หวานใจพี่รหัส ตอนที่5 แผนง้อสุดน่ารัก( ยอมใจอ่อนน้า..)
ตอนที่ 5
“อ้าว! พี่ยนตร์ยอมเปิดดูแล้วหรือคะ” เด็กสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
คนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำหน้าเหวอไปชั่วขณะ เหมือนจะรู้ตัวว่าหลุดฟอร์มซะแล้ว พอเขากลับมาถึงบ้าน เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก ก็อดหยิบถุงสีน้ำตาลขึ้นมาดูไม่ได้ แปลกใจมากที่ถุงสีน้ำตาลใบหนึ่งจากสองใบ มันเบาโหวงเหวง นึกถึงน้องสาวขึ้นมาทันที สมัยเด็กเวลาโกรธกับปารทีไร นภาชอบมาแอบขโมยขนมที่ปารส่งมาง้อเขาทุกทีเลย โตแล้วก็ยังแก้ไม่หาย ยังมาแอบขโมยขนมอีก เขาหัวเสียจนเท้าพาตัวขึ้นมายืนโวยวายอยู่หน้าห้องของน้องสาวอย่างลืมตัว
“พี่ยนตร์จะโวยวายทำไม พี่ไม่สนใจไม่ใช่เหรอ ของ ๆ ตัวเอง ทำไมไม่เก็บขึ้นห้องนอนล่ะ ก็นึกว่าไม่สนใจแล้ว ภาเสียดายแทนปาร กลัวขนมข้างในจะเสียซะก่อน ก็เลยเอามากินซะ” น้องสาวยังพูดลอยหน้าลอยตาแกมตำหนิเขาอีกต่างหาก
“แล้ว...ปารส่งขนมอะไรมาเหรอ...” ยนตร์ถามน้องสาวเสียงเบา อย่างอยากรู้
“อยากรู้ละซี้...” นภาอมยิ้มทำหน้าทะเล้นใส่
“เปล๊า....” ชายหนุ่มหน้าห้องขึ้นเสียงสูง
“อยากรู้อะไร” ยนตร์รีบชักสีหน้าเรียบเฉย ตีหน้าตายและรีบยืดตัวตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างรักษาฟอร์ม
“งั้นไม่บอก เพราะพี่ไม่ได้อยากรู้” นภาเสียงแข็งขึ้นทันที ทำท่าจะปิดประตู แต่ยังปิดไม่ได้ เมื่อพี่ชายยังจับลูกบิดประตูไว้อยู่
ยนตร์มองน้องสาวด้วยสายตาอ้อนวอนเชิงถามว่าไม่บอกจริงเหรอ?
“ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าอยากรู้” นภายังเค้นต่อไป
คนหน้าห้องพยักหน้ายอมรับอย่างขอไปที
“ขนมตาลจ้ะ อร่อยมาก ๆ เลยด้วย ทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งนุ่ม...” นภาทำสีหน้าประกอบรสชาดของขนม เพราะรู้ดีว่าพี่ชายชอบทานขนมไทย และชอบขนมตาลมากที่สุด ตอนเด็กแม่ทำให้ทานเป็นประจำ และให้พวกเธอสามคนไปเดินช่วยกันขาย นอกจากมันจะอร่อยแล้วยังเต็มไปด้วยความทรงจำอันงดงามของวัยเด็ก
“แล้วอีกถุงนั่นจะเอามั้ยคะ ถ้าไม่เอาภาจะได้ไปเอามาเอง” พูดจบก็ก้าวออกจากห้อง จะลงไปเอาถุงขนมสีน้ำตาลทันที
“ไม่ต้องเลย” ชายหนุ่มรีบยันมือขวางไว้กับขอบประตูห้องอย่างทันควัน ก่อนจะรีบลงไปเก็บถุงขนมสีน้ำตาลขึ้นห้องตนเองไปจนหมด
นภาชะโงกหน้ามองอาการของพี่ชายแล้วอดขำไม่ได้
“ทำเป็นปากแข็ง เชอะ!!”
เด็กสาวปิดประตูห้องนอนแล้วกดล็อค หยิบโทรศัพท์ไลน์ไปรายงานเพื่อนสาวทันที ว่าพี่ชายของเธอมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ขอให้ปารอย่าเป็นห่วงกังวล มีกำลังใจง้อต่อไป รอข่าวดีในเร็ววันนี้
นภาเคยเห็นพี่ชายเศร้าซึมไปเป็นเดือนเพราะอกหัก ไม่พูดไม่จากับใคร แม่และเธอเป็นห่วงพี่ยนตร์มาก เธอไม่อยากเห็นเขาเสียใจเป็นแบบนั้นอีกเลย
‘ปารเป็นแฟนพี่ยนตร์เถอะนะ’
ปารจะต้องไม่ทำให้พี่ชายเธอเสียใจแน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น
================
ยนตร์นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ มองถุงสีน้ำตาลที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะสามใบ เขายังอดเสียดายขนมตาลที่น้องสาวแอบขโมยกินไปไม่ได้ เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้กินขนมตาลเลย ตั้งแต่มาเรียนต่อที่กรุงเทพ จนสอบได้ทุนไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย
หลังจากที่พ่อของเขาถูกยิงตายในหน้าที่ แม่ของเขารับราชการครู จึงต้องหารายได้เสริมเพื่อเลี้ยงลูกสองคนตามลำพัง เนื่องจากแม่มีฝีมือในการทำขนม จึงทำขนมให้ไปช่วยกันขาย เขาจำได้ว่า ปารจะมาช่วยทำขนมตลอด เธอเป็นมือขูดมะพร้าวมือหนึ่งเลย ขูดเร็ว ขูดได้นาน ขูดได้เกลี้ยงจนติดกะลามะพร้าวทีเดียว เขาแข่งขูดมะพร้าวกับเธอไม่เคยชนะเลย บ่อยครั้งที่ปารช่วยปั้นไส้ขนมต้ม จนผล็อยหลับไป เวลาไปช่วยกันขายขนม ถ้าแข่งกันขาย ปารจะชนะทุกที เป็นคนที่ขายขนมได้มากกว่าเพื่อน ภาพวัยเด็กวิ่งเข้ามาในสมอง เหมือนภาพแห่งความฝัน ภาพแห่งความสุข มีเสียงหัวเราะ เสียงโวยวาย มันยังฉายชัดในความทรงจำ ถึงแม้จะลำบาก แต่ก็มีความสุข ความลำบากมักทำให้เราเข้มแข็ง และแกร่งขึ้นโดยไม่รู้ตัวเสมอ
เสียงเคาะประตูห้องดึงเขาตื่นขึ้นมาจากภาพในอดีต ชายหนุ่มกวาดสายตาไปที่ประตูห้อง
“สายสืบมาอีกแล้ว” ยนตร์บ่นเบา ๆ เพราะรู้ดีว่า น้องสาวจะต้องมาสืบข่าว แต่ก็เดินไปเปิดประตูให้
“พี่ยนตร์ น้ำเก๊กฮวยค่ะ แก้เก๊กซิม” นภาฉีกยิ้มกว้างมาพร้อมกับแก้วใสทรงสูงใส่น้ำสีอำพันเย็นเจี๊ยบ ไอเย็นขมุกขมัวยังจับอยู่รอบแก้ว
เขาเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำเก๊กฮวย
“ขอเข้าไปคุยด้วยได้มั้ยพี่ยนตร์”
ชายหนุ่มจึงเดินถอยออกมาจากประตูเป็นอันเข้าใจว่า ให้เข้าได้ หลังจากที่วันก่อน จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ยอมให้เข้าเด็ดขาด แสดงว่า อาการกำลังดีขึ้นเป็นลำดับ ดีกว่าครั้งก่อนมาก ที่พี่ชายของเธออกหัก จะไม่พูดไม่จาไม่หือไม่อือด้วยเลย ถามอะไรก็ไม่ตอบ
“พี่ยนต์ทานน้ำเก๊กฮวยก่อนสิคะ” น้องสาวคะยั้นคะยอ เมื่อเห็นเขาถือแก้วไว้เฉย ๆ ขณะที่เดินตามเจ้าของห้องไปนั่งลงที่เตียงนอน
นภายิ้มแก้มปริ เมื่อเห็นพี่ชายคนดียอมดื่มน้ำเก๊กฮวยอย่างว่าง่าย
“อร่อยมั้ยคะ”
“อร่อยจ้า...ขอบใจนะ”
“หายเก๊กซิมมั้ยคะ”
คำถามนั้นทำให้เขาอดเขกมะเหงกลงบนกบาลน้องสาวไม่ได้
“อูย...ส์ เจ็บนะพี่ยนตร์เขกลงมาได้” นภาทำหน้าย่นยู่ยี่ พลางคลึงหน้าผากมนของตัวเองเบา ๆ
“มีอะไรก็ว่ามา”
เด็กสาวนั่งลงบนเตียง แล้วจ้องมองพี่ชายคนเดียวอย่างเต็มตา ครั้งก่อนที่ยนตร์เศร้าซึมเพราะอกหัก เธอยังไม่มีโอกาสจะได้คุยเปิดใจกับเขาอย่างจริงจังเลย
“พี่ยนตร์ทำใจได้แล้วเหรอคะ เรื่องผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้พี่อกหัก”
“แน่นอนสิ ทำไมเหรอ..?” เขาประสานสายตากับน้องสาวตรง ๆ
“จริงนะ” นภาเน้นคำ
“จริงที่สุดเลย” ยนตร์ยกมือโอบไหล่น้องสาวคนเดียวเข้ามาใกล้ เขารู้ตัวเองว่า ครั้งนั้นทำให้แม่และน้องสาวต้องเป็นห่วงกังวลและเป็นทุกข์ใจแค่ไหน
นภาจ้องหน้าพี่ชายคนเดียวนิ่ง
“พี่ยนตร์...” แค่เธอเรียกชื่อของเขา น้ำเสียงก็เริ่มสั่นเครือ แค่อยากจะบอกความห่วงใย ความปรารถนาดีกับเขา ทำไมเสียงต้องพลอยสั่นทุกที
ยนตร์มองเห็นน้ำใส ๆ เริ่มรื้นขึ้นมาคลอดวงตาขี้เล่นของน้องสาว ขอบตาและจมูกเริ่มแดงระเรื่อขึ้น
“พี่....” เสียงในลำคอขาดห้วงไปเฉย ๆ
“อย่า...ลืม...ความรัก...ของ...ครอบครัวเรา...นะ...”
เด็กสาวพยายามบังคับน้ำเสียงสั่น ๆ ที่เริ่มคลอเสียงสะอื้น ให้พูดจนจบประโยคอย่างยากลำบาก อยากให้เขารู้ว่า ความรักของใครก็ตาม ไม่มีความรักไหนสำคัญมากไปกว่าความรักของครอบครัวของเราอีกแล้ว
“พี่ไม่เคยลืม...เพียงแต่...อาจจะลืมนึกถึงไปบ้าง พี่รู้....พี่ขอโทษนะ พี่จะไม่ทำให้เรากับแม่ต้องเป็นห่วงพี่อีกแล้ว พี่ยนตร์สัญญา...” เขาสวมกอดน้องสาวไว้ ซึ่งกำลังเริ่มร้องไห้จนตัวโยน สะอึกสะอื้น
“พี่ยนตร์...”
นภาพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“อย่า...ให้ความรักของครอบครัวเรา... มีค่าน้อยกว่า... คนอื่นนะ” เด็กสาวหยุดสูดลมหายใจเข้า กลืนก้อนสะอื้นลงไป แล้วพยายามพูดต่อ
“ครอบครัวของเราจะดูแลพี่...ไปจนกว่าเรา....จะตายจากกัน พี่...รู้ใช่มั้ย...”
เขาสวมกอดน้องสาวไว้แน่นขึ้น พลางตบแผ่นหลังน้องสาวเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“พี่ยนตร์จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว...”
ครู่หนึ่งเด็กสาวขยับตัวออกจากอ้อมแขนของพี่ชาย มองใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา ด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจที่สุด
“พี่ยนตร์...”
ชายหนุ่มจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่
“พี่...” เสียงนั้นกลับหายลงไปอยู่ในลำคอเหมือนจะช่างใจว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกไป
“ถ้าพี่จะมีแฟนต้องผ่านการพิจารณาจากภากับแม่ก่อนนะ ได้มั้ย...?”
“รู้แล้วน่า...” เขาเขย่าหัวน้องสาว
ยนตร์มองน้องสาวอย่างเข้าใจ แต่ก่อนเขาเคยคิดว่า คนรักกันมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อเห็นครอบครัวของน้าสาว ที่ได้สามีไปคนละทิศคนละทางกับครอบครัว ทำให้แม่ของเขาต้องคอยเป็นห่วงน้าสาวคนนี้มาก มันเป็นความกังวลใจและเป็นความทุกข์ของครอบครัว อย่างเช่นวันนี้ที่แม่ของเขาต้องกลับไปต่างจังหวัดก็เพราะน้าสาวคนนี้มีปัญหากับสามี
“พี่ยนตร์...ยังไม่หายโกรธปารเหรอคะ”
ยนตร์หลบสายตาน้องสาว หันไปเหลือบมองเวลาบนผนังห้องสีครีม ขณะนั้นบอกเวลาสี่ทุ่มกว่า
“ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว” ชายหนุ่มตัดบทเอาดื้อๆ
นภาทำหน้าย่น ก่อนจะกวาดสายตาไปที่ถุงสีน้ำตาลบนโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง
“พี่ยนตร์...ยังไม่เปิดดู เหรอคะ” พลางลุกขึ้นเดินดิ่งไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของพี่ชาย
“หยุด!!” ยนตร์รีบตะโกนห้าม
“ห้ามแตะต้อง” แถมสั่งเสียงเข้มเชียว
น้องสาวยักไหล่
“ก็พี่ยนตร์ไม่ยอมเปิดดู เดี๋ยวภาช่วยดูให้เองนะคะ” เด็กสาวยิ้ม เธอจำเป็นต้องเร่งปฏิกิริยาของพี่ชายแสนงอนซะหน่อยแล้ว
เจ้าของห้องรีบก้าวเท้ายาว ๆ มายืนขวางหน้าน้องสาวเอาไว้ เขาไม่เคยลืมเลย เวลาเขาและปารโกรธกัน น้องสาวตัวดีของเขาจะต้องแอบมาขโมยอ่านข้อความที่ปารเขียนมาง้อทุกครั้ง แล้วก็ไม่วายเอามาล้อเขาจนได้
“พี่ยนตร์ ขอดูหน่อยน่า...” นภายังไม่ละความพยายาม สายตาจับจ้องถุงขนมสีน้ำตาลไม่วางตา ใบหน้าอมยิ้มระรื่น ได้แกล้งพี่ชายคนนี้แล้วมีความสุขจัง ก่อนจะหาช่องว่างกระโจนเข้าไปชิงถุงขนมมา แต่ทว่ากลับถูกยนตร์จับล็อคตัวเอาไว้ แล้วจับตัวน้องสาวขี้แกล้งดันออกไปนอกห้องจนได้
ชายหนุ่มรีบปิดประตูล็อคกลอนทันที หายใจออกอย่างโล่งอก
“ไปเลย ๆ ไปนอนเลย ยุ่ง! ชอบอยากรู้เรื่องของพี่เสียจริง”
“อะไร พี่ยนตร์ขอดูหน่อยก็ไม่ได้ จะหวงอะไรนักหนา” ได้ยินเสียงน้องสาวบ่นกระปอดกระแปด เมื่อรู้ว่าไม่มีทางที่จะได้เข้าห้องพี่ชายได้อีกแน่ จำต้องยอมจำนนเดินกลับห้องไปด้วยรอยยิ้มกับแผนการเร่งปฏิกิริยาของเธอ ต้องได้ผลแน่นอน
ยนตร์กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบถุงสีน้ำตาลขึ้นมา เขากลัวว่าน้องสาวจะมาแอบดูข้อความข้างใน อย่างไรเสียเขาคงต้องรีบเปิดดูแล้ว มือค่อย ๆ แกะตัวการ์ตูนตัวเล็กน่ารักใบหน้าอมยิ้มที่แปะอยู่ออกอย่างเบามือที่สุด เมื่อเปิดถุงอ้าออก มองเห็นอมยิ้มสองอันสีเหลืองกับสีส้มผูกติดกันอยู่ด้วยโบสีน้ำตาล แล้วมีกระดาษแผ่นเล็กแปะไว้ เขียนด้วยลายมือผอม ๆ หัวโต ๆ ว่า
ปารขอโทษนะคะ
ข้อความนั้นมันทำให้คนอ่านยิ้มออกมาได้ มองอมยิ้มสองอันสีส้มหมายถึงปารเพราะเธอชอบกินอมยิ้มสีส้ม และสีเหลืองหมายถึงตัวเขาเพราะเขาชอบกินอมยิ้มสีเหลือง
หนุ่มแว่นก้มลงมองด้านในของถุงสีน้ำตาลใบที่สอง มีเพียงถุงพลาสติกว่างเปล่าอยู่ข้างใน ซึ่งยัยน้องสาวตัวดีแอบกินขนมตาลของเขาไปเสียแล้ว เหลือแต่ถุงพลาสติกไว้ให้ดูต่างหน้า ด้านนอกของถุงพลาสติก มีกระดาษเขียนด้วยลายมือผอม ๆ หัวโต ๆ ว่า
หายโกรธกันนะ
ข้อความนั้นทำให้เขาต้องอมยิ้มน้อย ๆ ขณะบรรจงเปิดถุงสีน้ำตาลถุงที่สาม ข้างในมีกล่องสี่เหลี่ยมสีกาแฟ พอดึงฝาให้เปิดออก มองเห็นลูกชุปสีสวยรูปตัวอักษรวางเรียงกันสี่ห้าตัวอยู่ตรงกลางกล่อง ระหว่างตัวอักษรจะขั้นด้วยลูกชุปรูปหัวใจสีแดง
ยนตร์อ่านออกเสียงอักษรบนลูกชุปทีละคำอย่างช้า...ช้า...
ดี..กัน..นะ
รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม กับความน่ารักช่างคิดของปาร ทุกตัวอักษรและการกระทำเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายระหว่างเขาและเธอ เขาจะใจแข็งโกรธเธอได้อย่างไร
==============
ดินสอถูกกดลงบนกระดาษสีน้ำตาลอ่อน เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ จนเกิดรูปการ์ตูนกำลังอมยิ้ม ครู่หนึ่งการออกแรงกดน้ำหนักของดินสอลงบนกระดาษผ่อนลงจนหยุดนิ่งอยู่กับที่
ชายหนุ่มร่างสูงมายืนอยู่ข้างโต๊ะม้าหินนานแล้ว แต่เด็กสาวซึ่งนั่งอยู่ก่อนกลับไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนอยู่ใกล้ ๆ ในขณะนี้ เขาก้มหน้าลงเพ่งมองการ์ตูนรูปอมยิ้มบนกระดาษสีน้ำตาลอ่อน รู้สึกชอบตัวการ์ตูนที่ปรากฏอยู่บนกระดาษนั้นเสียจริง ละสายตาจากการ์ตูนเลื่อนขึ้นมามองดวงหน้าของคนวาดซึ่งกำลังก้มหน้านิ่งมองกระดาษสีน้ำตาลอ่อนในมือ ลมพัดปอยผมด้านข้างไหวละผิวแก้มนวลอย่างช้า ๆ ฝ่ามือโต ๆ วางทาบลงบนโต๊ะม้าหินตรงหน้าเด็กสาวที่กำลังใจนั่งใจลอย ก่อนจะเคาะปลายนิ้วทั้งสี่นิ้วกับโต๊ะหินอ่อนเบา ๆ เพื่อปลุกสาวน้อยให้ตื่นจากภวังค์
เด็กสาวสะดุ้ง! มองฝ่ามือขาวอันใหญ่โตตรงหน้า
“พี่นรินทร์!” เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือ พบรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลา และสายตาที่กำลังจ้องมองเธอนิ่ง
“ปารนั่งใจลอยเชียว คิดอะไรอยู่ครับ อย่าบอกนะว่า คิดถึงพี่ยนตร์อยู่”
คนถูกถามยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ
“ปารวาดการ์ตูนอยู่หรือครับ การ์ตูนน่ารักมากเลย วาดยากหรือเปล่าครับ” เขาพยายามชวนคุยในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามสนอกสนใจ
“ไม่ยากหรอกค่ะ”
“วาดให้พี่บ้างได้มั้ย”
ปารมองหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างอึกอัก เพราะการ์ตูนตัวนี้เธอวาดให้สำหรับพี่ยนตร์คนเดียวเท่านั้น แต่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบลมพัดกระดาษที่อยู่บนโต๊ะปลิวไป ปารจึงต้องรีบตะครุบกระดาษนั้นเอาไว้
นรินทร์รีบเอื้อมมือมาช่วยคว้ากระดาษนั้นไว้เช่นกัน ทำให้มือของชายหนุ่มคว้าไว้ทั้งกระดาษและมือของสาวน้อยอย่างไม่ตั้งใจ
แก้วน้ำกระดาษทรงสูงถูกวางลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนอย่างแรงจนน้ำกระเพื่อมเกือบกระเฉาะออกมานอกแก้ว
“ปารน้ำมะนาวปั่นมาแล้ว!” นภาส่งเสียงแจ่มใส ราวกับกำลังเตือนคนที่กำลังจับมือเพื่อนของเธออยู่
“ขอบคุณนะคะ” ปารรีบขยับมือออกจากฝ่ามือใหญ่โตของชายหนุ่ม แล้วเสียบกระดาษเจ้าปัญหาไว้ในสมุด
เธอตวัดสายตาหันไปจ้องหน้ารุ่นพี่หน้าหล่อเขม็ง ก่อนพาตัวเองแทรกเข้ามายืนข้างโต๊ะม้าหินเบียดหนุ่มหน้าหล่อที่ยืนอยู่ก่อนให้ต้องขยับตัวถอยออกไปทันที และจงใจหันตัวให้ถุงผ้าที่ใส่หนังสือเล่มโตของเธอกระแทกโดนชายหนุ่มอย่างจัง!
นภาจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นเขามายืนคุยกับปาร แถมยังมาจับมือถือแขนเพื่อนของเธออีก มันจะมากไปแล้วนะ! ทำให้เธอหัวเสียไม่น้อย
‘ปารเป็นของพี่ยนตร์เท่านั้น ใครหน้าไหนอย่ามายุ่ง!’
‘กล้าดียังไง! มายุ่งกับเพื่อนของฉัน!!’ สายตาที่จ้องมองเขาพร้อมจะเอาเรื่องตลอดเวลา
นรินทร์เซถอยหลังเล็กน้อยอย่างงุนงงเมื่อโดนถุงผ้านั้นกระแทกเข้าที่ต้นแขน หันไปมองคนก่อเหตุ
‘ยัยตัวแสบ! เจอกันอีกแล้วเหรอเนี่ย!’
เขากัดฟันกรามอย่างหัวเสียไม่น้อย อยู่ ๆ ก็เข้ามายืนแทรกกลางระหว่างเขาและปารหน้าตาเฉย แถมยังตั้งใจเอาถุงผ้ามากระแทกเขาอีก มันไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอน
***************
สวัสดีดีจ้า ขอบคุณมากๆ ที่คอมเม้นต์ให้นะคะ จัดตอนต่อไปเลยจ้า
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 817
ความคิดเห็น
เฉิดหน้าขึ้น = เชิดหน้าขึ้น ครับ
รอดูอีกคู่กักกัน 55
แอบหลงรักแล้วใช่ม้า....^^
ทำให้เรื่องต่อมาเขียนแนวคู่กัดเลยค่ะ แบบน่ารัก...อ่ะ
ขอบคุณมากที่ตรวจคำผิดให้เสมอเลย
แสดงความคิดเห็น