บทที่ 15 เพื่อนกลุ่มใหม่
หลายสัปดาห์ต่อมา ตอนนี้ทิวาตีตัวออกห่างจากกลุ่มของเพทายแทบจะเรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่พวกเขามาเยี่ยมเธอ วันต่อมาเธอก็เลือกไปเรียนสายขึ้นโดยกะเวลาที่อาจารย์เริ่มสอนแล้วถึงเข้าเรียน เมื่อเข้าเรียนแล้วก็เลือกนั่งที่แถวหลังสุด ซึ่งปกติกลุ่มเพทายจะนั่งแถวหน้า ๆ จึงไม่ได้สังเกตเห็นเธอ เวลาอยู่นอกห้องเรียนถ้าบังเอิญพวกเขาเห็นเธอก็จะรีบหลบหน้าทันที แต่ถ้าจะเจอกันซึ่ง ๆ หน้า ทิวาก็จะหาข้ออ้างร้อยแปดมาปลีกตัวออกมา ส่วนงานกลุ่มวิชาไหนที่ใกล้ส่งไม่สามารถถอนตัวออกมาได้เธอก็จะไม่ไปทำกับพวกเขาเลือกทำออนไลน์แทน คุยกันทางแชทเอา ส่วนวิชาที่งานยังไม่เดินมากก็จะขอถอนตัวออกมา โดยให้เหตุผลว่ามีเพื่อนอยากให้เธอไปอยู่กลุ่มกับพวกเขา เพราะกลุ่มของพวกเขาไม่ค่อยถนัดเกี่ยวกับการทำเล่มรายงานถนัดการนำเสนอมากกว่า ถ้าได้ทิวาไปช่วยจะทำให้งานออกมาดีมากกว่า ทิวาให้เหตุผลกับเพื่อนเธอว่าสงสารพวกเขาเลยจะไปอยู่ด้วยเพื่อช่วย เพราะกลุ่มเราก็มีคนเก่ง ๆ อย่างเพทายอยู่แล้ว ทิวาทำแบบนี้มาตลอด หลายครั้งที่ถูกเพื่อนทวงถามเหตุผลที่เธอทำตัวแปลกออกไปเธอก็จะเลี่ยงที่จะตอบมัน หาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อนหรือหาข้ออ้างต่าง ๆ นานา มาใช้
“นี่พวกมึงจะพรีเซนต์งานแล้ว อีกไม่กี่นาทีแล้วเนี่ยพวกมึงยังจำบทไม่ได้อีกหรอว่ะ” สาวหนึ่งบ่นขึ้นขณะที่กำลังสุมหัวปรึกษา เรื่องการพรีเซนต์งานวันนี้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ กับเพื่อน ๆ กลุ่มของเธอ เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวพรีเซนต์มาเลย
“โอ้ย ก็เมื่อคืนกูเมา ผัวกูทิ้งมึงจะให้กูเอาเวลาไหนไปจำ กูมาพรีเซนต์วันนี้ได้ก็บุญหัวแล้ว” สาวอีกนางหนึ่งก็บ่นขึ้นเหมือนกันตัวเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมา
“โอ้ย แล้วจะทำยังไงละเนี่ยอาจารย์อนงค์เอาเราตายแน่ ถ้าพรีเซนต์ไม่ได้อ่ะ” เธอยกมือขยี้หัวอย่างแรง
“นี่ทิวาเธอเป็นคนทำเล่มทั้งหมดนี้อ่ะ เธอต้องจำได้แน่ว่าควรรายงานยังไงอ่ะ เห็นแกกลุ่มของพวกเรา เธอจะช่วยพรีเซนต์ได้มั้ยอ่ะ” ความจริงพวกเธอตกลงกันว่าให้ทิวาทำเล่มรายงานส่วนพวกเธอจะทำเพาเวอร์พ้อยพรีเซนต์เทชั่นและจะเป็นคนพรีเซนต์เอง แต่เอาเข้าจริง ๆ พอตอนเตรียมพรีเซนต์เทชั่น พวกเธอก็อ้างว่าไม่ได้ทำเล่มเลยไม่รู้ว่าควรเอาเนื้อหาตรงไหนมาใส่บ้าง จึงให้ทิวาเป็นคนคัดเลือกเนื้อหาส่วนสำคัญที่จะเอามาใส่แต่ละสไลด์ แล้วพวกเธอจะเอามาตกแต่งเอง ซึ่งการตกแต่งของพวกเธอนั้น ง่ายมากแค่ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำเร็จรูปจากอินเทอร์เน็ตแล้วเอาเนื้อหาที่ทิวาเตรียมไว้มาใส่
“มึงจะบ้าหรอ แค่นี้ทิวาก็แทบจะทำคนเดียวทั้งโปรเจคแล้วนะ” สาวอีกคนท้วงขึ้น
“แล้วมึงจะเอายังไง มึงพรีเซนต์ได้หรอ”
“กู กู โอ้ย ไม่ได้โว้ย กูก็พึ่งเปิดดูสไลด์เมื่อเช้าเนี่ย จะจำได้ยังไงดูยังไม่ครบทุกสไลด์ด้วยซ้ำ ถึงกูจะเป็นคนตกแต่งสไลด์ก็แค่เอาเนื้อหาที่ทิวาสรุปไว้มาใส่อ่ะ ยังไม่อ่านตัวหนังสือเลยด้วยซ้ำ”
“นี่พวกแกไม่ได้อ่านรูปเล่มกันเลยหรอ เราส่งให้ตั้งแต่สามวันที่แล้วแล้วนะ”
“…” สามคนมองหน้ากันไปมา อย่างรู้สึกผิด
“...พวกเราขอโทษนะทิวา พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่งานนี้มันก็เป็นงานกลุ่มอ่ะ ถ้าพวกเราไม่ได้คะแนนอ่ะ แกก็ไม่ได้เหมือนกันนะ ถือซะว่าช่วยกลุ่มนะทิวา” เมื่อได้ยินอย่างนั้นทิวาแทบอยากจะกรีดร้องออกมา ถ้าจะทำอย่างนี้ให้เธอทำงานกลุ่มคนเดียวยังจะดีเสียกว่า ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าเป็นงานกลุ่ม
“…ก็ได้ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” ทิวากัดฟัน ฝืนใจพูดสุด ๆ ทำไมเธอถึงเลือกมากลุ่มนี้นะ ไม่เอาอีกแล้ว พอกันทีครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อถึงเวลาพรีเซนต์ก็ทิวาก็เป็นคนโซโล่เดี่ยวเองทั้งหมด ดีที่เธอเป็นคนทำเล่มเองทั้งหมดถึงได้เข้าใจเนื้อหาอย่างแจ่มแจ้ง แล้วก็เป็นคนเอาเนื้อหาลงสไลด์พรีเซนต์ด้วย จึงพอรู้ว่าสไลด์ไหนควรพูดยังไง ถึงจะไม่ได้ซ้อมพรีเซนต์มาเลยแต่ก็ยังพออธิบายตามความเข้าใจได้ จนพรีเซนต์จบ
“อื้ม พรีเซนต์ได้ดีนะ เอ่อ ทิวาใช่มั้ย” อาจารย์ก้มมองดูรายชื่อในรายงาน เพื่อความมั่นใจเพราะจำไม่ได้ตอนพวกเธอแนะนำตัวแล้ว
“ค่ะอาจารย์”
“โอเค งั้นอาจารย์ขอถามอะไรหน่อยสิ ...เอ่อ ปาริฉัตรคนไหนคะ”
“หนูค่ะ” ปาริฉัตรยกมือตอบ
“อ่า คุณช่วยอธิบายสรุปการทำความเข้าใจกับความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อหรือที่เรียกว่า Black Box ให้อาจารย์ฟังหน่อยได้มั้ย”
ปาริฉัตรหันมองหน้าเพื่อนเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร “อะ เอ่อ คือ Black Box คือออ…” เธอพูดอ่ำ ๆ อึ้ง ๆ เธอไม่ได้อ่านมาเธอจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ เดี๋ยวก็หันไปหาคนนั้นที เดี๋ยวก็หันไปหาคนนี้ที
“อ่า อธิบายแค่คร่าว ๆ ก็พอนะ ไม่ต้องตื่นเต้น ค่อย ๆ พูด เชิญ” เมื่อเห็นนักศึกษา พูดไม่ออกก็พูดเพื่อช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เผื่อว่านักศึกษาจะตื่นเต้นเกินไป
“อ้อ ค่ะอาจารย์ คือ หนู หนูไม่รู้อ่ะค่ะ” ปาริฉัตรสารภาพตามตรง
“หึ งั้นหรอ โอเคงั้นไม่เป็นไรแล้วที่เหลือล่ะ ช่วยอธิบายให้อาจารย์แล้วก็เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่นี่ให้เข้าใจได้มั้ย” ทุกคนหันไปหาทิวาเป็นตาเดียว ความจริงทิวาก็อยากจะช่วยอธิบายแต่เมื่อกี้เธอก็พรีเซนต์ทั้งหมดไปคนเดียวแล้ว เธอพอจะรู้อยู่ว่าอาจารย์แค่ต้องการทดสอบเพื่อนของเธอ แต่สายตาของพวกเธอทั้งสามคนนี่มันอะไรกัน
“ให้หนูอธิบายได้มั้ยค่ะอาจารย์” ทิวาอาสา เพราะทนสายตาขอร้องอ้อนวอนของสามสาวไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า หนูอีกแล้วหรอ หนูเอาคะแนนไปคนเดียวเลยมั้ยล่ะ เพื่อนหนูไม่ต้องเอาคะแนนเลยดีมั้ย หนูคิดว่าหนูเป็นซูเปอร์วูเมนหรอลูกที่จะทำทุกอย่างได้คนเดียว หนูรู้มั้ยว่างานนี้เป็นงานกลุ่ม” อาจารย์ขึ้นเสียงพูดอย่างมีอารมณ์
“ขอโทษค่ะอาจารย์ หนูทราบค่ะ” ทิวาหลุบตาต่ำ ตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“หนูทราบ! ทราบแล้วทำไมหนูยังทำงานคนเดียวล่ะ” อาจารย์ถามอย่างเลิกคิ้ว
“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากทิวา มีแต่สีหน้าที่กระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกส่งให้
“แล้วพวกเธอล่ะ ที่ตอบไม่ได้เลยนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเพื่อนเลยใช่มั้ย ทำไมถึงปล่อยให้เพื่อนทำงานคนเดียว” เมื่อเห็นว่าทิวาไม่มีคำอธิบายให้ ก็หันไปถามหญิงสาวอีกสามคนที่เหลือ ที่ไม่มีใครตอบคำถามของอาจารย์ได้เลยสักคน ความจริงคำถามนี้มันเป็นหัวข้อหลักของรายงานเล่มนี้อยู่แล้วไม่ว่าจะแบ่งหน้าที่กันทำยังไงก็ควรอธิบายหัวข้อนี้ได้ ถ้าได้ทำจริง ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา บ้างก็สะกิดแขนกัน ไม่มีคำตอบแก่อาจารย์
เมื่อไม่เห็นทีท่าว่าจะมีใครตอบอาจารย์จึงกล่าวขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อพวกเธอไม่มีใครมีคำตอบให้อาจารย์ได้ คราวนี้อาจารย์ก็จะขอบอกพวกเธอไว้ ณ ตรงนี้เลยนะ ...ทิวา คุณเป็นคนดีนะ อาจารย์ชื่นชมที่ไม่ยอมปริปากว่าเพื่อนเลย แต่ความดีของคุณครั้งนี้ คุณคิดว่ามันจะช่วยพวกเขาได้จริง ๆ นะหรือ หรือแค่จำใจทำเพราะอยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว” ทิวาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร “...ส่วนพวกคุณสามคน พวกคุณปล่อยให้เพื่อนทำงานคนเดียวแล้วยังไม่รู้สึกผิด คิดจะให้เพื่อนตอบคำถามให้อีก นิสัยแบบนี้ถ้าพวกคุณยังไม่เลิกละก็ ต่อไปในอนาคต อาจารย์ทำนายได้เลยว่าพวกคุณคงจะไม่มีทางทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้…” อาจารย์พูดเสียงดังด้วยความโกรธ
“……” ทั้งห้องตกอยู่ในความสงบ มีเพียงเสียงแอร์ที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น
เมื่อไม่เห็นว่าใครจะแก้ตัวอะไรอาจารย์จึงพูดต่อ “แต่ครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรกของพวกคุณ แล้วเล่มรายงานก็ทำออกมาได้ดี อาจารย์จะให้คะแนนพวกคุณครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าครั้งต่อไปพวกคุณยังทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ต่อให้ทำงานออกมาดีแค่ไหน แม้แต่คะแนนเดียวก็อย่าหวังจะได้จากอาจารย์! ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” ทั้งหมดคนกล่าวขอบคุณอาจารย์
“ส่วนคุณ ทิวา ถึงแม้ว่างานครั้งนี้คุณจะทำมากที่สุดหรืออาจจะแทบทั้งหมดเลยก็ตาม แต่งานนี้มันเป็นงานกลุ่มถึงยังไงคุณก็ต้องได้คะแนนเท่าเพื่อน แล้วอาจารย์คิดว่าคุณควรที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้ซะ เพราะในวันข้างหน้าถ้าคุณยังเป็นแบบนี้อยู่ คุณจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย ๆ แล้วถ้าครั้งหน้ามีเรื่องแบบนี้อีกก็บอกอาจารย์ได้”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” ทิวากล่าวขอบคุณอาจารย์
“เอาล่ะ เชิญพวกคุณนั่งที่ได้ กลุ่มต่อไปเชิญ”
“หืม อีนังพวกนี้ ฉันอยากจะตบมันจริง ๆ ทำแบบนี้มันโคตรเอาเปรียบกันเลยอ่ะ แล้วดูสิทิวาต้องมาเสียคะแนนเพราะพวกมันอีก งานก็ทำคนเดียว” มินนี่ที่นั่งดูเหตุการณ์หน้าชั้นเรียน อยู่ด้านในฟึดฟัด เมื่อเห็นว่าเพื่อนถูกเอาเปรียบ
“เสียดายทิวาไม่น่าไปอยู่กลุ่มพวกนั้นเลย” วิษณุพูดเสริม
“มันคงจะเข็ดแล้วล่ะ” เพทายพูดบ้าง แต่ก็รู้สึกเห็นใจทิวา
หลังจากเรียนเสร็จทุกคนต่างก็พากันทยอยออกจากเหลือเพียงทิวาที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ตาก็เลื่อนลอย ความคิดหลายสิ่งหลายอย่างตีกันอยู่ในหัวอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
“มึงไม่ไปกินข้าวหรอ” เพทายถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทิวานั่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมลุกไปไหน เขาให้สองคนนั้นไปก่อนเขา ทิวาหันหน้ามาสบตากับเพื่อนหนุ่มด้วยแววว่างเปล่า
“กูกำลังไป” ทิวาลุกขึ้นจะเดินออกไป
“ไปกินด้วยกันสิ” เพทายชักชวน เมื่อเห็นว่าทิวาจะหนีไปอีกแล้ว
“กูต้อง...”
ไม่ฟังทิวาพูดให้จบเพทายก็พูดสวนขึ้น “มึงต้องไปช่วยงานอาจารย์หรือไปทำงานพาร์ไทม์หรือต้องไปเคลียร์งานอะไรให้เสร็จหรอ แค่กินข้าวกับพวกกูแค่นี้มึงยังไม่มีเวลา มึงเป็นอะไรไปทิวา” เพทายถามด้วยความอัดอั้นตันใจ หลายสัปดาห์ที่ทิวาตีตัวออกห่างจากพวกเขาไปโดยไม่มีสาเหตุ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เธอมักจะมีข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองไม่ได้อยู่กับกลุ่มของเขา แต่ข้ออ้างเหล่านั้นมันช่างฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเธอจะไม่ยุ่ง เธอก็ยังมีเวลาให้กับเพื่อนมากกว่านี้
ทิวาเองก็เข้าใจความรู้สึกของเพทายเป็นอย่างดี เขาคงจะอึดอัดกับการทำตัวที่แปลกออกไปนี้ของเธอมาก “...ขอโทษนะ แต่กูไปกับมึงไม่ได้จริง ๆ ” ทิวารีบเดินออกจากห้องไปก่อนที่น้ำตามันจะพรั่งพรูออกมาเธอเองก็ไม่อยากทำตัวแบบนี้เลยสักนิด
“ทำไมว่ะทิวา ทิวา! ” เพทายตะโกนไล่หลังทิวาไป แต่ทิวาไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมาเลย
******************************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 475
แสดงความคิดเห็น