คืนปีใหม่ (countdown)
ถ้าเป็นปีใหม่อย่างเช่นทุกปี สาวออฟฟิศอย่างแนนก็คงจะยังอยู่ในเมืองใหญ่ กลางวันนั่งดูทีวีหรือภาพยนต์ กลางคืนออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือไม่ก็นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่ห้องคนเดียว
อันที่จริงแนนก็อยากกลับบ้านไม่ต่างจากคนอื่นเขานักหรอก ทว่าจะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อที่ทำงานของแนนอนุญาติให้หยุดเพียงไม่กี่วัน ครั้นจะใช้วันลาหยุดให้คุ้ม คนเดินทางในช่วงเทศกาลก็ช่างมากมายเหลือเกิน ยิ่งตัวเธอเองเป็นคนเกลียดความแออัดด้วยแล้ว การเดินทางในช่วงเวลานี้ ดูจะไม่เข้าท่าเลยจริงๆ
สายลมอันสดชื่นจากพื้นที่อำเภอเล็กๆ แถบชนบท พัดมากระทบผิว ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากห้วงคำนึงเมื่อครู่ แนนทอดสายตาผ่านระเบียงบ้านออกไปยังกระถางดอกไม้ที่แม่ปลูกเอาไว้รอบตัวบ้าน ใช่แล้ว ในปีใหม่ปีนี้แตกต่างกว่าทุกปี เพราะในปีนี้เธอได้กลับมาขึ้นปีใหม่อยู่ที่บ้านของเธอเอง ไม่ใช่ภายในเมืองใหญ่อย่างเช่นหลายปีที่ผ่านมา
เนื่องจากปีนี้สถานการณ์จากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ซึ่งเป็นเชื้อโรคชนิดที่ยังไม่มีวัคซีนรักษาดูจะไม่ค่อยดีมากนัก เพราะเชื้อร้ายชนิดนี้มีคนติดจากทั่วโลกจำนวนกว่าหลายล้านคน แค่เฉพาะคนไทยก็ติดเชื้อไปหลายพันคน ดังนั้นปีนี้พ่อและแม่จึงยื่นคำขาดให้เธอกลับมาขึ้นปีใหม่ที่บ้าน สาเหตุหลักๆ ก็ด้วยความเป็นห่วง เพราะอย่างน้อยๆ พบหน้าพบตากันแบบต่อหน้า ก็ยังรู้สึกมั่นใจกว่าสอบถานสถานการณ์และเป็นห่วงได้แค่ทางวิดิโอคอล จากสาเหตุดังกล่าว เธอเลยได้ขอใช้วันลาที่สะสมเอาไว้ตลอดทั้งปี เพื่อใช้ในการกลับมาอยู่บ้านในครั้งนี้
เสียงเพลงยุค 90 ทั้งเพลงไทยและลูกทุ่งดังกระหึ่มไปทั่วทั้งเขตบ้าน ญาติพี่น้องนับ 50 ชีวิตต่างก็มาร่วมงานในคืนสิ้นปีกันอย่างมีความสุข เนื่องเพราะแนนเองไม่ค่อยได้กลับบ้าน ดังนั้นเธอจึงอาสาอยู่ช่วยแม่ทำอาหารภายในครัวเป็นหลัก เพราะถึงออกไป เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปคุยกับใครเขา
เมื่อเวลาขยับเข้าใกล้ช่วงเวลาสิ้นปีเข้าไปทุกขณะ หลายคนก็เริ่มเมาได้ที่กันแล้ว ทำให้เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ช่วยแม่ทำอาหารภายในครัวอีกต่อไป หญิงสาวจึงผละออกมา แล้วเลือกเอามุมบ้านที่เสียงเพลงดังมาถึงเบาที่สุดเป็นจุดนั่งพักผ่อน
แนนหญิบมือถือขึ้นมาไล่อ่านดูโพสต์ต่างๆ จากโซเชียลเพื่อฆ่าเวลา อันไหนที่เป็นโพสต์ของเพื่อนหรือคนรู้จัก เธอก็จะกดถูกใจกลับไป ระหว่างที่เธอกำลังจมจ่อมอยู่ในโลกออนไลน์ เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนพลันดังขึ้นข้างๆ เธอ
“ผมขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”
หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ อย่างตกใจ หากเมื่อตั้งสติได้ เธอจึงรีบละสายตาออกจากหน้าจอมือถือ เพื่อหันไปมองคนที่เป็นเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ที่อยู่ห่างไปสาดส่องต้องกายชายหนุ่ม ทำให้แนนมองเห็นผู้มาใหม่ได้อย่างชัดเจน
เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างสูง ผิวแทน รูปร่างจัดว่าสมส่วน ไม่อ้วนและไม่ผอมจนเกินไป หน้าตาแลดูสะอาดสะอ้าน ที่สำคัญคือรอยยิ้มที่ส่งให้เธอ ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจไม่เสแสร้ง
“คุณครับ” เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนิ่งไปนาน เขาจึงเอ่ยเรียกขึ้นอีกครั้ง
เมื่อแนนได้สติ หญิงสาวจึงรีบหันสายตาออกจากการจ้องมองชายหนุ่มอย่างรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก สงสัยเธอคงจะเผลอดื่มหนักไปกระมัง จึงทำให้อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย เธอบอกตัวเองแบบนั้น ก่อนที่จะนึกทวนคำพูดของชายหนุ่มที่ได้พูดเอาไว้ตอนที่เดินมาถึงในช่วงแรก
“เชิญตามสบายเลยค่ะ” เธอเอ่ยกับเขา
“ครับ?” เขาทำหน้างงในทีแรก ก่อนจะนึกถึงคำพูดของตัวเองได้ ดังนั้นจึงเอ่ยขอบคุณ และเลือกเอาม้าหินอ่อนทางด้านหนึ่งแล้วทรุดนั่ง
“คุณเป็นลูกสาวของคุณป้าเหรอครับ” ชายหนุ่มเป็นคนเริ่มบทสนทนา
“ถ้าคุณหมายถึงแม่พิมพ์ก็ใช่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ
“ดีจังเลยนะครับที่ปีนี้คุณกลับบ้านมาขึ้นปีใหม่ที่นี่ เพราะป้าพิมพ์บนถึงคุณทุกปีเลย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย รอยยิ้มที่ทำให้เธอมองเพลินตานั้นยังประดับอยู่ที่ริมฝีปากไม่คลาย
“คุณมาที่นี่ทุกปีเลยเหรอคะ” แนนเอ่ยถามเขาอย่างอยากรู้ เธอคิดว่าเขาคงเป็นญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเธอแน่ๆ ทว่าพอสมองนึกคิดได้ว่าเขาอาจเป็นญาติของเธอเอง ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกบางอย่างก็ทำให้เธอเศร้าใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ก็ค่อนข้างบ่อยครับ” ชายหนุ่มพูด เมื่อเห็นเธอรอฟังอย่างเงียบๆ เขาจึงอธิบายต่อ “ผมเป็นลูกชายของเพื่อนคุณลุง...คือผมหมายถึงคุณพ่อผม เป็นเพื่อนของคุณพ่อคุณน่ะครับ ดังนั้นเลยได้มาที่นี่บ่อยพอสมควร”
“อ๋อค่ะ ถึงว่า ทำไมคุณดูเหมือนคุ้นเคยกับที่นี่มาก” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนสาเหตุที่ยิ้มเธอเองก็ไม่แน่ชัด คงจะเป็นเพราะในที่สุดเธอก็มีเพื่อนคุยสักทีละมั้ง
“ฉันแนนค่ะ แล้วคุณชื่ออะไรคะ” หญิงสาวแนะนำตัวพร้อมกับสอบถามชื่อของอีกฝ่าย
“ผมต่อครับ ได้ยินชื่อคุณแนนจากป้าพิมพ์และลุงก้องมานาน ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงสักที ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ต่อพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตาเขาฉายแววความรู้สึกบางอย่างที่แนนเองก็ไม่ทันสังเกต
“คุณแม่เล่าเรื่องของฉันให้คุณฟังบ่อยหรือเปล่าคะ แล้วท่านเอาเรื่องน่าอายอะไรของฉันเล่าให้คุณฟังไปบ้างเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยถามเขายิ้มๆ น้ำเสียงดูเป็นมิตรมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ป้าพิมพ์มีแต่ชมคุณว่าคุณน่ารักอย่างงั้นอย่างงี้ ไม่มีเรื่องอะไรน่าอายหรือไม่ดีเลยครับ” สายตาของเขาจับอยู่ที่ดวงหน้ารูปไข่ของเธอนิ่งนาน “แล้วคุณก็น่ารักจริงๆ” เขาพูดเสียงนุ่มอย่างประหลาด
แนนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ อาการอุ่นวาบในหัวใจ มาพร้อมๆ กับอาการขวยเขินอย่างกะทันหัน ไม่น่าเชื่อว่าแค่สายตาบวกกับคำพูดง่ายๆ ของใครบางคน จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียอาการได้ถึงขนาดนี้
“คุณพูดชมผู้หญิงแบบนี้บ่อยหรือเปล่าคะ” แนนเอ่ยออกไปเสียงเบา เพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขินของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบต่อไป
“เปล่าครับ ผมเอ่ยชมแค่กับคุณคนเดียว” แค่ดูจากสายตาและน้ำเสียงจริงจังนั่น แนนก็รู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้หน้าของเธอคงจะแดงแจ๋ไปหมดแล้วแน่ๆ
“ถ้าคุณไม่หยุดเลิกพูดแบบนี้ ฉันจะกลับเข้าบ้านแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นยืน จะให้ทำไงได้ ขืนอยู่ต่อไปอาการเขินอายของเธอคงจะหนักกว่านี้แน่ คิดแล้วมันน่าอายชะมัด ทำไมวันนี้อารมณ์ของเธอมักอ่อนไหวจนผิดปกติได้แบบนี้กันนะ
“เดี๋ยวสิครับ ผมไม่พูดแล้วก็ได้” เขาพูดพลางใช้มือใหญ่แตะต้นแขนเธอเบาๆ เพื่อรั้งเธอเอาไว้
แนนส่งค้อนให้เขาไปทีหนึ่ง ก่อนที่เธอจะยอมนั่งลงแต่โดยดี ไม่คิดเลยว่าคนที่มีรอยยิ้มจริงใจแบบนั้นจะมากวนใจของเธอได้ขนาดนี้
“โควิดนี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ คุณว่าไหม” ต่อพูดขึ้น ขณะที่ตามสถานที่ต่างๆ เริ่มมีพลุไฟหลากสีถูกปล่อยขึ้นไปลอยอยู่บนท้องฟ้ามืด ทำให้เกิดแสงสีสวยงานกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ทั่วท้องฟ้า เสียงประทัดประกอบกับเสียงชัยโยโห่ร้อง มาพร้อมกับเสียงคำพูดที่ว่า “สวัสดีปีใหม่” จากคนไม่ทราบจำนวนดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ส่งให้บรรยากาศอันชื่นมื่นแผ่กระจายจนใครๆ ก็สัมผัสได้
หญิงสาวมองไฟหลากสีอย่างเพลิดเพลินพลางเอ่ยถาม “ทำไมถึงว่าโควิดดีละคะ ก็ในเมื่อโรคร้ายนี้ทำคนตกงานไปแล้วมากมาย เผลอๆ ฉันเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้”
“ก็เพราะว่าอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้คนเราได้หยุดพัก และมีเวลาให้กับสิ่งต่างๆ รอบตัวเรามากขึ้นยังไงละครับ เราไม่อาจแก้ไขในสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วอย่างโควิดได้ แต่อย่างน้อย เราก็ปรับความคิดของเราเองได้ พยายามมองโลกในแง่บวก สักวันหนึ่ง อะไรๆ ก็คงจะดีขึ้น” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกาย ยิ่งเมื่อมีแสงไฟหลากสีกระทบลงบนรอยยิ้มนั้น มันยิ่งทำให้คนที่แอบมองอยู่มองเพลินจนไม่รู้เบื่อ
“คุณมองโลกในแง่ดีมากเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชมเขาจากใจจริง มีคนไม่มากหรอกที่คิดแบบนี้ได้ ทั้งที่โลกเราประสบปัญหากันขนาดนี้
“มีอีกอย่างนะครับ ที่ผมยังไม่ได้พูด” เขาละสายตาออกจากพลุบนฟ้าลงมาสบเข้ากับดวงตาเธอแน่วนิ่ง
“อะไรคะ” แนนถามเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ก็เพราะโควิด มันถึงทำให้ผมได้พบคุณยังไงละครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ดวงตาถ่ายทอดความรู้สึกในใจออกไปให้เธอรู้อย่างไม่คิดปิดบัง “ผมดีใจจริงๆ นะครับที่ผมได้พบคุณ ตั้งแต่ที่ป้าพิมพ์เล่าทุกเรื่องราวของคุณให้ผมฟัง ตั้งแต่ที่ผมได้มองรูปถ่ายของคุณ ตั้งแต่ที่ผมได้แอบติดตามความเคลื่อนไหวของคุณผ่านโซเชียลของคุณ...ผมก็หลงรักคุณแล้วครับคุณแนน”
ท่ามกลางความสุขในคืนปีใหม่ ท่ามกลางความยินดีของคนมากมาย ท่ามกลางพลุไฟหลากสี ท่ามกลางรอยยิ้มของคนสองคน ท่ามกลางหัวใจสองดวง...หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาว่า “เรื่องความรักคุณต้องให้เวลาฉันอีกหน่อย เพราะความรักที่ดี คือเราจะต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ยังไงก็ตาม...ฉันดีใจที่พบคุณนะคะ”
จบบริบูรณ์
สวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกท่านครับ
ปีใหม่นี้ก็ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขนะครับ ใครที่มีแผนว่าจะเดินทางหรือกำลังเดินทางอยู่ ก็ขอให้เดินทางถึงที่หมายด้วยความปลอดภัยครับ
สุดท้ายนี้ผมขอใช้งานเขียนชิ้นนี้ มอบเป็นของขวัญมีใหม่ให้กับนักอ่านทุกคนครับ หวังว่าคงสร้างรอยยิ้มให้ไม่มากก็น้อยครับผม
เพียงเรียงรัก
- 👁️ ยอดวิว 2689
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น