บทที่ 10 นางแบบแต่งหน้าจำเป็น
ทิวาตื่นเช้ามาด้วยอาการปวดท้องประจำเดือน วันนี้คงไปวิ่งไม่ได้แล้ว ปกติทิวาเป็นคนปวดท้องประจำเดือนหนักอยู่แล้วเป็นแต่ละทีแทบไม่อยากจะทำอะไร โดยเฉพาะวันแรกที่จะเป็นหนักสุด แต่เป็นประจำเดือนทีไร แม่จะคอยต้มน้ำร้อนมาประคบให้ตลอดแต่ตอนนี้คงต้องทำเองแล้ว ทิวาจัดการเสียบปลั๊กต้มน้ำร้อน ทิ้งเอาไว้มองไปยังกาต้มน้ำไฟฟ้า ที่พึ่งจัดการเทน้ำลงกาต้มเสียบปลั๊กเสร็จภายในหนึ่งนาที ก็คิดอยู่ในใจตอนที่แม่ต้มให้เธอใช้เวลาตั้งนานกว่าจะติดไฟได้ แล้วต้องนั่งพัดให้ไฟมันร้อนเร็ว ๆ เพราะกลัวลูกสาวรอนาน 'สงสัยต้องซื้อให้แม่สักใบแล้ว' หัวไม่คิดเปล่าลุกขึ้นไปเปิดโน๊ตบุ้คภาคินัยเลือกดูกาน้ำร้อนแล้วสั่งซื้อส่งไปที่บ้าน
“ต้องยี่ห้อนี้สิดีทั้งทนทาน ประหยัดไฟ แถมมีโปรส่งฟรีด้วย ราคาแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร แม่จะได้ใช้ของดี ๆ ” ทิวามักจะเป็นอย่างนี้ประจำเวลามีเรื่องไม่สบายใจหรือคิดถึงแม่ ก็จะซื้อของให้แม่ตลอด แต่เธอก็ไม่เคยรู้ตัวหรอกว่าเป็นอย่างนี้
หลังจากประคบน้ำร้อนเสร็จแล้วทิวาก็เดินทางไปเรียนตามปกติ
“ทิวาาาา มึงมาแล้ววว” หลังจากเดินเข้ามาในห้องเรียนเสียงแปดหลอดของมินนี่ก็ดังขึ้นทันที ยังดีที่อาจารย์ยังไม่เข้า
“วันนี้ลมอะไรถ่อมึงมาแต่เช้า ปกติถ้าอาจารย์ไม่สอนไปครึ่งคาบแล้วคงไม่เห็นหน้ามึง” ทิวาแซวคนที่มาสายประจำแต่วันนี้ดันมาก่อนเธอเป็นไปได้ยังไง
“หืออ ก็ลมแห่งความคิดถึงมึงน่ะสิ” ทิวาทำหน้าสงสัย
“มึงคิดถึงกู? ” ทิวาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วหย่อนตัวลงไปนั่งข้าง ๆ มินนี่
“อืม ก็คิดถึงมึงนั่นแหละ คืองี้ตอนเนี่ยช่องของกูมีคอนเทนต์การแต่งหน้ายังไงให้เป็นธรรมชาติ แล้วทีนี้กูก็คิดถึงหน้ามึงขึ้นมาเลย” มินนี่อธิบายถึงคอนเทนต์ใหม่ในช่องยูทูปของเธอ มินนี่เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ในยูทูปมาสามปีแล้ว เธอทำเป็นงานอดิเรก แค่หาอะไรทำแก้เบื่อจากการถูกครอบครัวบังคับมากเกินไป ถึงจะขัดครอบครัวที่อยากให้เธอเดินสายธุรกิจไม่ได้ เพราะเธอชอบงานสายบันเทิงมากกว่า มีหลายครั้งที่มินนี่แอบไปรับงาน โดยที่ครอบครัวไม่รู้ แต่การเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ครอบครัวของเธอไม่ได้ห้ามเพราะเห็นว่าเป็นเพียงแค่งานอดิเรกจากเวลาว่างเท่านั้น เธอก็ชอบแต่งหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
“ถึงหน้ากูจะเป็นธรรมชาติ แต่กูก็แต่งหน้าไม่เป็นนะ” สำหรับทิวาการทาแป้งฝุ่นกับลิปมันนี่ถือเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการแต่งหน้าแล้ว เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะมัวหมกมุ่นอยู่กับการเรียน จนบางครั้งลืมไปว่าเธอเองก็เป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักสวยรักงามบ้าง
“เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว กูไม่ยอมให้คนแต่งหน้าไม่เป็นอย่างมึงแต่งหน้าเองออกช่องกูหรอก เดี๋ยวคนอันซับหมด” มินนี่รู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นคนที่มีโครงหน้าที่สวย ทิวาเป็นคนตาหวาน มีจมูกทรงหยดน้ำ ปากรูปกระจับ ผิวก็เนียนละเอียดไม่ได้ขาวมากคงเป็นเพราะตากแดดอยู่เป็นประจำ ถ้าแต่งหน้าคงจะสวยน่าดู แต่เสียอย่างเดียวยัยนี่แต่งหน้าไม่เป็น
“มึงก็เลยจะแต่งให้? ”
“อ่ะ แน่นอน”
“ว้าว กูโชคดีได้ช่างแต่งหน้าชื่อดังมาแต่งให้หรอเนี่ย” ทิวาเอามือป้องแก้มสองข้าง แล้วยิ้มตาหยี่ให้เพื่อน
“ใช่แล้ว มึงอ่ะโคตรโชคดีที่ได้ว่าที่บิวตี้บล็อกเกอร์ อันดับหนึ่งของประเทศไทยแต่งหน้าให้” มินนี่ไม่พูดเปล่าสอดมือเข้าไปแทนที่มือทิวาหยิกแก้มสองข้างทิวาโยกไปโยกมา
“วันไหนอ่ะ” ทิวาถาม
“พรุ่งนี้แต่งเสร็จแล้วไปผับต่อเลยเป็นไง”
“ไปผับ …” ทิวาลืมไปเลยว่าเธอรับปากว่าจะไปผับกับเขมันต์ไว้ ให้ตายสิหลังจากเกิดเรื่องนั้นก็ไม่อยากไปเลย หลังจากนั้นอาจารย์ก็เดินเข้าห้องมาสอน
พักเที่ยง
“พวกมึงกูไม่อยากไปผับแล้วว่ะ” อยู่ ๆ ทิวาก็พูดขึ้นตอนกินข้าวเสร็จแล้วหลังจากคิดอยู่นาน
“ทำไมอ่ะ! ” วิษณุโพล่งขึ้น
“คือช่วงนี้กูเป็นเมนส์อ่ะ เลยไม่อยากไป” ทิวาพูดความจริงออกไปไม่หมด
“โถ่ กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไร ก็แค่เมนส์มั้ยอ่ะ มึงใส่ผ้าอนามัยก็ไม่เป็นไรแล้ว” มินนี่พูด
“แต่กูว่าถ้ามึงไม่โอเคจริง ๆ ไว้คราวหลังก็ได้นะ” เพทายเห็นว่าการเป็นประจำเดือนของผู้หญิง มักจะทำให้ไม่สบายตัวเลยไม่อยากให้ทิวาฝืนตัวเองไป
“จะไม่ไปได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อพี่เตรียมของขวัญสุดพิเศษให้กับน้องทิวาแล้ว” เขมันต์ที่เดินเข้ามาหยุดอยู่หัวโต๊ะกินข้าว ในใจก็คิด มันยังคงกล้าหน้าด้านอยู่ในกลุ่มของเพทายจริง ๆ ด้วย สงสัยแค่โดนขังจะเบาเกินไปเสียแล้ว สำหรับคนหน้าหนาอย่างเธอ
“พี่เขม มาแล้วหรอครับ” วันนี้เพทายต้องไปตัดชุดประกวดเดือนมหาวิทยาลัยเลยให้เขมันต์ไปช่วยดู
“ครับ พี่เคลียร์งานเสร็จ พี่ก็รีบมาหาเราเลยนะ” พูดพร้อมขยี้หัวอย่างเอ็นดู นอกจากเรียนแล้วเขมันต์ยังทำงานให้บริษัทของแม่ด้วย ซึ่งวันนี้เขาไม่มีเรียนเลยตั้งใจเคลียร์งานให้เสร็จในช่วงเช้าเพื่อจะได้พาเพทายไปตัดชุด
“ว่ายังไงครับ น้องทิวาจะไม่ไปจริง ๆ หรอ น่าเสียดายแย่เลยนะ พี่อุตส่าห์เตรียมของขวัญสุดพิเศษในฐานะน้องใหม่ของสายรหัสไว้ให้เรา พี่รับรองว่าเราต้องชอบแน่ ๆ ” เขมันต์ตีหน้าซื่อพูด ไม่ลืมย้ำคำว่า 'ของขวัญสุดพิเศษ' ทิวาคิดว่าเขาช่างเล่นละครเก่งจริง ๆ ถ้าไปเป็นนักแสดงคงจะรุ้ง ยังคงไม่ตอบคำถามของเขา นั่งเขี่ยพริกที่เหลือในชามข้าวเล่น
“อ้าวไอ้ทิวามึงไม่ได้ยินพี่เขมถามเหรอ” เมื่อเห็นทิวายังคงเขี่ยพริกเล่นอยู่มินนี่ก็ร้องเตือน
“...ใช่” ทิวาหันไปตอบสั้น ๆ กับเขมันต์
“หึ ไม่รู้ว่าเหตุผลจริง ๆ ที่เราไม่ยอมไปเพราะเรื่องที่เราคุยกันเมื่อวานรึเปล่า” ทำเอาทิวาชะงักมือที่กลับไปเขี่ยพริกต่อ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเรื่องเมื่อวาน
“ทิวายังโกรธพี่อยู่หรอ” เขมันต์พูดต่อ
“เอ่อ มีเรื่องอะไรกันหรอคะ” มินนี่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ก็น้องทิวาคิดว่าพี่เอาโทรศัพท์ของน้องทิวาไปน่ะสิครับ” เขมันต์อธิบายทุกคนหันหน้าไปมองมิวาเพื่อหาคำตอบ
“แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะ” จะให้ทิวาบอกว่าเขาโกหกตอนนี้ก็คงไม่มีใครเชื่อเธอ เพราะเธอไม่มีหลักฐานอะไรเลย จะหาว่าเธอบ้าซะด้วยซ้ำที่ไปใส่ร้ายคนรวยอย่างเขา มันไม่มีเหตุผลอะไรที่น่าจะฟังขึ้นเลยว่าเขาจะเอาโทรศัพท์ของเธอไป
“เออ ก็ว่าอยู่พี่เขมจะเอาโทรศัพท์มึงไปทำไม” มินนี่พูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไป เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้โกรธพี่แล้ว”
“ก็ถ้าพี่เขมอยากให้วาไปขนาดนั้น วาจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงกันละคะ” ทิวากระแทกช้อนลงจานข้าวฝืนใจพูด ไปก็ไปสิเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาไม้ไหน ยังไงก็หนีไปตลอดไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเขาจะตามรังควานเธอขนาดนี้เธอก็พร้อมจะสู้ทุกรูปแบบ
หลังจากนั้นก็คุยกันอีกนิดหน่อย แล้วเพทายก็ไปตัดชุดกับเขมันต์ ส่วนที่เหลือก็แยกย้ายกันกลับ
*************************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 523
แสดงความคิดเห็น