไก่ทอดร้านนี้นี่เอง

          สายตาที่เปล่งประกายแห่งความภาคภูมิใจ

กำลังกวาดไล่ไปตามตัวอักษรบนหน้าจอของสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินสวยในมืออย่างเพลิดเพลิน

มันคือนิยายต้นฉบับที่เขาเขียนจบเรื่องแรกเมื่อ 3 วันก่อน

แถมเขายังไปเสนอกับสำนักพิมพ์ไว้อีกหลายที่เรียบร้อยแล้วด้วย

ที่เหลือก็เพียงแค่รอพวกเขาตอบกลับเท่านั้น

จู่ๆสายตาที่กำลังไล่อ่านนิยายอยู่ต้องหยุดชะงักลง

เมื่อบนหน้าจอปรากฏแสงกระพริบพร้อมกับอาการสั่นน้อยๆของตัวเครื่อง

ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังมีคนโทร.มาหาเขา

อาชูร่าจึงกดรับสายพร้อมกับเอาโทรศัพท์แนบหูเพื่อฟังเสียงจากปลายสายอย่างรวดเร็ว

หากการคาดเดาของชายหนุ่มถูกต้องมันน่าจะเป็นการติดต่อจากสำนักพิมพ์ที่เขาไปเสนอนิยายไว้

สำนักพิมพ์ใดสำนักพิมพ์หนึ่งอย่างแน่นอน

“สำนักพิมพ์ปากกาในฝันสวัสดีค่ะ...นี่ใช่เบอร์ของคุณอาชูร่าหรือเปล่าคะ?”

ทันทีที่เอาโทรศัพท์แนบหูเสียงจากอีกฝ่ายก็ถามมาในทันที

ชายหนุ่มพยักหน้าทีหนึ่งเป็นการตอบรับ

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นเขาจึงรีบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ใช่ครับ”

“คือทางเราติดต่อมาเรื่องนิยายที่คุณอาชูร่านำเสนอให้ประมาณ 3 วันก่อนค่ะสะดวกสนทนาหรือเปล่าคะ?”

“สะดวกครับว่ามาได้เลย”

ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเพราะนิยายของเขาอาจจะผ่านการพิจารณาแล้วก็เป็นได้

“คือทางสำนักพิมพ์ต้องขอโทษคุณอาชูร่าเป็นอย่างสูงที่ไม่สามารถตีพิมพ์นิยายเรื่องที่คุณเสนอมาได้ในช่วงนี้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณมากครับที่ติดต่อมาแจ้ง...แค่นี้นะครับ”

กึก!

ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับกดปุ่มตัดสายก่อนที่จะวางสมาร์ทโฟนในมือลงบนโต๊ะ

แล้วคว้าแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดูดไปอึกใหญ่ด้วยสีหน้าเซ็งๆ

“เฮ้อ!...นิยายตูไม่ดีตรงไหนฟะเนี่ยพล็อตก็ดีจบก็สวยอ่านก็เพลิดเพลินไม่ผ่านเสียได้...สงสัยสำนักพิมพ์ตาต่ำเอง...ช่างแม่ง...ดีนะที่เราติดต่อไว้หลายที่มันจะไม่ผ่านหมดก็ให้มันรู้ไปเส้”

อาชูร่าบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวพลางกัดไก่ทอดด้วยสีหน้าโหดๆ

พร้อมกับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นระรัวขึ้นมาอีกรอบ

เขาเช็ดมือกับกระดาษชำระแล้วคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสายในทันที

“สำนักพิมพ์ดาวจรัสแสงขอเรียนสายคุณอาชูร่าครับ”

“ผมกำลังฟังอยู่ว่ามาได้เลย”

ประโยคปฏิเสธเดิมๆก็ดังอีกครั้งพร้อมกับสายที่ตัดไป

สีหน้าของชายหนุ่มไม่ค่อยสบอารมณ์แล้วเมื่อสำนักพิมพ์ถึง 2 แห่งที่ไม่รับงานเขียนของเขา

อาชูร่าแทบอยากจะเขวี้ยงสมาร์ทโฟนในมือทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้

เพราะเขาไม่ได้มีเงินให้ใช้เล่นกับเรื่องไร้สาระได้ถึงขนาดนั้น

ไม่ทันไรสมาร์ทโฟนในมือก็สั่นอีกครั้งอาชูร่าก็กดรับสายทันที

พร้อมกับชิงเอ่ยดักทางปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ถ้าจะโทร.มาบอกว่านิยายของผมไม่ผ่านการพิจารณาแล้วละก็คุณวางสายไปได้เลย”

“เอ่อ...ค่ะ”

เหมือนปลายสายจะยังสับสนอยู่แต่ก็ตั้งสติได้จึงตอบรับชายหนุ่ม

แล้วสายก็ตัดไปจริงๆ ตามที่เขาต้องการเสียด้วย

“เฮ่อ!”

เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะกระแทกสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะอย่างโมโห

ชายหนุ่มนั่งปรับอารมณ์อยู่สักพักก็เริ่มที่จะยอมรับความจริงได้

เขาเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่โชว์หรา 17:20 น.

ก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้เพราะมันได้เวลากลับของเขาแล้วนั่นเอง

อาชูร่าล้วงกระเป๋าสตางค์ราคาถูกออกมาเปิดเพื่อหาเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร

พลิกไปแต่ละช่องชายหนุ่มก็พบแต่ความว่างเปล่าที่ทำเอาเขาแทบน้ำตาร่วง

“เฮ่ย!...เงินตูหายไปไหน?...อย่าบอกนะว่ามันหมดแล้วนะสงสัยต้องล้างจานชดใช้ค่าไก่ทอดเสียแล้วมั้งแบบนี้”

ถึงคำกล่าวจะติดตลกแต่อาการตกใจของเขาเป็นของจริง

ขนาดขว้ำปากกระเป๋าเทลงบนโต๊ะก็ยังไม่มีเศษเหรียญลงมาเลย

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังวุ่นวายใจกับการที่ไม่มีเงิน มาจ่ายค่าอาหารอยู่นั่นเอง

เหตุประหลาดก็ได้อุบัติขึ้นอย่างไม่มีใครนึกถึง

 

 

ครืนนนนน!!!

 

เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น มาพร้อมกับอาการสั่นไหวของห้างทั้งห้าง

เม็ดฝุ่นจากตัวอาคารร่วงกราว หลอดไฟภายในห้างกระพริบติดๆดับๆ ก่อนที่จะดับวูบไป

ป้ายไฟโฆษณาตามรายทาง ต่างก็หล่นร่วงดังโครมคราม

 แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้น ทำเอาอาชูร่าที่กำลังง่วนกับกระเป๋าสตางค์

เซไปฟาดกับโต๊ะเข้าอย่างจัง

“อู้ยเจ็บเฟ้ย...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

ชายหนุ่มเอามือกุมสีข้างด้วยสีหน้าแตกตื่น พลางกวาดสายตามองความวุ่นวายรอบด้าน

ที่ผู้คนมากมาย ในตอนแรกกำลังเดินซื้อขายจับจ่ายกันตามปกติ

ต่างก็รีบพากันวิ่งวุ่นหลบใต้โต๊ะเพื่อความปลอดภัยเป็นทิวแถว

บางคนก็รีบวิ่งแตกตื่นออกจากอาคาร พาตัวเองไปอยู่กลางที่โล่ง เพื่อป้องกันอาคารถล่มลงมาทับ

หากเป็นแผ่นดินไหวจริงๆ อาชูร่าก็บอกได้ว่าความคิดของพวกเขานั้นถือว่าถูกต้อง

แต่ว่าเหตุการณ์มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น

ปรากฏแสงสว่างสีฟ้าแลบแปลบปลาบขึ้นมากลางอากาศ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าราวกับคลื่นแทรก

ดังอื้ออึงจนแสบแก้วหู จนต้องยกมือขึ้นมาปิดหู เพื่อป้องกันหูหนวกกันเลยทีเดียว

 เสียงดังกล่าวดังอย่างต่อเนื่องอยู่ไม่นานนัก ก็ค่อยๆเงียบลงราวกับเกิดความเสถียรขึ้น

แสงสีฟ้าที่แลบแปลบปลาบเคลื่อนไหวเป็นเส้นยึกยือ ก็ค่อยๆคมชัดขึ้นราวกับเป็นหน้าจอฉายอะไรสักอย่าง

และเมื่อเสียงคลื่นแทรกได้หายไปจนหมดทุกสายตาของทุกคนบนโลก

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดหรือกำลังทำอะไรอยู่ก็ตามต่างต้องหยุดกิจกรรมของตัวเองลงชั่วขณะหนึ่ง

เพราะภาพแบบเดียวกันกับที่อาชูร่าเห็นอยู่ในขณะนี้

ไปปรากฏอยู่ทุกพื้นที่ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ร่างในชุดคลุมยาวรุ่มร่ามที่ปิดตลอดทั้งตัวของผู้สวมใส่

แบ่งออกเป็น 2 สีคือสีขาวกับดำโดยซีกขวาจะเป็นสีดำและซีกซ้ายเป็นสีขาว

บนใบหน้าของร่างนั้นถูกสวมทับไว้ด้วยหน้ากากที่แบ่งสีเหมือนกับชุดคลุมที่สวมอยู่

ราวกับเป็นเครื่องแบบอะไรสักอย่างดูแล้วประหลาดตาเป็นอย่างมาก

ร่างในหน้าจอยืนอวดโฉมเรียกร้องความสนใจอยู่พักหนึ่ง

เหมือนมันจะรู้ว่าตอนนี้ทุกคนหันมาสนใจมันแล้ว

ริมฝีปากภายใต้หน้ากากประหลาดจึงได้เอ่อยคำพูดแรกออกมา

ดังกึกก้องให้ผู้คนได้ยินโดยทั่วกัน

“สวัสดีมนุษย์โลกผู้โง่เขลาพวกเจ้าคงจะใช้ชีวิตแสนสบายกันมากพอแล้วสินะ”

ริมฝีปากของหน้ากากที่มันสวมอยู่เปิดออกกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู

ก่อนที่จะกล่าวต่อโดยไม่สนเสียงโวยวายของผู้คน

“พอดีข้ามีข่าวดีมาบอกนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...ความสุขของพวกเจ้ากำลังจะหมดไปเงินทองล้นฟ้าที่พวกเจ้ามีจะไร้ค่า...น่าดีใจไหมล่ะฮิฮิฮิ”

มันพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงกวนประสาท

ดวงตาของหน้ากากซีกสีดำสาดแสงสีแดงวาวอย่างลี้ลับ

มันกวาดตามองไปรอบๆราวกับว่าจะเห็นพวกเขาได้ซึ่งก็ไม่ผิดไปเลยมันเห็นพวกเขาที่กำลังนิ่งอึ้ง

ประมาณว่ายังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อออกมาสักเท่าไหร่

ร่างนั้นก็ส่ายหน้าน้อยๆอย่างผิดหวัง

เมื่อไม่เห็นถึงความตื่นตระหนกของมนุษย์โลก

“สงสัยคำพูดของข้าจะมีน้ำหนักไม่มากพอหรือจะเป็นเพราะว่าพวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นภาพในวิดีโอจอยักษ์ก็เป็นได้จึงยังนิ่งได้แบบนี้แต่ก็ช่างเถอะไว้มันเกิดขึ้นก่อนพวกเจ้าค่อยตื่นตระหนกก็ยังไม่สายไปหรอกฮิฮิฮิ”

เสียงหัวเราะของมันทำเอาอาชูร่ารู้สึกคันเท้าขึ้นมาตะหงิดๆเหมือนกัน

เขาสังหรณ์ประหลาดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนจึงเลือกที่จะนิ่งฟังต่อไป

พลางสมองก็ใช้ความคิดไปด้วย

“เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ยืดยาวความหมายมันก็ง่ายๆข้ากำลังจะล้างโลก...โดยส่งมอนสเตอร์ลงไปทำลายพวกเจ้า...แต่พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลใจไปข้ายังมีน้ำใจอยู่บ้างโดยการส่งกล่องยังชีพ จำนวนสองพันห้าร้อยล้านกล่อง กระจายอยู่บนโลก......โดยภายในกล่องที่ข้ามอบให้ก็จะมี

อุปกรณ์ที่จะช่วยปลดขีดจำกัดทางพันธุกรรม กระตุ้นความสามารถพิเศษในร่างกายของผู้สวมใส่ออกมาเพื่อให้ต่อสู้กับมอนสเตอร์น่ารักของข้าได้ไงล่ะ...อ้อแล้วก็ข่าวดีอีกอย่างหนึ่งก็คืออุปกรณ์ภายในกล่องพวกเจ้าสามารถแย่งชิงกันได้ตามสะดวกเลยนะ...น่าสนุกดีใช่ไหมล่านอกจากจะต้องระวังตัวจากมอนสเตอร์ที่น่ารักของค่าแล้วยังจะต้องระวังมนุษย์พวกเดียวกันอีก...คิดเสียว่าพวกเจ้ากำลังเล่นเกมอยู่ก็ได้ฮิฮิฮิ...เกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตไงล่ะฮิฮิฮิ”

มันกล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนที่ภาพฉายขนาดใหญ่กลางผืนฟ้าจะค่อยๆแตกกระจายสลายหายไปในพริบตา

พร้อมกับสีหน้าที่แตกต่างกันของทุกผู้คนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดจากทุกเพศทุกวัย บ้างก็ขำราวกับว่าเป็นเรื่องตลก

บ้างก็ส่ายหน้าอย่างเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

ถึงแม้จะมีความสับสนงุนงงเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางคนที่เริ่มสำเหนียกถึงภัยอันตรายในคำพูดของร่างประหลาดได้บ้างแล้ว

 

******************************จบตอน

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

น่าติดตามมากครับ

แอบฮาตรงพระเอกเราไม่มีเงินจ่ายค่า KFC นี่แหละ 55

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.